การลงทุนและค่าเงิน 08/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 07/06/2012)
วันที่ 07/06/2012 นี้เป็นวันที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนพอสมควรทีเดียว
ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่จะขึ้นแรงในช่วงเช้า จากข่าวจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย จากนั้นอ่อนตัวในตอนบ่าย ยกเว้นตลาดหุ้นอินเดียที่เปิดอ่อนแต่มาดีขึ้นบ้างในตอนบ่าย ตลาดหุ้นไทยแรงแล้วมาอ่อน SET index ไปสูงสุดถึง 1134.61 จุดแต่มาปิดที่ 1118.53 จุด (+0.05)%
ตลาดฝั่งยุโรปก็รีบาวด์แรงแล้วมาอ่อนเช่นกัน ตลาดหุ้นกรีซกกับสวีเดน +3% ไม่ค่อยอ่อน ส่วน DAX ของเยอรมนีปิด +0.8%
ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาก็รีบาวด์แรง ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +3.2% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาแรงแล้วมาอ่อนท้ายตลาด +0.4% น่าจะเป็นเนื่องจากเบอร์นันกี ประธานเฟดที่มีฉายาเฮลิคอปเตอร์เบน อันหมายถึงขนเงินขึ้น ฮ. แล้วโปรยลงมา ก็ไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆหรอกเพียงแต่ว่าชอบออกมาตรการ QE ไง ก็เหมือนกับการขนเงินออกมาแจกนั่นเอง คุณเบอร์นันกี พูดเมื่อตอนกลางคืน (เวลาบ้านเรา) ว่าตอนนี้ยังไม่มี QE3 เท่านั้นเอง ตลาดหุ้นกับราคาทองคำก็ร่วง
ทางด้านค่าเงิน วันที่ 07/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ แกว่งตัวขึ้นลงในระหว่างวัน ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD Index) ปรับตัวในกรอบ 82.0 จุดถึง 82.4 จุด เงินสกุลยุโรปอ่อนค่าเพียงเล็กน้อยเนื่องจากเงินดอลลาร์ สรอ เปลี่ยนแปลงไม่มาก เงินยูโรกับฟรังก์สวิส -0.1%
ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกอ่อนค่าเล็กน้อยเช่นกัน เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย -0.2% เงินดอลลาร์สิงคโปร์ -0.2% ส่วนเงินบาท -0.8% เงินเยนอ่อนค่า -0.5%
ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ กลุ่มน้ำมันดิบผันผวนขึ้นลงค่อนข้างแรง wti ขึ้นไปถึง 87 ดอลลาร์ สรด/บาเรล แต่ท้ายที่สุดปิดประมาณ 84 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล -1.3% และน้ำมันดิบเบรนต์ขึ้นไปถึง 102.2 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล สุดท้ายปิดที่ 99.2 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล (-1.4%) ด้านทองคำไม่แกว่ง ร่วงอย่างเดียว สิ้นคำเบอร์นันกีก็ไหลจาก 1630 มาที่ 1580 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ (-2.6%)
ทางด้านโลหะเงิน -3.2% ทองแดง -0.7% สินค้าเกษตรวันนี้รีบาวด์แรง ดัชนีสินค้าเกษตร 74.68 จุด (+2.1%)
เช้านี้ (08/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 82.2 จุด เท่าเมื่อวานเช้าเลย เงินยูโร 1.257 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.66 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.63 บาท/ดอลลาร์ สรอ
น้ำมันดิบ wti 83.7 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 99.2 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1590 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์
ตื่นทองอีกแล้ว เลือกลงทุนทองคำอะไรดี (2)
ลุงแมวน้ำติดค้างบทความเอาไว้นานแล้ว เขียนเอาไว้แล้วยังไม่จบ แล้วก็ไม่ได้มาต่อให้จบเสียที นั่นคือเรื่องเกี่ยวกับราคาทองคำและการลงทุนทองคำ บทความ เลือกลงทุนทองคำอะไรดี (1) อยู่วันที่ 02/03/2012 โน่นแน่ะ เมื่อวานก็เขียนเรื่องนับคลื่นทองเพื่อทบทวนสภาวการณ์ของทองคำในขณะนี้ ส่วนวันนี้มาคุยเรื่องการลงทุนทองคำกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนกันให้จบ
ลองดูภาพต่อไปนี้
ราคาของทองคำมักสวนทางกับดอลลาร์ สรอ ภาพนี้แสดงราคาทองคำในช่องทางการลงทุนต่างๆ (เช่น ลงทุนฟิวเจอร์สทองคำ ลงทุนกองทุนทองคำ ลงทุนอีทีเอฟทองคำ ฯลฯ) ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนตัว
ดังที่ลุงแมวน้ำเคยคุยให้ฟังไปแล้วว่าราคาทองคำมักสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ สหรัฐอเมริกา หรือที่ลุงแมวน้ำเรียกย่อๆว่า ดอลลาร์ สรอ กล่าวคือ หากทองคำขึ้น เงินดอลลาร์ สรอ มักอ่อน และหากทองคำลง ดอลลาร์ สรอ ก็มักแข็งค่า ทีนี้การลงทุนทองคำมักอ้างอิงราคาซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ สรอ เสมอ จากนั้นจึงแปลงเป็นสกุลเงินท้องถิ่นอีกทีหนึ่ง ดังนั้นจะมีกรณีที่เกิดขึ้นได้ดังนี้
กรณีราคาทองคำขึ้น เงินดอลลาร์ สรอ มักอ่อนค่า ผลคือเงินสกุลท้องถิ่นมักแข็งค่าขึ้น อย่างเช่นเงินบาท เมื่อทองคำแพง ดอลลาร์ สรอ อ่อน เงินบาทแข็ง ผลก็คือราคาทองคำที่เป็นเงินบาทขึ้นไม่ค่อยมากนัก เพราะผลจากเงินบาทแข็ง
กรณีราคาทองคำลง เงินดอลลาร์ สรอ มักแข็งค่า ผลก็คือเงินสกุลท้องถิ่นมักอ่อนค่า หากเป็นเงินบาท เมื่อทองคำปรับตัวลง ผลก็คือราคาทองคำที่เป็นเงินบาทจะยิ่งร่วงมากขึ้นเพราะผลจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทอ่อนค่า
จากภาพข้างบน เป็นการเปรียบเทียบราคาทองคำในช่องทางการลงทุนต่างๆกันบนกราฟค่าเงินดอลลาร์ สรอ หมายเลข 1 คือตอนที่ดอลลาร์ สรอ แข็งค่า (USD Index = 81.79) หมายเลข 2 คือตอนที่ดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า (USD Index= 78.30)
ดังนั้นสรุปก็คือ
ราคาทองคำขึ้น (สกุลเงินดอลลาร์ สรอ) -> ราคาทองคำสกุลเงินท้องถิ่นก็ขึ้นแต่ว่าขึ้นน้อยกว่า -> กำไรแต่ว่าได้น้อย
ราคาทองคำลง (สกุลเงินดอลลาร์ สรอ) -> ราคาทองคำสกุลเงินท้องถิ่นก็ลงแต่ว่าลงมากกว่า -> ขาดทุนมากขึ้น
ดังนั้นหนทางป้องกันผลกำไรไม่ให้หดหายไปจากผลของอัตราแลกเปลี่ยนก็คือควรป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินเอาไว้ โดยปกติแล้วราคาทองคำที่เป็นอีทีเอฟ (ETF) กับราคาอนุพันธ์ทองคำ (gold futures) ใช้กลไกธรรมชาติ คือรับรู้ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ส่วนกองทุนทองคำนั้นบางกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ ซึ่งอาจป้องกันบางส่วนหรือเต็มจำนวนก็แล้วแต่นโยบายของกองทุนอีก ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน
ดังนั้นในกรณีลงทุนทองคำ หากลงทุนในกองทุนทองคำที่ป้องกันอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะว่าเวลาได้กำไรก็กำไรเต็มที่โดยไม่มีผลจากอัตราแลกเปลี่ยนมาฉุด ส่วนเวลาขาดทุนก็เจ็บน้อยลงเพราะไม่มีผลของอัตราแลกเปลี่ยนมาซ้ำเติม
ตารางแสดงตัวอย่างเปรียบเทียบการลงทุนทองคำในภาวะดอลลาร์สหรัฐอเมริกาเป็นแนวโน้มขาลง โดยเปรียบเทียบกับการลงทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเงินกับการลงทุนทองคำที่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยง ภายในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจุบันกองทุนรวมทองคำในบ้านเรา กลุ่มกองทุนทองคำที่ป้องกันอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนมีอยู่ 4+1 กอง ก็ 5 กองนั่นแหละ คือ ASP-GOLD, K-GOLD, TMBGOLD, SCBGOLDH และ TGoldBullion-H โดยสี่กองแรกกองทุนแม่ (master fund) เป็น ETF ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมามีปัญหาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน นั่นคือ อีทีเอฟทองคำที่เป็นกองทุนแม่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์นี้มีสภาพคล่องค่อนข้างน้อย ทำให้มีการลากราคาปิดให้ขึ้นหรือลงผิดปกติได้ ซึ่งนักลงทุนไทยไม่ค่อยชอบใจนักเพราะคิดว่าทำให้รายย่อยเสียเปรียบ ส่วนกองทุนหลังสุด TGoldBullion-H เป็นกองทุนทองคำที่ซื้อทองคำจริงเก็บไว้ที่ฮ่องกงและลงทุนเป็นเงินดอลลาร์ฮ่องกง ยังไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องราคาแบบที่สิงคโปร์
ส่วนกองทุนทองคำอื่นๆที่นอกเหนือจากนี้ก็มีทั้งที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน และไม่ป้องกันความเสี่ยงเลย
เอาละ จบแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงช่วยในการพิจารณาของเพื่อนนักลงทุนได้พอสมควร แต่อย่าลืมและอย่าลืม ลุงแมวน้ำยังมองราคาทองคำเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ บทความวันนี้ไม่ได้เชียร์ให้ลงทุนทองคำหรือเชียร์กองทุนทองคำใดเป็นการเฉพาะนะคร้าบ ^__^
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 07/06/2012
ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 07/06/2012
No comments:
Post a Comment