Thursday, February 17, 2011

16/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 982.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.4% ในขณะที่ฟิวเจอร์ส S50 ปรับตัวเพิ่มถึง 2.6%

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BBL, DTAC, GLOW, SCB, TISCO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 11 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส ข้าวไทย (BWR5) เกิดสัญญาณขาย


ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว ไม่ว่าจะเป็นโลกฝั่งตะวันตกหรือตะวันออก คงมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ปรับตัวลดลง เช่น คูเวต เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ

แม้ว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นแรงทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักไปในทางแนวโน้มขาขึ้นมากขึ้น แต่หากพิจารณาจากดัชนีต่างๆแล้วจะเห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของตลาดขาขึ้นนั้นอยู่ในกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้วมากกว่า ลองพิจารณาจากตารางข้อมูลประจำวันที่ด้านล่างจะพบข้อเท็จจริงดังนี้

ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปล้วนแต่เป็นสัญญาณซื้อ อีกทั้งเป็นสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นนานพอสมควรแล้วด้วย สหรัฐอเมริกาเกิดสัญญาณซื้อมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ปกติหากป็นสัญญาณซื้อยาวนานขนาดนี้มักเป็นคลื่น 3 ย่อย ส่วนทางด้านสหภาพยุโรปเกิดสัญญาณซื้อมาแล้วประมาณ 1 เดือน

ตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย เป็นสัญญาณขายเกือบทั้งหมด ยกเว้นญี่ปุ่นกับจีน (จีนเกิดสัญญาณซื้อมาได้ 6 วัน ยังไม่แน่ว่าอาจเป็นสัญญาณหลอกก็ได้)

เมื่อดูตารางในหมวด Business Sectos จะเห็นว่าดัชนีในหมดธุรกิจต่างๆเป็นสัญญาณซื้อเกือบทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มพลังงาน ดัชนีนี้ให้น้ำหนักไปทางตลาดที่พัฒนาแล้วเนื่องจากตลาดที่พัฒนาแล้วมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง

เมื่อพิจารณาค่า LIBOR-OIS spread กับค่า TED spread ซึ่งบ่งชี้ความตึงตัวของเงินดอลลาร์ สรอ จะเห็นว่ากราฟของค่าทั้งสองนี้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่าความต้องการเงินดอลลาร์เริ่มมีมากขึ้น ต้องตามดูต่อไป หากสองค่านี้ปรับตัวสูงขึ้นไปอีกก็น่าจะมีการทยอยขายเงินลงทุนในรูปสกุลเงินต่างๆเพื่อแปลงเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ


ดัชนี SET ของไทยแม้จะปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับทิศ ดังนั้นลุงแมวน้ำยังมีมุมมองเป็นแนวโน้มขาลงอยู่เช่นเดิม



มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนกันต่อ จากที่วันก่อนลุงแมวน้ำนำกราฟของตลาดหุ้นหลายประเทศในเอเชียมาให้ดูกันและเห็นว่าในภาพใหญ่แล้วตลาดส่วนใหญ่ทางฝั่งเอเชียยังอยู่ในคลื่น คลื่น 5 (หรือบางประเทศยังอาจเป็นคลื่น 4 อยู่) ยกเว้นญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ กับฮ่องกงที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเป็นคลื่น 5 หรือคลื่น B กันแน่

วันนี้เรามาดูประเทศอื่นๆในเอเชียกันต่อ ดังภาพต่อไปนี้




ในภาพลุงแมวน้ำยังคงกราฟของดัชนีดาวโจนส์ (สหรัฐอเมริกา) กับเซนเซกซ์ (อินเดีย) เอาไว้เป็นดัชนีเปรียบเทียบ จากภาพจะเห็นว่าตลาดมาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ เกาหลีใต้ และแม้แต่ออสเตรเลียก็น่าจะอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งยังไม่จบคลื่น ยกเว้นไต้หวันที่กราฟของดัชนีมีรูปทรงไม่ค่อยปกติ ทำให้นับไม่ถูก จะเห็นว่าตลาดในฝั่งเอเชียหลายๆประเทศนั้นน่าลงทุนมากทีเดียวเนื่องจากยังอยู่ในคลื่นขาขึ้นอีกทั้งดัชนีตลาดยังไม่สูง บางประเทศก็อยู่หลักร้้อยจุด บางประเทศก็หลักพันจุดต้นๆ ดัชนีของเวียดนามก็ประมาณ 500 จุด และในปีนี้ลาวก็เปิดตลาดหุ้นไปแล้ว อีกไม่นานตลาดหุ้นกัมพูชาก็จะเปิดดำเนินการเช่นกัน

จากฝั่งเอเชียเราข้ามไปดูฝั่งทวีปอเมริกากันต่อ ลองดูภาพต่อไปนี้



เมื่อเห็นภาพแล้วหลายคนอาจแปลกใจ ดัชนีระดับหมื่นจุดสองหมื่นจุดเราก็ว่าสูงมากแล้ว มาดูดัชนีโบเวสปา (Bovespa) ของบราซิลที่เป็นระดับ 75,000 จุดแล้วดัชนีประเทศอื่นๆกลายเป็นขนมไปเลย

ในทวีปอเมริกานี้แบ่งตลาดออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มพัฒนาแล้วคือตลาดสหรัฐอเมริกากับแคนาดา ซึ่ง สหรัฐอเมริกานั้นลุงแมวน้ำตั้งสมมติฐานเอาไว้ว่าน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น B ส่วนตลาดแคนาดานั้นพิจารณาจากดัชนี S&P/TSX Composite Index (TSX นั้นย่อมาจาก Toronto Stock Exchange) ซึ่งลุงแมวน้ำประเมินว่ากำลังอยู่ในคลื่น B เช่นกัน

ส่วนตลาดอีกกลุ่มในทวีปอเมริกาล้วนแต่เป็นตลาดเกิดใหม่หรือว่าตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนา เช่นเม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา ชิลี ปรู ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เคยเป็นประเทศอาณานิคมมาก่อน ดัชนีเหล่านี้ส่วนใหญ่น่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5

สำหรับดัชนีประเทศบราซิลนั้นดูน่ากลัวทีเดียว เห็นกราฟสวย ทรงสูง น่าจะทำกำไรได้งดงามจากตลาดหุ้นเช่นนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วกราฟเช่นนี้สะท้อนถึงการเก็งกำไรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ควบคู่ไปกับการพัฒนาและการลงทุนอย่างดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นทุนข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนและตักตวงผลกำไรจากทรัพยากรในประเทศนั้นๆและนำกลับเข้าประเทศของตน ส่วนผลเสียของการพัฒนาก็ตกแก่คนในชาติ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงลิบลิ่ว ข้าวของแพงจนไม่มีกำลังซื้อ และสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรม ฯลฯ ลุงแมวน้ำไม่อยากให้เราดีใจและชมชอบทำกำไรกับตลาดที่กราฟชันแบบนี้เพราะมันเป็นตลาดที่โหดร้าย เมื่อขึ้นแรงก็ต้องลงแรง อยากให้ทำกำไรอย่างสบายใจกับตลาดที่ดัชนีค่อยๆขึ้นไปดีกว่า ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอกเอาไว้ว่าแม้เราจะอยู่ในโลกของทุนนิยมก็ตาม แต่เราก็สามารถเลือกที่จะเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจเมตตาและเอื้ออาทรผู้อื่นได้

ลุงแมวน้ำยังเหลือภาพใหญ่อีกสองกลุ่ม นั่นคือ แอฟริกากับตะวันออกกลาง จากนั้นเราจะมาดูประเทศที่น่าลงทุนในความคิดของลุงแมวน้ำเป็นรายประเทศกัน ปัจจุบันกองทุนของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศมีหลายกองทุนทีเดียว และในอนาคตจะยิ่งมากกว่านี้ ดังนั้นมุมมองต่อตลาดประเทศต่างๆจึงมีส่วนช่วยให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนต่างประเทศดังกล่าว



No comments: