ระยะนี้เว็บบล็อกของลุงแมวน้ำกลับมาเต็มไปด้วยภาพกบแช่แข็งอีกแล้วหลังจากที่มีปัญหาแล้วกลับมาดูได้ตามปกติอยู่สองสามวัน ปัญหานี้เกิดกับผู้ที่ทำเว็บทั่วโลกที่อาศัยโฮสต์ฝากภาพฟรี imageshak.us และที่แย่ก็คืออาการสามวันดีสี่วันไข้นี้ทาง imageshak เล่นบทพระเตมีย์คือเฉยอย่างเดียว ไม่มีการชี้แจงใดๆทั้งสิ้นว่าเกิดอะไรขึ้นและเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงตัดสินใจย้ายโฮสต์ที่ฝากภาพโดยจะทยอยปรับปรุงภาพในบทความเก่าๆเพื่อให้ดูภาพได้ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงข้อมูลประจำวัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการอ่านบทความเก่าๆหากเจอภาพกบแช่แข็งก็ขอให้อดใจรอสักระยะหนึ่ง ลุงแมวน้ำกำลังทยอยแก้ไขปัญหาอยู่ คิดถึงงานที่ต้องทำแล้วก็เหนื่อยใจเหมือนกัน แต่มีปัญหาก็ต้องค่อยๆแก้กันไป หวังว่าคงไม่ว่ากันเรื่องความล่าช้า ลุงแมวน้ำมีแค่สองครีบ ทำอะไรช้าอยู่แล้ว
ส่วนตารางสรุปสัญญาณซื้อขายรายวันที่เป็นของอดีตนั้นจนใจเพราะลุงแมวน้ำทำมาเกือบสองปี รวมแล้วกว่า 500 ภาพ คงตามไปปรับปรุงไม่ไหว อีกประการตารางข้อมูลเหล่านี้เมื่อเลยเวลาไปแล้วก็ไม่ค่อยมีประโยชน์นัก ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงคิดว่าจะไม่ปรับปรุงตารางรายวันเก่า ปล่อยให้เป็นภาพกบแช่แข็งต่อไป
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 987.91 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BEC, TMB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 22 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายยางพารา ทั้งยางตลาด AFET ของไทย (RSS3) และยางตลาดโตคอมของญี่ปุ่น (TOCOM rubber)
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ปิดเขียวแม้จะรู้ว่าข่าวผู้นำของลิเบียกัดดาฟีเสียชีวิตเป็นข่าวลือ ดัชนีตลาดของประเทศกรีซเกิดสัญญาณขาย ดัชนีตลาดในกลุ่มนอร์ดิกหรือว่ายุโรปเหนือเกิดสัญญาณซื้อ
ในที่สุดยางพาราก็เกิดสัญญาณขายหลังจากที่ขึ้นอย่างดุเดือดมาเป็นเวลานานหลายเดือน ทั้งยางตลาด AFET และตลาดโตคอมจะมีรูปแบบกราฟคล้ายคลึงกัน ดังนี้
ลักษณะของคลื่นนับได้ค่อนข้างชัด ยิ่งเมื่อมองจากกราฟรายสัปดาห์ (weekly chart) จะยิ่งเห็นชัดว่าคลื่นย่อยครบ 5 ลูกแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะจบคลื่น 5 (สีน้ำตาล) แล้ว และขณะนี้กำลังเข้าสู่คลื่นขาลง a-b-c
นักวิเคราะห์และนักลงทุนหลายคนประเมินว่ายางแค่ปรับตัวลงและจะเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆและจะสูงต่อไป รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นๆก็มีแนวโน้มขึ้นต่อ ปกติยางพาราปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรอื่นๆ แต่สำหรับกรณีนี้ลุงแมวน้ำอยากเตือนให้ระวังเพราะรูปแบบทางเทคนิคของตัวยางพาราเองนั้นสำคัญกว่าปัจจัยประกอบของสินค้าอื่นๆ
ที่เตือนให้ระวังก็เนื่องจากว่ายางพาราเป็นสินค้าที่แกว่งตัวแรง รวมทั้งหากขณะนี้เราอยู่ในคลื่น a จริง นั่นหมายความว่ากว่าจะจบคลื่น c ราคายางพาราอาจลงไปถึงระดับ 100 บาท/กก. ได้ ตามระดับของ fibonacci ดังนั้นต้องเทรดด้วยความระมัดระวังอย่าฝืนตลาด
มาดูราคาน้ำมันดิบกันบ้าง
จากกราฟจะเห็นว่าขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่น 5 หรือไม่อย่างนั้นก็อยู่ในคลื่น B ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคลื่น 5 หรือ B ก็ยังน่าจะขึ้นต่อได้อีก
ความแตกต่างของคลื่น 5 กับคลื่น B ก็คือ หากเป็นคลื่น 5 ราคาน้ำมันจะไปเกินยอดคลื่นเดิมหรือว่าเกิน 145 ดอลลาร์/บาเรลล์ (ราคาโดยประมาณ) หากเป็นคลื่น B ราคาจะไปไม่ถึงยอดคลื่นเดิม อาจไปได้เพียง 104-122 ดอลลาร์/บาเรลล์) ซึ่งขณะนี้จะเป็น 5 หรือ B ยังตอบได้ไม่ชัด จึงยังไม่รู้ว่าจะขึ้นไปได้อีกมากน้อยเพียงใด ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท รักษาวินัยในการลงทุนโดยเคร่งครัด
มาดูกราฟของดัชนี SET กันอีกครั้งหนึ่ง SETI ขณะนี้เท่าที่ดูจากกราฟก็ยังเป็นคลื่น A อยู่ แม้จะรีบาวด์แรงแต่ความเห็นเชิงเทคนิคของลุงแมวน้ำก็ยังไม่เปลี่ยน
Monday, February 28, 2011
27/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (8)
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 985.91 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย RATCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 20 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ปิดเขียวเนื่องจากมีข่าวลือว่ากัดดาฟีผู้นำแห่งลิเบียเสียชีวิตแล้ว ซึ่งหมายความว่าสถานการณ์ความไม่สงบน่าจะยุติลงได้ เรียกได้ว่าลือกันไปทั้งโลก แต่ข่าวนี้ยังไม่มีการยืนยัน
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity index, DJUBS) กลับมาเกิดสัญญาณซื้ออีกครั้งหนึ่ง
ช่วงนี้โลกค่อนข้างวุ่นวาย ปัจจัยทางจิตวิทยานับวันจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการกระจายของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วมากและมีผลต่อชนหมู่มากในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดกระแสหรืออารมณ์ร่วมได้ค่อนข้างรุนแรง อารมณ์ในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน นอกจากเรื่องอารมณ์นักลงทุนแล้วกระแสเงินทุนยังมีจำนวนมหาศาลที่เคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย หลายคนพูดกันว่าทำให้ตลาดหุ่นทั่วโลกมีแนวโน้มแกว่งตัวแรงขึ้นด้วย แต่เรื่องนี้ลุงแมวน้ำยังไม่แน่ใจนัก หากมีเวลาอาจลองทำสถิติออกมาดูกัน
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (8)
บทความชุด มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 นี้ลุงแมวน้ำนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องบ้าง ไม่ต่อเนื่องบ้าง ผ่านมาได้ 7 ตอนแล้ว ที่ผ่านมาเป็นการมองในภาพรวมของตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างๆ ในตอนนี้และตอนต่อไปเราจะมาดูกันว่ามีตลาดหุ้นของประเทศใดที่น่าลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้นปัจจุบันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว นักลงทุนสามารถเทรดหุ้นต่างประเทศได้เอง หรือหากชอบความสะดวกสบายก็ลงทุนผ่านกองทุนรวมของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง หรือที่เรียกว่า foreign invesment fund (FIF) ก็ได้ ปัจจุบันนี้มีกองทุน FIF ของไทยอยู่หลายกองทุนทีเดียว สามารถหาข้อมูลข่าวสารได้จาก บลจ. ที่ออกกองทุนนั้นๆหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ และในอนาคตก็จะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก
ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนในมุมมองของลุงแมวน้ำ
ตลาดหุ้นที่น่าสนใจในความเห็นของลุงแมวน้ำมีดังนี้
กลุ่มที่ 1 น่าสนใจ ความเสี่ยงปานกลาง
เรามาดูตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าลงทุนในกลุ่มแรกกันก่อน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในแง่เทคนิค ไม่ใช่ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ความน่าสนใจที่ลุงแมวน้ำพิจารณาก็คือ
เราลองมาดูกันทีละประเทศ
ญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจติดหล่มมานานถึงกว่า 20 ปี ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะอยู่มากทีเดียว อีกทั้งยังเป็นสังคมสูงอายุซึ่งนับวันปัญหาจะพอกพูนมากยิ่งขึ้น คนแก่อายุยืน หนุ่มสาวมีอัตราเกิดลดลง หากมองในแง่เศรษฐกิจ สังคมผู้สูงอายุจะมีผลิตภาพลดลงเพราะคนในวัยพึ่งพิงสูงขึ้น คนหนุ่มสาวบางส่วนทำงานไม่ได้เนื่องจากต้องดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงทำได้ไม่ดี รวมทั้งเมื่อไม่นานมานี้สถาบันจัดอันดับเครดิต S&P ได้ลดอันดับเครดิตของประเทศญี่ปุ่นลง หากมองในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ลองมาดูภาพกราฟดัชนีนิกเกอิ (Nikkei, N225) ดังต่อไปนี้
ในทางเทคนิคมีสัญญาณกลับทิศในระดับคลื่นใหญ่ ทิศทางของดัชนีน่าจะเข้าสู่คลื่นขาขึ้นแล้ว อยากให้ลองนึกเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยหลังจากช่วงต้มยำกุ้ง ในช่วงปี พ.ศ. 2544 นักลงทุนรายย่อยแทบไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นไทยเนื่องจากคิดว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเพราะยังไม่เห็นสัญญาณดีอะไรเลย
ญี่ปุ่นก็เช่นกัน ตอนนี้เราอาจมองว่ายังไม่เห็นสัญญาณอะไร แต่เท่าที่ลุงแมวน้ำทราบ ราคาอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นดีขึ้นมาได้ราวสองปีแล้วเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไปกว้านซื้อของถูก รวมทั้งปัจจุบันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากประเทศญี่ปุ่นเป็นหุ้นตัวหนึ่งก็ลองมองไว้ว่าอาจเข้าข่ายหุ้น turn around หรือไม่
เท่าที่ทราบมา ปัจจุบันกองทุนรวมของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศโดยทั่วไปมักจัดส่วนผสมการลงทุนโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นด้วยคิดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังติดหล่ม หากลงทุนก็ฉุด NAV เปล่าๆ แต่ว่ามีอย่างน้อยหนึ่งกองทุนที่ลงทุนในตลาดญี่ปุ่นทั้งกอง และมีบางกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นบางส่วน ขอให้ลองติดตามต่อไป ลุงแมวน้ำคาดว่าต่อไปน่าจะมีกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นทั้งหมดหรือบางส่วนมาให้ลงทุนกันเพิ่มมากขึ้นอีก
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ภาพดัชนีออลออร์ดิแนรีส์ (All Ordinaries Index, AORD) ของตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
ภาพดัชนี NZX 50 (New Zealand Exchange 50 Index) ของตลาดหลักทรัพย์นิวซีแลนด์
ตลาดหุ้นออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์นั้นมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน นั่นคือ รูปทรงพื้นฐานชัดเจน นับง่าย ไม่ชันมาก อันแสดงถึงพัฒนาการของตลาดที่ค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งออสเตรเลียเองนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีระบบบริหารจัดการที่ดี จึงทำให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน ปัจจุบันน่าจะอยู่ในต้นคลื่น 5 และต้นคลื่นย่อย 3 (สีน้ำตาล) ต่อจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นตลาดหุ้นออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานเพราะอยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำตาล)
โปรดติดตามในวันต่อไป
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย RATCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 20 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ปิดเขียวเนื่องจากมีข่าวลือว่ากัดดาฟีผู้นำแห่งลิเบียเสียชีวิตแล้ว ซึ่งหมายความว่าสถานการณ์ความไม่สงบน่าจะยุติลงได้ เรียกได้ว่าลือกันไปทั้งโลก แต่ข่าวนี้ยังไม่มีการยืนยัน
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity index, DJUBS) กลับมาเกิดสัญญาณซื้ออีกครั้งหนึ่ง
ช่วงนี้โลกค่อนข้างวุ่นวาย ปัจจัยทางจิตวิทยานับวันจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการกระจายของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วมากและมีผลต่อชนหมู่มากในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดกระแสหรืออารมณ์ร่วมได้ค่อนข้างรุนแรง อารมณ์ในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน นอกจากเรื่องอารมณ์นักลงทุนแล้วกระแสเงินทุนยังมีจำนวนมหาศาลที่เคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย หลายคนพูดกันว่าทำให้ตลาดหุ่นทั่วโลกมีแนวโน้มแกว่งตัวแรงขึ้นด้วย แต่เรื่องนี้ลุงแมวน้ำยังไม่แน่ใจนัก หากมีเวลาอาจลองทำสถิติออกมาดูกัน
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (8)
บทความชุด มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 นี้ลุงแมวน้ำนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องบ้าง ไม่ต่อเนื่องบ้าง ผ่านมาได้ 7 ตอนแล้ว ที่ผ่านมาเป็นการมองในภาพรวมของตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างๆ ในตอนนี้และตอนต่อไปเราจะมาดูกันว่ามีตลาดหุ้นของประเทศใดที่น่าลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้นปัจจุบันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว นักลงทุนสามารถเทรดหุ้นต่างประเทศได้เอง หรือหากชอบความสะดวกสบายก็ลงทุนผ่านกองทุนรวมของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง หรือที่เรียกว่า foreign invesment fund (FIF) ก็ได้ ปัจจุบันนี้มีกองทุน FIF ของไทยอยู่หลายกองทุนทีเดียว สามารถหาข้อมูลข่าวสารได้จาก บลจ. ที่ออกกองทุนนั้นๆหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ และในอนาคตก็จะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก
ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนในมุมมองของลุงแมวน้ำ
ตลาดหุ้นที่น่าสนใจในความเห็นของลุงแมวน้ำมีดังนี้
กลุ่มที่ 1 น่าสนใจ ความเสี่ยงปานกลาง
เรามาดูตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าลงทุนในกลุ่มแรกกันก่อน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในแง่เทคนิค ไม่ใช่ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ความน่าสนใจที่ลุงแมวน้ำพิจารณาก็คือ
- มีรูปแบบคลื่นพื้นฐาน (1-2-3-4-5-a-b-c) นับคลื่นได้ง่าย อันแสดงถึงความมั่นคงเชิงปัจจัยเทคนิคของตลาดนั้นๆ การอ่านคลื่นได้ชัดเจนทำให้ลดความเสีย่งในการลงทุนลงได้บ้าง
- ปัจจุบันกำลังอยู่ต้นคลื่น คำว่าต้นคลื่นนี้หมายถึงอยู่ในคลื่น 1-2 หรือ ต้นคลื่น 3
เราลองมาดูกันทีละประเทศ
ญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจติดหล่มมานานถึงกว่า 20 ปี ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะอยู่มากทีเดียว อีกทั้งยังเป็นสังคมสูงอายุซึ่งนับวันปัญหาจะพอกพูนมากยิ่งขึ้น คนแก่อายุยืน หนุ่มสาวมีอัตราเกิดลดลง หากมองในแง่เศรษฐกิจ สังคมผู้สูงอายุจะมีผลิตภาพลดลงเพราะคนในวัยพึ่งพิงสูงขึ้น คนหนุ่มสาวบางส่วนทำงานไม่ได้เนื่องจากต้องดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงทำได้ไม่ดี รวมทั้งเมื่อไม่นานมานี้สถาบันจัดอันดับเครดิต S&P ได้ลดอันดับเครดิตของประเทศญี่ปุ่นลง หากมองในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ลองมาดูภาพกราฟดัชนีนิกเกอิ (Nikkei, N225) ดังต่อไปนี้
ในทางเทคนิคมีสัญญาณกลับทิศในระดับคลื่นใหญ่ ทิศทางของดัชนีน่าจะเข้าสู่คลื่นขาขึ้นแล้ว อยากให้ลองนึกเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยหลังจากช่วงต้มยำกุ้ง ในช่วงปี พ.ศ. 2544 นักลงทุนรายย่อยแทบไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นไทยเนื่องจากคิดว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเพราะยังไม่เห็นสัญญาณดีอะไรเลย
ญี่ปุ่นก็เช่นกัน ตอนนี้เราอาจมองว่ายังไม่เห็นสัญญาณอะไร แต่เท่าที่ลุงแมวน้ำทราบ ราคาอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นดีขึ้นมาได้ราวสองปีแล้วเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไปกว้านซื้อของถูก รวมทั้งปัจจุบันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากประเทศญี่ปุ่นเป็นหุ้นตัวหนึ่งก็ลองมองไว้ว่าอาจเข้าข่ายหุ้น turn around หรือไม่
เท่าที่ทราบมา ปัจจุบันกองทุนรวมของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศโดยทั่วไปมักจัดส่วนผสมการลงทุนโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นด้วยคิดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังติดหล่ม หากลงทุนก็ฉุด NAV เปล่าๆ แต่ว่ามีอย่างน้อยหนึ่งกองทุนที่ลงทุนในตลาดญี่ปุ่นทั้งกอง และมีบางกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นบางส่วน ขอให้ลองติดตามต่อไป ลุงแมวน้ำคาดว่าต่อไปน่าจะมีกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นทั้งหมดหรือบางส่วนมาให้ลงทุนกันเพิ่มมากขึ้นอีก
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ภาพดัชนีออลออร์ดิแนรีส์ (All Ordinaries Index, AORD) ของตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
ภาพดัชนี NZX 50 (New Zealand Exchange 50 Index) ของตลาดหลักทรัพย์นิวซีแลนด์
ตลาดหุ้นออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์นั้นมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน นั่นคือ รูปทรงพื้นฐานชัดเจน นับง่าย ไม่ชันมาก อันแสดงถึงพัฒนาการของตลาดที่ค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งออสเตรเลียเองนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีระบบบริหารจัดการที่ดี จึงทำให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน ปัจจุบันน่าจะอยู่ในต้นคลื่น 5 และต้นคลื่นย่อย 3 (สีน้ำตาล) ต่อจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นตลาดหุ้นออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานเพราะอยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำตาล)
โปรดติดตามในวันต่อไป
Saturday, February 26, 2011
24/02/2011 * SET, RSS3, Tocom rubber, GC, CL
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 977.22 จุด ลดลง 13.69 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย DTAC, GLOW ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 21 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของ PTT เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ยังปิดแดงอยู่เนื่องจากกังวลต่อปัญหาความไม่สงบในลิเบีย เมื่อวานปรับตัวขึ้นมาบ้างแต่วันนี้กลับร่วงลงไปอีกเนื่องจากสถานการณ์ในลิเบียมีแนวโน้มแย่ลง
ความวุ่นวายในลิเบียซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มโอเปกผู้ส่งออกน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ดังภาพต่อไปนี้ซึ่งเป็นกราฟราคาน้ำมันดิบตลาดไนเมกซ์ (NYMEX)
ราคาน้ำมันดิบ (CL) ทะลุกรอบ standard error channel (SEC) ไปแล้วหลังจากที่แกว่งตัวอยู่ในกรอบมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี แม้ในทางปัจจัยพื้นฐานจะมองว่าหากเหตุการณ์ความวุ่นวายในโลกอาหรับสงบลงราคาน้ำมันจะกลับมาอยู่ใกล้เคียงราคาเดิม คือ ประมาณ 85 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ซึ่งเป็นราคาที่ทางกลุ่มโอเปกพอใจ แต่ในทางเทคนิคเมื่อมีการทะลุกรอบเช่นนี้คาดว่าต่อไปราคาน้ำมันคงเปลี่ยนไปเทรดกันในกรอบ SEC ใหม่ที่มีฐานราคาสูงขึ้นกว่าเดิม อาจเป็น 90 ดอลลาร์/บาเรลขึ้นไป
มาดูทองคำกันบ้าง ราคาทองคำ (GC) ก็พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วงนี้อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ในลิเบียเช่นกัน ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพ ลุงแมวน้ำเคยประเมินเอาไว้ว่าน่าจะจบคลื่น 5 (สีน้ำตาล) ไปแล้วที่ราคา 1,422.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และขณะนี้ราคาทองคำกำลังอยู่ในคลื่น A ความเห็นนี้ยังไม่เปลี่ยนตราบใดที่ราคายังไม่พุ่งทะลุยอดคลื่นเดิม (ที่ 1,422.90) เอาไว้เมื่อไรที่ผ่านยอดคลื่นเดิมนี้ไปได้จึงค่อยมาประเมินกันใหม่
ทางด้านยางพารา ช่วงนี้ราคายางพาราร่วงแรง ราคายางไทย (RSS3) ติดพื้น (ราคาฟลอร์) มา 3 วันแล้ว นักลงทุนโดนขังไม่สามารถปิดสัญญาซื้อได้เนื่องจากไม่มีใครกล้าตั้งบิดรับ สาเหตุที่ราคายางไทยร่วงแรงก็เนื่องจากราคายางของตลาดญีปุ่น (Tocom rubber) ร่วงลงมาแรง อันเป็นผลมาจากราคายางในตลาดจีนร่วงลงมาแรงอีกทอดหนึ่ง พูดง่ายๆคือสาเหตุเกิดจากจีนนี่เอง ลองมาดูกราราคาทั้งยางพาราตลาดไทยและยางพาราตลาดญี่ปุ่นกัน
ลุงแมวน้ำเคยประเมินว่าคลื่น 5 (สีน้ำตาล) นี้น่าจะจบแถวๆ 200-220 บาทเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ขอติดตามดูอีกหลายๆวันเพื่อประเมินสัญญาณกลับทิศแนวโน้มให้ชัดเจน หากสัญญาณกลับทิศเกิดขึ้นหลายๆประการก็คงต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง
และมาดูกราฟภาพสุดท้ายของวันนี้ นั่นคือกราฟของดัชนี SET ดังต่อไปนี้
ช่วงนี้มีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนี จนดูเหมือนกับว่าตลาดหุ้นไทยจะเดินหน้าไปต่อได้ ประกอบกับต่างชาติซื้อสุทธิแม้ในวันตลาดแดง ค่าเงินบาทก็ไม่อ่อนลงอันแสดงว่าเงินต่างชาติยังไม่ได้ไหลออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ในทางเทคนิคลุงแมวน้ำเคยประเมินว่าได้จบคลื่น 5 (สีน้ำตาล) ไปแล้ว ในตอนนี้ความเห็นก็ยังไม่เปลี่ยน ตลาดหุ้นไทยคงต้องปรับลงไประยะหนึ่งเสียก่อนซึ่งคงนานนับเดือนเพื่อให้จบคลื่น a-b-c
สองสามวันมานี้มีปัญหาใหม่เกิดขึ้น ทำให้การโพสต์รายวันของลุงแมวน้ำต้องสะดุดไปอีก หลายคนอาจสังเกตเห็นว่าเมื่อวันสองวันมานี้ภาพตารางและกราฟต่างๆในเว็บบล็อกกลายเป็นภาพกบแช่แข็งไปหมด พร้อมกับมีข้อความทำนองว่า unregistered domain
ปัญหานี้เกิดเนื่องจากภาพต่างๆที่ลุงแมวน้ำโพสต์ในบล็อกนี้ลุงแมวน้ำฝากไว้ที่โฮสต์ imageshack.us ซึ่งเป็นโฮสต์ที่ให้บริการฝากภาพได้ฟรี แต่เดิมมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่มาสองสามวันนี้ทาง imageshack เกิดเปลี่ยนนโยบาย บังคับให้ผู้ใช้ทุกคนต้องไปลงทะเบียนโดเมนกับทาง imageshack หากใครไม่ลงทะเบียนภาพที่ฝากไว้ที่โฮสต์และนำไปสร้างลิงก์ตามเว็บต่างๆก็จะกลายเป็นภาพกบแช่แข็งไป การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการกระทำแบบปุบปับ ไม่มีการบอกกล่าวแก่ผู้ใช้ล่วงหน้า ดังนั้นโฮสต์กบแช่แข็งนี้จึงโดนผู้ใช้รุมประณามกันยกใหญ่ ผลก็คือ ภายในเวลาไม่นาน ทุกอย่างก็กลับคืนมาเป็นอย่างเดิมจนเกือบปกติ คือรูปกบหายไป รูปภาพที่แท้จริงกลับคืนมา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลุงแมวน้ำชักไม่ค่อยแน่ใจในความเสมอต้นเสมอปลายของโฮสต์นี้เสียแล้ว ดังนั้นจึงรีรอดูอยู่และพยายามหาที่ฝากรูปภาพแห่งใหม่ เพราะหาก imageshack กลับลำอีก เว็บบล็อกของลุงแมวน้ำคงเต็มไปด้วยภาพกบแช่แข็ง อ่านกันไม่รู้เรื่องเป็นแน่ ดังนั้นการอัปเดตเว็บบล็อกในช่วงนี้จึงอาจจะยังขลุกขลักต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ลุงแมวน้ำจะพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย DTAC, GLOW ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 21 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของ PTT เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ยังปิดแดงอยู่เนื่องจากกังวลต่อปัญหาความไม่สงบในลิเบีย เมื่อวานปรับตัวขึ้นมาบ้างแต่วันนี้กลับร่วงลงไปอีกเนื่องจากสถานการณ์ในลิเบียมีแนวโน้มแย่ลง
ความวุ่นวายในลิเบียซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มโอเปกผู้ส่งออกน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ดังภาพต่อไปนี้ซึ่งเป็นกราฟราคาน้ำมันดิบตลาดไนเมกซ์ (NYMEX)
ราคาน้ำมันดิบ (CL) ทะลุกรอบ standard error channel (SEC) ไปแล้วหลังจากที่แกว่งตัวอยู่ในกรอบมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี แม้ในทางปัจจัยพื้นฐานจะมองว่าหากเหตุการณ์ความวุ่นวายในโลกอาหรับสงบลงราคาน้ำมันจะกลับมาอยู่ใกล้เคียงราคาเดิม คือ ประมาณ 85 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ซึ่งเป็นราคาที่ทางกลุ่มโอเปกพอใจ แต่ในทางเทคนิคเมื่อมีการทะลุกรอบเช่นนี้คาดว่าต่อไปราคาน้ำมันคงเปลี่ยนไปเทรดกันในกรอบ SEC ใหม่ที่มีฐานราคาสูงขึ้นกว่าเดิม อาจเป็น 90 ดอลลาร์/บาเรลขึ้นไป
มาดูทองคำกันบ้าง ราคาทองคำ (GC) ก็พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วงนี้อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ในลิเบียเช่นกัน ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพ ลุงแมวน้ำเคยประเมินเอาไว้ว่าน่าจะจบคลื่น 5 (สีน้ำตาล) ไปแล้วที่ราคา 1,422.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และขณะนี้ราคาทองคำกำลังอยู่ในคลื่น A ความเห็นนี้ยังไม่เปลี่ยนตราบใดที่ราคายังไม่พุ่งทะลุยอดคลื่นเดิม (ที่ 1,422.90) เอาไว้เมื่อไรที่ผ่านยอดคลื่นเดิมนี้ไปได้จึงค่อยมาประเมินกันใหม่
ทางด้านยางพารา ช่วงนี้ราคายางพาราร่วงแรง ราคายางไทย (RSS3) ติดพื้น (ราคาฟลอร์) มา 3 วันแล้ว นักลงทุนโดนขังไม่สามารถปิดสัญญาซื้อได้เนื่องจากไม่มีใครกล้าตั้งบิดรับ สาเหตุที่ราคายางไทยร่วงแรงก็เนื่องจากราคายางของตลาดญีปุ่น (Tocom rubber) ร่วงลงมาแรง อันเป็นผลมาจากราคายางในตลาดจีนร่วงลงมาแรงอีกทอดหนึ่ง พูดง่ายๆคือสาเหตุเกิดจากจีนนี่เอง ลองมาดูกราราคาทั้งยางพาราตลาดไทยและยางพาราตลาดญี่ปุ่นกัน
ลุงแมวน้ำเคยประเมินว่าคลื่น 5 (สีน้ำตาล) นี้น่าจะจบแถวๆ 200-220 บาทเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ขอติดตามดูอีกหลายๆวันเพื่อประเมินสัญญาณกลับทิศแนวโน้มให้ชัดเจน หากสัญญาณกลับทิศเกิดขึ้นหลายๆประการก็คงต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง
และมาดูกราฟภาพสุดท้ายของวันนี้ นั่นคือกราฟของดัชนี SET ดังต่อไปนี้
ช่วงนี้มีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนี จนดูเหมือนกับว่าตลาดหุ้นไทยจะเดินหน้าไปต่อได้ ประกอบกับต่างชาติซื้อสุทธิแม้ในวันตลาดแดง ค่าเงินบาทก็ไม่อ่อนลงอันแสดงว่าเงินต่างชาติยังไม่ได้ไหลออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ในทางเทคนิคลุงแมวน้ำเคยประเมินว่าได้จบคลื่น 5 (สีน้ำตาล) ไปแล้ว ในตอนนี้ความเห็นก็ยังไม่เปลี่ยน ตลาดหุ้นไทยคงต้องปรับลงไประยะหนึ่งเสียก่อนซึ่งคงนานนับเดือนเพื่อให้จบคลื่น a-b-c
สองสามวันมานี้มีปัญหาใหม่เกิดขึ้น ทำให้การโพสต์รายวันของลุงแมวน้ำต้องสะดุดไปอีก หลายคนอาจสังเกตเห็นว่าเมื่อวันสองวันมานี้ภาพตารางและกราฟต่างๆในเว็บบล็อกกลายเป็นภาพกบแช่แข็งไปหมด พร้อมกับมีข้อความทำนองว่า unregistered domain
ปัญหานี้เกิดเนื่องจากภาพต่างๆที่ลุงแมวน้ำโพสต์ในบล็อกนี้ลุงแมวน้ำฝากไว้ที่โฮสต์ imageshack.us ซึ่งเป็นโฮสต์ที่ให้บริการฝากภาพได้ฟรี แต่เดิมมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่มาสองสามวันนี้ทาง imageshack เกิดเปลี่ยนนโยบาย บังคับให้ผู้ใช้ทุกคนต้องไปลงทะเบียนโดเมนกับทาง imageshack หากใครไม่ลงทะเบียนภาพที่ฝากไว้ที่โฮสต์และนำไปสร้างลิงก์ตามเว็บต่างๆก็จะกลายเป็นภาพกบแช่แข็งไป การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการกระทำแบบปุบปับ ไม่มีการบอกกล่าวแก่ผู้ใช้ล่วงหน้า ดังนั้นโฮสต์กบแช่แข็งนี้จึงโดนผู้ใช้รุมประณามกันยกใหญ่ ผลก็คือ ภายในเวลาไม่นาน ทุกอย่างก็กลับคืนมาเป็นอย่างเดิมจนเกือบปกติ คือรูปกบหายไป รูปภาพที่แท้จริงกลับคืนมา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลุงแมวน้ำชักไม่ค่อยแน่ใจในความเสมอต้นเสมอปลายของโฮสต์นี้เสียแล้ว ดังนั้นจึงรีรอดูอยู่และพยายามหาที่ฝากรูปภาพแห่งใหม่ เพราะหาก imageshack กลับลำอีก เว็บบล็อกของลุงแมวน้ำคงเต็มไปด้วยภาพกบแช่แข็ง อ่านกันไม่รู้เรื่องเป็นแน่ ดังนั้นการอัปเดตเว็บบล็อกในช่วงนี้จึงอาจจะยังขลุกขลักต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ลุงแมวน้ำจะพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
Friday, February 25, 2011
23/02/2011
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 990.91 จุด เพิ่มขึ้น 8.21 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ PTT, ROBINS ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 23 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
กองทุนอีทีเอฟของไทย ENGY เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ยังปิดแดงอยู่เนื่องจากกังวลต่อปัญหาความไม่สงบในลิเบีย แต่ปรับตัวลงไม่รุนแรงเท่ากับเมื่อวาน ตลาดส่วนน้อยเริ่มมีการรีบาวด์ ตลาดหุ้นไทยก็มีรีบาวด์บ้างเล็กน้อย ดัชนีสำคัญหลายดัชนีเกิดสัญญาณขาย ได้แก่ ดัชนีดาวโจนส์โกลบอล (Dow Jones Global Index, W1DOW) ซึ่งเป็นดัชนีที่บ่งชี้ตลาดหุ้นทุ่วโลกในภาพรวมคล้ายกับดัชนี MSCI World และ MSCI All Country World
นอกจากนี้ ดัชนีของประเทศในกลุ่มยุโรปเกิดสัญญาณขายถึง 4 ประเทศในวันเดียวกัน ได้แก่ เบลเยียม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ นับว่าวิกฤตการณ์ในประเทศลิเบียครั้งนี้ส่งผลระยะสั้นในวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด ส่วนผลกระทบในระยะยาวจะเป็นอย่างไร เช่น ประเทศในโลกอาหรับอื่นๆจะกลายเป็นโดมิโนตัวต่อๆไปหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่น่าติดตาม โดยเฉพาะจีนที่แม้ไม่ใช่ประเทศในโลกอาหรับแต่ก็หวั่นเกรงว่าเชื้อความไม่สงบจะแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศเนื่องจากมีปัจจัยที่เอื้อหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ PTT, ROBINS ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 23 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
กองทุนอีทีเอฟของไทย ENGY เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ยังปิดแดงอยู่เนื่องจากกังวลต่อปัญหาความไม่สงบในลิเบีย แต่ปรับตัวลงไม่รุนแรงเท่ากับเมื่อวาน ตลาดส่วนน้อยเริ่มมีการรีบาวด์ ตลาดหุ้นไทยก็มีรีบาวด์บ้างเล็กน้อย ดัชนีสำคัญหลายดัชนีเกิดสัญญาณขาย ได้แก่ ดัชนีดาวโจนส์โกลบอล (Dow Jones Global Index, W1DOW) ซึ่งเป็นดัชนีที่บ่งชี้ตลาดหุ้นทุ่วโลกในภาพรวมคล้ายกับดัชนี MSCI World และ MSCI All Country World
นอกจากนี้ ดัชนีของประเทศในกลุ่มยุโรปเกิดสัญญาณขายถึง 4 ประเทศในวันเดียวกัน ได้แก่ เบลเยียม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ นับว่าวิกฤตการณ์ในประเทศลิเบียครั้งนี้ส่งผลระยะสั้นในวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด ส่วนผลกระทบในระยะยาวจะเป็นอย่างไร เช่น ประเทศในโลกอาหรับอื่นๆจะกลายเป็นโดมิโนตัวต่อๆไปหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่น่าติดตาม โดยเฉพาะจีนที่แม้ไม่ใช่ประเทศในโลกอาหรับแต่ก็หวั่นเกรงว่าเชื้อความไม่สงบจะแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศเนื่องจากมีปัจจัยที่เอื้อหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน
Thursday, February 24, 2011
22/02/2011
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 987.21 จุด ลดลง 8.21 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ CPF, IVL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 21 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ถั่วเหลือง (S) และข้าวสาลี (W) เกิดสัญญาณขาย ช่วงนี้สินค้าเกษตรหลายตัวปรับราคาลงบ้าง
กองทุนอีทีเอฟ DBO ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันดิบ เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่ตลาดปิดแดง
วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเกือบทุกตลาด สาเหตุน่าจะมาจากปัญหาการก่อความไม่สงบในประเทศลิเบีย ประเทศลิเบียนี้เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปแอฟริกาตอนบน มีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นทรัพยากรสำคัญ ปกครองโดยผู้นำโมอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวีรบุรุษในดวงใจของชาวลิเบียเนื่องจากต่อกรกับโลกตะวันตกชนิดไม่ยอมก้มหัวให้ แต่มาวันนี้ผู้นำกัดดาฟีกลับเป็นคนที่ประชาชนต้องการขับไล่ด้วยข้อหาทรราชย์
ทุกวันนี้การก่อความไม่สงบในโลกอาหรับได้ลุกลามไปหลายประเทศแล้ว ที่ีตกเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ก็คืออียิปต์ บาห์เรน และตามมาด้วยลิเบีย วันนี้เหตุการณ์ในอียิปต์คลี่คลายไปแล้วแต่เหตุการณ์ไม่สงบในลิเบียกลับรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้นำสั่งกองทัพปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันประชาชนก็ลุกฮือและควบคุมเมืองสำคัญที่เป็นเมืองการผลิตน้ำมันเอาไว้ได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในโลกพุ่งอย่างรวดเร็ว ทองคำก็พุ่ง ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเนื่องจากเกรงเหตุการณ์ความไม่สงบจะบานปลายและแพร่ระบาดไปในกลุ่มประเทศโลกอาหรับอื่นๆ และทำให้ดัชนีสำคัญหลายตัวปรับตัวลดลงจนเกิดสัญญาณขาย ซึ่งสามารถดูได้จารายงานประจำวัน อาทิ ดัชนีตลาดกลุ่มยุโรป ดัชนี MSCI All country World เป็นต้น
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ CPF, IVL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 21 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ถั่วเหลือง (S) และข้าวสาลี (W) เกิดสัญญาณขาย ช่วงนี้สินค้าเกษตรหลายตัวปรับราคาลงบ้าง
กองทุนอีทีเอฟ DBO ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันดิบ เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่ตลาดปิดแดง
วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเกือบทุกตลาด สาเหตุน่าจะมาจากปัญหาการก่อความไม่สงบในประเทศลิเบีย ประเทศลิเบียนี้เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปแอฟริกาตอนบน มีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นทรัพยากรสำคัญ ปกครองโดยผู้นำโมอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวีรบุรุษในดวงใจของชาวลิเบียเนื่องจากต่อกรกับโลกตะวันตกชนิดไม่ยอมก้มหัวให้ แต่มาวันนี้ผู้นำกัดดาฟีกลับเป็นคนที่ประชาชนต้องการขับไล่ด้วยข้อหาทรราชย์
ทุกวันนี้การก่อความไม่สงบในโลกอาหรับได้ลุกลามไปหลายประเทศแล้ว ที่ีตกเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ก็คืออียิปต์ บาห์เรน และตามมาด้วยลิเบีย วันนี้เหตุการณ์ในอียิปต์คลี่คลายไปแล้วแต่เหตุการณ์ไม่สงบในลิเบียกลับรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้นำสั่งกองทัพปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันประชาชนก็ลุกฮือและควบคุมเมืองสำคัญที่เป็นเมืองการผลิตน้ำมันเอาไว้ได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในโลกพุ่งอย่างรวดเร็ว ทองคำก็พุ่ง ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเนื่องจากเกรงเหตุการณ์ความไม่สงบจะบานปลายและแพร่ระบาดไปในกลุ่มประเทศโลกอาหรับอื่นๆ และทำให้ดัชนีสำคัญหลายตัวปรับตัวลดลงจนเกิดสัญญาณขาย ซึ่งสามารถดูได้จารายงานประจำวัน อาทิ ดัชนีตลาดกลุ่มยุโรป ดัชนี MSCI All country World เป็นต้น
Tuesday, February 22, 2011
21/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (7)
วันนี้ตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาหยุด ดังนั้นข้อมูลในตารางบางรายการอาจเป็นข้อมูลของวันก่อนหน้านี้ โปรดสังเกตที่วันที่
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 995.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ HMPRO, RATCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 17 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส ฟิวเจอร์สของ SCB เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่ตลาดปิดแดง ดัชนีของแอฟริกาใต้ (ZADOWD) เกิดสัญญาณซื้อและดัชนีของประเทศออสเตรย (ATX) เกิดสัญญาณขาย
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (7)
ในตอนที่แล้วเราได้ไปพิจารณาในภาพกว้างหรือภาพใหญ่ของประเทศในย่านต่างๆ ยังเหลืออีกสองย่านที่เราจะไปพิจารณากัน นั่นคือ ทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง
ข้อมูลในกลุ่มประเทศย่านแอฟริกาและตะวันออกกลางนี้ลุงแมวน้ำไม่มีฐานข้อมูลที่จะนำมาเขียนเป็นกราฟร่วมในภาพเดียวกันเพื่อเปรียบเทียบกันได้ คงมีเพียงกราฟของดัชนีตลาดหลักทรัพย์รายประเทศเท่านั้น เราไปดูในกลุ่มแอฟริกากันก่อน
กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกานั้นยังแบ่งออกเป็นภาค คือ แอฟริกาซีกเหนือที่จัดอยู่ในประเทศโลกอาหรับ เช่น อียิปต์ มอรอกโค ลิเบีย ตูนีเซีย ส่วนประเทศอื่นๆในแอฟริกาที่มีศักยภาพในการลงทุนและไม่ได้อยู่ในกลุ่มโลกอาหรับ ได้แก่ แองโกลา คองโก อิควิทอเรียลกีนี กานา เคนยา มาลี ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ และแซมเบีย
กราฟของหลายๆประเทศที่กล่าวมานี้ลุงแมวน้ำคงหามาให้ดูไม่ได้ทั้งหมด คงเอามาดูกันเฉพาะที่บางประเทศเท่านั้น มาดูกราฟของประเทศแอฟริกาใต้กัน
ภาพที่เห็นข้างบนเป็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของแอฟริกาใต้ในรอบสิบกว่าปี เลขสองหลักที่แกน X ของภาพเป็นเลขปี ค.ศ. เช่น Jan/98 ก็หมายเดือนเดือนมกราคม 1998 จะเห็นว่าดัชนีอยู่ในระดับ 30,000 กว่าจุด โดยดัชนีตลาดเติบโตอย่างรวดเร็วภายในช่วงสี่ห้าปีมานี้เอง สะท้อนให้เห็นถึงเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไปในประเทศนี้ การเก็งกำไรอย่างรุนแรงและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอันเป็นผลพวงของการพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดด หากนับคลื่นคาดว่าปัจจุบันน่าจะอยู่ในคลื่น 5 ใหญ่ซึ่งคลื่น 5 นี้จะไปได้ไกลอีกเพียงใดก็ยากที่จะตอบได้
มาดูทางด้านประเทศอียิปต์บ้าง จากภาพด้านบน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอียิปต์น่าจะจบคลื่น 5 ไปแล้ว ขณะนี้น่าจะกำลังอยู่ในคลื่นขาลงใหญ่ (A-B-C ใหญ่) ซึ่งกว่าจะจบคลื่น C ใหญ่คงอีกนาน ภายในปัี 2011 นี้กองทุนรวมที่เกี่ยวกับอียิปต์ควรรอดูไปก่อน
มาดูทางด้านกลุ่มตะวันออกกลางกันบ้าง ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางมีศักยภาพในการลงทุนมากน้อยต่างกัน ที่มีชื่อเป็นที่คุ้นหูก็ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี เลบานอน ซีเรีย รวมไปถึงอิสราเอลและจอร์แดน ลุงแมวน้ำคงนำภาพกราฟดัชนีมาให้ดูกันเฉพาะบางประเทศเท่านั้น
เริ่มต้นกันด้วยประเทศตุรกี ดังภาพต่อไปนี้
ประเทศตุรกีเป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพยีงสิบปีดัชนีตลาดเติบโตจากหลักพันไปหกหมื่นกว่า รุนแรงพอๆกับบราซิล ในช่วงที่ผ่านมาตุรกีถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่เนื้อหอม นักลงทุนและกองทุนต่างๆเข้าไปเก็งกำไรกันอย่างดุเดือด ดูดัชนีก็น่าจะพอทราบได้
ในอดีตที่ผ่านมา ตุรกีมีอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรงมาก เมื่อหลายปีก่อนคณะละครสัตว์ของลุงแมวน้ำเดินทางไปเปิดการแสดงยังต่างประเทศ ลุงแมวน้ำก็มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วยและได้ไปเดินเล่นรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินอิสตันบุลของตุรกี ในสมัยนั้นอัตราเงินเฟ้อรุนแรงมาก เงินลีรา (Lira) ของตุรกีด้อยค่าอย่างหนัก 1 ดอลลาร์ สรอ แลกได้ประมาณ 1,600,000 ลีรา (หนึ่งล้านหกแสน ไม่ได้พิมพ์ผิด) แฮมเบอร์เกอร์ราคาถูกที่สุดในร้านค้าภายในสนามบินราคาอันละ 1,800,000 ลีรา ถ้าแพงขึ้นมาหน่อยก็เป็นอันละ 2 ล้านหรือ 3 ล้านลีรา และภายในเวลาไม่นานราคาสินค้าก็ปรับเปลี่ยนเป็นแพงขึ้นไปอีกเพราะเงินเฟ้อทะยานอย่างรวดเร็ว ลุงแมวน้ำยังคิดเล่นๆว่าถ้าเอาเงินดอลลาร์ สรอ ไปแลกสัก 2-3 ดอลลาร์ ลุงแมวน้ำก็สามารถจับเงินล้านได้อย่างสบายๆ
เงินลีราในปัจจุบันเป็นเงินลีราใหม่ มีการปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนเสียใหม่เพือให้เกิดความสะดวกในการใช้และแลกเปลี่ยน
ตลาดตุรกีน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5 ใหญ่ จะจบเมื่อไรก็ไม่รู้ ถือได้ว่าอันตรายแล้ว
จากนั้นก็มาดูทางด้านประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกอาหรับ ซาอุดิอารเบียกันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้
กราฟดัชนีตลาดของซาอุดิอารเบียดูแปลกเนื่องจากนับแล้วไม่ได้ 1-2-3-4-5 เหมือนกับว่าคลื่น 3 กับ 5 ซ้อนอยู่ด้วยกัน คือเมื่อพุ่งถึงยอดคลื่นแล้วก็ดำดิ่งลงมาเลย
ดัชนีของซาอุดิอารเบียไหลลงมาจากสองหมื่นกว่าจุดเหลือสี่พันกว่าจุด ปัจจุบันอยู่ในระดับห้าพันกว่าจุด จากการนับคลื่นเหมือนกันจะจบคลื่น C ไปแล้ว ขณะนี้อาจจะกำลังอยู่ในคลื่น 1
ทางด้านสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆว่ายูเออี (UAE) ดังภาพต่อไปนี้
ดัชนีตลาด UAE ก็ดูไม่ปกติ ไม่เป็น 1-2-3-4-5 ให้เห็นชัดๆ หากคิดว่ายอดสูงยอดแรก (ปี 2005 ต่อ 2006) นั้นเป็นยอด 3 และ 5 ที่เกิดชิดกัน ปัจจุบันดัชนีตลาดของ UAE ก็น่าจะจบคลื่น C ไปแล้วและอยู่ในคลื่น 1-2
หรือหากมองว่ายอดคลื่นที่ปี 2007-2008 ไม่ใช่ยอดคลื่น B แต่ว่าเป็นยอดคลื่น 5 ที่เป็นคลื่นล้มเหลวหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า failed wave 5 คือคลื่น 5 ที่ไม่สามารถไปสูงเกินกว่าคลื่น 3 ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ หากมองว่าเป็นกรณีหลังนี้ ปัจจุบันเราอาจยังไม่จบคลื่น C คงตองรอดูไปก่อนว่าเมื่อไรจะจบ แต่ในความเห็นของลุงแมวน้ำคิดว่าน่าจะเป็นกรณีแรกมากกว่า คือ เรากำลังอยู่ในคลื่น 1-2
(โปรดติดตามอ่านในวันถัดไป)
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 995.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ HMPRO, RATCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 17 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส ฟิวเจอร์สของ SCB เกิดสัญญาณซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่ตลาดปิดแดง ดัชนีของแอฟริกาใต้ (ZADOWD) เกิดสัญญาณซื้อและดัชนีของประเทศออสเตรย (ATX) เกิดสัญญาณขาย
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (7)
ในตอนที่แล้วเราได้ไปพิจารณาในภาพกว้างหรือภาพใหญ่ของประเทศในย่านต่างๆ ยังเหลืออีกสองย่านที่เราจะไปพิจารณากัน นั่นคือ ทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง
ข้อมูลในกลุ่มประเทศย่านแอฟริกาและตะวันออกกลางนี้ลุงแมวน้ำไม่มีฐานข้อมูลที่จะนำมาเขียนเป็นกราฟร่วมในภาพเดียวกันเพื่อเปรียบเทียบกันได้ คงมีเพียงกราฟของดัชนีตลาดหลักทรัพย์รายประเทศเท่านั้น เราไปดูในกลุ่มแอฟริกากันก่อน
กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกานั้นยังแบ่งออกเป็นภาค คือ แอฟริกาซีกเหนือที่จัดอยู่ในประเทศโลกอาหรับ เช่น อียิปต์ มอรอกโค ลิเบีย ตูนีเซีย ส่วนประเทศอื่นๆในแอฟริกาที่มีศักยภาพในการลงทุนและไม่ได้อยู่ในกลุ่มโลกอาหรับ ได้แก่ แองโกลา คองโก อิควิทอเรียลกีนี กานา เคนยา มาลี ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ และแซมเบีย
กราฟของหลายๆประเทศที่กล่าวมานี้ลุงแมวน้ำคงหามาให้ดูไม่ได้ทั้งหมด คงเอามาดูกันเฉพาะที่บางประเทศเท่านั้น มาดูกราฟของประเทศแอฟริกาใต้กัน
ภาพที่เห็นข้างบนเป็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของแอฟริกาใต้ในรอบสิบกว่าปี เลขสองหลักที่แกน X ของภาพเป็นเลขปี ค.ศ. เช่น Jan/98 ก็หมายเดือนเดือนมกราคม 1998 จะเห็นว่าดัชนีอยู่ในระดับ 30,000 กว่าจุด โดยดัชนีตลาดเติบโตอย่างรวดเร็วภายในช่วงสี่ห้าปีมานี้เอง สะท้อนให้เห็นถึงเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไปในประเทศนี้ การเก็งกำไรอย่างรุนแรงและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอันเป็นผลพวงของการพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดด หากนับคลื่นคาดว่าปัจจุบันน่าจะอยู่ในคลื่น 5 ใหญ่ซึ่งคลื่น 5 นี้จะไปได้ไกลอีกเพียงใดก็ยากที่จะตอบได้
มาดูทางด้านประเทศอียิปต์บ้าง จากภาพด้านบน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอียิปต์น่าจะจบคลื่น 5 ไปแล้ว ขณะนี้น่าจะกำลังอยู่ในคลื่นขาลงใหญ่ (A-B-C ใหญ่) ซึ่งกว่าจะจบคลื่น C ใหญ่คงอีกนาน ภายในปัี 2011 นี้กองทุนรวมที่เกี่ยวกับอียิปต์ควรรอดูไปก่อน
มาดูทางด้านกลุ่มตะวันออกกลางกันบ้าง ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางมีศักยภาพในการลงทุนมากน้อยต่างกัน ที่มีชื่อเป็นที่คุ้นหูก็ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี เลบานอน ซีเรีย รวมไปถึงอิสราเอลและจอร์แดน ลุงแมวน้ำคงนำภาพกราฟดัชนีมาให้ดูกันเฉพาะบางประเทศเท่านั้น
เริ่มต้นกันด้วยประเทศตุรกี ดังภาพต่อไปนี้
ประเทศตุรกีเป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพยีงสิบปีดัชนีตลาดเติบโตจากหลักพันไปหกหมื่นกว่า รุนแรงพอๆกับบราซิล ในช่วงที่ผ่านมาตุรกีถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่เนื้อหอม นักลงทุนและกองทุนต่างๆเข้าไปเก็งกำไรกันอย่างดุเดือด ดูดัชนีก็น่าจะพอทราบได้
ในอดีตที่ผ่านมา ตุรกีมีอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรงมาก เมื่อหลายปีก่อนคณะละครสัตว์ของลุงแมวน้ำเดินทางไปเปิดการแสดงยังต่างประเทศ ลุงแมวน้ำก็มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วยและได้ไปเดินเล่นรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินอิสตันบุลของตุรกี ในสมัยนั้นอัตราเงินเฟ้อรุนแรงมาก เงินลีรา (Lira) ของตุรกีด้อยค่าอย่างหนัก 1 ดอลลาร์ สรอ แลกได้ประมาณ 1,600,000 ลีรา (หนึ่งล้านหกแสน ไม่ได้พิมพ์ผิด) แฮมเบอร์เกอร์ราคาถูกที่สุดในร้านค้าภายในสนามบินราคาอันละ 1,800,000 ลีรา ถ้าแพงขึ้นมาหน่อยก็เป็นอันละ 2 ล้านหรือ 3 ล้านลีรา และภายในเวลาไม่นานราคาสินค้าก็ปรับเปลี่ยนเป็นแพงขึ้นไปอีกเพราะเงินเฟ้อทะยานอย่างรวดเร็ว ลุงแมวน้ำยังคิดเล่นๆว่าถ้าเอาเงินดอลลาร์ สรอ ไปแลกสัก 2-3 ดอลลาร์ ลุงแมวน้ำก็สามารถจับเงินล้านได้อย่างสบายๆ
เงินลีราในปัจจุบันเป็นเงินลีราใหม่ มีการปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนเสียใหม่เพือให้เกิดความสะดวกในการใช้และแลกเปลี่ยน
ตลาดตุรกีน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5 ใหญ่ จะจบเมื่อไรก็ไม่รู้ ถือได้ว่าอันตรายแล้ว
จากนั้นก็มาดูทางด้านประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกอาหรับ ซาอุดิอารเบียกันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้
กราฟดัชนีตลาดของซาอุดิอารเบียดูแปลกเนื่องจากนับแล้วไม่ได้ 1-2-3-4-5 เหมือนกับว่าคลื่น 3 กับ 5 ซ้อนอยู่ด้วยกัน คือเมื่อพุ่งถึงยอดคลื่นแล้วก็ดำดิ่งลงมาเลย
ดัชนีของซาอุดิอารเบียไหลลงมาจากสองหมื่นกว่าจุดเหลือสี่พันกว่าจุด ปัจจุบันอยู่ในระดับห้าพันกว่าจุด จากการนับคลื่นเหมือนกันจะจบคลื่น C ไปแล้ว ขณะนี้อาจจะกำลังอยู่ในคลื่น 1
ทางด้านสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆว่ายูเออี (UAE) ดังภาพต่อไปนี้
ดัชนีตลาด UAE ก็ดูไม่ปกติ ไม่เป็น 1-2-3-4-5 ให้เห็นชัดๆ หากคิดว่ายอดสูงยอดแรก (ปี 2005 ต่อ 2006) นั้นเป็นยอด 3 และ 5 ที่เกิดชิดกัน ปัจจุบันดัชนีตลาดของ UAE ก็น่าจะจบคลื่น C ไปแล้วและอยู่ในคลื่น 1-2
หรือหากมองว่ายอดคลื่นที่ปี 2007-2008 ไม่ใช่ยอดคลื่น B แต่ว่าเป็นยอดคลื่น 5 ที่เป็นคลื่นล้มเหลวหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า failed wave 5 คือคลื่น 5 ที่ไม่สามารถไปสูงเกินกว่าคลื่น 3 ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ หากมองว่าเป็นกรณีหลังนี้ ปัจจุบันเราอาจยังไม่จบคลื่น C คงตองรอดูไปก่อนว่าเมื่อไรจะจบ แต่ในความเห็นของลุงแมวน้ำคิดว่าน่าจะเป็นกรณีแรกมากกว่า คือ เรากำลังอยู่ในคลื่น 1-2
(โปรดติดตามอ่านในวันถัดไป)
Monday, February 21, 2011
17/02/2011 - 18/02/2011
17/02/2011
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 995.57 จุด เพิ่มขึ้น 13.50 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BLA, CPN, IRPC, PS, PTTCH, TPIPL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 17 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
กองทุนรวมอีทีเอฟ TDEX, TFTSE เกิดสัญญาณซื้อ เป็นสัญญาณซื้อในภาวะไร้ทิศทาง (sideway trend) ในขณะที่ SET, SET50, S50 แนวโน้มด้านขาลง (down trend) มีกำลังมากกว่าด้านขาขึ้น สัญญาณซื้อนี้อาจเป้นสัญญาณหลอก
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย กลุ่มตลาดพัฒนาแล้วกับตลาดเกิดใหม่ต่างก็มีทั้งที่ปิดเขียวและปิดแดง ไม่เห็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจน
ช่วงนี้น้ำทันปาล์มมีราคาแพงมาก นอกจากแพงแล้วยังขาดตลาด ส่งผลให้น้ำมันพืชอื่นทุกขนิดขึ้นราคาตามไปด้วย ผู้ที่ชอบบริโภคอาหารทอดควรระวังเนื่องจากผู้ค้าของทอดมีแนวโน้มที่จะใช้น้ำมันทอดซ้ำแล้วซ้ำอีกนานขึ้นกว่าเดิม การใช้น้ำมันพืชทอดซำแล้วซ้ำอีกทำให้โมเลกุลของกรดไขมันในน้ำมันพืชแตกตัวกลายเป็นสารก่อมะเร็ง และยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันมีพ่อค้าหัวใสออกตระเวณซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วและนำกลับมากรองและฟอกสี ทำให้ได้น้ำมันที่เหลือง ใส เหมือนน้ำมันพืชที่ยังไม่เคยใช้ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นน้ำมันพืชมือสอง ซึ่งแม้จะดูเหลืองใสแต่ก็อุดมไปด้วยสารก่อมะเร็งไม่แพ้น้ำมันที่ทอดแล้วซึ่งขุ่นและดำ
ในการบริโภคอาหารทอด ผู้บริโภคไม่มีทางรได้เลยว่าน้ำมันที่ทอดนั้นใช้มามากน้อยเพียงใด มีสารก่อมะเร็งมากน้อยเพียงใด ดังนั้นทางที่ดีควรละการบริโภคของทอดลงในระยะที่น้ำมันปาล์มมีราคาแพง บริโภคอาหารนึ่ง ต้ม จะปลอดภัยกว่า
18/02/2011
วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยหยุดทำการ
วันนี้น้ำมันดิบ (CL) เกิดสัญญาณซื้อ ลุงแมวน้ำมองจึงเปิดสัญญาณซื้อไป ดูพอร์ตจำลองแล้วหนักใจกับยอดขาดทุนสะสมของน้ำมันดิบ นี่เป็นพอร์ตจำลองลุงแมวน้ำจึงทนเทรดไปเรื่อยๆ หากเป็นพอร์ตจริงคงเปลี่ยนไปเทรดตัวอื่นนานแล้ว ไม่รอให้ขาดทุนหนักขนาดนี้
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 995.57 จุด เพิ่มขึ้น 13.50 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BLA, CPN, IRPC, PS, PTTCH, TPIPL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 17 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
กองทุนรวมอีทีเอฟ TDEX, TFTSE เกิดสัญญาณซื้อ เป็นสัญญาณซื้อในภาวะไร้ทิศทาง (sideway trend) ในขณะที่ SET, SET50, S50 แนวโน้มด้านขาลง (down trend) มีกำลังมากกว่าด้านขาขึ้น สัญญาณซื้อนี้อาจเป้นสัญญาณหลอก
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย กลุ่มตลาดพัฒนาแล้วกับตลาดเกิดใหม่ต่างก็มีทั้งที่ปิดเขียวและปิดแดง ไม่เห็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจน
ช่วงนี้น้ำทันปาล์มมีราคาแพงมาก นอกจากแพงแล้วยังขาดตลาด ส่งผลให้น้ำมันพืชอื่นทุกขนิดขึ้นราคาตามไปด้วย ผู้ที่ชอบบริโภคอาหารทอดควรระวังเนื่องจากผู้ค้าของทอดมีแนวโน้มที่จะใช้น้ำมันทอดซ้ำแล้วซ้ำอีกนานขึ้นกว่าเดิม การใช้น้ำมันพืชทอดซำแล้วซ้ำอีกทำให้โมเลกุลของกรดไขมันในน้ำมันพืชแตกตัวกลายเป็นสารก่อมะเร็ง และยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันมีพ่อค้าหัวใสออกตระเวณซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วและนำกลับมากรองและฟอกสี ทำให้ได้น้ำมันที่เหลือง ใส เหมือนน้ำมันพืชที่ยังไม่เคยใช้ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นน้ำมันพืชมือสอง ซึ่งแม้จะดูเหลืองใสแต่ก็อุดมไปด้วยสารก่อมะเร็งไม่แพ้น้ำมันที่ทอดแล้วซึ่งขุ่นและดำ
ในการบริโภคอาหารทอด ผู้บริโภคไม่มีทางรได้เลยว่าน้ำมันที่ทอดนั้นใช้มามากน้อยเพียงใด มีสารก่อมะเร็งมากน้อยเพียงใด ดังนั้นทางที่ดีควรละการบริโภคของทอดลงในระยะที่น้ำมันปาล์มมีราคาแพง บริโภคอาหารนึ่ง ต้ม จะปลอดภัยกว่า
18/02/2011
วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยหยุดทำการ
วันนี้น้ำมันดิบ (CL) เกิดสัญญาณซื้อ ลุงแมวน้ำมองจึงเปิดสัญญาณซื้อไป ดูพอร์ตจำลองแล้วหนักใจกับยอดขาดทุนสะสมของน้ำมันดิบ นี่เป็นพอร์ตจำลองลุงแมวน้ำจึงทนเทรดไปเรื่อยๆ หากเป็นพอร์ตจริงคงเปลี่ยนไปเทรดตัวอื่นนานแล้ว ไม่รอให้ขาดทุนหนักขนาดนี้
Thursday, February 17, 2011
16/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 982.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.4% ในขณะที่ฟิวเจอร์ส S50 ปรับตัวเพิ่มถึง 2.6%
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BBL, DTAC, GLOW, SCB, TISCO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 11 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส ข้าวไทย (BWR5) เกิดสัญญาณขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว ไม่ว่าจะเป็นโลกฝั่งตะวันตกหรือตะวันออก คงมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ปรับตัวลดลง เช่น คูเวต เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ
แม้ว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นแรงทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักไปในทางแนวโน้มขาขึ้นมากขึ้น แต่หากพิจารณาจากดัชนีต่างๆแล้วจะเห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของตลาดขาขึ้นนั้นอยู่ในกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้วมากกว่า ลองพิจารณาจากตารางข้อมูลประจำวันที่ด้านล่างจะพบข้อเท็จจริงดังนี้
ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปล้วนแต่เป็นสัญญาณซื้อ อีกทั้งเป็นสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นนานพอสมควรแล้วด้วย สหรัฐอเมริกาเกิดสัญญาณซื้อมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ปกติหากป็นสัญญาณซื้อยาวนานขนาดนี้มักเป็นคลื่น 3 ย่อย ส่วนทางด้านสหภาพยุโรปเกิดสัญญาณซื้อมาแล้วประมาณ 1 เดือน
ตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย เป็นสัญญาณขายเกือบทั้งหมด ยกเว้นญี่ปุ่นกับจีน (จีนเกิดสัญญาณซื้อมาได้ 6 วัน ยังไม่แน่ว่าอาจเป็นสัญญาณหลอกก็ได้)
เมื่อดูตารางในหมวด Business Sectos จะเห็นว่าดัชนีในหมดธุรกิจต่างๆเป็นสัญญาณซื้อเกือบทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มพลังงาน ดัชนีนี้ให้น้ำหนักไปทางตลาดที่พัฒนาแล้วเนื่องจากตลาดที่พัฒนาแล้วมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
เมื่อพิจารณาค่า LIBOR-OIS spread กับค่า TED spread ซึ่งบ่งชี้ความตึงตัวของเงินดอลลาร์ สรอ จะเห็นว่ากราฟของค่าทั้งสองนี้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่าความต้องการเงินดอลลาร์เริ่มมีมากขึ้น ต้องตามดูต่อไป หากสองค่านี้ปรับตัวสูงขึ้นไปอีกก็น่าจะมีการทยอยขายเงินลงทุนในรูปสกุลเงินต่างๆเพื่อแปลงเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ
ดัชนี SET ของไทยแม้จะปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับทิศ ดังนั้นลุงแมวน้ำยังมีมุมมองเป็นแนวโน้มขาลงอยู่เช่นเดิม
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนกันต่อ จากที่วันก่อนลุงแมวน้ำนำกราฟของตลาดหุ้นหลายประเทศในเอเชียมาให้ดูกันและเห็นว่าในภาพใหญ่แล้วตลาดส่วนใหญ่ทางฝั่งเอเชียยังอยู่ในคลื่น คลื่น 5 (หรือบางประเทศยังอาจเป็นคลื่น 4 อยู่) ยกเว้นญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ กับฮ่องกงที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเป็นคลื่น 5 หรือคลื่น B กันแน่
วันนี้เรามาดูประเทศอื่นๆในเอเชียกันต่อ ดังภาพต่อไปนี้
ในภาพลุงแมวน้ำยังคงกราฟของดัชนีดาวโจนส์ (สหรัฐอเมริกา) กับเซนเซกซ์ (อินเดีย) เอาไว้เป็นดัชนีเปรียบเทียบ จากภาพจะเห็นว่าตลาดมาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ เกาหลีใต้ และแม้แต่ออสเตรเลียก็น่าจะอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งยังไม่จบคลื่น ยกเว้นไต้หวันที่กราฟของดัชนีมีรูปทรงไม่ค่อยปกติ ทำให้นับไม่ถูก จะเห็นว่าตลาดในฝั่งเอเชียหลายๆประเทศนั้นน่าลงทุนมากทีเดียวเนื่องจากยังอยู่ในคลื่นขาขึ้นอีกทั้งดัชนีตลาดยังไม่สูง บางประเทศก็อยู่หลักร้้อยจุด บางประเทศก็หลักพันจุดต้นๆ ดัชนีของเวียดนามก็ประมาณ 500 จุด และในปีนี้ลาวก็เปิดตลาดหุ้นไปแล้ว อีกไม่นานตลาดหุ้นกัมพูชาก็จะเปิดดำเนินการเช่นกัน
จากฝั่งเอเชียเราข้ามไปดูฝั่งทวีปอเมริกากันต่อ ลองดูภาพต่อไปนี้
เมื่อเห็นภาพแล้วหลายคนอาจแปลกใจ ดัชนีระดับหมื่นจุดสองหมื่นจุดเราก็ว่าสูงมากแล้ว มาดูดัชนีโบเวสปา (Bovespa) ของบราซิลที่เป็นระดับ 75,000 จุดแล้วดัชนีประเทศอื่นๆกลายเป็นขนมไปเลย
ในทวีปอเมริกานี้แบ่งตลาดออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มพัฒนาแล้วคือตลาดสหรัฐอเมริกากับแคนาดา ซึ่ง สหรัฐอเมริกานั้นลุงแมวน้ำตั้งสมมติฐานเอาไว้ว่าน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น B ส่วนตลาดแคนาดานั้นพิจารณาจากดัชนี S&P/TSX Composite Index (TSX นั้นย่อมาจาก Toronto Stock Exchange) ซึ่งลุงแมวน้ำประเมินว่ากำลังอยู่ในคลื่น B เช่นกัน
ส่วนตลาดอีกกลุ่มในทวีปอเมริกาล้วนแต่เป็นตลาดเกิดใหม่หรือว่าตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนา เช่นเม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา ชิลี ปรู ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เคยเป็นประเทศอาณานิคมมาก่อน ดัชนีเหล่านี้ส่วนใหญ่น่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5
สำหรับดัชนีประเทศบราซิลนั้นดูน่ากลัวทีเดียว เห็นกราฟสวย ทรงสูง น่าจะทำกำไรได้งดงามจากตลาดหุ้นเช่นนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วกราฟเช่นนี้สะท้อนถึงการเก็งกำไรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ควบคู่ไปกับการพัฒนาและการลงทุนอย่างดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นทุนข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนและตักตวงผลกำไรจากทรัพยากรในประเทศนั้นๆและนำกลับเข้าประเทศของตน ส่วนผลเสียของการพัฒนาก็ตกแก่คนในชาติ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงลิบลิ่ว ข้าวของแพงจนไม่มีกำลังซื้อ และสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรม ฯลฯ ลุงแมวน้ำไม่อยากให้เราดีใจและชมชอบทำกำไรกับตลาดที่กราฟชันแบบนี้เพราะมันเป็นตลาดที่โหดร้าย เมื่อขึ้นแรงก็ต้องลงแรง อยากให้ทำกำไรอย่างสบายใจกับตลาดที่ดัชนีค่อยๆขึ้นไปดีกว่า ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอกเอาไว้ว่าแม้เราจะอยู่ในโลกของทุนนิยมก็ตาม แต่เราก็สามารถเลือกที่จะเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจเมตตาและเอื้ออาทรผู้อื่นได้
ลุงแมวน้ำยังเหลือภาพใหญ่อีกสองกลุ่ม นั่นคือ แอฟริกากับตะวันออกกลาง จากนั้นเราจะมาดูประเทศที่น่าลงทุนในความคิดของลุงแมวน้ำเป็นรายประเทศกัน ปัจจุบันกองทุนของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศมีหลายกองทุนทีเดียว และในอนาคตจะยิ่งมากกว่านี้ ดังนั้นมุมมองต่อตลาดประเทศต่างๆจึงมีส่วนช่วยให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนต่างประเทศดังกล่าว
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BBL, DTAC, GLOW, SCB, TISCO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 11 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส ข้าวไทย (BWR5) เกิดสัญญาณขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว ไม่ว่าจะเป็นโลกฝั่งตะวันตกหรือตะวันออก คงมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ปรับตัวลดลง เช่น คูเวต เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ
แม้ว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นแรงทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักไปในทางแนวโน้มขาขึ้นมากขึ้น แต่หากพิจารณาจากดัชนีต่างๆแล้วจะเห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของตลาดขาขึ้นนั้นอยู่ในกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้วมากกว่า ลองพิจารณาจากตารางข้อมูลประจำวันที่ด้านล่างจะพบข้อเท็จจริงดังนี้
ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปล้วนแต่เป็นสัญญาณซื้อ อีกทั้งเป็นสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นนานพอสมควรแล้วด้วย สหรัฐอเมริกาเกิดสัญญาณซื้อมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ปกติหากป็นสัญญาณซื้อยาวนานขนาดนี้มักเป็นคลื่น 3 ย่อย ส่วนทางด้านสหภาพยุโรปเกิดสัญญาณซื้อมาแล้วประมาณ 1 เดือน
ตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย เป็นสัญญาณขายเกือบทั้งหมด ยกเว้นญี่ปุ่นกับจีน (จีนเกิดสัญญาณซื้อมาได้ 6 วัน ยังไม่แน่ว่าอาจเป็นสัญญาณหลอกก็ได้)
เมื่อดูตารางในหมวด Business Sectos จะเห็นว่าดัชนีในหมดธุรกิจต่างๆเป็นสัญญาณซื้อเกือบทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มพลังงาน ดัชนีนี้ให้น้ำหนักไปทางตลาดที่พัฒนาแล้วเนื่องจากตลาดที่พัฒนาแล้วมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
เมื่อพิจารณาค่า LIBOR-OIS spread กับค่า TED spread ซึ่งบ่งชี้ความตึงตัวของเงินดอลลาร์ สรอ จะเห็นว่ากราฟของค่าทั้งสองนี้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่าความต้องการเงินดอลลาร์เริ่มมีมากขึ้น ต้องตามดูต่อไป หากสองค่านี้ปรับตัวสูงขึ้นไปอีกก็น่าจะมีการทยอยขายเงินลงทุนในรูปสกุลเงินต่างๆเพื่อแปลงเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ
ดัชนี SET ของไทยแม้จะปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับทิศ ดังนั้นลุงแมวน้ำยังมีมุมมองเป็นแนวโน้มขาลงอยู่เช่นเดิม
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)
วันนี้เรามาคุยกันเรื่องมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนกันต่อ จากที่วันก่อนลุงแมวน้ำนำกราฟของตลาดหุ้นหลายประเทศในเอเชียมาให้ดูกันและเห็นว่าในภาพใหญ่แล้วตลาดส่วนใหญ่ทางฝั่งเอเชียยังอยู่ในคลื่น คลื่น 5 (หรือบางประเทศยังอาจเป็นคลื่น 4 อยู่) ยกเว้นญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ กับฮ่องกงที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเป็นคลื่น 5 หรือคลื่น B กันแน่
วันนี้เรามาดูประเทศอื่นๆในเอเชียกันต่อ ดังภาพต่อไปนี้
ในภาพลุงแมวน้ำยังคงกราฟของดัชนีดาวโจนส์ (สหรัฐอเมริกา) กับเซนเซกซ์ (อินเดีย) เอาไว้เป็นดัชนีเปรียบเทียบ จากภาพจะเห็นว่าตลาดมาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ เกาหลีใต้ และแม้แต่ออสเตรเลียก็น่าจะอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งยังไม่จบคลื่น ยกเว้นไต้หวันที่กราฟของดัชนีมีรูปทรงไม่ค่อยปกติ ทำให้นับไม่ถูก จะเห็นว่าตลาดในฝั่งเอเชียหลายๆประเทศนั้นน่าลงทุนมากทีเดียวเนื่องจากยังอยู่ในคลื่นขาขึ้นอีกทั้งดัชนีตลาดยังไม่สูง บางประเทศก็อยู่หลักร้้อยจุด บางประเทศก็หลักพันจุดต้นๆ ดัชนีของเวียดนามก็ประมาณ 500 จุด และในปีนี้ลาวก็เปิดตลาดหุ้นไปแล้ว อีกไม่นานตลาดหุ้นกัมพูชาก็จะเปิดดำเนินการเช่นกัน
จากฝั่งเอเชียเราข้ามไปดูฝั่งทวีปอเมริกากันต่อ ลองดูภาพต่อไปนี้
เมื่อเห็นภาพแล้วหลายคนอาจแปลกใจ ดัชนีระดับหมื่นจุดสองหมื่นจุดเราก็ว่าสูงมากแล้ว มาดูดัชนีโบเวสปา (Bovespa) ของบราซิลที่เป็นระดับ 75,000 จุดแล้วดัชนีประเทศอื่นๆกลายเป็นขนมไปเลย
ในทวีปอเมริกานี้แบ่งตลาดออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มพัฒนาแล้วคือตลาดสหรัฐอเมริกากับแคนาดา ซึ่ง สหรัฐอเมริกานั้นลุงแมวน้ำตั้งสมมติฐานเอาไว้ว่าน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น B ส่วนตลาดแคนาดานั้นพิจารณาจากดัชนี S&P/TSX Composite Index (TSX นั้นย่อมาจาก Toronto Stock Exchange) ซึ่งลุงแมวน้ำประเมินว่ากำลังอยู่ในคลื่น B เช่นกัน
ส่วนตลาดอีกกลุ่มในทวีปอเมริกาล้วนแต่เป็นตลาดเกิดใหม่หรือว่าตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนา เช่นเม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา ชิลี ปรู ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เคยเป็นประเทศอาณานิคมมาก่อน ดัชนีเหล่านี้ส่วนใหญ่น่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5
สำหรับดัชนีประเทศบราซิลนั้นดูน่ากลัวทีเดียว เห็นกราฟสวย ทรงสูง น่าจะทำกำไรได้งดงามจากตลาดหุ้นเช่นนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วกราฟเช่นนี้สะท้อนถึงการเก็งกำไรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ควบคู่ไปกับการพัฒนาและการลงทุนอย่างดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นทุนข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนและตักตวงผลกำไรจากทรัพยากรในประเทศนั้นๆและนำกลับเข้าประเทศของตน ส่วนผลเสียของการพัฒนาก็ตกแก่คนในชาติ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงลิบลิ่ว ข้าวของแพงจนไม่มีกำลังซื้อ และสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรม ฯลฯ ลุงแมวน้ำไม่อยากให้เราดีใจและชมชอบทำกำไรกับตลาดที่กราฟชันแบบนี้เพราะมันเป็นตลาดที่โหดร้าย เมื่อขึ้นแรงก็ต้องลงแรง อยากให้ทำกำไรอย่างสบายใจกับตลาดที่ดัชนีค่อยๆขึ้นไปดีกว่า ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอกเอาไว้ว่าแม้เราจะอยู่ในโลกของทุนนิยมก็ตาม แต่เราก็สามารถเลือกที่จะเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจเมตตาและเอื้ออาทรผู้อื่นได้
ลุงแมวน้ำยังเหลือภาพใหญ่อีกสองกลุ่ม นั่นคือ แอฟริกากับตะวันออกกลาง จากนั้นเราจะมาดูประเทศที่น่าลงทุนในความคิดของลุงแมวน้ำเป็นรายประเทศกัน ปัจจุบันกองทุนของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศมีหลายกองทุนทีเดียว และในอนาคตจะยิ่งมากกว่านี้ ดังนั้นมุมมองต่อตลาดประเทศต่างๆจึงมีส่วนช่วยให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนต่างประเทศดังกล่าว
15/02/2011
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 968.49 จุด เพิ่มขึ้น 1.42 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส BBL เกิดสัญญาณซื้อ ทองคำนอก (GC) ก็เกิดสัญญาณซื้อ แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่าราคาทองคำยังอยู่ในคลื่นขาลง ดังนั้นจึงปิดสัญญาขาย (cover short position) แต่ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ
วันนี้เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (Australian dollar) เกิดสัญญาณขาย ดัชนีกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (DJUBS) เกิดสัญญาณขาย
กลุ่มกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ของไทย CHINA เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนกองทุนรวมอีทีเอฟของต่างประเทศ GLD ซึ่งเป็นกองทุนทองคำ SPDR Gold Trust เกิดสัญญาณซื้อ ในขณะที่กองทุน DBO อันเป็นกองทุนน้ำมันเกิดสัญญาณขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกมีทั้งที่ปิดเขียวและปิดแดงคละเคล้ากันไป ตลาดจีน กรีซ และเปรู ปรับลดค่อนข้างมาก
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส BBL เกิดสัญญาณซื้อ ทองคำนอก (GC) ก็เกิดสัญญาณซื้อ แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่าราคาทองคำยังอยู่ในคลื่นขาลง ดังนั้นจึงปิดสัญญาขาย (cover short position) แต่ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ
วันนี้เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (Australian dollar) เกิดสัญญาณขาย ดัชนีกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (DJUBS) เกิดสัญญาณขาย
กลุ่มกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ของไทย CHINA เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนกองทุนรวมอีทีเอฟของต่างประเทศ GLD ซึ่งเป็นกองทุนทองคำ SPDR Gold Trust เกิดสัญญาณซื้อ ในขณะที่กองทุน DBO อันเป็นกองทุนน้ำมันเกิดสัญญาณขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกมีทั้งที่ปิดเขียวและปิดแดงคละเคล้ากันไป ตลาดจีน กรีซ และเปรู ปรับลดค่อนข้างมาก
Tuesday, February 15, 2011
14/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (5)
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 967.07 จุด เพิ่มขึ้น 17.50 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้เงินยูโร (Eurocurrency, EC) เกิดสัญญาณขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นเนื่องมาจากสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศอียิปต์สงบลงแล้ว ดัชนีตลาดของโปแลนด์และเวียดนามเกิดสัญญาณขาย
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (5)
บทความเรื่อง มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 นี้ลุงแมวน้ำเขียนตั้วแต่เดือนมกราคมแต่ก็ยังไม่จบเนื่องจากติดขัดเรื่องการปรับปรุงเว็บบล็อกและการเตรียมข้อมูลรายวันกับข้อมูลกราฟที่ต้องใช้เวลามาก ขณะนี้การปรับปรุงลงตัวมากขึ้นแล้ว ลุงแมวน้ำจึงพยายามนำเสนอบทความชุดนี้ต่อไป
ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ต้นสามารถย้อนไปดูได้ตามลิงก์ค่อไปนี้
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (1)
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (2)
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (3)
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (4)
ในตอนต้นลุงแมวน้ำได้เกริ่นเอาไว้ว่าการพิจารณาแนวโน้มการลงทุนในประเทศต่างๆโดยดูจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ได้สะท้อนภาพของเศรษฐกิจในระดับประชาชนของประเทศนั้นๆอย่างแท้จริงเพราะปัจจัยในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ คงเป็นการสะท้อนภาพเศรษฐกิจของกลุ่มทุนในประเทศนั้นๆเสียมากกว่า
ในตอนก่อนๆเราได้ดูกราฟของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาและยุโรปกันไปแล้ว พอสรุปได้ว่าดัชนีตลาดที่พัฒนาแล้วน่าจะอยู่ในคลื่น B ดังภาพต่อไปนี้
คราวนี้ลองมาดูตลาดในทวีปเอเชียกันดูบ้าง ตลาดในทวีปเอเชียส่วนใหญ่เป็นตลาดเกิดใหม่ ยกเว้นญี่ปุ่นกับฮ่องกงซึ่งจัดเป็นตลาดพัฒนาแล้ว ลองดูภาพต่อไปนี้กัน
ที่เห็นในภาพนี้เป็นกราดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของหลายประเทศในเอเชียโดยมีดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาเป็นดัชนีเปรียบเทียบ
เส้นสีแดง 2 เส้นคือเส้นสีแดงที่เป็นเส้นเต็มกับเส้นสีแดงที่เป็นเส้นประ แสดงดัชนีตลาดหั่งเส็ง (Hang Seng) ของฮ่องกง และดัชนีนิกเกอิ (Nikkei 225, N225) ของญี่ปุ่นตามลำดับ จะเห็นว่าดัชนีนิกเกอินั้นเป็นขาลงมาตั้งแต่ก่อนปี 1990 หรือว่าเป็นขาลงมานานกว่า 20 ปีมาแล้ว ส่วนดัชนีหั่งเส็งนั้นปัจจุบันเป็นคลื่น 5 หรือคลื่น B ก็ยังดูได้ยาก แต่ที่ลุงแมวน้ำอยากให้สังเกตก็คือดัชนีของสองตลาดนี้เป็นระดับหมื่นจุด และเป็นตลาดที่เกิดมาแล้วยาวนาน
เส้นสีชมพู (เส้นหนา) แสดงดัชนีเซนเซกซ์ (SENSEX) ของอินเดีย ดัชนีตลาดอินเดียนั้นก็เป็นระดับหมื่นจุดเช่นกัน ภายในช่วงเวลาเพียงสิบกว่าปีดัชนีตลาดอินเดียวิ่งจากระดับที่ต่ำกว่า 5,000 จุดไปถึงระดับ 20,000 กว่าจุด แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของกลุ่มทุนในอินเดีย ถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่พัฒนาไปได้เร็วมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าภายในระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ประเทศอินเดียมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของชนในชาติอยู่สูง จากการนับคลื่น ดัชนีเซนเซกซ์ขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น 5
ที่เหลืออีก 5 ดัชนีของ 5 ประเทศ ได้แก่ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (Shanghai composite index, SSECI) ของจีน (ดัชนีของตลาดจีนที่ลุงแมวน้ำใช้มี 2 ดัชนี คือ SSECI กับ CSI 300 ซึ่ง SSECI นั้นมีข้อมูลยาวนานกว่า) ดัชนีสเตรทส์ไทมส์ (Straits Times Index) ของสิงคโปร์ ดัชนีจาการ์ตาคอมโพสิต (Jakarta composite index, JKSE) ของอินโดนีเซีย ดัชนี RTSI (ย่อมาจาก Russian Trading System Index) ของรัสเซีย และ SETI ของไทย ที่จริงยังมีดัชนีในย่านนี้ที่น่าสนใจอีกหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย แต่วันนี้เราดูกันเพียงเท่านี้ก่อน
จะเห็นว่าดัชนีของอีก 5 ประเทศที่เหลือเป็นดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำ คือ ในระดับหลักร้อยจุดหรือไม่กี่พันจุด ซึ่งตลาดในเอเชียเหล่านี้เองที่เป็นตลาดเกิดใหม่ที่เนื้อหอมสำหรับนักลงทุนชาติต่างๆเนื่องจากดัชนียังอยู่ในระดับต่ำ โอกาสที่จะพัฒนายังมีอีกมาก เราลองมาดูภาพขยายกัน
ในภาพนี้ลุงแมวน้ำตัดดัชนีนิกเกอิและหั่งเส็งออกไป เพื่อจะได้เห็นดัชนีตลาดเกิดใหม่ได้ชัดเจนขึ้น และเพิ่มดัชนี RTSI ของรัสเซียเข้ามา จะเห็นว่าเมื่อพิจารณาในระดับคลื่นใหญ่แล้ว ตลาดจีน รัสเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เกิดยอดคลื่นใหญ่ 3 ในปี 2008 แปลว่าขณะนี้ตลาดทั้งสี่น่าจะดำเนินอยู่ในคลื่น 5
ลักษณะคลื่นของตลาดจีน รัสเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียนั้นน่าลงทุนทีเดียว เนื่องจากเริ่มเห็นลูกคลื่นเป็นรูปร่างชัดแล้ว คลื่นในปัจจุบันเป็นคลื่นขาขึ้นที่น่าจะมีความชันพอสมควร ซึ่งหมายความว่าให้ผลตอบแทนดี
ส่วนตลาด SET ของไทยนั้น เมื่อมองในระดับคลื่นใหญ่เทียบกับชาติอื่นๆแล้วตลาดไทยยังอยู่ในระดับคลื่น 1 คลื่น 2 เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าโอกาสพัฒนายังมีอีกมาก ยอดคลื่นเดิมที่ระดับ 1,700 จุดที่นักลงทุนรายย่อยของไทยติดมาเป็นเวลานานหลายปีนั้นหากมองในภาพใหญ่เทียบกับชาติอื่นๆแล้วระดับ 1,700 จุดเป็นเพียงยอดเล็กๆเท่านั้น ยังมีเส้นทางให้เดินไปข้างหน้าได้อีกยาวไกล แต่ลุงแมวน้ำกล่าวเช่นนี้เมื่ออ่านแล้วอย่าเพิ่งรีบไปทุ่มซื้อหุ้นไทยกันเพราะปัจจัยที่เรายังไม่รู้ก็คือเรื่องของเวลา กว่าที่ดัชนี SETI จะพัฒนาไปเป็นระดับหลายพันจุดได้นั้นจะช้าหรือเร็วเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของประเทศ หากศักยภาพน้อยก็พัฒนาไปได้ช้า นักลงทุนก็จะย้ายเงินลงทุนไปลงทุนในประเทศอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีและเร็วกว่าเสียก่อน นักลงทุนต่างชาติก็นับคลื่นเป็น ใครๆก็นับคลื่นเป็น เมื่อมองในภาพแล้วจะเห็นว่าดัชนี SETI นั้นยังนับคลื่นได้ไม่ชัด ยังเป็นรูปแบบชามอ่างด้วยซ้ำไป (ต่างจากตลาดจีน รัสเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซียที่เห็นคลื่นได้ชัดแล้ว) ดังนั้นรอให้เข้าคลื่นใหญ่ 3 เสียก่อนจึงค่อยเข้ามาก็ได้ นี่คือปัจจัยด้านเวลา ดังนั้นแม้ว่าในภาพใหญ่ดัชนีของไทยยังมีโอกาสไปได้อีกไกลแต่ในการลงทุนของนักลงทุนก็ต้องพิจารณาภายในกรอบเวลาที่เหมาะสมกับตัวของเราด้วย
(โปรดติดตามอ่านต่อในวันถัดไป)
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้เงินยูโร (Eurocurrency, EC) เกิดสัญญาณขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นเนื่องมาจากสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศอียิปต์สงบลงแล้ว ดัชนีตลาดของโปแลนด์และเวียดนามเกิดสัญญาณขาย
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (5)
บทความเรื่อง มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 นี้ลุงแมวน้ำเขียนตั้วแต่เดือนมกราคมแต่ก็ยังไม่จบเนื่องจากติดขัดเรื่องการปรับปรุงเว็บบล็อกและการเตรียมข้อมูลรายวันกับข้อมูลกราฟที่ต้องใช้เวลามาก ขณะนี้การปรับปรุงลงตัวมากขึ้นแล้ว ลุงแมวน้ำจึงพยายามนำเสนอบทความชุดนี้ต่อไป
ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ต้นสามารถย้อนไปดูได้ตามลิงก์ค่อไปนี้
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (1)
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (2)
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (3)
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (4)
ในตอนต้นลุงแมวน้ำได้เกริ่นเอาไว้ว่าการพิจารณาแนวโน้มการลงทุนในประเทศต่างๆโดยดูจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ได้สะท้อนภาพของเศรษฐกิจในระดับประชาชนของประเทศนั้นๆอย่างแท้จริงเพราะปัจจัยในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ คงเป็นการสะท้อนภาพเศรษฐกิจของกลุ่มทุนในประเทศนั้นๆเสียมากกว่า
ในตอนก่อนๆเราได้ดูกราฟของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาและยุโรปกันไปแล้ว พอสรุปได้ว่าดัชนีตลาดที่พัฒนาแล้วน่าจะอยู่ในคลื่น B ดังภาพต่อไปนี้
คราวนี้ลองมาดูตลาดในทวีปเอเชียกันดูบ้าง ตลาดในทวีปเอเชียส่วนใหญ่เป็นตลาดเกิดใหม่ ยกเว้นญี่ปุ่นกับฮ่องกงซึ่งจัดเป็นตลาดพัฒนาแล้ว ลองดูภาพต่อไปนี้กัน
ที่เห็นในภาพนี้เป็นกราดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของหลายประเทศในเอเชียโดยมีดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาเป็นดัชนีเปรียบเทียบ
เส้นสีแดง 2 เส้นคือเส้นสีแดงที่เป็นเส้นเต็มกับเส้นสีแดงที่เป็นเส้นประ แสดงดัชนีตลาดหั่งเส็ง (Hang Seng) ของฮ่องกง และดัชนีนิกเกอิ (Nikkei 225, N225) ของญี่ปุ่นตามลำดับ จะเห็นว่าดัชนีนิกเกอินั้นเป็นขาลงมาตั้งแต่ก่อนปี 1990 หรือว่าเป็นขาลงมานานกว่า 20 ปีมาแล้ว ส่วนดัชนีหั่งเส็งนั้นปัจจุบันเป็นคลื่น 5 หรือคลื่น B ก็ยังดูได้ยาก แต่ที่ลุงแมวน้ำอยากให้สังเกตก็คือดัชนีของสองตลาดนี้เป็นระดับหมื่นจุด และเป็นตลาดที่เกิดมาแล้วยาวนาน
เส้นสีชมพู (เส้นหนา) แสดงดัชนีเซนเซกซ์ (SENSEX) ของอินเดีย ดัชนีตลาดอินเดียนั้นก็เป็นระดับหมื่นจุดเช่นกัน ภายในช่วงเวลาเพียงสิบกว่าปีดัชนีตลาดอินเดียวิ่งจากระดับที่ต่ำกว่า 5,000 จุดไปถึงระดับ 20,000 กว่าจุด แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของกลุ่มทุนในอินเดีย ถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่พัฒนาไปได้เร็วมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าภายในระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ประเทศอินเดียมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของชนในชาติอยู่สูง จากการนับคลื่น ดัชนีเซนเซกซ์ขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น 5
ที่เหลืออีก 5 ดัชนีของ 5 ประเทศ ได้แก่ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (Shanghai composite index, SSECI) ของจีน (ดัชนีของตลาดจีนที่ลุงแมวน้ำใช้มี 2 ดัชนี คือ SSECI กับ CSI 300 ซึ่ง SSECI นั้นมีข้อมูลยาวนานกว่า) ดัชนีสเตรทส์ไทมส์ (Straits Times Index) ของสิงคโปร์ ดัชนีจาการ์ตาคอมโพสิต (Jakarta composite index, JKSE) ของอินโดนีเซีย ดัชนี RTSI (ย่อมาจาก Russian Trading System Index) ของรัสเซีย และ SETI ของไทย ที่จริงยังมีดัชนีในย่านนี้ที่น่าสนใจอีกหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย แต่วันนี้เราดูกันเพียงเท่านี้ก่อน
จะเห็นว่าดัชนีของอีก 5 ประเทศที่เหลือเป็นดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำ คือ ในระดับหลักร้อยจุดหรือไม่กี่พันจุด ซึ่งตลาดในเอเชียเหล่านี้เองที่เป็นตลาดเกิดใหม่ที่เนื้อหอมสำหรับนักลงทุนชาติต่างๆเนื่องจากดัชนียังอยู่ในระดับต่ำ โอกาสที่จะพัฒนายังมีอีกมาก เราลองมาดูภาพขยายกัน
ในภาพนี้ลุงแมวน้ำตัดดัชนีนิกเกอิและหั่งเส็งออกไป เพื่อจะได้เห็นดัชนีตลาดเกิดใหม่ได้ชัดเจนขึ้น และเพิ่มดัชนี RTSI ของรัสเซียเข้ามา จะเห็นว่าเมื่อพิจารณาในระดับคลื่นใหญ่แล้ว ตลาดจีน รัสเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เกิดยอดคลื่นใหญ่ 3 ในปี 2008 แปลว่าขณะนี้ตลาดทั้งสี่น่าจะดำเนินอยู่ในคลื่น 5
ลักษณะคลื่นของตลาดจีน รัสเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียนั้นน่าลงทุนทีเดียว เนื่องจากเริ่มเห็นลูกคลื่นเป็นรูปร่างชัดแล้ว คลื่นในปัจจุบันเป็นคลื่นขาขึ้นที่น่าจะมีความชันพอสมควร ซึ่งหมายความว่าให้ผลตอบแทนดี
ส่วนตลาด SET ของไทยนั้น เมื่อมองในระดับคลื่นใหญ่เทียบกับชาติอื่นๆแล้วตลาดไทยยังอยู่ในระดับคลื่น 1 คลื่น 2 เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าโอกาสพัฒนายังมีอีกมาก ยอดคลื่นเดิมที่ระดับ 1,700 จุดที่นักลงทุนรายย่อยของไทยติดมาเป็นเวลานานหลายปีนั้นหากมองในภาพใหญ่เทียบกับชาติอื่นๆแล้วระดับ 1,700 จุดเป็นเพียงยอดเล็กๆเท่านั้น ยังมีเส้นทางให้เดินไปข้างหน้าได้อีกยาวไกล แต่ลุงแมวน้ำกล่าวเช่นนี้เมื่ออ่านแล้วอย่าเพิ่งรีบไปทุ่มซื้อหุ้นไทยกันเพราะปัจจัยที่เรายังไม่รู้ก็คือเรื่องของเวลา กว่าที่ดัชนี SETI จะพัฒนาไปเป็นระดับหลายพันจุดได้นั้นจะช้าหรือเร็วเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของประเทศ หากศักยภาพน้อยก็พัฒนาไปได้ช้า นักลงทุนก็จะย้ายเงินลงทุนไปลงทุนในประเทศอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีและเร็วกว่าเสียก่อน นักลงทุนต่างชาติก็นับคลื่นเป็น ใครๆก็นับคลื่นเป็น เมื่อมองในภาพแล้วจะเห็นว่าดัชนี SETI นั้นยังนับคลื่นได้ไม่ชัด ยังเป็นรูปแบบชามอ่างด้วยซ้ำไป (ต่างจากตลาดจีน รัสเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซียที่เห็นคลื่นได้ชัดแล้ว) ดังนั้นรอให้เข้าคลื่นใหญ่ 3 เสียก่อนจึงค่อยเข้ามาก็ได้ นี่คือปัจจัยด้านเวลา ดังนั้นแม้ว่าในภาพใหญ่ดัชนีของไทยยังมีโอกาสไปได้อีกไกลแต่ในการลงทุนของนักลงทุนก็ต้องพิจารณาภายในกรอบเวลาที่เหมาะสมกับตัวของเราด้วย
(โปรดติดตามอ่านต่อในวันถัดไป)
Monday, February 14, 2011
11/02/2011
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 9ภตใถึ จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BGH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทองคำไทย (GF) เกิดสัญญาณซื้อ ลุงแมวน้ำมองว่าแนวโน้มใหญ่ยังเป็นคลื่นขาลงอยู่ ดังนั้นจึงปิดสัญญาขายไป ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่รีบาวด์ขึ้นมาบ้าง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของจีน CSI 300 เกิดสัญญาณซื้อ แต่ในขณะเดียวกันดัชนีในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (P1DOW) เกิดสัญญาณขาย สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มใหญ่น่าจะยังเป็นคลื่นขาลงอยู่และ CSI 300 ที่เกิดสัญญาณซื้ออาจเป็นสัญญาณหลอก
ราคายางพารา (RSS3) ขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด ตลาดขึ้นอย่าขายสวน เพราะแม้จะขึ้นมามากแล้วแต่ยังอาจไม่จบคลื่นแต่ยังไปต่อได้อีกเนื่องจากยังไม่มีสัญญาณกลับทิศใดๆ ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังขึ้นอยู่ ราคายางพาราอาจไปต่อด้อีกพักใหญ่ ใครมีอยู่ก็ถือสัญญาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อนทำอะไร แต่ราคาแถวนี้ไม่น่าสี่ยงซื้อแล้วเพราะหากประเมินพลาดจะขาดทุนอย่างหนัก หากใครยังไม่มีก็ไม่ควรเข้า
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BGH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทองคำไทย (GF) เกิดสัญญาณซื้อ ลุงแมวน้ำมองว่าแนวโน้มใหญ่ยังเป็นคลื่นขาลงอยู่ ดังนั้นจึงปิดสัญญาขายไป ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่รีบาวด์ขึ้นมาบ้าง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของจีน CSI 300 เกิดสัญญาณซื้อ แต่ในขณะเดียวกันดัชนีในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (P1DOW) เกิดสัญญาณขาย สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มใหญ่น่าจะยังเป็นคลื่นขาลงอยู่และ CSI 300 ที่เกิดสัญญาณซื้ออาจเป็นสัญญาณหลอก
ราคายางพารา (RSS3) ขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด ตลาดขึ้นอย่าขายสวน เพราะแม้จะขึ้นมามากแล้วแต่ยังอาจไม่จบคลื่นแต่ยังไปต่อได้อีกเนื่องจากยังไม่มีสัญญาณกลับทิศใดๆ ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังขึ้นอยู่ ราคายางพาราอาจไปต่อด้อีกพักใหญ่ ใครมีอยู่ก็ถือสัญญาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อนทำอะไร แต่ราคาแถวนี้ไม่น่าสี่ยงซื้อแล้วเพราะหากประเมินพลาดจะขาดทุนอย่างหนัก หากใครยังไม่มีก็ไม่ควรเข้า
Subscribe to:
Posts (Atom)