Monday, July 2, 2012

สรุปภาวะการลงทุนประจำเดือนมิถุนายน 2012 (01/06/2012 - 30/06/2012)



สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ต้นเดือน เงินเดือนเพิ่งจะออกกัน ลุงแมวน้ำสังเกตเห็นตามห้างสรรพสินค้าต่างๆแน่นขนัดผิดจากช่วงปลายเดือน และที่เห็นความแตกต่างอย่างเด่นชัดก็คือตามร้านอาหารต่างๆ เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาร้านอาหารแน่นมากราวกับแจกฟรี ยิ่งร้านดังคนรอคิวกันเป็นแถวยาวเฟื้อยทีเดียว จนบางร้านต้องงดรับลูกค้าเพราะว่าวัตถุดิบหมด โห อะไรจะขายดีขนาดนั้น แต่ลุงแมวน้ำไม่ได้ไปกินกับเขาหรอก แค่ไปสำรวจตลาดมาเฉยๆ ดูสินค้าน่ะ ลุงแมวน้ำพกขนมปังเจใส่กล่องไปกิน หิวก็หาที่นั่งและกินได้เลย ประหยัดได้อีกต่างหาก ^__^

เรื่องธุรกิจผลิตหมอนข้างแมวน้ำ สงสัยว่าลุงแมวน้ำคงต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทแล้วล่ะ เพราะดูๆแล้วถ้าไม่เจ๊งเสียก่อน คือถ้าหากมีกำไรน่ะ ทำอะไรต้องมีความมั่นใจพอสมควรใช่ไหม ก็ต้องสมมติฐานว่ามีกำไรเอาไว้ก่อน หากเป็นเอสเอ็มอีแบบนิติบุคคลดูจะประหยัดภาษีได้มากกว่า ยังไม่จดแวตล่ะ เอาไว้รายได้ถึงเกณฑ์แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ก็กำลังนั่งคิดนอนคิดชื่อบริษัท พร้อมทั้งพยายามวางโครงสร้างทางธุรกิจอยู่ ชวนลิงจ๋อกับแม่ยีราฟมาเป็นหุ้นส่วนเพราะว่าตอนจดทะเบียนต้องใช้ผู้ก่อตั้ง 3 คนเอ๊ย 3 ตัว สัปดาห์นี้จะพยายามไปจดบริษัทดู ลุงติดนิสัยแบบตอนลงทุนหุ้น คือเมื่อจะทำอะไรต้องดูในภาพใหญ่ก่อน แล้วก็ดูในภาพระยะกลาง แล้วก็ระยะสั้น ต้องเห็นอะไรชัดเจนก่อนจึงจะวางกลยุทธ์การลงทุนได้ แต่ทำธุรกิจนี่คงไม่เหมือนกันเสียทีเดียว หากจะเห็นภาพอะไรต่อๆชัดจนหมด สงสัยว่าคงชาติหน้าตอนบ่ายๆจึงจะได้เริ่มทำธุรกิจ ก็คงเตรียมความพร้อมให้มากพอควร จากนั้นที่เหลือก็ทำไปแก้ปัญหากันไป

มาดูเรื่องสรุปการลงทุนในรอบเดือนกันดีกว่า หนึ่งเดือนผ่านไปรวดเร็วจริงๆ แต่ก่อนที่จะไปดูสรุปในรอบเดือนกัน มาดูเรื่องสัปดาห์ที่ผ่านมานี้กันก่อนเนื่องจากมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากทีเดียว


ตารางหุ้น ฟิวเจอร์ส และกองทุนรวม และค่าสถิติต่างๆในรอบสัปดาห์



ในสัปดาห์ที่ 25/06/2012 ถึง 29/06/2012 นั้นตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นแรงทีเดียว ทั้งนี้ เนื่องจากตอบรับข่าวผลการประชุมของผู้นำในสหภาพยุโรปที่มาประชุมกันเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน 17 ประเทศที่พลอยฉุดโลกทั้งโลกให้ติดหล่มไปด้วย

ที่จริงเรื่องการประชุมนี้จัดขึ้นมานับสิบครั้งแล้ว แต่การแก้ปัญหามักไม่ค่อยเห็นผลเป็นรูปธรรมนัก พอคุยตกลงกันได้บนโต๊ะประชุม หลังจากนั้นแต่ละประเทศเมื่อนำไปปฏิบัติก็มักประสบปัญหาในทางปฏิบัติ จนทำให้วิกฤติลุกลามมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับในครั้งนี้ได้ผลการประชมบนโต๊ะประชุมน่าพอใจมาก เหตุที่ว่าน่าพอใจมากเรื่องของเรื่องก็คือเดิมทีเยอรมนีตั้งแง่ในหลายๆประเด็น ไม่ยอมลดราวาศอก ทำให้การหารือกันในกลุ่มยูโรโซนไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไร มาในการประชุมนี้เยอรมนีโดยนายกหญิงอังเกลา แมร์เคล ยอมโอนอ่อนผ่อนตามกลุ่มยูโรโซนในหลายๆเรื่อง ผลออกมาจึงดีอย่างผิดคาด เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา (29/06/2012)

สรุปคร่าวๆก็คือที่ประชุมมีมติอัดฉีดเงินหนึ่งแสนสองหมื่นล้านยูโรเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต เมื่อก่อนพยายามคุยกันเรื่องรัดเข็มขัด คือตอนนี้มาคุยเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจกันแล้ว นอกจากพูดกันแต่เรื่องรัดเข็มขัด นอกจากนี้ยังมีการอัดฉีดเงินช่วยธุรกิจขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอี อีกทั้งยังสามารถอัดฉีดเงินจากกองทุนให้ธนาคารในประเทศต่างๆกู้ยืมไปปรับโครงสร้างหนี้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลของประเทศนั้นๆก่อน ฯลฯ แต่ก็มีเรื่องที่ยังไม่ได้สรุปกัน เช่น เรื่องพันธบัตรยูโร (Euro bond) ซึ่งทางเยอรมนีก็ยังคัดค้านอยู่

ผลก็เป็นดังตารางที่เห็นด้านบน นั่นคือ ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแรงในช่วงปลายสัปดาห์ โดยสุปทั้งสัปดาห์แล้วดัชนีตลาดหุ้นระดับโลก คือ Dow Jones Global Index และ MSCI All Country World Index ปรับขึ้นไปประมาณ +2.2% กับ +2.5% ตามลำดับ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ก็ขึ้นแรง ทองคำ +2.4% ทองแดง +5.5% น้ำมันดิบเบรนต์ +7.5% สินค้าเกษตรก็แรง ข้าวโพด +14.6% ข้าวสาลี +9.9% เป็นต้น

ทีนี้มาดูสรุปในรอบเดือนกันบ้าง ในรอบเดือนมิถุนายน 06/2012 ที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นเดือนขาขึ้น ไม่ใช่ขาขึ้นก่ายหน้าผาก หมายถึงดัชนีตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้พอสมควร ตลอดทั้งเดือน Dow Jones Global Index และ MSCI All Country World Index ปรับขึ้นไปประมาณ +4.5% กับ +3.6% ตามลำดับ โดยตลาดที่ขึ้นแรงเป็นกลุ่มยุโรป ประมาณ +8.0% โดยแรงดึงตลาดขึ้นนั้นมาจากยุโรปเหนือและยุโรปตะวันออก ส่วนทางเอเชียแปซิฟิกนั้นขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3.9%

ตลาดหุ้นไทย SET index +2.8% หุ้นในกลุ่ม SET50 เกิดสัญญาณซื้อเพิ่มขึ้นจากปลายเดือนพฤษภาคม 26 ตัว เดิมพอร์ต SET50 ถือหุ้นอยู่ 7 ตัว ปลายเดือนมิถุนายนนี้ถืออยู่ 33 ตัว

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในรอบเดือนที่ผ่านมา ทองคำ +2.6% ทองแดง +3.9% น้ำมันดิบเบรนต์ -4% น้ำมันดิบ wti -1.8% สินค้าเกษตร +13.8%

ทางด้านตลาดพันธบัตร ในรอบเดือนที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอเมริกัน อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 8 จุดเบสิส (basis point) อยู่ที่ 1.67% ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ลดลง 15 จุดเบสิส อยู่ที่ 3.57%

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตลอดทั้งเดือนเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่าลง ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือ USD index -1.7% เงินยูโรแข็งค่า +0.7% ฟรังก์สวิส +0.7% เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย +3.1% ดอลลาร์สิงคโปร์ +0.7% เงินบาท +0.3% ส่วนเงินเยนอ่อนค่า -1.4%

จากภาพรวมในเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์จะขึ้นแรงก็ตาม แต่เป็นเรื่องของอารมณ์หรือปัจจัยทางจิตวิทยา ด้านสัญญาณทางเทคนิคยังไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยน รูปแบบในระยะสั้นอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ดูคล้ายๆจะก่อตัวเป็นขาขึ้น แต่ยังสรุปไม่ได้ ส่วนระยะกลางและยาวในทางเทคนิคยังเป็นเช่นเดิม และหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานยิ่งไม่มีอะไรเปลี่ยน เนื่องจากผลการประชุมผู้นำอียูนั้นเป็นแค่ผลบนโต๊ะประชุม ยังต้องมีขั้นตอนอีกมากที่นำไปสู่การปฏิบัติ จะช่วยได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือเป็นว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ คือถึงช่วยไม่ทันการณ์ก็ไม่รู้อีก



กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญบางสกุลรวมทั้งทองคำ
 




ตารางหุ้น ฟิวเจอร์ส และกองทุนรวม และค่าสถิติต่างๆในรอบเดือนมิถุนายน


No comments: