Tuesday, July 17, 2012

สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ 09/07/2012 - 13/07/2012 * ไม้สุดท้ายมาแล้ว



ช่วงนี้ลุงแมวน้ำอัปเดตอย่างกะพร่องกะแพร่งตามเคย ชีวิตวุ่นวายหลายอย่าง ส่วนหนึ่งเกิดจากข้อมูลของ yahoo รวนหนักมาก นอกจากอาการไม่ดีขึ้นแล้วยังแย่ลง ข้อมูลผิดๆถูกๆ ลุงแมวน้ำต้องระวังมากในการนำเสนอ จึงทำให้ช้า

อีกเรื่องก็คือลุงแมวน้ำกำลังวุ่นกับการตกแต่งร้านค้าอยู่ อ้าว อย่าเพิ่งงง ร้านค้าออนไลน์กับร้านร้านค้าจริงก็ต้องตกแต่งเหมือนกัน เพราะว่าหากไม่ตกแต่งแล้วก็คงไม่มีใครอยากเข้า เพียงแต่ว่าการตกแต่งคนละอย่างกัน แต่งร้านค้าไปก่อน สินค้ายังไม่มีเลย เล็งเอาไว้ตั้งแต่กล้วยตาก (ของโปรดนายจ๋อ) ไปจนถึงสินค้าแนววัยรุ่นเกาหลี (จะวางขายด้วยกันได้ไหมเนี่ย กล้วยตากกับแฟชั่นเกาหลี) แบรนด์ก็ยังไม่มี ชื่อร้านก็ยังไม่มี เพราะยังคิดไม่ออก ที่จริงตอนนี้ลุงแมวน้ำมีข้อมูลต่างๆอยู่เยอะพอควร เพียงแต่ว่ามันเหมือนจิ๊กซอว์ที่ยังไม่ได้ต่อ ลุงแมวน้ำเลยยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก เอาไว้อีกสักพักน่าจะค่อยๆลงตัวมากขึ้น

ช่วงนี้ลุงแมวน้ำเรียนเยอะด้วยครับ ไปอบรมโน่น นี่ นั่น เพื่อเสริมความรู้ เพราะว่าการเรียนรู้ก็เป็นกิจกรรมตลอดชีวิตเหมือนกับการลงทุนนั่นแหละ แม้ว่าลุงแมวน้ำหาความรู้รอบพุงอยู่เสมอ แต่เมื่อไปนั่งเรียนแบบชั้นเรียนนานหลายชั่วโมงก็ง่วงเหมือนกัน เรียนไปหลับไป เพลินดี ใส่แว่นดำซ่อนตาดำเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นว่าหลับ ^__^

เอาละ เรามาดูเรื่องการลงทุนในรอบสัปดาห์ที่แล้วกันดีกว่า

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 09/07/2012 - 13/07/2012 ตลาดหุ้นโลกโดยรวมปรับตัวลงนิดหน่อย ดัชนีที่บ่งชี้ภาพรวม คือ Dow Jones Global Index ลดลงไปประมาณ -0.6% ส่วน MSCI all country world index ลดลงประมาณ -0.15% หากมองในระดับภูมิภาค ฝั่งทวีปอเมริกา ตั้งแต่แคนาดา สหรัฐอเมริกา ไปจนถึงกลุ่มละตินอเมริกา ส่วนใหญ่ปรับตัวลง กลุ่มยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แรงฉุดขึ้นมาจากเยอรมนี ส่วนที่ฉุดลงก็มี ได้แก่ อิตาลีและโปแลนด์

กลุ่มแอฟริกาปรับตัวลง

ทางด้านตลาดหุ้นฝั่งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปรับตัวลง ตลาดใหญ่ๆทั้งนั้น ได้แก่ ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ปรับลงกันไป -2% ถึง -3% ดูผิวเผินเหมือนจะแปลกๆที่ทำไมเอเชียลงมากกว่ายุโรปทั้งๆที่ปัญหาอยู่ที่ยุโรป แต่ทีจริงก็ไม่แปลก เพราะว่าเมื่อคราววิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดก็ลงหมดทั้งโลก แนวโน้มเดียวกัน แต่ในระหว่างสัปดาห์ต่อสัปดาห์หรือวันต่อวันอาจทำรูปแบบคลื่นย่อยแตกต่างกันบ้างเท่านั้นเอง

ตลาดหุ้นไทย ตลอดสัปดาห์ดัชนี SET ปรับตัวขึ้น +0.85% ต่างชาติทั้งซื้อและขายสุทธิสลับกัน แต่วันที่ซื้อก็ซื้อสุทธิน้อย

ด้านตลาดตราสารหนี้ พันธบัตรอเมริกัน อายุ 10 ปี สัปดาห์ที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทนลดลงอีก -4 จุดเบสิส (bps) ส่วนพันธบัตรไทย เส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve) ลดลงตลอดทั้งเส้น พันธบัตรไทยอายุ 10 ปีลงมาอยู่ที่ 3.48% หรือลดลง -6 bps

ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สัปดาห์ที่ผ่านมาขึ้นกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว กลุ่มพลังงาน น้ำมันดิบเบรนต์ (BZ) ขึ้นไป +3.7% ส่วนน้ำมันดิบ wti (CL) ปรับขึ้นไป +3.6% กลุ่มโลหะ (HG) ทองแดง +2.8% แต่ราคาทองคำ (GC) ไม่ค่อยไปไหน +0.8% ส่วนสินค้าเกษตรนั้นขึ้นแรง นำโดยข้าวโพด (C) +8.6% ราคาข้าวโพดใกล้ทำลายสถิติตลอดกาลแล้ว สถิติอยู่ที่ 796 ดอลลาร์ สรอ ปัจจุบันอยู่ที่ 772.5 ดอลลาร์ สรอ แรงถัดมาคือข้าวสาลี (W) +5% ข้าวสาลียังห่างสถิติอีกไกล สาเหตุมาจากการคาดการณ์เรื่องความแห้งแล้งแถบมิดเวสต์ดังที่ลุงแมวน้ำเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว

ด้านค่าเงิน ค่าเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ดัชนีดอลลาร์ สรอ (usd index) -0.1% เงินยูโรอ่อนค่า -0.3% เงินเยนกับเงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าพอกัน +0.5% เงินรูเบิลของรัสเซียแข็งค่าแรง +1.1% ส่วนเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย -0.1%

ยังจำกันได้ไหมที่ลุงแมวน้ำเคยบอกว่าตลาดหุ้นอาจขึ้่นได้อีกเล็กน้อยเพื่อให้จบ reactive wave (คลื่นขาขึ้นที่อยู่ในแนวโน้มขาลง) คือ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) อาจไปถึง 13050 จุด และดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนีอาจไปได้ถึง 6700 ส่วนตลาดหุ้นไทยอาจไปได้ถึง 1210 จุด และน้ำมันดิบเบรนต์อาจไปได้ถึง 105-107 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ส่วนทองคำลุงแมวน้ำประเมินตัวเลขชัดๆไม่ออก แต่น่าจะไปได้ถึง 1600 ต้นๆเท่านั้น

ทีนี้ ลองดูภาพต่อไปนี้กัน เริ่มด้วย DJI ของสหรัฐอเมริกาก่อน


กราฟดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI)


จะเห็นว่า DJi ใกล้ถึงระดับฟิโบนาชชี 78.6% โดยผ่านระดับ 61.8% มาแล้ว

จากนั้นก็มาดูดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีกัน


กราฟดัชนีแดกซ์ (DAX) ของตลาดหุ้นเยอรมนี


จะเห็นว่าดัชนีแดกซ์ตอนนี้ป้วนเปี่ยนอยู่ที่ระดับฟิโบนาชชี 50% กำลังจะไปทดสอบที่ระดับ 61.8%


จากนั้นมาดูดัชนีของตลาดหุ้นสำคัญอีกตลาดหนึ่ง นั่นคือ ตลาดหุ้นจีน ลุงแมวน้ำใช้ดัชนี CSI 300 ของจีน


กราฟดัชนี CSI 300 ของจีน


สำหรับตลาดหุ้นจีน ก่อนหน้านี้ เมื่อปีกว่ามาแล้ว ลุงแมวน้ำนับคลื่นอีกแบบหนึ่ง แต่ต่อมาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ลุงแมวน้ำจึงปรับการนับคลื่นใหม่ ได้เป็นภาพข้างบนนี้ จะเห็นว่ายังไม่จบคลื่น 4 ใหญ่ ตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสลงได้อีกมาก CSI 300 อาจหลุด 2000 จุดก็ยังเป็นไปได้

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ลุงแมวน้ำก็ติดตามสถานการณ์จริงหรือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานไปด้วย ลุงแมวน้ำพบว่าสถานการณ์ของสหรัฐอเมริกาแม้ดีขึ้นจากเมื่อคราววิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ตอนนี้อัตราการว่างงานกลับเพิ่มขึ้นมาอีก ตัวเลขต่างๆที่ดูดีขึ้นตอนนี้เริ่มย่อลงมาแล้ว

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งยุโรป สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ แม้ข่าวเรื่องการอัดฉีดสภาพคล่องและข่าวมาตรการณ์ใหม่ๆจะมีเข้ามาให้ชื่นใจอยู่ตลอดเวลา แต่หากพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจจริงของยุโรปพบว่าบริษัทต่างๆทยอยปลดคนงานมาโดยตลอด การผลิตที่ลดลง การลดการนำเข้าและการชะลอการชำระหนี้การค้าแก่คู่ค้า การลดอันดับเครดิตของธนาคารต่างๆ อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ นี่ลุงแมวน้ำไม่ได้เจาะจงประเทศใด พูดในภาพรวมๆ

ส่วนทางด้านจีนเอง เมื่อตอนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ใหม่ๆ จีนก็เกิดฟองสบู่อสังหาแตก ทารัฐบาลจีนอัดเงินไปประมาณ 4 ล้านล้านหยวนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลคือเงินเฟ้อมโหฬาร ตอนนี้แม้จีดีพีจะโตไม่ค่อยสวยนัก ตัวเลขล่าสุดคือ 7.6% ซึ่งถือว่าน่าผิดหวัง แต่นายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่าเองก็ส่งสัญญาณออกมาว่าจะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอีก เปรียบเทียบได้กับว่าจีนคงแค่ประคองตนเองไม่ให้ล้มเจ็บตัวแรงมากกว่าจะคิดผลักดันให้เดินไปข้างหน้า

เมื่อประเมินจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว ลุงแมวน้ำคิดว่าตอนนี้โลกคงเริ่มไม้สุดท้ายกันแล้วล่ะ เมื่อเดือนก่อนหน้านี้ลุงแมวน้ำบอกว่าไม้สุดท้ายยังมาไม่ถึง แต่ตอนนี้คิดว่าถึงแล้ว นั่นคือ เรากำลังเข้าสู่คลื่นย่อย 3 ในคลื่นใหญ่ C ซึ่งเป็นคลื่นขาลงที่มีความรุนแรง ลองตามดูไปภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจเริ่มไหลลงอย่างแรง ราคาน้ำมันดิบ ทองคำ ยางพารา น่าจะร่วง เงินดอลลาร์ สรอ จะทะยาน ส่วนสินค้าเกษตรนั้นดูยาก ปีนี้ผลผลิตรวมทั้งโลกของพืชหลักไม่ได้ลดน้อยลง แต่พื้นที่บางส่วนอาจเกิดความแห้งแล้ง เช่น แถบมิดเวสต์ ของ สรอ จึงนำมาเก็งกำไรกัน อาจเป็นไปได้ว่าสินค้าเกษตรอาจขึ้นแรงๆได้อีกระยะหนึ่งจึงค่อยลง

ลุงแมวน้ำยังมองต่อไปอีกว่า มาตรการ QE3 ยังไม่มาในปีนี้ ลุงแมวน้ำประเมินว่าลุงเบนเฮลิคอปเตอร์ไม่กล้าใช้ QE3 แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องท่วมท้นก็ตาม ก็ดูจีนเป็นตัวอย่าง ลุงเวินมีเงินยังไม่กล้าทุ่ม ลุงเบนเองก็คงตระหนักว่าสถานการณ์คราวนี้จะรุนแรงมาก หรือไม่อย่างนั้นก็ประเมินไม่ถูกว่ารุนแรงเพียงใด จึงไม่กล้าใช้ เพราะหากสถานการณ์รุนแรงมากจริง QE3 ก็ไม่มีประโยชน์ เปรียบเหมือนกับไฟไหม้บ้าน เหลือน้ำอยู่ถังเดียวก็ต้องคิดหนักว่าจะสาดเข้าไปในกองเพลิงหรือไม่ หรือจะเก็บน้ำนั้นเอาไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ใช้ดื่ม หรือใช้ทำความสะอาดบาดแผลของผู้บาดเจ็บ ฯลฯ

ก็มองแบบแมวน้ำๆละนะ พร้อมกันนั้นก็อยากเตือนให้เพื่อนนักลงทุนรายย่อยอย่าได้ประมาทกับสถานการณ์ในช่วงต่อจากนี้ไป



กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญบางสกุลรวมทั้งทองคำ



ตารางหุ้น ฟิวเจอร์ส และกองทุนรวม และค่าสถิติต่างๆ

No comments: