Monday, January 31, 2011

31/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 964.10 จุด ลดลง 17.73 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BIGC ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 5 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายโหละทองแดง HG (copper futures)

กองทุนอีทีเอฟ วันนี้กองทุนอีทีเอฟน้ำมัน (DBO) เกิดสีญญาณซื้อหลังจากที่ราคาน้มันดีดตัวขึ้นมาจากกรณีความวุ่นวายของประเทศอียิปต์

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นของคูเวต (DJKW30D) และญี่ปุ่น (N225) เกิดสัญญาณขาย




28/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 981.83 จุด ลดลง 4.88 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขาย NK (Nikkei index futures) อันเป็นอนุพันธ์ของดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่น ช่วงนี้ดัชนีนิกเกอิร่วงเนื่องจากถูกปรับลดอันดับเครดิตของประเทศจาก AA เป็น AA- อันเนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงอย่างเรื้อรัง

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นของโคลอมเบียเกิดสัญญาณขาย ดัชนีในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (emerging market) ไม่ว่าจะเป็นในย่านเอเชีย ยุโรป และละตินอเมริกา กลายเป็นสัญญญาณขายทั้งหมดแล้ว ดัชนีที่สะท้อนภาพรวมเหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ดังกล่าวอาจพักความร้อนแรงไปชั่วขณะหนึ่ง

ขณะเดียวกันดัชนี MSCI All Country World (ACWI) ก็เกิดสัญญาณขาย อันหมายถึงว่าภาพรวมของลาดทั้งโลกก็ดูไม่ดี แต่อย่างไรก็ควรรอดูดัชนีอีก 2 ตัว นั่นคือดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) ของตลาดสหรัฐอเมริกา และดัชนี Global Index (W1DOW) หากสองดัชนีนี้เกิดสัญญาณขายด้วยก็หมายถึงว่าสมมติฐานเดิมที่เคยคิดกันว่าเงินอาจไหลออกจากตลาดเกิดใหม่กลับเข้าไปในตลาดที่พัฒนาแล้วนั้นก็อาจไม่ใช่ กลายเป้นว่าแนวโน้มตลาดทั้งโลกอาจปรับตัวลง ซึ่งเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรอีกไม่นานน่าจะได้รู้กัน

ความวุ่นวายในอียิปต์ทำให้ราคาน้ำมันกลับดีดตัวขึ้นมาเนื่องจากคลองสุเอซของอียิปต์เป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันประมาณ 3% ของปริมาณน้ำมันในโลก

ลองสังเกตดูในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ ปกติค่าเงินดอลลาร์กับราคาทองคำจะสวนทางกัน แต่สองสามวันมานี้กลับขึ้นลงตามกัน

ช่วงนี้ลุงแมวน้ำปรับปรุงเว็บบล็อกในแต่ละวันได้ค่อนข้างช้า สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานข้อมูลระบบใหม่ที่ใช้สำหรับนำเสนอข้อมูลในตารางข้อมูลรายวันนั้นใช้เวลาเตรียมนานกว่าตารางรุ่นเดิมมาก ลุงแมวน้ำยังต้องใช้เวลาปรับระบบการทำงานเพื่อให้เข้าที่เข้าทางอีกสักระยะหนึ่ง



27/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 986.71 จุด ดีดกลับขึ้นมาอีก 8.64 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขาย NG (natural gas)

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นของอียิปต์ยังลงต่อจากเมื่อวานอีกถึง 10.12% สาเหตุจากการก่อความวุ่นวายต่อต้านรัฐบาล ส่วนดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาปิดเขียว ทางฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ก็ปิดเขียวเล็กน้อย ส่วนทางฝั่งเอเชียมีทั้งปิดเขียวและแดง จีนและฟิลิปปินส์ขึ้นแรง ส่วนอินเดียและตุรกีลงแรง ดัชนีหั่งเส็ง (HSI) ของฮ่องกงเกิดสัญญาณขาย




Thursday, January 27, 2011

26/01/2011 * ASEAN, PSEI, JKSE, STI, SET

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 978.07 จุด ดีดกลับขึ้นมา 18.90 จุดหรือ 1.97%

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย STA และมีสัญญาณซื้อ BH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขาย SCC

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นของอียิปต์ลงแรงถึง 6% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นของไทย อินโดนีเซีย รัสเซีย และกรีซขึ้นแรง

หลายวันที่ผ่านมาดัชนีตลาดลักทรัพย์ของอียิปต์ (DJEG20D) และแอฟริกาใต้ (ZADOWD) ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนเกิดสัญญาณขาย มาวันนี้จึงทำให้ดัชนีในระดับภูมิภาคแอฟริกา (DJAFK) เกิดสัญญาณขายตาม เช่นเดียวกับดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคละตินอเมริกาที่ปรับตัวลดลงทั้งภูมิภาคจนดัชนีภูมิภาคละตินอเมริกา (A3DOW) เกิดสัญญาณขาย กล่าวได้ว่าตลาดเกิดใหม่หรือ emerging market โดยรวมถูกเทขาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ดัชนี SET ของไทยจะปรับตัวลง ล่าสุดหนังสือพิมพ์ลงข่าวแล้วว่าที่ลือกันเมื่อสองวันก่อนว่ากองทุนใหญ่ของประเทศเพื่อนบ้านขายหุ้นในไทยเป็นจำนวนมากนั้นเป็นความจริง ซึ่งก็คือกองทุนเทมาเส็กนั่นเอง จะเห็นว่าข้อมูลข่าวสารมาทีหลังราคาเสียอีก ดัชนีร่วง หุ้นตกไปหลายวันแล้วจึงค่อยทราบข้อเท็จจริง ดังนั้นการเทรดตามแนวโน้มราคาโดยมีสัญญาณซื้อขายกำกับทำให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้แม้จะได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วนก็ตาม ขอเพียงรู้ราคาที่เคลื่อนไหวก็สามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้

วันนี้ลองมาดูกราฟราคาหุ้นและดัชนีกัน

ตลาดหุ้นในภาพรวมของกลุ่มอาเซียน (ASEAN.L) เกิด bearish convergence รวมทั้งหลุดกรอบล่างของ standard error channel (SEC) ด้วย ดังภาพต่อไปนี้



และเมื่อแยกดูกราฟดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศในบางประเทศจะเป็นดังต่อไปนี้


ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ (Philippine stock exchange Index, PSEI) เกิดสัญญาณขาย ดังภาพต่อไปนี้



ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (Jakarta composite index, JKSE) ก็เกิดสัญญาณขาย ดังภาพต่อไปนี้



แม้แต่ตลาดหุ้นของสิงคโปร์ (Straits Times Index, STI) ก็เกิดสัญญาณขาย



ลองมาดูตลาดหุ้นของไทยกันบ้าง ดัชนี SET มีสัญญาณกลับทิศแนวโน้ม (trend reversal signal) หลายประการ และจากการนับคลื่นของลุงแมวน้ำ คาดว่าน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น A หรือหากนับคลื่นผิด อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในคลื่น 4 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคลื่น A หรือคลื่น 4 ก็คงน่าจะทำให้ดัชนี SET ปรับตัวลงได้ลึกพอสมควร ยังน่าจะะลงต่อไปได้อีก ดังภาพดัชนี SET ต่อไปนี้


ในช่วงที่ผ่านมา หากนับจากยอดคลื่นล่าสุดของตลาดต่างๆ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียปรับตัวลดลงไปแล้ว 7.45% ตลาดฟิลลิปปินส์ลดลง 9.6% ตลาดอินเดียลดลง 9.7% และที่หนักที่สุดคือตลาดจีนซึ่งลดลงไปแล้ว 16%

ตลาด SET ของไทยลดลงไปแล้ว 6.9% ยังน้อยกว่าตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเดียวกัน เมื่อพิจารณาว่าปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์ในระดับภูมิภาค ดังนั้น SETI จึงยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก




25/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 959.17 จุด ลดลง 4.51 จุด ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลงต่อหลังจากที่เมื่อวานปรับตัวลงอย่างหนัก

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย CPN, PTTAR, TOP ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 6 ตัว หุ้นในกลุ่ม SET 50 เกิดสัญญาณขายต่อเนื่องจนเกือบหมดทั้งกลุ่มย่อมไม่น่าใช่สัญญาณหลอก

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายทองแดง (HG)

กลุ่มอีทีเอฟ DBO (Deutschbank oil fund) อันเป็นกองทุนน้ำมันใหญ่เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดทางด้านสหรัฐอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่ปิดแดง ส่วนทางเอเชียกระจายกันไปทั้งเขียวและแดง ตลาดหุ้นเวียดนาม (VNINDEX) ลงแรง ตลาดอินโดนีเซีย (JKSE) ฟิลิปปินส์ (PESI) รีบาวด์แรง ช่วงนี้ตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (emerging market) ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน แกว่งตัวแรง

ลองมาดูดัชนีที่บ่งชี้ธุรกิจในภาคต่างๆดูบ้าง ดัชนี DJUBS ที่ชี้วัดสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) ในภาพรรวมเกิดสัญญาณขาย นอกจากนี้ดัชนี DJUBSEN ที่ชี้วัดสถานการณ์พลังงานในภาพรวม และดัชนี DJUBSIN ที่บ่งชี้สถานการณ์ของโลหะอุตสาหกรรม (อาทิ ทองแดง) ก็เกิดสัญญาณขาย ทำให้น่าคิดว่าสถานการณ์ของราคาหุ้นและฟิวเจอร์สในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะด้านพลังงานและโลหะอาจเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง

นอกจากนี้อีทีเอฟ SEA ที่ใช้บ่งชี้สถานการณ์ของกลุ่มสายการเดินเรือในภาพรวมก็เกิดสัญญาณขาย ซึ่งสอดคล้องกับหุ้นสายการเดินเรือของไทยที่เกิดสัญญาณขายมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน

จะเห็นว่าดัชนีต่างๆในตารางที่ลุงแมวน้ำปรับปรุงใหม่มีประโยชน์สามารถช่วยให้มองให้เห็นภาพรวมได้เป็นอย่างดี



24/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 963.68 จุด ลดลง 42.89 จุด ตลาดถูกถล่มขายอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานและธนาคาร

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BANPU, BAY, BLA, KTB, MAKRO, PTTCH, RATCH, SCC, TPIPL, TRU, TTW รวม 11 ตัว ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 9 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายน้ำมันดิบ (CL) ส่วนฟิวเจอร์สของหุ้นไทยมีสัญญาณขาย BAUPU, KTB, QH, TTA

กลุ่มอีทีเอฟของไทย ENGY เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดทางด้านสหรัฐอเมริกาขึ้นค่อนข้างแรงโดยเฉพาะตลาดแนสแดก (NASDAQ) ที่เหลือขึ้นลงกระจายกันไป ยกเว้นตลาดหุ้นไทยก็ลงแรงมากในวันนี้กว่า 4% เงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 50 สตางค์ในวันเดียว ลุงแมวน้ำฟังวิเคราะห์ข่าวทางวิทยุเมื่อตอนเย็นของวัน วิทยากรดูหมือนจะเป็นบรรณาธิการนิตยสารดอกเบี้ย เล่าสาเหตุว่าน่าจะมาจากกองทุนใหญ่ของประเทศเพื่อนบ้านขายอย่างหนัก สาเหตุยังไม่ทราบชัด แต่การขายหุ้นในกลุ่มพลังงานในความเห็นของลุงแมวน้ำอาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติเนื่องจากแนวโน้มพลังงานของโลกขณะนี้ก็เป้นสัญญาณขาย อาทิ CL ก็เกิดสัญญาณขายเนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาหลายวันแล้ว ประกอบกับช่วงนี้ตลาดเกิดใหม่ทางเอเชียต่างก็ทอยปรับตัวลงแรง ดังนั้นน่าจะไม่ใช่เกิดจากปัจจัยภายในประเทศไทย อย่างไรก็ดี อีกสองสามวันข้อเท็จจริงน่าจะกระจ่างได้

นักลงทุนที่เทรดตามระบบสัญญาณคงไม่น่าได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นที่ตกหนักในวันนี้เนื่องจากทั้งดัชนี SET, SET50 และ S50 เกิดสัญญาณขายมาหลายวันแล้ว



Monday, January 24, 2011

21/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1006.57 จุด ลดลง 15.59 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BTS, ESSO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 20 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขาย KBANK

กลุ่มอีทีเอฟ EEM ซึ่งป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งเป็นกองทุนเดียวกับกองทุนตลาดเกิดใหม่ของไทยบางกองทุน วันนี้ EEM เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดทางด้านสหรัฐอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่ปิดเขียว จีน เวียดนาม ก็ปิดเขียวด้วย ต่างจากประเทศในแถบเอเชียที่ส่วนใหญ่ปิดแดง ตลาดหุ้นของไทยลงต่อเนื่องมาหลายวัน ตลาดอินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ก็ยังถูกขายต่อเนื่อง แม้แต่ตลาดหุ้นสิงคโปร์และมาเลเซียก็ยังพลอยเซไปด้วย

สำหรับดัชนี SET ของไทย ลุงแมวน้ำประเมินจากยอดขายสุทธิของต่างชาติและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ประกอบกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียที่หุ้นขึ้นมามากแล้ว เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย ปรับตัวลงค่อนข้างแรง เป็นไปได้ว่าถึงเวลาที่ต่างชาติจะขายหุ้นไทยและย้ายเงินลงทุนออกไปบางส่วนเนื่องจากเงินเหล่านี้ต้องการแสวงหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้นจึงต้องไหลออกจากตลาดที่ขึ้่นมามากแล้วเพื่อไปยังตลาดอื่นๆที่ยังขึ้นไม่มาก หรือประเทศที่เพิ่งฟื้นจากอาการไข้ อย่างเช่น ประเทศในกลุ่มยุโรป สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ส่วนสัญญาณทางเทคนิคลุงแมวน้ำขอดูอีกสองสามวันแล้วจะนำกราฟมาให้ดูกัน

ช่วงนี้ลุงมวน้ำเขียนบทวามค้างเอาไว้และยังเขียนไม่จบ ที่หายไปสองสามวันก็เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์มีปัญหา ตอนนี้ก็ยังไม่เรียบร้อยดีนัก เอาไว้เมื่อเรียบร้อยแล้วจะเขียนให้อ่านกันต่อ




20/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1022.16 จุด ลดลง 12.64 จุด

สำหรับหุ้น ในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย TMB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 22 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ทองคำร่วงแรงถึงกว่า 20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 1.73%

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้กตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่เป็นสีแดง คงมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ปิดบวกได้ อาทิ กรีซ (GD.AT) เวียดนาม (VNINDEX) ฯลฯ ที่ลงปรับตัวลงแรงได้แก่จีน (CSI 300)



19/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1034.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย MINT และเกิดสัญญาณซื้อ PTTAR, PTTCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 23 ตัว

กองทุนอีทีเอฟของไทย ENGY เกิดสัญญาณซื้อ

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้กรีซ จีน และเวียดนามรีบาวด์แรง ส่วนอินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ยังลงต่อหลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว





Wednesday, January 19, 2011

18/01/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (4)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1024.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.35 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย IRPC ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 22 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ข้าวไทย (WBR5) เกิดสัญญาณซื้อ ฟิวเจอร์สต่างประเทศ โกโก้ (CC) เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนเงินตรา ดัชนีดอลลาร์ สรอ (US Dollar Index, DX) เกิดสัญญาณขายในขณะที่เงินยูโร (EC) เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ กลุ่มยุโรปขึ้นยกแผง ดัชนียูโรเนกซ์ เบล-20 (EURONEXT BEL-20) ของเบลเยียมเกิดสัญญาณซื้อในขณะที่ดัชนีของกลุ่มอาเซียน (ASEAN.L) เกิดสัญญาณขาย ช่วงนี้ตลาดเอเชียหากลงก็ลงมาก หากขึ้นก็ขึ้นนิดหน่อย ดูอาการไม่ค่อยดี โดยเฉพาะตลาดหุ้นของไทยนั้นอาการคล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค และนักลงทุนต่างชาติขายอย่างต่อเนื่องแม้ดัชนีจะขึ้น เงินบาทก็อ่อนค่าลง ทำให้น่าคิดว่าต่างชาติอาจขายและย้ายเงินลงทุนบางส่วนออกจากตลาดหุ้นของไทยเพื่อไปลงทุนในประเทศอื่น


มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (4)

มาดูทางด้านสหรัฐอเมริกากับยุโรปกันต่อ ลองมาดูกันว่าปรtเทศต่างๆในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจค่อนข้างมั่นคงอย่างเช่นเยอรมนี หรือประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างเช่น เบลเยียม สเปน ไอร์แลนด์ กับกลุ่มนอร์ดิกหรือกลุ่มยุโรปเหนือ อันได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์ ต่างก็มีรูปแบบของคลื่นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ น่าจะผ่านพ้นคลื่น 5 ไปแล้วและกำลังอยู่ในคลื่น B



ทีนี้ลองมาดูภาพที่ขยับเข้าไปดูให้ใกล้ขึ้นโดยดูตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ก็จะเห็นรายละเอียดของกราฟมากขึ้น จากสถานการณ์ปัจจุบันยังบ่งชี้ว่าประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปน่าจะอยู่ในคลื่น B โดยจะเห็นว่ายอดคลื่น 5 เกิดในปี 2007-2008 ประเทศไอร์แลนด์เติบโตค่อนข้างรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ แต่ไปพลาดที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของสหรัฐอเมริกาเอาไว้มาก เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์จึงมีปัญหาอย่างหนัก และเป็นประเทศที่ฟื้นตัวในคลื่น B ได้ช้าที่สุด ลองดูจากกราฟเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ชัดว่าในช่วงคลื่น B นั้นใครรีบาวด์ช้า ใครรีบาวด์ได้เร็ว โดยกลุ่มของเยอรมนีและนอร์ดิกรีบาวด์ได้ค่อนข้างเร็ว



ทีนี้ลองมาดูเศรษญกิจภายในสหรัฐอเมริกาเองบ้าง จากดัชนีกลุ่มธุรกิจต่างๆสามารถนำมาทำเป็นกราฟเทียบกับดัชนี S&P 500 ได้ดังนี้ จะเห็นว่าทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มพลังงาน (DJUSEN) ลงแรงและรีบาวด์แรงที่สุด ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (DJUSRE) ลงแรงแต่ยังฟื้นตัวไม่ดีเท่ากลุ่มพลังงาน ส่วนที่แย่ที่สุดคือรีบาวด์ไม่ค่อยไหว นั่นคือภาคการเงิน (DJUSFN)







Tuesday, January 18, 2011

18/01/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (3)

วันนี้ตลาดสหรัฐอเมริกาหยุดทำการ

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1023.19 จุด ลดลง 9.07 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย DELTA ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 23 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ TTA เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ตลาดจีน (CSI 300) ลงแรงอีก เกือบ 4% ทีเดียว


มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (3)

มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนของลุงแมวน้ำนั้นเป็นการมองผ่านตลาดทุนหรือว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งก็ดังที่ได้คุยกันไปแล้วว่าการมองผ่านตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นการมองจากช่องๆหนึ่งซึ่งไม่อาจเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจได้ในทุกมิติ แต่ก็ยังคงสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้หากรู้จักเลือกใช้

เรามาดูตลาดทุนที่ถือว่าเป็นระดับพี่ใหญ่ของโลกกันก่อน นั่นคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา อาจกล่าวได้ว่าความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆมักต้องชำเลืองดูตลาดของสหรัฐอเมริกาเอาไว้เสมอ เนื่องจากตลาดสหรัญอเมริกาถือว่าเป็นผู้บริโภครายใหญ่ของโลก หากตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาตกต่ำก็อาจหมายถึงว่าผู้บริโภคมีเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี อาจตัดลดการบริโภคลงได้ ซึ่งย่อมส่งผลต่อตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆบ้างไม่มากก็น้อยในฐานะที่เป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการป้อนชาวอเมริกัน



ตัวแทนของตจลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาลุงแมวน้ำใช้ดัชนีดาวโจนส์ (DowJones, DJI) จากภาพ ดูกันคร่าวๆว่าภาพลูกคลื่นของดัชนีเอสแอนด์พี 500 มียอดใหญ่อยู่ 2 ยอด ซึ่งน่าจะเป็นยอดคลื่น 3 (เกิดในราวปี 2000) กับยอดคลื่น 5 (เกิดในราวปี 2008) และถ้ายอดดังกล่าวเป็นยอดคลื่น 3 กับ 5 จริง แสดงว่าขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่นใหญ่ B ซึ่งพร้อมจะจบได้ทุกเมื่อ หลังจากที่จบ B แล้วก็จะเป็นคลื่น C ที่ลงได้ลึกมาก

ทีนี้ลองมาดูตลาดหลักทรัพย์อื่นควบคู่กันไปด้วย ซึ่งอาจทำให้เราได้มุมมองที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ลองดูภาพต่อไปนี้



จากภาพ มีดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 5 ประเทศ นั่นคือดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกา ดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนี ดัชนีฟุตซี 100 (FTSE 100) ของอังกฤษ และดัชนีไอเบกซ์ 35 (IBEX 35) ของสเปน จะเห็นว่าในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ทางฝั่งยุโรปซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว กราฟของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของทั้งห้าประเทศเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพราะแต่เดิมมานั้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและยุโรปเชื่อมโยงกันอยู่

ที่น่าคิดต่อไปก็คือเป็นไปได้หรือไม่ว่าตลาดที่พัฒนาแล้วในกลุ่มสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะกอดคอกันลงเหวไปในคลื่นใหญ่ C ด้วยกัน?

หากสมมติว่าปัจจุบันเป็นคลื่น B เราคงอยากรู้ว่าคลื่น B นี้จะจบเมื่อไร ซึ่งทฤษฎีคลื่นอีเลียต (Elliott Wave Theory) ระบุไว้ว่าคลื่น B จะสูงไม่เกินคลื่น 5 ดังนั้นหากพิจารณาจากดัชนี S&P 500 ซึ่งมียอดลื่น 5 อยู่ที่ประมาณดัชนี 1,565 จุด ก็หมายความว่าคลื่น B นี้จะไปได้ไม่น่าเกิน 1,565 จุด หรือหากพิจารณาจากดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) ยอดคลื่น 5 ของ DJI อยู่ที่ประมาณดัชนี 14,164 จุด ก็หมายความว่ายอดคลื่น B ไม่น่าจะเกินกว่า 14,164 จุด

ปัจจุบัน S&P 500 อยู่ที่ประมาณ 1,282 จุด (เหลืออีกประมาณ 283 จุด) และ DJI อยู่ที่ประมาณ 11,732 จุด (เหลืออีกประมาณ 4,432 จุด) ซึ่งเป็นระยะทางที่ไม่มากนัก ดังนั้นเป็นไปได้ว่าหากขณะนี้ใช่คลื่น B จริง คลื่น B นี้อาจจบลงภายในปี 2011-2012 (2554-2555) นี้




Monday, January 17, 2011

14/01/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (2)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1032.26 จุด ลดลง 2.82 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ CPN ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 24 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านเงินตรา วันนี้เงินยูโร (EURO) เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ตลาดจีน (CSI 300) กับอินเดีย (Sensex) ลงแรงต่อ ส่วนเวียตนาม (VN Index) และฟิลิปปินส์ (PSEI) วันนี้ขึ้นแรงหลังจากที่ลงแรงมาหลายวัน

ลุงแมวน้ำนำของเล่นใหม่มานำเสนอ นั่นคือกราฟแสดงความเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ประเทศต่างเท่าที่จะรวบรวมได้ ว่าเมื่อวานกับวันนี้มีการปรับตัวขึ้นลงไปร้อยละเท่าไร ลองดูกราฟด้านล่างก็จะเข้าใจได้ ลองนำเสนอดูสักระยะหนึ่ง


มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (2)


เมื่อวานเราคุยกันไปแล้วว่าจีดีพี (GDP) นั้นสะท้อนภาพเศรษฐกิจได้เพียงส่วนเดียว ยังมีแง่มุมอีกหลายมุมทางเศรษฐกิจและสังคมที่จีดีพีไม่สามารถบอกเราได้ อย่างเช่นการกระจายรายได้หรือความเหลื่อมล้ำ คุณภาพชีวิตของคนในชาติ ฯลฯ อุปมาดั่งเราประเมินสุขภาพด้วยการชั่งน้ำหนักจากตาชั่งนั่นเอง น้ำหนักมากเราก็บอกว่าสุขภาพดีเอาไว้ก่อน ทั้งๆที่จริงแล้วผู้ที่น้ำหนักมากอาจแฝงโรคภัยเอาไว้ เช่น โรคอ้วน โรคไต โรคเบาหวาน ฯลฯ เอาไว้ก็ได้ เป็นต้น

เราลองมาพิจารณาถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจกันดู ข้อมูลจากตารางต่อไปนี้เป็นข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทย




ในด้านการกระจายรายได้ สมมติว่าประเทศไทยมีประชากรเพียง 100 คน มีระดับฐานะตั้งแต่จนถึงรวย ลำดับที่น้อยๆหมายถึงคนจน ส่วนลำดับที่มากๆหมายถึงคนรวย จากตารางด้านบน หากประเทศไทยมีรายได้ 100 บาท รายได้นั้นจะตกอยู่กับคนลำดับที่ 81-100 (หรืออีกนัยหนึ่งคนรวยที่สุด 20 คนแรกนั่นเอง) ถึง 55 บาท คิดแล้วคนรวยสุด 20 คนนี้มีรายได้ต่อหัวคนละ 2.75 บาท

ในขณะเดียวกัน รายได้จะตกอยู่กับคนลำดับที่ 1-20 (หรืออีกนัยหนึ่งคนจนที่สุด 20 คนแรกนั่นเอง) เพียง 4.30 บาทหรือคิดเป็นรายได้ต่อหัวของคนจนที่สุดหัวละ 0.22 บาท หรือ 22 สตางค์

สถิติของบัญชีเงินฝากระบุว่า ในบัญชีเงินฝาก 1,000 บัญชี มีอยู่เพียง 12 บัญชีที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท และทั้ง 12 บัญชีนี้มีเงินรวมกันคิดเป็น 71% ของยอดเงินฝากทั้งหมด แปลว่าอีก 988 บัญชีมียอดเงินฝากรวมกันเพียง 29% ของยอดเงินฝากทั้งหมด

ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริงของระบบทุนนิยมที่เราดำรงชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ เป็นระบบทุนนิยมที่ผู้ที่แข็งแรงจะครองความได้เปรียบทางเศรษฐกิจสูงมาก

ตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นเรื่องของกลุ่มคนมีความได้เปรียบเชิงเศรษฐกิจ เพราะบริษัทที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ว่าของประเทศใดก็ตามต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ดังนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นเรื่องที่คล้ายๆกับจีดีพี นั่นคือ เป็นตัวชี้วัดความมั่งคั่งหรือเสื่อมถอยของกลุ่มทุนในประเทศนั้นๆมากกว่าที่จะชี้วัดความมั่งคั่งของประชาชนในประเทศโดยรวม ดังนั้นการมองเศรษฐกิจผ่านดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศต่างๆนั้นก็คงเป็นเพียงการมองระบบเศรษฐกิจของประเทศนั้นแต่เพียงบางด้านหรือบางส่วนเท่านั้น หากตลาดหลักทรัพย์ฟู่ฟ่าดีก็อาจไม่ได้หมายความว่าคนยากจนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากตลาดหลักทรัพย์ย่ำแย่ก็อาจหมายถึงว่าอาจแย่กันทั้งหมด เนื่องจากหากบริษัทใหญ่ๆเมื่อประสบปัญหาทางเศรษฐกิจก็ต้องปลดคนงาน ผลกระทบก็จะเป็นลูกโซ่ไป

เหตุที่ลุงแมวน้ำหยิบเรื่องความเหลื่อมล้ำและการกระจายรายได้ขึ้นมาเกริ่นทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจนักก็เพราะอยากฝากข้อคิดแก่เพื่อนๆนักลงทุนเอาไว้ว่าการลงทุนในตลาดทุนที่เราทำกันอยู่นี้เป็นเรื่องของผู้ที่ได้เปรียบทางเศรษฐกิจ พวกเราเองก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีเปรียบทางเศรษฐกิจเหนือกว่าคนอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ระบบทุนนิยมทำให้คนเราลืมการแบ่งปัน ทุนนิยมที่ทำให้เราต้องถือคติมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ที่จริงแล้วทุนนิยมจะมีน้ำใจหรือจะแล้งน้ำใจ จะแบ่งปันหรือจะไม่แบ่งปัน มันอยู่ที่ตัวเราด้วยส่วนหนึ่ง แม้ตัวระบบอาจเื้อื้อให้เรามีแนวโน้มไปในทางไม่ค่อยยอมแบ่งปันก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็อยู่ที่เราจะเลือกวิถีทางเดินของตนเอง ลุงแมวน้ำอยากให้ทุกท่านเทรดด้วยจิตใจที่ชื่นบานตลอดปี 2554 และตลอดไป นั่นคือมีทั้งการให้และการรับ รู้จักพอและการแบ่งปัน หรืออีกนัยหนึ่งคือเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจนั่นเอง

(โปรดอ่านตอนต่อไปในวันถัดไป)




Friday, January 14, 2011

13/01/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (1)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1035.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย THAI ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 23 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ขึ้นนิดลงหน่อยกระจายกันไป ยกเว้นดัชนีของอินเดีย บราซิล อาร์เจนตินาที่ลงค่อนข้างแรง ประเทศในกลุ่มยุโรปมีรีบาวด์ขึ้นมาและดัชนีกลุ่มยูโรโซน (Eurozone) ดัชนีกลุ่มยุโรป (E2DOW, Europe ex UK) เกิดสัญญาณซื้อ ด้านเอเชียนั้นดัชนี SET ดูจะขึ้นแรงแตกต่างไปจากดัชนีของประเทศเพื่อนบ้านที่ขึ้นไม่มากนัก

มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (1)

ลุงแมวน้ำตั้งใจจะเขียนมุมมองของลุงแมวน้ำเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุนมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่แล้วในที่สุดจนปีใหม่ผ่านไปก็ยังไม่ได้เขียนสักทีเนื่องจากช่วงนี้มีการแสดงภารกิจค่อนข้างมาก หากปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆในที่สุดแม้สิ้นปี 2554 ก็อาจจะยังไม่ได้เขียน ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงคิดว่าจะทยอยเขียน วันละนิด วันละหน่อย สั้นบ้างยาวบ้างตามกำลัง จะได้เริ่มเขียนได้เสียที ดังนั้นหากบางวันเขียนสั้นไปบ้างหวังว่าคงไม่ว่ากัน

ตลาดหุ้นและจีดีพี

บทความ มุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุน ชุดนี้ลุงแมวน้ำเขียนแบบง่ายๆ จะได้ไม่เบื่อ และเป็นมุมมองที่มองผ่านการลงทุนในตลาดทุนหรืออีกนัยหนึ่งคือตลาดหลักทรัพย์และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก แต่ก่อนที่ลุงแมวน้ำจะเล่าถึงมุมมองก็อยากจะทำความเข้าใจกันก่อนว่าการมองผ่านตลาดทุนนั้นสามารถสะท้อนภาพของเศรษฐกิจและการลงทุนได้มากน้อยเพียงใด

ตลาดทุนก็เหมือนกับจีดีพี (GDP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) จีดีพีสะท้อนภาพเศรษฐกิจจริงได้เพียงบางส่วนฉันใด ตลาดทุนก็สะท้อนภาพเศรษฐกิจได้เพียงบางส่วนฉันนั้น

ก่อนอื่นเรามาคุยกันถึงเรื่องจีดีพีกันก่อน เนื่องจากศัพท์คำนี้ใช้กันมาก ข่าวสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งหลายมักพูดถึงแต่จีดีพีเนื่องจากปัจจุบันเรานิยมใช้จีดีพีเป็นตัวชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ประเทศใดที่มีจีดีพีลดลงก็เหมือนกับบริษัทมีผลประกอบการลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ใครๆก็อยากให้จีดีพีประเทศของตนสูงขึ้นๆ

จีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาตินั้นคืออะไรและบอกอะไรเราได้บ้าง จีดีพีคือมูลค่าสินค้าและบริการที่ผลิตได้ในประเทศทั้งหมด หากจีดีพีสูงก็หมายความว่ามีการผลิตสินค้าและบริการภายในประเทศได้มากมายอันสะท้อนว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นน่าจะเติบโตดี เปรียบเสมือนคนที่มีเรี่ยวแรงทำงานได้มากมายย่อมสะท้อนถึงสุขภาพที่แข็งแรงนั่นเอง หากจีดีพีของประเทศตกต่ำลงก็คล้ายๆกับคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน ผลงานตกต่ำลง อันสะท้อนถึงสุขภาพของบุคคลนั้นที่อาจไม่ค่อยดีนัก

แต่ก็มีหลายประเด็นที่จีดีพีไม่สามารถสะท้อนออกมาได้ จีดีพีบอกถึงมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตได้ในประเทศแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าการกระจายรายได้ของชนในชาตินั้นเป็นอย่างไร แม้จีดีพีของประเทศจะสูงแต่ความมั่งคั่งอาจอยู่ในมือของคนส่วนน้อยและชนส่วนใหญ่ในชาติยังยากจน แบบที่เรียกว่ารวยกระจุกจนกระจายก็เป็นไปได้

ลองมาดูระดับของจีดีพีของประเทศต่างๆในโลกในปี 2008 กันดูว่าภูมิภาคใดเป็นอย่างไร ภาพนี้เป็นอัตราของจีดีพีต่อหัวของประชากร ไม่ใช่จีดีพีของประเทศ แต่ก็พอทำให้เห็นระดับทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศได้ (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)



และในขณะเดียวกันเราก็มีอีกภาพหนึ่ง นั่นคือภาพของสัมประสิทธิ์การกระจายรายได้ (Gini coefficient index) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการจายรายได้นั้นดีเพียงใด หากค่าสูง (มีค่าใกล้ 1) หมายถึงการกระจายรายได้ไม่ดี ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของชนในชาติมีมาก หากค่าต่ำก็แสดงว่าการกระจายรายได้ดี (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)




Thursday, January 13, 2011

12/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1019.51 จุด เพิ่มขึ้น 6.12 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BEC, DCC, ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 24 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นยกแผง ดัชนีของเยอรมนี (DAX) และอิตาลี (FTSEMIB) เกิดสัญญาณซื้อ เงินปอนด์ของอังฤษก็เกิดสัญญาณซื้อ แต่นั่นอาจไม่ได้แปลว่าตลาดยุโรปแจ่มใส เมฆหมอกถูกปัดเป่าพ้นไปแล้ว เพราะน่าจะอยู่ในคลื่น B ที่กำลังรอเข้าสู่คลื่น C อยู่


Wednesday, January 12, 2011

11/01/2011 * เพิ่มฟิวเจอร์สในพอร์ตจำลอง

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1013.39 จุด ลดลง 4.64 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย AOT, CPF, DTAC, GLOW, KBANK ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 26 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส น้ำมันดิบ (CL) เกิดสัญญาณซื้อ พอร์ตจำลองแบบเทรดอัตโนมัติขาดทุนหนักยิ่งขึ้นเนื่องจากสัญญาณขายรอบที่ผ่านมาเป็นสัญญาณหลอก

กองทุนอีทีเอฟ TFTSE เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดฝั่งยุโรปขึ้นยกแผง ส่วนใหญ่เกินกว่า 1% ส่วนตลาดเอเชียขึ้นลงเล็กน้อยกระจายกันไป

ลุงแมวน้ำปรับปรุงพอร์ตจำลองเสียใหม่ เพิ่มผลิตภัณฑ์ฟิวเจอร์สให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการทำระบบเทรดแบบนับคลื่นช่วยกับเทรดแบบอัตโนมัติให้ดูผลงานเปรียบเทียบกัน ฟิวเจอร์สที่นำมาเพิ่มในพอร์ตจำลองได้แก่
  • ทองแดง (HG) เป็นโลหะสำหรับอุตสาหกรรม สำหรับใช้เปรียบเทียบกับ GC ซึ่งเป็นโลหะมีค่า
  • ก๊าซธรรมชาติ (NG) สำหรับใช้เปรียบเทียบกับน้ำมันดิบ (CL) ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงานด้วยกัน
  • ดัชนีนิกเกอิ (NK)
  • เงินเยนของญี่ปุ่น (JY)
  • พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุ 5 ปี (5-yr US Treasury Note, FV) สำหรับให้เปรียบเทียบกับฟิวเจอร์สพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีของไทย (TGB5) ลองมาติดตามดูกันว่าฟิวเจอร์สของพันธบัตรสามารถเทรดด้วยระบบสัญญาณซื้อขายได้หรือไม่


Tuesday, January 11, 2011

10/01/2011 * สรุปพอร์ตจำลองของลุงแมวน้ำ

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1018.03 จุด ลดลง 18.42 จุด ตลาดไทยลงแรงประมาณ 1.8% หุ้นไทยลงแรงมาสองวันแล้ว วันนี้ดัชนี SET, ดัชนี SET50, TDEX และ S50 เกิดสัญญาณขายในวันเดียวกัน

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย KK, PTTCH, SCCC ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 31 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ S50 อันเป็นฟิวเจอร์สของดัชนี SET50 เกิดสัญญาณขาย

กองทุนอีทีเอฟ TDEX และ ENGY เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดทั่วโลกในทุกภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดแดง ตลาดไทย จีน อินเดีย ฟิลิปลิปส์ และอินโดนีเซียลงแรง โดยดัชนีของอินโดนีเซียลงแรงสุด ปรับตัวลดลงถึง 4.2% ดัชนีฟิลิปปินส์ลงไป 3% ดัชนีของอินเดียลงไป 2.4% ไทยกับจีนลงไป 1.8% ส่วนฝั่งยุโรปนั้นแดงไปหมดทั้งทวีป มีตั้งแต่ไม่ถึง 1% ไปจนถึง 2% กว่าๆ

ดัชนีฟิลลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย เบลเยียมอิตาลี และโคลอมเบียเกิดสัญญาณขาย

ดัชนีโลกกลุ่มสาธารณูปโภค (global utilities sector) เกิดสัญญาณขาย

สรุปพอร์ตจำลองของลุงแมวน้ำ

เมื่อไม่กี่วันก่อนลุงแมวน้ำได้สรุปพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุที่ลุงแมวน้ำทำเป็นโครงการเอาไว้ พอร์ตนั้นเป็นส่วนการลงทุนเฉพาะโครงการที่มีเงินทุนในโครงการจำกัด วันนี้เรามาดูสรุปพอร์ตจำลองที่เทรดผลิตภัณฑ์เหลากหลายที่คยนำเสนอมาทุกวันตลอดมา เอามาให้ดูกัน ก่อนอื่นดูตารางต่อไปนี้กันก่อน



ตารางข้างบนนี้คือสรุปพอร์ตจำลองที่เทรดมาในรอบ 2 ปี ตั้งแต่ประมาณต้นปี 2552 (2009) จนถึงวันนี้ (10 มกราคม 2554) ผลตอบแทนหรือว่ากำไร/ขาดทุนนั้นลุงแมวน้ำแบ่งออกเป็น 2 แบบตามวิธีการเทรดที่มีอยู่สองแบบเปรียบเทียบกัน นั่นคือ

  • แบบเทรดอัตโนมัติ (autotrade) คือการเทรดตามสัญญาณซื้อขายอย่างเคร่งครัด สัญญาณซื้อมาก็เปิดสัญญาซื้อ สัญญาณขายมาก็ปิดสัญญาซื้อและเปิดสัญญาขาย
  • แบบเทรดนับคลื่นช่วย (manual trade) เป็นการเทรดด้วยระบบสัญญาณซื้อขายเช่นกัน แต่ว่าพลิกแพลงกว่า เนื่องจากมีการเว้นสัญญาณบางครั้งไป ปกติลุงแมวน้ำจะใช้หลักหากเป็นขาขึ้นจะไม่ short หากเป็นขาลงจะไม่ long ทั้งนี้ เพื่อต้องการลดสัญญาณหลอก (false signal) ให้เหลือน้อยลง

จากการเทรด 2 ระบบดังกล่าว ลองมาดูจากตารางกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะเห็นว่าระบบเทรดอัตโนมัตินั้นกับฟิวเจอร์สบางตัวก็ทำกำไรได้มากกว่าหรือลดการขาดทุนให้น้อยลง อย่างเช่น น้ำมันดิบ (CL) หากไม่นับคลื่นช่วยโดยเทรดทุกสัญญาณก็ขาดทุนหัวโต หรืออย่างทองคำ (GC) การนับคลื่นช่วยทำให้เพิ่มอัตรากำไรได้อีกพอสมควร

แต่กับฟิวเจอร์สบางตัว การนับคลื่นช่วยก็ให้กำไรน้อยลงหรือขาดทุนหนักกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น S50 การนับคลื่นช่วยทำให้ขาดทุนหนักเนื่องจากสัญญาณซื้อที่ลุงแมวน้ำข้ามไปนั้นเป็นการประเมินที่ผิดพลาด เนื่องจากลุงแมวน้ำประเมินว่าเป็นขาลงจึงไม่ซื้อ แต่สัญญาณซื้อครั้งนั้นเป็นขาขึ้นยาวหลายเดือน ลุงแมวน้ำตกรถในสัญญาณครั้งที่ทำกำไรได้ยาวนาน หลังจากนั้นก็มาพบกับสัญญาณหลอกติดกันหลายครั้ง กำไรในระบบ autotrade ยังแทบไม่เหลือ ส่วนในระบบ manual trade นั้นขาดทุนหนักเนื่องจากตอนกำไรก็ไม่ได้ ตอนขาดทุนก็รับไปเต็มๆ

ที่น่าสังเกตก็คือ ระบบเทรดอัตโนมัติที่ทำกำไรได้ดีกว่าการนับคลื่นช่วยนั้นเกิดขึ้นกับการเทรดฟิวเจอร์สเมืองนอกทุกตัว ส่วนฟิวเจอร์สไทยนั้นหากนับคลื่นช่วยกำไรจะสู้ระบบอัตโนมัติไม่ได้ แม้แต่ทองคำไทย (GF) กับทองคำนอก (GC) ซึ่งเป็นทองคำเหมือนกันแต่ผลของทั้งสองระบบเทรดก็แตกต่างกัน ข้อนี้อาจอธิบายได้ว่าในช่วง 2 ปีมานี้ฟิวเจอร์สของไทยอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง (sideway) บ่อย ทำให้การนับคลื่นช่วยไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากนับแล้วพลาด

ตังแต่วันนี้ไป ในตารางสรุปข้อมูลประจำวัน ลุงแมวน้ำจะนำเสนอพอร์ตจำลองเหมือนที่เคยเป็นมา แต่พอร์ตจำลองในปีนี้ได้ปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น และมีการเปรียบเทียบการเทรดสองระบบให้เพื่อนนักลงทุนติดตามกันไปเรื่อยๆ โดยการเทรดแบบนับคลื่นช่วยนั้นขึ้นกับฝีมือของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง เพราะแต่ละคนอาจนับคลื่นและประเมินสถานการณ์ได้ไม่เหมือนกัน ส่วนระบบเทรดอัตโนมัตินั้นใครทำก็จะได้ผลเหมือนกัน ลองมาดูกันว่าในอนาคตข้างหน้าผลงานจะเป็นอย่างไร


Monday, January 10, 2011

07/01/2011 * ดาวโจนส์ขึ้นต่อ, ดอลลาร์ขึ้นต่อ

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1036.45 จุด ลดลง 14.53 จุด ตลาดไทยลงแรงประมาณ 1.4%

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย IVL, PTTAR, SCB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 33 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทองคำไทย (GF) และน้ำมันดิบ (CL) เกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดทั่วโลกในทุกภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดแดง ตลาดอินเดียและอินโดนีเซียลงอย่างหนักประมาณ 2% ดัชนีของอินเดีย โปแลนด์และเปรูเกิดสัญญาณขาย

ดัชนีอื่นๆ ดัชนีโลกในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น (global consumer staples, KXI) เกิดสัญญาณขาย

จากที่วันก่อนลุงแมวน้ำประเมินเอาไว้ว่าดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา หรืออีกนัยหนึ่งอาจพูดได้ว่าตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาน่าจะขึ้นต่อไป โดยยอดคลื่นที่เป็นไปได้อาจอยู่ที่ 14,100 ถึง 14,200 จุด

เมื่อประเมินเรื่องค่าเงิน ลุงแมวน้ำมีความเห็นว่าเงินดอลลาร์ สรอ น่าจะแข็งค่าต่อไปเนื่องจากดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) อยู่ในคลื่น 3 ดังภาพ



ผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ สรอ น่าจะทำให้ทองคำตก ส่วนน้ำมันดิบนั้นหากมองว่ามักมีราคาผกผันกับค่าเงินก็คงมองว่าราคาน้ำมันดิบอาจตกลงไป แต่หากมองจากกราฟราคาของน้ำมันดิบเองลุงแมวน้ำมองว่าทางเทคนิคยังเป็นขาขึ้นอยู่ ซึ่งความขัดแย้งของสัญญาณคงต้องรอดูความจริงกันต่อไป

หากดอลลาร์ สรอ แข็งค่า ดัชนีตลาดสหรัฐขึ้นต่อไป แล้วตลาดอื่นๆจะได้รับผลอย่างไร ข้อนี้คงตอบได้ยาก โดยทั่วไปแล้วหากตลาดสหรัฐอเมริกาขึ้นก็มักหมายถึงบรรยากาศการลงทุนที่แจ่มใส ตลาดหุ้นทั่วโลกก็พลอยขึ้นตามไปด้วย ยกเว้นแต่ในกรณีที่มีการขายเงินลงทุนในบางประเทศเพื่อย้ายเงินออก อย่างนั้นตลาดนั้นก็คงลง ดังนั้นสองปัจจัยนี้เป็นสองปัจจัยที่ขัดแย้งกันหรือส่งผลตรงข้ามกัน สำหรับตลาดหุ้นและฟิวเจอร์สของไทยก็เช่นกัน จะขึ้นตามโลกหรือเงินจะไหลออกและหุ้นตกก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่เมื่อพิจารณาทางเทคนิค ลุงแมวน้ำยังมองว่าโอกาสที่ยังไม่จบคลื่นขาขึ้น คือยังไม่จบคลื่น 5 มีสูงกว่าเล็กน้อย ดังนั้นมุมมองว่ายังเป็นขาขึ้นอยู่จึงมีน้ำหนักกว่าอยู่เล็กน้อย

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยกับอินโดนีเซียขึ้นแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นในเอเชียด้วยกัน ขณะนี้ตลาดอินโดนีเซียลงแรง อาจจะลงแรงกว่าของไทยด้วยซ้ำ ทำให้ประเมินทิศทางของตลาดอินโดนีเซียและไทยได้ยาก แต่ตลาดที่ยังดูแจ่มใสไปต่อได้อีกช่วงหนึ่งในทางเทคนิคคือมาเลเซียและสหรัฐอเมริกา



06/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1050.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BEC, THAI และเกิดสัญญาณขาย ROBINS, TISCO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 36 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อฟิวเจอร์สของดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) และเกิดสัญญาณขายเงินยูโร (EC)

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญาณซื้อขาย

ดัชนีอื่นๆ ดัชนีกลุ่มยุโรปยกเว้นอังกฤษ (Europe ex UK, E2DOW) และดัชนีประเทศยุโรปที่ใช้เงินยูโร (Eurozone countries, EZU) ก็เกิดสัญญาณขาย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเศรษฐกิจของยุโรป นอกจากนี้ดัชนีธุรกิจสายการบินเกิดสัญญาณซื้อ

Thursday, January 6, 2011

05/01/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1050.78 จุด เพิ่มขึ้น 8.37 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BBL, SCB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 36 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อ PTT

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญาณซื้อขาย

ดัชนีกลุ่มสินค้าโลหะมีค่า (precious metal) เกิดสัญญาณขาย พร้อมกันนั้นกองทุนอีทีเอฟ GLD ซึ่งเป้นกองทุนทองคำของ SPRD Gold Trust ก็เกิดสัญญาณขาย หลังจากที่เมื่อวานนี้ฟิวเจอร์สทองคำ GC เกิดสัญญาณขาย ทิศทางของราคาทองคำจะเป็นอย่างไรต่อไปน่าติดตาม

Wednesday, January 5, 2011

04/01/2011 * DJI, สรุปโครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1042.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด ดัชนี SET เกิดสัญญาณซื้อ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศเปลี่ยนแปลงหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2554 โดยเพิ่มหุ้น BTS, DCC, KK, ROBINS, SSI, STA เข้ามาและถอดหุ้น KSL, QH, BCP, PSL, TTA, HANA ออกจากการคำนวณ โดยเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BANPU, BTS, PTT ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 34 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อ S50, BANPU, QH และมีสัญญาณขายทองคำ (GC) และโกโก้ (CC) ทองคำเกิดสัญญาณซื้อได้เพียง 4 วันก็กลายเป็นสัญญาณหลอกและกลับมาเป็นสัญญาณขาย

สำหรับ S50 เกิด false signal ไปแล้ว 5 ครั้ง วันนี้ลุงแมวน้ำปิดสัญญาขายและเปิดสัญญาซื้อไป ต้องลองดูกันว่าจะเจอสัญญาณหลอกครั้งที่หกหรือไม่ ส่วน GC วันนี้ลุงแมวน้ำปิดสัญญาซื้อและเปิดสัญญาขายไป

ด้านตลาดต่างประเทศ ดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนีเกิดสัญญาณซื้อ ดัชนียูโรเนกซ์เบล-20 ZEuronex BEL-20, BFX) ของเบลเียียมเกิดสัญญาณขายหลังจากที่เพิ่งเกิดสัญญาณซื้อไปเพียงไม่กี่วัน ดัชนีตลาดต่างประเทศฝั่งเอเชียส่วนใหญ่ปิดบวก ส่วนทางยุโรปและอเมริกาปิดบวกและลบคละกัน

ทองคำ (GC) ลงแรงประมาณ 40 ดอลลาร์ในวันเดียว ช่วงนี้อยู่ในภาวะไร้ทิศทาง แต่ดังที่ลุงแมวน้ำเคยสันนิษฐานไปแล้วว่าเราอาจจบคลื่น 5 ไปแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนความเห็น คงต้องรอเวลาเป็นเครื่องยืนยัน หากราคาทองคำต่ำกว่า 1,371 ดอลลาร์ในวันใด น้ำหนักทางขาลงจะยิ่งมีมากขึ้น

ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) ของสหรัฐอเมริกา ขณะนี้ค่อนข้างแน่ใจได้แล้วว่าเราอยู่บนคลื่น 3 (สีน้ำตาล) ซึ่งลุงแมวน้ำยังมีความเห็นเช่นเดิมว่าคลื่น 1-2-3 สีน้ำตาลชุดนี้เป็นคลื่นย่อยของคลื่น B (สีน้ำเงิน) ซึ่งลุงแมวน้ำประเมินว่าดัชนีดาวโจนส์น่าจะจบคลื่น 3 (สีน้ำตาล) รวมทั้งจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) ที่ดัชนีประมาณ 14,100 ถึง 14,200 จุด ภายในอีกไม่กี่เดือนนี้ และหลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (และอาจหมายถึงตลาดหุ้นทั่วโลก) ก็จะเข้าสู่คลื่น C (สีน้ำเงิน)



ในช่วงนี้ขณะที่ DJI กำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยก็น่าจะยังไปต่อได้

ทางด้านโครงการการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุของลุงแมวน้ำ หลังจากทำโครงการมาได้ 2 ปี ลุงแมวน้ำเริ่มลงทุนด้วยเงินต้น 120,000 บาท เมื่อครบสองปีเมื่อปลายปี 2553 กองทุนของลุงแมวน้ำมีทรัพย์สินอยู่ 682,031 บาท สามารถใช้เป็นบำนาญหลังเกษียณอายุของลุงแมวน้ำได้ถึงเดือนละ 2,273 บาทไปตลอดระยะเวลาหลังเกษียณ 25 ปี ลองติดตามดูกันต่อไปว่าในปี 2554 นี้พอร์ตกองทุนของลุงแมวน้ำจะสร้างบำนาญได้เป็นเท่าไร


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บำนาญสร้างเองของลุงแมวน้ำ