Wednesday, January 19, 2011

18/01/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (4)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1024.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.35 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย IRPC ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 22 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ข้าวไทย (WBR5) เกิดสัญญาณซื้อ ฟิวเจอร์สต่างประเทศ โกโก้ (CC) เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนเงินตรา ดัชนีดอลลาร์ สรอ (US Dollar Index, DX) เกิดสัญญาณขายในขณะที่เงินยูโร (EC) เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ กลุ่มยุโรปขึ้นยกแผง ดัชนียูโรเนกซ์ เบล-20 (EURONEXT BEL-20) ของเบลเยียมเกิดสัญญาณซื้อในขณะที่ดัชนีของกลุ่มอาเซียน (ASEAN.L) เกิดสัญญาณขาย ช่วงนี้ตลาดเอเชียหากลงก็ลงมาก หากขึ้นก็ขึ้นนิดหน่อย ดูอาการไม่ค่อยดี โดยเฉพาะตลาดหุ้นของไทยนั้นอาการคล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค และนักลงทุนต่างชาติขายอย่างต่อเนื่องแม้ดัชนีจะขึ้น เงินบาทก็อ่อนค่าลง ทำให้น่าคิดว่าต่างชาติอาจขายและย้ายเงินลงทุนบางส่วนออกจากตลาดหุ้นของไทยเพื่อไปลงทุนในประเทศอื่น


มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (4)

มาดูทางด้านสหรัฐอเมริกากับยุโรปกันต่อ ลองมาดูกันว่าปรtเทศต่างๆในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจค่อนข้างมั่นคงอย่างเช่นเยอรมนี หรือประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างเช่น เบลเยียม สเปน ไอร์แลนด์ กับกลุ่มนอร์ดิกหรือกลุ่มยุโรปเหนือ อันได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์ ต่างก็มีรูปแบบของคลื่นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ น่าจะผ่านพ้นคลื่น 5 ไปแล้วและกำลังอยู่ในคลื่น B



ทีนี้ลองมาดูภาพที่ขยับเข้าไปดูให้ใกล้ขึ้นโดยดูตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ก็จะเห็นรายละเอียดของกราฟมากขึ้น จากสถานการณ์ปัจจุบันยังบ่งชี้ว่าประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปน่าจะอยู่ในคลื่น B โดยจะเห็นว่ายอดคลื่น 5 เกิดในปี 2007-2008 ประเทศไอร์แลนด์เติบโตค่อนข้างรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ แต่ไปพลาดที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของสหรัฐอเมริกาเอาไว้มาก เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์จึงมีปัญหาอย่างหนัก และเป็นประเทศที่ฟื้นตัวในคลื่น B ได้ช้าที่สุด ลองดูจากกราฟเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ชัดว่าในช่วงคลื่น B นั้นใครรีบาวด์ช้า ใครรีบาวด์ได้เร็ว โดยกลุ่มของเยอรมนีและนอร์ดิกรีบาวด์ได้ค่อนข้างเร็ว



ทีนี้ลองมาดูเศรษญกิจภายในสหรัฐอเมริกาเองบ้าง จากดัชนีกลุ่มธุรกิจต่างๆสามารถนำมาทำเป็นกราฟเทียบกับดัชนี S&P 500 ได้ดังนี้ จะเห็นว่าทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มพลังงาน (DJUSEN) ลงแรงและรีบาวด์แรงที่สุด ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (DJUSRE) ลงแรงแต่ยังฟื้นตัวไม่ดีเท่ากลุ่มพลังงาน ส่วนที่แย่ที่สุดคือรีบาวด์ไม่ค่อยไหว นั่นคือภาคการเงิน (DJUSFN)







No comments: