วันนี้ตลาดลอนดอนหยุด
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BAY, KTB, TPIPL และมีสัญญาณขาย PSL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 46 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อ KTB
ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ตลาดฝั่งเอเซียและออสเตรเลียปิดบวก ส่วนตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกาปิดลบ
ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าอย่างต่อเนื่องคู่ไปกับเงินเยนของญี่ปุ่น และรูปแบบการแข็งค่าค่อนข้างเป็นแนวเส้นตรง ไม่ค่อยมีการแกว่ง ค่าเงินเยนยังมีการแกว่งตัวมากกว่า
ลักษณะเช่นนี้มักเป็นปรากฏการณ์เมื่อมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาซื้อเงินบาทไทย รวมทั้งหุ้นมักจะขึ้นด้วย หากมองความเชื่อมโยงก็อาจเป็ํนไปได้ที่ว่าเงินเหล่านี้เป้นเงินที่ไหลเข้ามาเพื่อเก็งกำไรทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน เข้ามาแบบตีหัวเข้าบ้าน เมื่อเจ้าของบ้านเจ็บตัวแล้วก็จากไป อันหมายความว่าเมื่อทำกำไรได้ช่วงหนึ่งแล้วเงินเหล่านี้ก็จะไหลออก ค่าเงินบาทก็จะอ่อนลง ตลาดหุ้นก็จะวาย
ลองมาดูภาพดัชนี SET กัน ดังภาพต่อไปนี้
ภาพนี้ลุงแมวน้ำอยากให้ดูปริมาณการซื้อขายซึ่งเห็นเป็นแท่งสีแดงในส่วนล่างของภาพ จะเห็นว่าช่วงนี้ปริมาณซื้อขายหนาแน่นผิดปกติ ซึ่งถ้าติดตามข่าวคราวจะพบว่าบางวันวอลุมซื้อขายเกือบถึง 50,000 ล้านบาท ลักษณะที่ปริมาณซื้อขายกระชากขึ้นอย่างรวดเร็วหรือที่เรียกว่า volume spike นั้น ถือเป็นสัญญาณการกลับทิศแนวโน้ม (trend reversal signal) ได้อย่างหนึ่ง ใช้พิจารณาร่วมกับสัญญาณกลับทิศอื่นๆ ตอนนี้สัญญาณด้านวอลุมเริ่มเห็นเค้าลางแล้ว คงต้องติดตามรอดูสัญญาณอื่นๆต่อไป
ทีนี้มาดูภาพต่อไปนี้กันบ้าง
ภาพข้างบนนี้ลุงแมวน้ำนำมาจากเว็บกระทิงเขียว สังเกตว่าหุ้นตัวเล็กตัวน้อยทำงานกันแข็งขัน สามารถติดอันดับทั้งด้านราคาและด้านปริมาณซื้อขายได้หลายตัวทีเดียว เรื่องนี้ไม่มีในตำราด้านเทคนิค แต่จากประสบการณ์และการสังเกตตลาดหุ้นไทยของลุงแมวน้ำ พบว่าเมื่อตลาดเป็นขาขึ้นอย่างแรง ปัจจัยที่นำให้ดัชนี SET ขึ้นในช่วงแรกนั้นเป็นหุ้นตัวใหญ่ ถัดจากนั้นจะเป็นรอบของหุ้นตัวขนาดกลาง และท้ายที่สุดตามมาด้วยรอบของหุ้นตัวเล็ก เมื่อจบรอบของหุ้นตัวเล็กเมื่อไรก็เป็นอันว่าถึงยอดดอยพอดี แล้วรถขบวนนี้ก็ลงจากดอยไป ทิ้งให้ผู้โดยสารรายย่อยชมดอยอยู่เป็นเวลานานๆ
ลุงแมวน้ำขอแสดงความเห็นว่า SET ขณะนี้อันตรายแล้ว ผู้ที่ถือตามระบบก็ไม่ต้องทำอะไร เมื่อไรเกิดสัญญาณขายก็ทำตามสัญญาณไป แต่ผู้จะเข้าลงทุนหรือเพิ่มพอร์ตการลงทุนในตอนนี้น่าจะไม่เหมาะแล้ว โอกาสพลาดพลั้งมีสูง
No comments:
Post a Comment