Friday, August 19, 2011

17/08/2011 * ตลาดผันผวน ระบบตามไม่ทัน นักลงทุนทำใจยาก

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,093.51 จุด เพิ่มขึ้น 16.49 จุด ตลาดหุ้นไทยแรงกว่าเพื่อนบ้าน ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,500 ล้านบาท รวมทั้งต่างชาติเปิดสัญญาซื้อ S50 สุทธิกว่าหนึ่งพันสัญญา

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ THAI ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 24 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อน้ำตาล (SB) และฝ้าย (CT) เนื่องจากลุงแมวน้ำปรับมุมมองสินค้าเกษตรเป็นแนวโน้มขาลงไปแล้ว จึงคาดว่าสัญญาณซื้อครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณหลอก ดังนั้นจึงปิดสัญญาขายน้ำตาลไปเท่านั้น ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ นอกจากนี้ฟิวเจอร์สของ QH เกิดสัญญาณซื้อ

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดย่านเอเชียมีทั้งปิดแดงและปิดเขียวคละกัน ตลาดหุ้นยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่ปิดเขียว ดัชนีตลาดของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน วันนี้เงินดอลลาร์ฮ่องกงและเงินโครนาของสวีเดนแข็งค่าจนเกิดสัญญาณซื้อ ดัชนีสินค้าเกษตร (DJUBSAG) เกิดสัญญาณซื้อ ค่าเงินดอลลาร์ที่พี่จารณาจากดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD Index) มาปิดที่ 73.758 จุด ซึ่งเป็นภาวะไร้ทิศทาง ยังมีโอกาสเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่ แต่หากดัชนีหลุด 73.62 จุดก็มีโอกาสกลับทิศเป็นแนวโน้มขาลงมากกว่า


ตลาดผันผวน ระบบตามไม่ทัน นักลงทุนทำใจยาก


ในช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ละวันหุ้นขึ้นแรงลงแรง บางทีก็ขึ้นแรงวันหนึ่ง ลงแรงวันหนึ่ง สลับกันไป

การที่หุ้นขึ้นลงแรงนั้นส่วนใหญ่ทำให้นักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่เกิดความเสียหายได้มาก อย่าว่าแต่นักลงทุนทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ระบบการเทรดเลย แม้แต่นักลงทุนที่ใช้ระบบการเทรดแบบสัญญาณซื้อขายตามแนวโน้มก็ยังเหนื่อย เนื่องจากการที่ตลาดผันผวนทำให้เกิดสัญญาณหลอก (false signal) บ่อยครั้ง และยิ่งประกอบกับตลาดขึ้นแรงลงแรง ทำให้สัญญาณหลอกแต่ละครั้งเกิดผลขาดทุนมากกว่ายามตลาดผันผวนน้อย

ลองมาดูกันว่าในช่วงนี้ตลาดมีความผันผวนสูงนั้นเป็นอย่างไร ลองดูภาพต่อไปนี้




ภาพข้างบนนี้เป็นกราฟที่สรุปความเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในแต่ละวัน จะเห็นว่าแต่ละวันหุ้นขึ้นลงวันละ 3% บ้าง 5% บ้าง 7% ถึง 10% ก็ยังมี

ลุงแมวน้ำลองนำข้อมูลดัชนีตลาดหุ้น 4 ประเทศ คือ ดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกา (DJI) แดกซ์ของเยอรมนี (DAX) หั่งเส็งของฮ่องกง (HSI) และเซ็ตของไทย (SETI) รวมทั้งน้ำมันดิบ (CL) และทองคำ (GC) มาทำกราฟเพื่อดูความผันผวน ดังภาพต่อไปนี้




จะเห็นว่าดัชนีและราคามีความผันผวนสูง ขึ้นลงวันละ 2% ถึง 6% อีกทั้งรูปแบบการขึ้นลงนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีก็ขึ้นวันหนึ่ง ลงวันหนึ่ง บางทีก็ขึ้นสองวัน ลงสองวัน รูปแบบที่ผันผวนสูงและไม่มีแนวโน้มนั้นหากขาดทุนจะทำให้ผลการขาดทุนสูง

ลองมาดูพอร์ตจำลองของลุงแมวน้ำดูบ้าง พอร์ตจำลองนี้ก็คือที่เสนอในตารางเป็นประจำนั่นเอง แต่วันนี้ลุงแมวน้ำนำมาพล็อตเป็นกราฟแท่งให้ดู พร้อมทั้งคำนวณผลตอบแทนเป็นเงินบาททั้งหมด แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ดังภาพต่อไปนี้




ผลิตภัณฑ์ในพอร์ตจำลองมี 2 กลุ่ม กลุ่มที่เป็นกราฟแท่งสีฟ้าเป็นกลุ่มที่เริ่มเทรดเมื่อต้นปี ค.ศ. 2009 หรือว่าเทรดมาแล้วกว่าสองปี ส่วนกราฟแท่งสีน้ำตาลคือกลุ่มที่เริ่มเทรดเมื่อต้นปี 2011 นี้เอง พวกที่เทรดในปีนี้ (สีน้ำตาล) มี 3 ตัว คือ ฟิวเจอร์สของ KTB, ฟิวเจอร์สของเงินเยน (JY) และฟิวเจอร์สของดัชนีนิกเกอิ (NK)

จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนดี (คือสามารถใช้ระบบเทรดตามแนวโน้มแล้วให้ผลกำไรที่ดี) ได้แก่ ฟิวเจอร์สของดัชนีดาวโจนส์ (DJ) น้ำตาลทราย (SB) ทองคำ (GC, GF) และยางพารา (RSS3) ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แม้ว่าจะขึ้นแรง ลงแรง แต่ว่ามักขึ้นหรือลงอย่างต่อเนื่องจนเกิดแนวโน้ม ทำให้การเทรดตามแนวโน้มใช้ได้ผลดี

ส่วนกลุ่มพลังงานอันได้แก่ฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบ (CL) ก๊าซธรรมชาติ (NG) รวมทั้งดัชนี SET index นั้นทำให้เกิดผลขาดทุน ด้าน CL กับ NG นั้นแกว่งขึ้นลงแรงและรูปแบบการแกว่งขึ้นลงบ่อยๆ แม้ว่าหากดูจากกราฟจะเห็นว่าทิศทางของ CL กับ NG เป็นแบบ sideway up คือเป็นภาวะขาขึ้นสลับกับภาวะไร้ทิศทาง ดูเหมือนจะทำกำไรได้ แต่เมื่อนำมาเทรดตามระบบ PnT 1.10 แล้วเกิดสัญญาณหลอกเสมอ อีกทั้งสินค้าสองชนิดนี้เป็นฟิวเจอร์สซึ่งมีอัตราทดสูง เมื่อให้ผลกำไรหรือขาดทุนจะหนักหนาเพราะเป็นไปตามอัตราทด ดังนั้นจึงขาดทุนหนัก

ส่วนฟิวเจอร์สของดัชนี SET50 หรือ S50 นั้นในปีแรกของการเทรดสามารถทำกำไรได้ดีเป็นระดับแสนบาทเลยทีเดียว ไม่แพ้ยางพารา แต่ต่อมาดัชนีมีช่วงที่อยู่ในภาวะไร้ทิศทางบ่อยครั้ง ทำให้เกิดสัญญาณหลอกบ่อย กำไรหลายแสนบาทคืนไปจนหมดอีกทั้งยังต้องแถมทุนให้ไปด้วย ผลก็คือขาดทุน คงยังจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว (2010) มีช่วงหนึ่งที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นต่อเนื่องแบบม้วนเดียวโดยไม่เกิดสัญญาณขายเลยเป็นเวลานานหลายเดือน นี่ดีว่าได้กำไรในชวงนั้นมาช่วยเอาไว้ ไม่เช่นนั้นผลขาดทุนจะมากกว่านี้

ผู้ที่เทรดทั้งยางพารา RSS3 และ S50 คงทราบดีกว่ายางพารานั้นเวลาราคาขึ้นลงแรงน่ากลัวกว่า S50 แถมยังมีบางช่วงที่โดนขังอีกด้วย (โดนขังหมายถึงตลาดไม่มีวอลลุม ทำให้ปิดสัญญาไม่ได้ ต้องทนถือสัญญาต่อไป) แต่เมื่อดูผลการเทรดกันแล้วยางพารากลับได้กำไรมากกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่ารูปแบบราคายางพารามีภาวะไร้ทิศทางน้อยกว่า ทำให้ระบบทำงานได้ดีกว่า หรือหากจะพูดง่ายๆก็คือระบบแพ้ทาง S50, CL นั่นเอง

เมื่อตลาดผันผวนมาก อีกทั้งระบบการเทรดยังแพ้ทางกับสินค้าบางชนิด ดังนั้นนักลงทุนต้องรู้จักปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด การปรับปรุงระบบการเทรดด้วยการหาสูตรคำนวณใหม่ที่ทำกำไรได้ดีนั้นเป็นเสมือนการแก้ปัญหาเฉพาะกิจเท่านั้น หากเปรียบระบบการเทรดเป็นเสื้อตัวหนึ่ง ระบบนั้นก็คือเสื้อสำเร็จรูปแบบฟรีไซส์ คือเป็นขนาดทั่วๆไป ใครก็ใส่ได้หากมีรูปร่างทั่วไป ใส่แล้วบางคนอาจรู้สึกว่ายาวไปนิด หรือสั้นไปหน่อย แต่ก็ยอมรับได้ เพราะว่าเป็นเสื้อสำเร็จรูป หากมีคนรูปร่างพิเศษมาซื้อก็ย่อมใส่ไม่ได้ และหากเราตัดเสื้อผ้าขนาดพิเศษให้แก่คนพิเศษนั้น เสื้อนั้นก็ใส่ได้เฉพาะบุคคลเท่านั้น ใช้กับคนอื่นไม่ได้อีก

หากเราขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่ ไม่ได้ทำทางด้านตัดเสื้อผ้าตามสั่ง ทางที่ดีก็ควรเลือกลูกค้ารูปร่างทั่วไปที่เหมาะกับเสื้อผ้าของเรามากกว่า






No comments: