Monday, April 29, 2013

29/04/2013 * ลุงแมวน้ำโดดขึ้นรถไฟสาย 1700 และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (22/04/2013 - 26/04/2013)

วันนี้ลุงแมวน้ำเขียนรายละเอียดไม่ทัน ผ่อนส่งเอารายงานไปชมกันก่อนนะคร้าบ แล้วพรุ่งนี้มาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม


 photo s5029042013weeklyreportcopy.gif

Monday, April 22, 2013

22/04/2013 * เงินเยนป่วนบาท และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (15/04/2013 - 19/04/2013)

ร้านทองในเยาวราชบางร้านอยู่ในสภาพเงียบเหงาหลังจากราคาทองคำร่วงครั้งใหญ่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ สาเหตุที่เงียบเหงาเนื่องจากลูกค้าแห่กันมาซื้อทองคำจนหมดร้านไปแล้วนั่นเอง


สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีเรื่องให้อัปเดตกันหลายเรื่องทีเดียว

มาดูสภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของฝั่งตะวันตกกันก่อน ในสัปดาห์ที่แล้วมีการประชุม G20 และประธานธนาคารกลางของยุโรปหรืออีซีบี (ECB) กล่าวว่าการฟื้นตัวของยุโรปยังไม่ชัดเจน หลายประเทศมีแนวโน้มเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ อย่างเช่นอังกฤษที่ปริมาณหนี้สาธารณเริ่มน่าเป็นห่วง จนบริษัทจัดอันดับเครดิตฟิทช์ต้องปรับลดอันดับเครดิตของอังกฤษลง ส่วนอิตาลีก็ยังเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ไม่ได้ ดังนั้นในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นของฝั่งยุโรปส่วนใหญ่จึงปรับตัวลง นักลงทุนเริ่มหายตระหนกจากข่าวลือเรื่องไซปรัสขายทองคำสำรอง ทำให้ราคาทองคำที่ดิ่งลงอย่างแรงเริ่มนิ่ง

มาทางด้านสหรัฐอเมริกา ตัวเลขทางเศรษฐกิจของอเมริกาหลายตัวเริ่มออกอาการชะลอตัว ดัชนีราคาบ้านต่ำกว่าที่คาดการณ์ ยอดขายบ้านใหม่ลดลง ดัชนีฝ่ายจัดซื้อลดลง สะท้อนถึงภาคการผลิตที่อ่อนตัวลง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น หมายถึงว่ามีจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์เอาไว้นั่นเอง จากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยน่าพอใจหลายชุดทำให้ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว

มาดูทางด้านเอเชียกันบ้าง การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนการส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวดีขึ้น โดยรวมแล้วเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียยังดูดี ตลาดหุ้นในย่านเอชียมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง คละกันไป แต่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง มีเพียงบางตลาดที่ปรับตัวขึ้นได้ ส่วนตลาดหุ้นไทย SET index ปรับตัวขึ้น +1.2%

ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ในสัปดาห์ที่แล้วราคาทองคำปรับตัวลงแรงมากจากข่าวเรื่องไซปรัสจำต้องขายทองคำสำรองออกมา ทำให้ราคาโลหะเงินปรับตัวลงแรงมากด้วย ส่วนราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน ทางด้านตลาดสินค้าเกษตรมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง ขึ้นกับชนิดของสินค้า

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้โลกกำลังปั่นป่วนกับสงครามค่าเงิน ช่วงนี้สกุลเงินที่กำลังป่วนโลกการเงินอยู่ก็คือเงินเยน เพราะผันผวนมาก คือเป็นแนวโน้มอ่อนค่าแต่ว่าแกว่งแรง ดูจากกราฟก็จะเห็นว่าน่าเวียนหัวเพียงใด ผลของค่าเงินเยนกระทบกับสกุลเงินต่างๆพอสมควร โดยเฉพาะเงินบาทไทยดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากเงินเยนค่อนข้างมากมาหลายเดือนแล้ว คือเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตราสารหนี้ของไทยจนทำให้เงินบาทแข็งค่าผิดปกตินั้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเงินเยนที่ไหลเข้ามานั่นเอง เพราะตอนนี้นักลงทุนกำลังหนีเงินเยนเนื่องจากด้อยค่าลงเรื่อยๆ

เงินร้อนที่เป็น ดอลลาร์ สรอ เมื่อไหลเข้าไทยก็มักมาพักในตลาดเงินหรือตลาดตราสารหนีระยะสั้น แต่เงินที่เข้ามาในรอบหลายเดือนมานี้กลับไปลงอยู่ที่ตราสารหนี้ระยะยาว แสดงว่าไม่ใช่เป็นเงินร้อนเก็งกำไร ส่วนนี้คงเป็นเงินที่หนีจากเงินเยนมาพักในไทยนั่นเอง

ทีนี้ก็เป็นกราฟของดัชนีตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงินต่างๆ ค่อยๆดูกันไปทีละรูปนะคร้าบ

อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนหนักเนื่องจากเงินตราท่วมโลก เงินเยนแนวโน้มอ่อนค่า ยูโรสัปดาห์ก่อนหน้าแนวโน้มแข็งค่า แต่สัปดาห์ที่แล้วเริ่มนิ่งๆ ควรดูไปก่อน เงินยูโรเริ่มดูยากแล้ว อาจกลับทิศเป็นอ่อนค่าได้อยู่เหมือนกัน
เงินบาทแนวโน้มแข็งค่า ส่วนเงินดอลลาร์สิงคโปร์ช่วงนี้ทรงตัว

เงินบาท แนวโน้มแข็งค่าต่อไป ตัวการคาดว่าน่าจะเป็นเงินเยนไหลเข้านี่เอง


เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย เปรียบเทียบเมื่อปลายเดือน พ.ย. 2012 กับเมื่อ 19/04/2013 จะเห็นว่าตราสารหนี้ระยะยาวมีผลตอบแทนลดลงชัดเจน นั่นคือเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ามาในตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งหากเป็นเงินร้อนจะไม่เข้าไปอยู่ในตราสารหนี้ระยะยาวแต่จะอยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้น แสดงว่าเงินทุนที่ไหลเข้ามานี้มีเจตนาจะพักอยู่นาน


ตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนีแดกซฺ์ (DAX) ลงมาติดกรอบล่างของกรอบ SEC (standard error channel) และยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ยังไม่ไปไหน หากหลุดกรอบ SEC ลงมาก็น่ากลัว

ตลาดหุ้นอเมริกา ระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ 

ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย แกว่งตัวในกรอบ ขณะนี้ไม่ใช่กรอบสามเหลี่ยมชายธง แต่เป็นกรอบชายธงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า 


ตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าจะอยู่ในคลื่นสามแล้ว เป็นคลื่น 3 ใหญ่เสียด้วย น่าลงทุนจัง ขณะนี้กองทุนในบ้านเรามีเพียงกองเดียวที่ลงทุนในญี่ปุ่น ต่อไปคงแห่กันออกกองทุนญี่ปุ่นมากมาย

ตลาดหุ้นจีน น่าจะอยู่ในคลื่น 2 ใหญ่ ตอนนี้เกิดสัญญาณซื้อแล้ว แต่อาจเป็น false signal เนื่องจากคลื่นสองนี้อาจยังไม่จบ เพราะลงมาเพียงแค่ระดับฟิโบนาชชี -50% เป็นไปได้ว่ายังลงได้อีก


ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วร่วงหนัก จากนั้นรีบาวด์ขึ้นมาบ้าง มีคนแห่ไปซื้อทองที่เยาวราชกันจนร้านทองแทบแตก แต่แนวโน้มยังลงต่อได้อีก ควรระวัง

ราคาน้ำมันดิบ ลงมาติดกรอบล่างของสามเหลี่ยมชายธงและยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ราคาอาจร่วงหลุดกรอบล่างลงมาได้ ยังคงต้องระวังอยู่





 photo s5019042013weeklyreportcopy.gif

Wednesday, April 17, 2013

17/04/2013 * ไททานิกทองคำ ทฤษฎีโดมิโน และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (08/04/2013 - 12/04/2013)


สรุปภาวะตลาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ที่จริงหมายถึงวันที่ 8-12 เมษายน แต่เนื่องจากในคืนวันศุกร์ต่อเนื่องจนถึงคืนวันอังคาร (12-16 เมษายน) แม้ว่าตลาดบ้านเราจะหยุดทำการ แต่ตลาดต่างประเทศเกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะทองคำและโลหะเงินร่วงแรงที่สุดในรอบ 30 ปี (เขาว่ากันยังงั้น) ดังนั้นสรุปตลาดในวันนี้ลุงแมวน้ำจะพูดครอบคลุมตั้งแต่ 08/04/2013 ถึง 16/04/2013 โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

เรามาดูภาพรวมของตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว 08/04/2013 ถึง 12/04/2013 กันเสียก่อน ดูตารางท้ายบทความนี้ประกอบ

ภาพรวมของตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่แล้วนั้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้นประมาณ +2% และทางฝั่งยุโรปก็ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ +1% ถึง +12% แต่โดยเฉลี่ยแล้วฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นประมาณ +2.5%

ทางด้านเอเชียนั้นตลาดหุ้นมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง ที่ปรับตัวขึ้นแรงยังคงเป็นญี่ปุ่นเจ้าเก่า +5.1% ตามมาด้วยตลาดหุ้นตุรกี ฟิลิปปินส์ และไทย (+2.5%) ส่วนตลาดหุ้นที่ลงก็ลงไม่แรงมาก ได้แก่ เวียดนาม ไต้หวัน และอินเดีย

แม้ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นการปรับตัวขึ้นจากที่ลงมาก่อนหน้านี้ หากพิจารณาจากตารางแล้วจะเห็นว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในโลกล้วนแต่เกิดสัญญาณขายแล้วทั้งสิ้น โดยตลาดหุ้นฝั่งทวีปอเมริกาก็มีแต่สหรัฐอเมริกาที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ ส่วนตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเป็นสัญญาณขายเกือบทุกตลาด ทางฝั่งเอเชียก็เกิดสัญญาณขายไปแล้วหลายตลาด ดังนั้นที่จริงแล้วภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในสภาพที่เปราะบาง ไม่มั่นคง

ทีนี้มาดูภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กันในสัปดาห์ที่แล้วกันบ้าง ภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็เกิดสัญญาณขายไปแล้วเกือบทั้งหมด คืออยู่ในภาวะตลาดขาลงหรือไม่ก็เป็นภาวะที่ไร้ทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโลหะ พลังงาน และสินค้าเกษตร คงมีเพียงสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดเท่านั้นที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ เช่น ก๊าซธรรมชาติ (NG) และโกโก้ (CC) ดังนั้นจะเห็นว่าภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้น

ทีนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวลือออกมาว่าประเทศไซปรัสอาจต้องขายทองคำที่เป็นทุนสำรองออกมาประมาณ 14 ตัน เพื่อนำมาใช้เป็นสภาพคล่องภายในประเทศ ไม่มีใครรู้ว่าไซปรัสขายทองคำจริงหรือไม่เพราะยังไม่มีการยืนยัน แต่ทางไซปรัสเองก็ยังไม่ได้ปฏิเสธข่าวนี้ ประกอบกับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงมาตลอดเนื่องจากกองทุนใหญ่อันดับหนึ่งของโลกคือ SPDR gold trust ทยอยขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง

ข่าวก็ลือกันต่อไปอีกว่าหากไซปรัสซึ่งเป็นประเทศเล็กๆยังต้องขายทองคำมาใช้หนี้ถึง 13 ตัน และหากเป็นประเทศใหญ่ๆอย่างอิตาลี สเปน เมื่อถึงคราวขาดสภาพคล่องก็อาจจำเป็นต้องขายทองคำออกมาบ้าง ถึงตอนนั้นจะเทขายทองคำออกมามากมายขนาดไหน ข่าวนี้เหมือนกับเป็นชนวนระเบิดที่ถูกจุดขึ้น ประกอบกับตอนเช้าวันศุกร์ที่แล้ว จีนประกาศตัวเลขจีดีพีที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ เรื่องจีดีพีจีนก็มีส่วนจุดชนวนด้วยเหมือนกัน และแล้ว ราคาทองคำก็ดิ่งลงราวกับเรือไททานิก ปกติราคาทองคำจะขึ้นลงแรงในช่วงที่ตลาดฝั่งตะวันตกเปิดทำการ แต่ในครั้งนี้ราคาทองคำเริ่มดิ่งในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ตลาดเอเชียเริ่มเปิดทำการ แสดงว่าเรื่องของจีนน่าจะมีส่วนด้วย

ไม่เพียงแต่ราคาทองคำเท่านั้นที่ดำดิ่ง แต่ราคาโลหะเงินก็ดิ่งด้วย อีกทั้งยังพลอยฉุดราคาน้ำมันดิบให้ลงเหวไปอีกด้วย ราคาน้ำมันช่วงนี้ก็เป็นแนวโน้มขาลงอยู่แล้ว เมื่อโลหะมีค่าเสียศูนย์ก็ฉุดให้ราคาน้ำมันดิบลงแรงยิ่งขึ้น และไม่เพียงเท่านั้น ยังพลอยฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกให้เป๋ไปอีกด้วย

นอกจากนี้ ค่าเงินหรือว่าอัตราแลกเปลี่ยนก็ยังผันผวนหนัก ปกติแล้วราคาทองคำกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ จะตรงกันข้ามกัน คือทองขึ้น ดอลลาร์ สรอ ก็อ่อน หรือทองตก ดอลลาร์ สรอ ก็แข็ง พูดตามภาษาสถิติก็ต้องบอกว่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับเงินดอลลาร์ สรอ เป็นลบค่อนข้างสูง แต่ในช่วงนี้ราคาทองคำกับเงินดอลลาร์ สรอ ไปตามกัน คือมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 15 วัน (15 day correlation coefficient) ประมาณ +0.5 นั่นหมายความว่าราคาทองคำร่วง ดอลลาร์ สรอ ก็อ่อนไปด้วย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกตินัก

ขณะเดียวกัน เงินเยนก็ผันผวนหนัก เดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวแข็ง ส่วนเงินยูโรก็แข็งค่าขึ้นแม้ว่าสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก

จะเห็นได้ว่าอะไรที่เคยเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมๆอาจใช้ไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้ ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องดูที่กราฟราคาของผลิตภัณฑ์นั้นๆเองเป็นสำคัญ จะพิจารณาตัวอื่นประกอบด้วยก็ต้องดูให้ดีว่าตัวที่เรานำมาประกอบนั้นเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นตัวประกอบนั่นแหละที่จะพาให้การวิเคราะห์ไปผิดทาง

สรุปว่าในช่วงที่ตลาดบ้านเราหยุดทำการในช่วงสงกรานต์นั้นเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย ราคาผลิตภัณฑ์หลายชนิดร่วงอย่างแรง นอกจากทองคำ น้ำมัน และตลาดหุ้นแล้วยังมีราคายางพาราของตลาดญี่ปุ่นที่ร่วงแรงอีกด้วย เราลองมาดูกันว่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงแรงในช่วงที่ไทยหยุดกันปรับตัวลงกันไปมากน้อยเพียงใด

ราคาทองคำ เงิน น้ำมันดิบ และยางพารา ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา

ทีนี้เราลองมาดูกราฟราคาทองคำกัน

ราคาทองคำร่วงแรงในวันที่ 12/04/2013 ถึง 16/04/2013


หากพิจารณาในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำหลุดปลายสามเหลี่ยมชายธงลงมาแล้ว ยังมีโอกาสลงต่อ

ราคาทองคำจะลงไปถึงไหน การหาคำตอบนี้ต้องพิจารณาภาพในกรอบเวลากว้างมากๆประกอบ   จากกราฟราคาทองคำในรอบ 43 ปี จะเห็นว่าราคาทองคำน่าจะจบคลื่นใหญ่ 3 (สีดำ) ไปแล้ว และขณะนี้ราคาทองคำน่าจะกำลังอยู่ในคลื่นใหญ่ 4 (สีดำ) ซึ่งคลื่นนี้น่าจะกินเวลาอีกหลายเดือนหรือหลายปี และราคาน่าจะปรับตัวลงได้อีก 


หากถามว่าราคาทองคำจะลงไปถึงไหน หากจะดูสถานการณ์ในภาพใหญ่ก็คงต้องพิจารณากราฟราคาทองคำในกรอบเวลาที่กว้างมากประกอบ เพราะในกรอบเวลาสั้นๆก็ช่วยให้เห็นภาพสถานการณ์ในช่วงสั้นๆเท่านั้น

จากกราฟราคาทองคำในรอบ 43 ปี ราคาทองคำขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น 4 (สีดำ) ซึ่งคลื่น 4 นี้น่าจะมีความผันผวนสูง ไม่เหมาะที่จะเทรดด้วยระบบสัญญาณซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นการเทรดขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม เพราะว่าคลื่นนี้มักเกิดสัญญาณหลอก (false signal) บ่อย ทำให้ขาดทุน พิจารณาด้วยเครื่องมือฟิโบนาชชีเป้าหมาย ราคาทองคำน่าจะลงไปได้อีกถึง 1,160 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ ระดับแนวรับที่ 1,250 ดอลลาร์ สรอ ไม่น่ารับไหว

และที่น่าคิดก็คือ ราคาทองคำกับโลหะเงินนี้เหมือนเป็นตัวจุดชนวน อาจเกิดโดมิโน คือพลอยทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆดำดิ่งได้ด้วยเช่นกัน


ราคาน้ำมันดิบ WTI กำลังอยู่ในคลื่นย่อย c และอยู่ในสามเหลี่ยมชายธง ให้ระวังอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยราคาทองคำ

ราคาสินค้าเกษตรตัวหลัก ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นแนวโน้มขาลง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนมีการร่วงแรงอยู่เหมือนกัน บางวันลงไปวันละ -6% ถึง -7% ตอนนี้ปัจจัยพื้นฐานของสินค้าเกษตรยังไม่เอื้อ คาดการณ์กันว่าปริมาณน้ำฝนในอเมริกาจะดีขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตข้าวสาลีมีมากขึ้น ประกอบกับจีดีพีของจีนต่ำกว่าคาดการณ์ จีนเป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มสินค้าเกษตรรายใหญ่ ดังนั้นอาจมีการเล่นข่าวกำลังการบริโภคสินค้าเกษตรลดต่ำลง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรดิ่งแบบทองคำก็เป็นได้


ที่จริงเรื่องทองคำกับไซปรัสนั้น ลุงแมวน้ำเห็นว่าข่าวไซปรัสไม่ใช่สาเหตุหลัก ที่จริงก็คือนักลงทุนจ้องจะทุบราคาทองคำอยู่แล้ว เมื่อมีข้ออ้างก็ทุบเสียเลย ตอนนี้สินค้าโภคภัณฑ์ไม่ได้อยู่ในกระแสตลาดขาขึ้น คือไม่น่าเทรดเลยทั้งกลุ่ม หากไม่แกว่งแบบไร้ทิศทางก็เล่นกันแบบตลาดขาลง ดังนั้นนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงทั้งกลุ่ม


ราคายางโตคอมของญี่ปุ่น เมื่อวันหยุดสงกรานต์ก็ร่วงแรง ประมาณ -7.1%

สำหรับราคายางพารา เมื่อวันหยุดสงกรานต์ก็ลงไปหลาย ประมาณ -7.1% คิดเป็นเงินไทย ณ เช้าวันพุธ (คือวันนี้) ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 76.6 บาท หรืออาจต่ำกว่านั้น



ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของอเมริกา เกิดแท่งเทียนดำใหญ่และยังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ระดับแนวต้านอันเป็นระดับฟิโบนาชชีสำคัญ อาจไม่ผ่านและกลับทิศได้


สำหรับตลาดหุ้น ก็อย่ามั่นใจในตลาดหุ้นมาก ลุงแมวน้ำฉายภาพใหญ่ให้ดูแล้วว่าตลาดส่วนใหญ่ในโลกเป็นสัญญาณขาย อีกทั้งตลาดหุ้นอเมริกาก็อาจกลับทิศแถวนี้ ประกอบกับทฤษฎีโดมิโนที่ลุงแมวน้ำว่ามา ดังนั้นตลาดทั่วโลกและของไทยก็มีความเสี่ยงที่จะลงแรงได้เช่นกัน

เนื่องจากเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ น่าจะต่ำกว่า 29 บาท/ดอลลาร์ สรอ โปรดระวัง ช่วงนี้ฝรั่งขายหุ้นไทยแต่ว่าเงินยังไม่ได้ออกไปไหน มิหนำซ้ำมีเงินไหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้อายุยาวเพิ่มมากขึ้นเสียอีก เงินต่างชาติไหลเข้า ไม่ได้ไหลออก แต่ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้นต่อในเร็วๆนี้ อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นอาจลงไปก่อนลึกๆแล้วค่อยขึ้นต่อก็ได้ สำหรับลุงแมวน้ำก็ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคตามแนวโน้มไปเรื่อยๆ ประกอบกับสัญญาณซื้อขาย ตลาดไปในทิศทางไหนลุงแมวน้ำก็ไปด้วย ^__^ 



ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนี้ผันผวนหนัก ดูกราฟของราคาทองคำกับเงินเยน จะเห็นว่าผิดปกติ เงินดอลลาร์ สรอ แนวโน้มอ่อนค่าต่อ เงินยูโรแนวโน้มแข็งค่าต่อ เงินเยนยังดูไม่ออก ส่วนเงินบาทนั้นมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ


 photo s5017042013weeklyreportcopy.gif

Tuesday, April 16, 2013

16/04/2013 สุขสันต์วันสงกรานต์ 2556 และ 4 ปีของเว็บบล็อกลุงแมวน้ำ






สงกรานต์ปี 2556 นี้ลุงแมวน้ำมาสุขสันต์วันสงกรานต์สายไปหน่อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าปีนี้บรรดาสิงห์สาราสัตว์ในคณะละครสัตว์ลากลับภูมิลำเนาในช่วงสงกรานต์กันเป็นจำนวนไม่น้อย ที่โรงละครสัตว์จึงเงียบกริบ แถมยังมีฝนตกให้เย็นชุ่มฉ่ำ ลุงแมวน้ำจึงเกิดอาการอยากพักผ่อนขึ้นมา ไม่อยากทำอะไรเลย พูดง่ายๆก็คือขี้เกียจนั่นแหละ ^_^ หลายปีมานี้ทำงานแบบไม่ค่อยได้พักผ่อน ปีนี้รู้สึกอยากขอพักให้เต็มอิ่มสักวันสองวัน จากนั้นก็วางแผนที่จะทำโน่น ทำนี่ หลายอย่าง ตั้งแต่จัดโขดหินที่รกรุงรังไปด้วยสินค้า สะสางงานอีคอมเมิร์ซที่คั่งค้าง ตลอดจนดูแลความเรียบร้อยภายในโรงละครสัตว์ อ้อ เลี้ยงกระรอกน้อยด้วย ฯลฯ แต่ทำไปทำมาไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ได้อยู่อย่างเดียวคือนอน ที่เหลือก็ได้อย่างละเล็กอย่างละน้อย ไม่มากเท่าไร

ลุงแมวน้ำนอนพักผ่อนอยู่บนโขดหินแบบเต็มๆอยู่เกือบสองวัน คือวันเสาร์กับอาทิตย์ ปิดหู ปิดตา แต่ยังไม่ปิดจมูกเพราะกลัวขาดอากาศหายใจ ฝนตก อากาศเย็นสบายน่าพักผ่อนมาก รู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลย ระหว่างที่พักผ่อนอยู่นั้นก็คิดทบทวนอะไรหลายต่อหลายอย่าง


สวนเล็กๆภายในบริเวณโรงละครสัตว์ ใกล้กับโขดหินของลุงแมวน้ำ ในสวนเขียวขจี ร่มรื่น มีสัตว์ นก และแมลงนานาชนิด หลังฝนตกหอยทากน้อยสองตัวก็ออกมาเดินกระดืบๆหาของกิน


นึกขึ้นมาได้ว่าเว็บบล็อกของลุงแมวน้ำมาถึงตอนนี้ก็มีอายุครบ 4 ปีเต็มแล้ว ก็อย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละว่าเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก

สามปีแรกลุงแมวน้ำปรับปรุงเว็บบล็อกอย่างขยันขันแข็ง ทำทุกวันเลย แต่พอมาปีที่สี่ก็เริ่มช้าอืดอาด ก็อย่างว่าละนะ แมวน้ำชรา เรี่ยวแรงเริ่มถดถอย ^_^ เหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือในรอบปีที่ผ่านมาภาระการงานของลุงค่อนข้างมาก แต่ก็แปลกที่ช่วงสามปีแรกของลุงแมวน้ำมียอดไลก์ในเฟซบุ๊กรวมกันประมาณ 1000 ไลก์ แต่ในปีที่สี่นี้แม้ว่าจะปรับปรุงเว็บบล็อกช้ากว่าเดิม แต่ยอดไลก์ทั้งปีก็ประมาณ 1000 ไลก์ เท่ากับที่ได้มาในช่วงสามปีแรกเลยทีเดียว

และที่แปลกยิ่งกว่านั้น คือ บทความที่มีคนอ่านมากที่สุดกลับไม่ใช่บทความด้านการลงทุนหรือการวิเคราะห์หุ้น เศรษฐกิจ แต่กลับเป็นบทความเรื่องทำโยเกิร์ตสูตรเจไว้กินเอง ยอดคนดูตั้งหลายพันคนเชียว เรื่องตลาดน้ำขวัญเรียมก็มีคนดูเป็นพัน สงสัยว่าลุงจะเลิกทำเว็บบล็อกการลงทุน หันมาเอาดีทางทำเว็บบล็อกแนวเบาๆ โน่น นี่ นั่น น่าจะรุ่งกว่า ^_^

วันนี้ลุงขอคุยสบายๆ สัพเพเหระก็แล้วกันกันนะ ให้สมกับบรรยากาศวันพักผ่อนในเทศกาลปีใหม่ไทย

มาดูกระรอกน้อยสองพี่น้องกันก่อน ช่วงวันหยุดนี้ลุงแมวน้ำมีเวลาก็เลยดูแลใกล้ชิดหน่อย จับกระรอกน้อยใส่ในหูกระต่ายแล้วพาเดินไปไหนมาไหนด้วย เพราะว่ากระรอกน้อยชอบไออุ่น ลุงก็เดินอยู่แถวบริเวณโขดหินนั่นแหละ ไม่ได้ไปไกล แต่กระรอกน้อยชอบมาก ติดลุงแมวน้ำแจเลย จะไปไหนต้องขอไปด้วยตลอด



กระรอกน้อยสองพี่น้องเมื่ออายุได้ 40 วัน วันๆก็กิน นอน แล้วก็เล่น ไม่ทำอย่างอื่น ตอนนี้รู้เพศแล้วล่ะ เป็นเด็กหญิงทั้งคู่เลย ตัวพี่คือ ดญ.หัวโน จะมีพวงหางที่ฟูสวยกว่าน้องขาเจ็บหน่อย ทั้งสองตัวเวลานอนต้องกอดกันกลมแบบนี้เสมอ คงรักกันมาก ^_^ ตัวล่างในภาพที่นอนแบบโยคะคือหัวโน ส่วนตัวบนคือน้องขาเจ็บ


จ๊ะเอ๋!!! สองศรีพี่น้องปีนป่ายเก่งขึ้นทุกวัน เล็บเริ่มคมขึ้น มีอยู่วันหนึ่ง ไม่กี่วันมานี้เอง ทั้งสองตัวปีนขึ้นไปบนชั้นสามของกรงได้เป็นครั้งแรก  (กรงมี 3 ชั้น) ที่ชั้นสามจะมีบ้านเล็กๆอยู่หลังหนึ่ง ทั้งสองตัวพอเห็นบ้านก็เข้าไปหลับปุ๋ยอยู่ในนั้นทันที จนลุงต้องจับเอาตัวลงมา แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ขึ้นไปอีก เล่นอยู่แต่ชั้นล่างของกรง ยังไม่รู้ว่าที่ไม่ขึ้นไปอีกเพราะอะไรเหมือนกัน

เรื่องอีคอมเมิร์ซของลุงแมวน้ำไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไร ขายของได้เล็กๆน้อยๆ เพราะว่าลุงไม่ได้ทำเต็มเวลา ทำได้แค่ในยามว่างเท่านั้น ก็อยากให้คืบหน้ามากกว่านี้และเร็วกว่านี้ แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไง เพราะเวลามีจำกัด อีกอย่างหนึ่งคงเป็นเพราะว่าลุงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในลำดับต้นๆกระมัง อย่างตอนที่ได้ลาภสัตว์ 8 เท้าเข้ามา (ไม่ใช่แมงมุมนะ แต่เป็นกระรอกสองตัว ^_^) ลุงก็ต้องจัดการดูแล จะดูดายก็ทำไม่ลง เลี้ยงกระรอกเพิ่มอีกสองชีวิตก็กินเวลาไปอีกโข เรื่องอีคอมเมิร์ซก็รอไปก่อน

หลังจากที่พักผ่อนและดูแลกระรอกน้อยแล้ว งานสำคัญที่ลุงตั้งใจว่าจะทำในช่วงหยุดสงกรานต์นี้ก็คือการตามหาหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง

ภาระสำคัญอย่างหนึ่งของลุงแมวน้ำที่ทำมานานแล้วก็คือการรักษาหมาจรจัดที่เป็นขี้เรื้อน ที่ว่าเป็นขี้เรื้อนนี้ไม่ได้เป็นโรคเรื้อนแบบคนหรอกนะ ขี้เรื้อนในหมาที่ทำให้หมาดีๆ ขนสวยๆ กลายเป็นหมาหนังกลับได้นั้นเกิดจากตัวไรที่ไปอาศัยอยู่ตามผิวหนังของหมา ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้ อักเสบ ทำให้คันและขนร่วง หมาที่เป็นขี้เรื้อนนี้ เมื่อใดที่มีอาการคันจะทรมานมาก เป็นโรคที่ไม่ถึงตายแต่ว่าต้องทนทุกข์ทรมานยาวนาน ยิ่งหมาจรจัดเป็นหมาที่คนรังเกียจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากเป็นขี้เรื้อนคนก็ยิ่งรังเกียจ มีแต่ไล่ให้ไปไกลๆ ดังนั้นโอกาสที่จะหาอาหารก็ยากยิ่งขึ้น
และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของงานอดิเรกอย่างหนึ่งของลุงแมวน้ำ นั่นคือการตระเวนรักษาหมาจรจัดที่เป็นขี้เรื้อน งานอดิเรกนี้ใช้เวลาพอสมควรทีเดียว เพราะการรักษาหมาตัวหนึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องให้ยาต่อกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ไหนจะเดินทาง ไหนจะทำความคุ้นเคย ไหนจะตามหาหมาให้เจอ เพราะว่าหมาจรจัดนั้นเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ บางวันไปแล้วหาไม่เจอก็ต้องไปใหม่อีก อย่างเจ้าหมาตัวที่ลุงไปรักษาในวันสงกรานต์นี้ก็ตามหาเพื่อให้ยามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เจอสักที ก็เพิ่งมาเจอนี่เอง


หมาในภาพนี้เป็นหมาตัวเดียวกัน ลุงถ่ายไว้เมื่อประมาณ 7 ปีมาแล้ว ตอนที่ลุงไปเจอก็เป็นขี้เรื้อนดังที่เห็นในภาพบน ผิวหนังอักเสบ มีรอยเกาเป็นแผลน้ำเหลืองโชกเลย หลังจากที่รักษาแล้วก็ขนสวยงามดังรูปล่าง แต่ตัวนี้งานยากหน่อย เพราะว่าหายแล้วสักพักก็กลับมาเป็นซ้ำอีก ในสองปีลุงรักษาไปสามรอบ อยู่ไกลเสียด้วย สุดท้ายก็มาโดนรถชนตาย แต่ในช่วงหลังของชีวิตตอนที่หายจากขี้เรื้อนแล้วชีวิตก็มีความสุขขึ้นมากเพราะไม่คันแล้ว 


เอาละ สงกรานต์นี้แวะไปโน่นไปนี่ ยังไม่ได้สาดน้ำสักที เดี๋ยวเราไปสาดน้ำกัน ปีนี้ลุงแมวน้ำไปที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะว่าไปที่สีลมมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ส่วนที่ตรอกข้าวสารนั้นไกลเกิน ลุงไปไม่ไหว

ที่เซ็นทรัลเวิลด์แม้จะมีพื้นที่เล่นสนุกไม่มากเหมือนกับที่ถนนสีลมซึ่งปิดถนนเล่นไปครึ่งสาย แต่ก็มีสีสันดีเพราะว่ามีสงกรานต์โฟมด้วย คือแทนที่จะฉีดน้ำก็เปลี่ยนเป็นฉีดโฟม สนุกไปอีกแบบ


สงกรานต์ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ บนลานแบ่งพื้นที่เป็นโซนฉีดน้ำกับโซนฉีดโฟม ในภาพนี้เป็นโซนฉีดน้ำ มีน้ำจากสายยางของทางผู้จัดฉีดจนเป็นเหมือนสายฝน และแต่ละคนที่มาเล่นก็พกปืนฉีดน้ำมาฉีดใส่กันด้วย


นอกจากโซนฉีดน้ำแล้วก็ยังมีโซนฉีดโฟม ที่เห็นในรูปเป็นเครื่องสีดำคล้ายพัดลม นั่นคือเครื่องฉีดโฟม เล่นโฟมกันสนุก โฟมนี้ไม่ค่อยลื่น เพราะไม่ใช่ฟองจากผงซักฟอก ลุงแมวน้ำลื่นไถลไปบนพื้นที่มีโฟมก็นุ่มพุงดีเหมือนกัน ^_^

ชาวต่างชาติมาเล่นน้ำสงกรานต์เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนเอเชีย พวกสิงคโปร์ ไต้หวัน จีน ฮ่องกง ฝรั่งก็มีแต่ไม่มากนัก


ภาพนี้เป็นการเล่นสงกรานต์ตามท้องถนน มีให้เห็นประปราย แต่ส่วนใหญ่จะไปชุมนุมกันเล่นตามจุดเล่นสงกรานต์ใหญ่ๆมากกว่า 


ลุงแมวน้ำเอาสีสันในวันสงกรานต์ปี 2556 นี้มาเล่า และถือเป็นบทความในโอกาสครบรอบ 4 ปีของเว็บบล็อกลุงแมวน้ำอีกด้วย ย่างก้าวต่อไปก็จะเป็นปีที่ 5 แล้ว ลุงแมวน้ำก็อายุมากขึ้นทุกวัน จะทำได้ถึงแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก็เอาเป็นว่าเราจะอยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าจะไม่มีคนอ่านหรือจนกว่าลุงแมวน้ำจะทำไม่ไหวก็แล้วกัน

สุขสันต์วันสงกรานต์คร้าบ (^___^)



Tuesday, April 9, 2013

09/04/2013 * สรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (01/04/2013 - 05/04/2013)


ตลาดหุ้นไทยเป็นแนวโน้มขาลง หากภายวันวันสองวันนี้ SET ยังปิดได้สูงกว่า 1478 จุดก็มีโอกาสก่อตัวเป็นชายธงก่อนค่อยลง แต่หากวันสองวันนี้ปิดต่ำกว่า 1478 จุด ดัชนีคงไหลลงเร็ว


วันนี้เรามาสรุปภาวะตลาดและการลงทุนในรอบสัปดาห์ที่แล้วกัน

ภาพรวมในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ทางฝั่งทวีปอเมริกาปรับตัวลงหมด ส่วนของสหรัฐอเมริกานั้นปรับตัวลงประมาณ -1% ตอนนี้ข่าวทางสหรัฐอเมริกามีทั้งดีปนร้าย ข่าวดีคืออัตราการจ้างงานดีขึ้น แต่ข่าวร้ายคือแรงงานอเมริกันถอดใจเลิกหางานกันมากขึ้น พวกนี้คือออกจากระบบไปเลย ไม่ได้นำมาคำนวณเป็นผู้ว่างงาน กับข่าวที่เก็งผลประกอบการไตรมาส 1 กัน บ้างก็ว่าน่าจะออกมาดี บ้างก็ว่าน่าจะออกมาแย่ลง ข่าวยังสับสน

ทางด้านทวีปยุโรป ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนี DAX เกิดสัญญาณขายและมีรูปแบบกราฟเป็นแนวโน้มขาลง ดูแปลกๆ ทำเหมือนกับว่าจบคลื่นใหญ่เลย แต่ประเด็นนี้ขอรอดูอีกหน่อย เพราะหากจบคลื่นใหญ่จริงคงเป็นเรื่อง เพราะเท่ากับว่าคลื่นที่เพิ่งจบคือคลื่น B และขณะนี้ยุโรปอยู่ในคลื่น C ใหญ่ แต่อย่าเพิ่งกังวลมาก ลุงแมวน้ำแค่พูดเผื่อไว้ รอดูไปก่อน

ทางด้านตลาดหุ้นเอเชีย สัปดาห์ที่แล้วตลาดส่วนใหญ่ปรับตัวลง ตลาดหุ้นจีนลงแรงจากปัญหาเรื่องไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ขณะนี้มีชาวจีนตายไปแล้ว 7 คน ตลาดค้าสัตว์ปีกในเซี่ยงไฮ้ถูกสั่งปิดและฆ่าไก่ไปเป็นจำนวนมากเพื่อควบคุมโรค ผลจากเรื่องนี้ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงแรงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นสายการบินทั้งในจีนและฮ่องกง ลงกันระเนระนาด ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันที่ยังดูดีเพราะไต้หวันหยุดในเทศกาลเช็งเม้ง 2 วัน สัปดาห์นี้เปิดมาก็ลงแรงเช่นกัน

แวะมาที่ตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงแรงที่สุดในเอเชียก็ว่าได้ เพราะว่าลงไปถึง -4.6% โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ต่างชาติเริ่มขายรุนแรง หุ้นในกลุ่ม SET50 เกิดสัญญาณขายไปแล้วถึง 31 หุ้น ตลาดแบบนี้เป็นตลาดขาลงแล้ว ในตลาดขาลง หุ้นจะเด้งขึ้นไม่ได้มาก เพราะขึ้นมาก็ถูกขาย โดยเฉพาะพอร์ตของโบรกเกอร์หรือที่เรียกว่าพอร์ตเทรด พวกนี้ขายไวมาก ไม่ถือยาวอยู่แล้ว ส่วนต่างชาติก็ขายอยู่ รายย่อยก็เล่นสั้นชนิดที่ว่าไม่เอาหุ้นกลับบ้าน ดังนั้นปัจจัยจิตวิทยาเหล่านี้ทำให้หุ้นขึ้นต่อไม่ได้ เพราะขึ้นมาก็ถูกขาย ต้องรอให้ลงไปลึกๆก่อน ความผันผวนจะค่อยๆลดลง ถึงตอนนั้นจึงมีคนกล้าถือเก็บเอาไว้

สำหรับตลาดหุ้นไทย รอดูในวันสองวันนี้ หากดัชนี SET ปิดต่ำกว่า 1478 จุด แสดงว่ารูปแบบการลงเป็นแบบคลื่นขาลงแล้ว แต่หากปิดสูงกว่า 1478 จุด แสดงว่ายังมีโอกาสเด้งขึ้นลงเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง หากเป็นชายธงก็เป็นโอกาสโดดหนีให้ได้ราคาหน่อย หากเป็นคลื่นซิกแซกขาลงก็น่ากลัว เพราะว่าลงเร็ว

ทางด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินผันผวนมาก ธนาคารกลางของญี่ปุ่นเริ่มอัดฉีดเงินเข้ามาในตลาดด้วยการซื้อพันธบัตร รอบนี้อยู่ในวงเงินประมาณ 3 แสนล้านบาท (ยังมีอีกหลายรอบ) ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นวิ่งฉิว ค่าเงินเยนอ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ค่าเงินยูโรและเงินสกุลยุโรปอื่นๆก็แข็งค่าขึ้น ส่วนเงินบาทไทยสัปดาห์ที่แล้วแกว่งตัวในกรอบแคบ แต่ขณะนี้แข็งค่าอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนอ่านยาก ลุงแมวน้ำก็มึนเหมือนกัน

ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบ ทองคำ สินค้าเกษตร ปรับตัวลง น้ำมันดิบกับสินค้าเกษตรลงแรง ราคายางพาราปรับตัวลงถึง -10% ทีเดียว

วันนี้มีทั้งตารางและกราฟหลายภาพ โดยเฉพาะตารางมีส่วนช่วยในการมองสถานการณ์ได้ดี ดีกว่าภาพรายวันเสียอีก ลองชมกันนะคร้าบ


ดัชนี DAX ของเยรมนี กำลังทำคลื่นขาลงอยู่ อาจเป็นการจบคลื่น B และเข้าคลื่น C ก็ได้ แต่ยังไม่ชัด รอดูต่อไปอีกหน่อย แต่ก็ควรเตรียมตัวเอาไว้บ้าง เพราะหากเป็นคลื่น C จริงจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

เงินยูโรค่อยๆแข็งค่ามาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น

เงินเยนอ่อนค่าหนักเพราะผลจาก QE ฉบับซามูไร รอบนี้อัดฉีดเงินเข้าซื้อพันธบัตรถึง 1 แสนล้านเยนหรือประมาณ 3 แสนล้านบาท 

ราคายางพาราไทยตลาด AFET เป็นขาลงชัดเจน อาจลงไปได้ถึง 66 บาท




 photo s5009042013weeklyreportcopy.gif

Thursday, April 4, 2013

04/04/2013 * ถอยดีกว่า


เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงอีกแล้ว ตอนนี้ความผันผวนในตลาดหุ้นไทยมีมากขึ้นและมากขึ้น สังเกตได้จากการแกว่งที่มีกรอบกว้าง วันหนึ่งแกว่งได้หลายสิบจุด อย่างเมื่อวานก็ไป +11 จุดกว่าๆ จากนั้นก็ลงมาที่ -31 จุดกว่าๆ รวมแล้วแกว่งในกรอบ 40 กว่าจุด

เมื่อคืนตามเวลาบ้านเรา (วันทรด 03.04/2013) ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปก็ลง อเมริกาก็ลง โดยเฉพาะน้ำมันดิบลงแรง โดยน้ำมันดิบ WTI - 2.8% น้ำมันดิบเบรนต์ -3.2% ทองคำก็ร่วงตามลงมา -1.4% ส่วนสินค้าเกษตรร่วงหนักมาก่อนหน้านี้แล้ว

วันนี้เรามาดูสถานการณ์ทั้งในบ้านเราและตลาดโลกกัน ดูตามภาพไปเลยคร้าบ




มาที่ยุโรปกันก่อน โดยดูดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนีแดกซ์ยังไม่สามารถผ่านจุดสูงสุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (คือที่ 8092 จุด) แล้วก็ไหลลงมาและเกิดสัญญาณขาย ตอนนี้อยู่ในภาวะไร้ทิศทาง แต่สัญญาณกลับทิศแนวโน้มเริ่มทยอยมาให้เห็นแล้ว รอดูต่อไปอีกหน่อยว่าจะกลับทิศหรือไม่




มาที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนี S&P 500 มาชนระดับสูงสุดเดิมของเมื่อก่อนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ยังยืนไม่อยู่ จากนั้นก็ร่วงลงมา แล้วเข้าสู่ภาวะไร้ทิศทางแล้ว ต้องดูต่อไปว่าจะกลับทิศแนวโน้มเป็นขาลงหรือไม่




น้ำมันดิบ WTI ร่วงแรงจากยอดสต็อกน้ำมันของอเมริกาที่เหลืออยู่บานเบอะ ถ้านับคลื่นน่าจะเข้าคลื่น c ย่อย คงลงต่อได้อีก รอบนี้น่าจะหลุด 90 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล




ทองคำ หลุดกรอบชายธงลงมาแล้ว แถมยังเกิดแท่งเทียนดำใหญ่ แนวโน้มลงต่อได้อีกมาก




สินค้าเกษตร ช่วงที่ผ่านมาเหมือนกับจะจบคลื่น c และเริ่มเข้าคลื่น 1 แต่ในที่สุดก็ไม่ใช่ ทั้งเดินแท่งเทียนดำใหญ่และเกิดช่อง (gap) ประกอบกับทิศทางราคาน้ำมันเป็นขาลง สินค้าเกษตรคงลงต่อได้อีก 




ยางพารา RSS3 ของไทย เดิมทีเหมือนกับว่าจะจบคลื่นแล้ว แถว 82 บาท และกำลังเข้าคลื่น 1-2 แต่ดูแล้วคงไม่ใช่แล้วล่ะ คลื่น c ยังไม่จบ แนวโน้มยางพาราคงหลุด 80 บาทลงไปในเร็วๆนี้





คราวนี้มาดูตลาดหุ้นไทยกันบ้าง เมื่อวานตลาดหุ้นลงแรงอีก น่าจะเป็นคลื่น 4 แล้วล่ะ เหลือแต่ว่าจะลงเลยหรือจะทำรูปแบบชายธงก่อนลงเท่านั้นเอง

เมื่อวานกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลงแรง ลองมาดูกราฟของหุ้นอสังหาฯบางตัวกัน ตัวเลขที่เป็น % ในภาพหมายถึงราคาปิดเมื่อวานลงมาจากยอดคลื่นแล้วกี่เปอร์เซ็นต์นั่นเอง 












Tuesday, April 2, 2013

02/04/2013 * สรุปภาวะตลาดเดือนมีนาคม แนวโน้มโลกชะลอตัว

ลุงแมวน้ำไม่ได้รายงานสถานการณ์การลงทุนมาเสียนาน สาเหตุก็เนื่องมาจากฐานข้อมูลมีปัญหา แล้วยังไม่ได้ซ่อมเสียที ช่วงหลังเว็บยาฮูรวนบ่อยๆ ทำให้ข้อมูลมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ แต่ตอนนี้แก้ไขเสร็จแล้ว เลยออกรายงานเดือนมีนาคมมาให้ดูกัน

ภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือนมีนาคมเริ่มแสดงอาการชะลอตัวลง หากเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ก็จะเห็น คือการเปลี่ยนแปลงเป็นแบบขึ้นๆลงๆ ไม่ใช่การขึ้นต่อเนื่อง แสดงว่าภาพใหญ่เริ่มชะลอตัวลงแล้ว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของอเมริกาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ดัชนีตัวนี้คำนวณจากหุ้น 30 ตัว ส่วนดัชนี S&P 500 ของอเมริกาเช่นกัน ที่คำนวณจากหุ้น 500 ตัว ทำจุดสูงสุดใหม่ได้เมื่อตอนสิ้นเดือนมีนาคมนี้เอง แต่ว่ายืนไม่อยู่ และลุงแมวน้ำคาดว่าตลาดหุ้นอาจปรับตัวลงทั่วโลกในเดือนเมษายนคือเดือนนี้แหละ

ภาพรวมของตลาดหุ้นกลุ่มยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง กลุ่มละตินอเมริกาหรือว่าอเมริกาใต้ก็ปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นอาร์เจนตินาหวือหวามาก ขึ้นลงเดือนละ 10% ทีเดียว

ตลาดหุ้นย่านเอเชียเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากดูในรายประเทศเริ่มมีการปรับตัวลงในบางประเทศ โดยเฉพาะจีนปรับตัวลงค่อนข้างแรง ซึ่งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีนนี้แม้ดูไม่ค่อยกระทบกับตลาดหุ้นอื่นๆ แต่ที่จริงแล้วมีผลกระทบกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากเหมือนกัน โดยเฉพาะตลาดสินค้าเกษตร ถ้าจีนมีการบริโภคหดตัวลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายโดยเฉพาะสินค้าเกษตรจะร่วงตามไปด้วย รวมทั้งราคายางพารา

สำหรับตลาดหุ้นไทย เมื่อเดือนมีนาคม ดัชนี SET ปรับตัวขึ้น 1% แต่หุ้นที่เกิดสัญญาณขายเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบการกราฟของดัชนี SET ผ่าน 1600 จุดแต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้ รวมทั้งดัชนีตลาดหุ้นของอเมริกาเริ่มส่อเค้าว่าจะปรับตัวลง ดังนั้นลุงแมวน้ำคาดว่าในเดือนเมษายนนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวลงไปชั่วระยะหนึ่ง โดยคลื่นขาลงชุดนี้อาจอยู่ในรูปสามเหลี่ยมชายธงก็ได้ คือเด้งขึ้นเด้งลงในกรอบชายธงไปก่อน จากนั้นค่อยหลุดชายธงลงมา การลงรอบนี้หากประเมินด้วยเครื่องมือทางเทคนิคคือฟิโบนาชชีเป้าหมาย (fibonacci targetting) อาจลงไปถึง 1290-1350 จุดก็ได้ ดังนั้นนักลงทุนควรระวัง

สินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมตลาดยังไม่เล่นกัน ตอนนี้มาเน้นกันที่ตลาดหุ้น ดังนั้นสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆจึงไม่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นราคาทองคำ น้ำมันดิบ ล้วนแต่แกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบ ลักษณะเป็นตลาดไร้ทิศทางอยู่ แต่เมื่อไรที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง สินค้าโภคภัณฑ์พวกนี้จะร่วงตามไปด้วย ดังนั้นลุงแมวน้ำคิดว่ายังไม่น่าเทรด ควรหลีกเลี่ยงชั่วคราว ยกเว้นอยู่อย่างเดียว คือราคาน้ำมันดิบ หากมีกรณีสงครามรบพุ่งกัน ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวขึ้น แต่ก็พูดเผื่อไว้เท่านั้นเอง กรณีเกาหลีเหนือที่ออกมาแสดงท่าทีเกเรนั้นยังไม่มีน้ำหนักต่อราคาน้ำมันดิบ

ด้านสินค้าเกษตร เมื่อเดือนมีนาคมปรับตัวลง -2.4% จากนั้นตอนสิ้นเดือนมีนาคมต่อเนื่องต้นเดือนเมษายน คือเมื่อสองสามวันที่ผ่านมานี้เอง ราคาสินค้าเกษตรข้าวโพด ข้าวสาลี ลงหนัก เพราะสต็อกสินค้าเกษตรในอเมริกามีสูง เมื่ออุปทานมากมาย ราคาก็ย่อมร่วง ตอนนี้รูปแบบทางเทคนิคเสียหายหมดแล้ว ใครที่ถือไว้ควรพิจารณากระโดดออกมาได้แล้ว



 photo s5002042013monthlyreportmarch2013copy-3.gif