Thursday, February 10, 2011

08/02/2011 * โครงการลงทุนสำหรับวัยหนุ่มสาวของลุงแมวน้ำ (3)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 983.53 จุด ลดลง 2.10 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 8 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายน้ำตาล (SB, sugar#11)

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่ปิดเขียว ส่วนตลาดฝั่งเอเชียปิดแดง ตลาดเกิดใหม่หรือ emerging market ดูไม่ค่อยดี ช่วงนี้ผันผวน ขึ้นแรงลงแรง โดยเฉพาะทางด้านเอเชีย ลองสังเกตจากกราฟดูว่าวันนี้ตลาดเวียดนามขึ้นแรง ตามมาด้วยตลาดแอผริกาใต้และอียิปต์ ในขณะที่ตลาดอินเดีย รัสเซีย ชิลี และเปรู ปรับตัวลงค่อนข้างมาก ที่ขึ้นแรงลงแรงล้วนแต่เป็นตลาดเกิดใหม่ทั้งสิ้น ส่วนตลาดที่พัฒนาแล้วดูค่อนข้างดี


โครงการลงทุนสำหรับวัยหนุ่มสาวของลุงแมวน้ำ (3)

เมื่อวานเราคุยกันถึงเรื่องสินค้าที่จะเทรดในโครงการลงทุน ฟิวเจอร์สของ KTB และ QH ถือว่าสอบผ่านแล้วใน 2 ประเด็น นั่นคือ ด้านราคาและสภาพคล่อง วันนี้เราจะมาพิจารณาอีก 2 ประเด็นที่เหลือ นั่นคือ รูปแบบทางเทคนิคหรือการพิจารณากราฟราคาในอดีต และประเด็นสุดท้ายก็คือการพิจารณาจังหวะเข้าลงทุน ซึ่งเราจะพิจารณาไปพร้อมๆกันเลย

ลองมาดูกราฟราคาของหุ้น KTB กันก่อน ดังภาพต่อไปนี้



จากการประเมินด้วยสายตา จะเห็นว่าการเกิดสัญญาณหลอกหรือ false signal ที่หลอกให้เราคืนกำไรนั้นมีอยู่บ้าง คือมีในระดับปกติที่พอเทรดได้ จะให้ไม่มีเลยคงเป็นไปไม่ได้ สัญญาณหลอกนี้หากมีมากดูจากกราฟด้วยสายตาก็จะมองออก แต่หากไม่แน่ใจว่าสัญญาณหลอกเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใดต้องทดสอบด้วยการคำนวณจุดซื้อขายและคำนวณกำไรขาดทุนย้อนหลังเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใช้เวลา

สำหรับการนับคลื่นนั้น จากภาพยังนับไม่ออก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากำลังอยู่คลื่นไหน เนื่องจากเห็นภาพเพียงในกรอบเวลาจำกัด ลุงแมวน้ำจึงอนุมานเอาว่าหุ้น KTB นี้คล้อยตามดัชนี SET ซึ่งดัชนีขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น A หรือไม่ก็คลื่น 4 ดังนั้นตาดว่า KTB ก็น่าจะอยู่ในคลื่น A หรือ คลื่น 4 เช่นกัน

สรุปว่าในแง่กราฟราคา KTB มีรูปแบบราคาที่ไม่แกว่งตัวรุนแรง ไม่เกิดสัญญาณหลอกบ่อยๆ สามารถเทรดได้ ส่วนในแง่ความเหมาะสมด้านจังหวะเวลา หากอยู่ในคลื่น A ก็เหมาะสมที่จะเทรดทางด้านขายหรือเปิดสัญญาขาย หากเป็นคลื่น 4 ก็ไม่ควรเทรด ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่าน่าจะเป็นคลื่น A มากกว่า

ทีนี้มาดูกราฟราคาของ QH กันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้


กราๆของ QH อาจจะดูง่ายกว่าอยู่บ้าง เมื่อดูรูปแบบของกราฟ พบมีรูปแบบพื้นฐาน ดูง่าย นั่นคือ นับคลื่น 1-2-3-4-5-a-b-c ได้ สัญญาณหลอกพอมีบ้าง พอจะเทรดได้ (กราฟที่มีรูปแบบพื้นฐาน จำแนกลูกคลื่นได้ไม่ยาก พวกนี้ถือว่าเทรดได้ หากกราฟมีรูปแบบราคาซับซ้อน แกว่งตัวแรง นับคลื่นไม่ถูก พวกนี้ไม่ค่อยน่าเทรดนักเนื่องจากโอกาสเกิดสัญญาณหลอกค่อนข้างสูง)

จากการนับคลื่นน่าจะอยู่ในคลื่น A ซึ่งสอดคล้องกับดัชนี SET ดังนั้นทางด้านจังหวะเวลาถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับการเทรดในด้านขาย

สรุปว่าฟิวเจอร์สของหุ้น KTB และ QH มีคุณสมบัติผ่านทั้ง 4 ประการ สามารเลือกเข้าพอร์ตลงทุนได้ ดังนั้นเมื่อเกิดสัญญาณขายในวันที่ 24 มกราคม 2554 ซึ่งวันนั้นตลาดหุ้นไทยลงหนัก ทั้งดัชนี SET, SET50, S50 และหุ้นอีกจำนวนมากเกิดสัญญาณขาย ลุงแมวน้ำจึงเริ่มเข้าลงทุนด้วยการเปิดสัญญาขาย (open short position) ฟิวเจอร์ส KTB และ QH และถือว่าวันที่ 24 มกราคม 2554 นี้เป็นวันที่เริ่มต้นโครงการลงทุนสำหรับวัยหนุ่มสาว

สรุปผลการลงทุนเมื่อสิ้นเดือนมกราคม เป็นดังนี้

จะเห็นว่าพอร์ตลงทุนเริ่มมีกำไรแล้ว แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไป ยังคงต้องติดตามดูกันอีกนาน และต่อไปลุงแมวน้ำจะสรุปผลโครงการลงทุนให้ดูกันทุกเดือนเช่นเดียวกับโครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ

ข้อควรระวังที่สำคัญยิ่งก็คือ ลุงแมวน้ำทำโครงการนี้เพื่อแสดงให้เห็นการวางแผนและการดำเนินการลงทุนส่วนบุคคลโดยใช้ฟิวเจอร์สและตราสารตลาดทุนอื่นๆเข้าช่วย ผู้ที่จะลงทุนแบบนี้ได้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน มีความรู้เกี่ยวกับอนุพันธ์ และต้องเคยฝึกฝนการเทรดอย่างเป็นระบบมาแล้ว ซึ่งความรู้ในส่วนพื้นฐานหล่านั้นลุงแมวน้ำไม่ได้พูดเอาไว้ในที่นี้เนื่องจากเนื้อที่ เวลา และข้อจำกัดอื่นอีกหลายอย่างทำให้ลุงแมวน้ำไม่สามารถอธิบายไปถึงรายละเอียดขั้นพื้นฐานได้

ฟิวเจอร์สนั้นเป็นตราสารที่อันตราย ต้องรู้จักใช้ ต้องรู้จักการระวังรักษาตัว ผู้ที่ฝึกใจ ฝึกวินัยในการลงทุนมาแล้วเป็นอย่างดีเท่านั้นจึงจะเทรดได้ประสบความสำเร็จ หากไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมาแล้วโอกาสพังมีสูงมาก การฝึกวินัยการลงทุนนั้นคงสอนกันไม่ได้ทางเว็บบล็อก ต้องมีครูสอนจึงจะดี ดังนั้นหากผู้ใดที่อ่านบทความนี้และสนใจในการลงทุนเป็นโครงการเช่นนี้ หากเคยเทรดอย่างเป็นระบบมาแล้วก็สามารถนำไปประยุกต์ให้เหมาะกับตนเองได้ แต่หากยังไม่เคยฝึกการเทรดอย่างเป็นระบบมาก่อน ควรต้องไปเรียนรู้มาก่อน




No comments: