Friday, August 27, 2010

26/08/2010 * เทรดตามระบบแล้วได้กำไรแน่ๆหรือไม่ (1)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 886.1 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 43 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้มีไม่มีสัญญาณซื้อขาย ตลาดต่างๆในรายงานเป็นสัญญาณขายเกือบทั้งหมดแล้ว ยกเว้น ไทย จีน และอินเดียที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่

ช่วงที่ผ่านหุ้นไทยขึ้นมาไกลที่เดียว แม้ในช่วงนี้จะมีอาการชะลอตัวบ้างก็ตาม อีกทั้งยางพาราก็ย่อแล้วขึ้นต่อ รวมความแล้วผู้ที่ลงทุนในช่วงที่ผ่านมาน่าจะมีกำไรกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ลงทุนอย่างเป็นระบบโดยใช้การเทรดตามแนวโน้มหรือที่เรียกว่า trend foollowing system น่าจะได้กำไรกันไม่น้อยเนื่องจากเกิดสัญญาณซื้อต่อเนื่องมานานพอสมควรแล้วโดยไม่มีสัญญาณหลอกมาคั่นให้เสียเงิน

ลองย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ราวๆช่วงเดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม แถวๆนั้น ทั้ง S50 และยางพารา RSS ต่างเกิดสัญญาณหลอกหรือ false signal หลายครั้งติดกัน ช่วงนั้นนักลงทุนที่เทรดตามระบบแม้แต่มือเก่าก็อาจจะยังอดบ่นไม่ได้ว่าเมื่อไรมันจะเลิกคืนกำไรเสียที ส่วนมือใหม่ที่เริ่มเข้ามาเทรดในช่วงนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่มีกำไรให้คืน ต้องเรียกว่าขาดทุนเลย บางคนเทรดฟิวเจอร์สจนเงินหมดเนื่องจากเกิดสัญญาณหลอกหลายครั้งและเตรียมเงินสำรองเอาไว้ไม่เพียงพอ บางคนก็หมดกำลังใจที่จะเทรดตามระบบต่อไป ออกจากตลาดไปด้วยความบอบช้ำหรือไม่อย่างนั้นก็เปลี่ยนไปเทรดตามวิธีการอื่นๆ เช่น เทรดตามข่าวลือ เทรดตามโพย เทรดด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และเทรดตามใจฉัน

คำถามที่น่าสนใจข้อหนึ่งซึ่งเป็นคำถามที่มีผู้ถามกันมากก็คือ การเทรดตามแนวโน้มอย่างเป็นระบบนั้นทำให้ได้กำไรแน่จริงหรือ หากไปถามผู้ที่เคยเทรดตามระบบมาจนหมดแรงและต้องเลิกราไปก็คงได้คำตอบแบบหนึ่ง หากถามผู้ที่เทรดจนเป็นมือเก่าแล้วก็คงได้คำตอบอีกแบบหนึ่ง

ถ้าเช่นนั้นคำตอบคืออะไรกันแน่ ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะลองมาวิเคราะห์กันว่าการเทรดตามแนวโน้มอย่างเป็นระบบนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร ระบบที่ลุงแมวน้ำจะนำมาเป็นตัวแบบสำหรับศึกษากันก็คือระบบ Peak and Trough 1.10 (PnT 1.10) ที่จริงการเทรดตามแนวโน้มอย่างเป็นระบบนั้นมีระบบอื่นให้เลือกใช้อีกมากมายแต่ลุงแมวน้ำเลือกระบบ PnT 1.10 มาศึกษากันเนื่องจากเป็นระบบที่แพร่หลายและนิยมใช้กันมาก

ก่อนที่เราจะไปดูกันในเรื่องหุ้นหรือฟิวเจอร์ส ลุงแมวน้ำอยากเปรียบเทียบกับเรื่องมีดเพื่อให้เพื่อนนักลงทุนเห็นภาพเสียก่อน

สมมติว่าลุงแมวน้ำต้องการจะหั่นผัก ลุงแมวน้ำจำเป็นจะต้องรู้อะไรบ้าง

ขั้นแรก ลุุงแมวน้ำจำเป็นจะต้องเลือกให้อุปกรณ์ให้เหมาะสม คงไม่มีใครเอาที่ปอกมะม่วงมาหั่นผัก และมีดก็มีตั้งมากมายหลายแบบ มีดทาเนยบ้าง คัตเตอร์บ้าง มีดอีโต้บ้าง ฯลฯ เมื่อต้องการจะหั่นผักก็ต้องรู้จักเลือกใช้มีดที่เหมาะสม อีกทั้งยังต้องถนัดมืออีกด้วย

เมื่อเลือกมีดที่เหมาะสมและถนัดมือได้แล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องรู้จักวิธีใช้มีด เอาด้านคมลงไปหั่น ไม่ใช่เอาด้านสันลงไปหั่น รวมทั้งรู้จักวิธีหั่น หากใช้ไม่เป็นก็อาจบาดมือจนบาดเจ็บเอาได้

เมื่อรู้จักวิธีใช้แล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องรู้จักใช้มีดอย่างมีสติ เพราะมีดนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ หากขาดสติ แทนที่จะเอาไปหั่นผักกลับเอาไปไล่แทงคน ผลก็คือต้องติดคุกหัวโต

การลงทุนในตลาดหุ้น ฟิวเจอร์ส ด้วยระบบเทรดตามแนวโน้มนั้นก็เช่นกัน ผู้ลงทุนต้องมีความรู้อะไรหลายๆอย่าง เริ่มตั้งแต่รู้ว่าระบบทำงานอย่างไร มีข้อจำกัดอย่างไรหรือไม่ ใช้ได้ทุกสถานการณ์หรือไม่ ฯลฯ

เมื่อมีความรู้เกี่ยวกับตัวระบบเทรดที่เราจะใช้ดีพอควรแล้ว ขั้นต่อมาก็ต้องรู้จักวิธีการใช้ นั่นคือ การนำระบบไปเทรดในตลาดจริงต้องบริหารระบบอย่างไร บริหารเงินอย่างไร ต้องสำรองเงินเท่าไร เป็นต้น

เมื่อมีความรู้เกี่ยวกับตัวระบบและวิธีใช้ระบบแล้ว ขั้นต่อมาซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากแต่หลายๆคนกลับมองว่ามีความสำคัญน้อยที่สุดหรือไม่สำคัญเอาเลย นั่นก็คือการรู้จักใช้อย่างมีสติ

ลุงแมวน้ำจะทิ้งประเด็นไว้เพียงแค่นี้ก่อน ต่อไปเราจะมาดูกันที่ข้อแรก คือทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวระบบกัน

ระบบ Peak and Trough 1.10 และสถิติที่น่าสนใจ

ความน่าจะเป็นที่จะได้กำไรในการเทรดด้วยระบบ Peak and Trough 1.10 (PnT 1.10)

ระบบ PnT 1.10 ทำงานอย่างไรนั้นหากจะนำมาคุยกันในที่นี้ด้วยอาจจะยาวเกินไป เอาเป็นว่าแทนที่เราจะดูว่าระบบนี้มีทฤษฎีในการสร้างระบบเทรดขึ้นมาอย่างไร เราลองมาดูผลการเทรดด้วยระบบนี้กันดีกว่า

ตารางต่อไปนี้เป็นผลจากการเทรดด้วยระบบ PnT 1.10 ที่ทดสอบกับสินค้าและดัชนีหลายตัว ได้แก่ ดัชนี SET (SET) ดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ดัชนีหั่งเส็ง (HSI) และดัชนีนิกเกอิ (NIX) ส่วนสินค้าก็ได้แก่ ดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) น้ำมันดิบ (CL) ทองคำ (GC) ยางโตคอม (JPIR) ถั่วเหลือง (S) น้ำตาล (SB) และข้าวสาลี (W) โดยสมมติว่าเทรดครั้งละ 1 หุ้น (หรือ 1 สัญญา)

ดัชนีแต่ละตัวที่ทดสอบใช้ข้อมูลครอบคลุมระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อให้ครอบคลุมสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงต่างๆให้ได้มากที่สุด ดังนี้



ในคอลัมน์ daily bars นั้นแสดงจำนวนข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์ จะเห็นทั้งหมดเป็นข้อมูลการเทรดที่ยาวนานกว่า 10 ปี

และเนื่องจากข้อมูลมีทั้งดัชนีและสินค้าโภคภัณฑ์หลายแบบ และวิธีการเทรดจะมีทั้งเทรดแบบหุ้น (เทรดด้าน long ด้านเดียว) และเทรดแบบฟิวเจอร์ส (คือเทรดทั้งด้าน long และ short) ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงกำหนดค่านายหน้าซื้อขายแบบถัว นั่นคือ คิดเป็น 0.1% ของราคาหรือดัชนี จะไม่คิดเลยก็ไม่ได้เพราะการบางครั้งผลขาดทุนในการเทรดมาจากการขาดทุนค่านายหน้านี่เอง

เราลองมาดูคอลัมน์ที่เขียนไว้ว่า P/L (Long only) กันก่อน คอลัมน์นั้นเป็นผลกำไร/ขาดทุนจากการเทรดในแบบหุ้น นั่นคือ ซื้อแล้วขาย เขียวแรกก็ซื้อ แดงแรกก็ขาย ผลกำไรจากการเทรดดัชนีและสินค้าต่างๆตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี ผลเป็นอย่างไร ตัวอย่างการอ่านผลก็เช่น

เทรดดัชนี SET ได้กำไร 2,953 จุด เทรดดัชนีดาวโจนส์ขาดทุน 221 จุด เทรดน้ำมันดิบขาดทุน 58 ดอลลาร์ เทรดทองคำกำไร 319 ดอลลาร์ เทรดน้ำตาลขาดทุน 15 เซ็นต์

จะเห็นว่าตลอดระยะเวลากว่าสิบปี เทรดตั้งแต่หนุ่มสาวจนเข้าวัยกลางคน ดัชนีและสินค้าบางตัวก็ขาดทุน มากบ้างน้อยบ้าง ทั้งหมดมี 11 ตัวขาดทุน 6 ตัว

ทีนี้ลองมาเทรดแบบฟิวเจอร์สดูบ้าง นั่นคือเทรดทั้งด้านลอง (เขียวแรกเปิดสัญญาซื้อ แดงแรกปิดสัญญาซื้อ) และด้านชอร์ต (แดงแรกเปิดสัญญาขาย และเขียวแรกปิดสัญญาขาย) ผลอยู่ในคอลัมน์ (P/L Long & Short) ทั้งหมด 11 ตัวขาดทุน 7 ตัว และจำนวนที่ขาดทุนแตกต่างไปจากเทรดแบบลองอย่างเดียว เช่น ดัชนี SET นั้นทำกำไรได้มากกว่าเทรดด้านลองอย่างเดียว แต่ดัชนี DJI กลับขาดทุนหนักยิ่งขึ้น ดัชนี NIX ขาดทุนน้อยลงแสดงว่าด้านชอร์ตช่วยให้มีกำไรผ่อนหนักเป็นเบาได้โข ส่วนทองคำเมื่อเทรดด้านชอร์ตด้วยกลับพลิกจากกำไรกลายเป็นขาดทุน

(โปรดอ่านต่อในวันถัดไป)

No comments: