Monday, April 19, 2010

16/04/2010

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 736.16 จุด ลดลง 24.74 จุด ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 4

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 โปรแกรมของลุงแมวน้ำวันนี้มีสัญญาณขาย BEC, BECL, BH, CPN, DTAC, ESSO, GLOW, KBANK, SCB, THAI, TSTH รวมทั้งหมด 11 ตัว ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ 20 ตัว

กองทุน ETF กลุ่มพลังงาน ENGY เกิดสัญญาณขาย

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขาย S50 และกาแฟ (KC) กรณี S50 ดังที่ลุงแมวน้ำคุยกลยุทธ์เอาไว้แล้วว่าเนื่องจากมองว่าดัชนี SET กลับเทรนด์แล้ว ดังนั้นจึงปิดสัญญาซื้อ (cover long position) และเปิดสัญญขาย (open short position) ด้วย

สำหรับกลุ่มดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีโบเวสปา (Bovespa หรือ Ibovespa) ของบราซิลเกิดสัญญาณขาย

ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองของเรายังไม่ค่อยดีนัก ปัจจัยภายในประเทศดูจะมีความสำคัญมากกว่าปัจจัยภายนอกประเทศ ต้องถือเอารูปแบบทางเทคนิคของตลาดบ้านเราเองเป็นหลัก การใช้ระบบเทรดตามแนวโน้มทำให้เราเทรดตามน้ำไปเรื่อยๆ จะมีช่วงที่น่าหนักใจก็คือในช่วงตลาดไร้ทิศทาง (sideway market) เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีหากตลาดเป็นขาลงในคลื่น A หรือ C การเทรดหุ้นมักไม่ประสบความสำเร็จแม้จะเทรดตามสัญญาณซื้อขายก็ตาม เนื่องจากในคลื่น A และ C สัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นมักเป็นสัญญาณหลอก (false signal) นักลงทุนที่ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายโดยไม่ได้นับคลื่นช่วยก็ควรเทรดไปตามสัญญาณ อย่าแหกระบบและอย่าเพิ่มพอร์ตหุ้นในช่วงนี้ ส่วนนักลงทุนที่ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายและนับคลื่นช่วยก็ควรพิจารณาหยุดเทรดหุ้นหรือพิจารณาการเทรดฟิวเจอร์สด้านชอร์ต

ส่วนนักลงทุนที่ไม่ได้ลงทุนอย่างเป็นระบบตามแนวโน้มตลาด ลุงแมวน้ำอยากขอเตือนให้ระวังการช้อนซื้อเนื่องจากคิดว่าราคาถูกแล้ว ดักช้อนเอาไว้ลุ้นเผื่อมีเด้ง หากตลาดอยู่ในคลื่น A หรือ C การช้อนลุ้นเด้งมักไม่ได้ผล โอกาสพลาดมีสูงมาก หากทนไม่ไหวจริงๆก็น่าจะทดลองแต่น้อยและเผื่อใจเอาไว้มากๆ

สถานการณ์บ้านเมืองของเราจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นดูได้ยาก แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่าภายในเดือนเมษายนนี้ฝ่ายรัฐบาลทำอะไรก็จะเพลี่ยงพล้ำ หากอยู่เฉยๆก็เสมอตัวหรือถูกด่า หากลงมือก็จะเกิดความวุ่นวาย ต้องรอให้เข้าเดือนพฤษภาคมไปก่อน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปฝ่ายรัฐบาลจึงจะกุมสถานการณ์และความได้เปรียบเอาไว้ได้ แต่ปัจจัยด้านการเมืองอาจไม่ได้มีผลต่อตลาดหุ้นเสมอไป ดูอย่างช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ก็ไม่ดี หุ้นก็ขึ้นเอาๆ ดังนั้นเรื่องการเมืองว่าคาดการณ์ได้ยากแล้ว การคาดการณ์ว่าการเมืองจะกระทบตลาดหุ้นหรือไม่ อย่างไร ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ดังนั้นเทรดตามแนวโน้มดีกว่า ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัว


No comments: