Tuesday, May 31, 2011

31/05/2011 * กองทุนรวมธุรกิจการเกษตร (Agribusiness fund)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,073.83 จุด ลดลง 2.67 จุด ตลาดเพื่อนบ้านขึ้นแรงกันหมดยกเว้นตลาดหุ้นไทยที่ลง

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 21 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของดัชนีนิกเกิของญี่ปุ่น (NK) เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดทั่วโลกดีดกลับ ปิดเขียวกันเกือบหมดทุกตลาดในรายงาน ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงได้แก่ตลาดหุ้นกรีซ


กองทุนรวมธุรกิจการเกษตร (Agribusiness Fund)

เมื่อหลายวันก่อนลุงแมวน้ำคุยเกี่ยวกับถึงสินค้าเกษตรและกองทุนรวมสินค้าเกษตรซึ่งเป็นกองทุนของไทยแต่นำเงินไปลงทุนในสินค้าเกษตรยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งกองทุนรวม FIF ด้านสินค้าเกษตรปัจจุบันมีอยู่ 3 กองทุน คือ
  • K-AGRI ของ บลจ. กสิกรไทย
  • TISCOAEF ของ บลจ.ทิสโก้
  • One-AGRI ของ บลจ. วรรณ
ทั้งสามกองทุนนี้ลงทุนในสินค้าที่เป็นพืชผลทางการเกษตรรวมไปถึงสินค้าปศุสัตว์

นอกจากกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตรและปศุสัตว์แล้ว ยังมีกองทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่ลงทุนในธุรกิจการเกษตรหรือพูดง่ายๆก็คือลงทุนในหุ้นที่อยู่ในหมวดการเกษตร ธุรกิจการเกษตร หรือลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (เช่น ธุรกิจอาหาร ฯลฯ) นั่นเอง ซึ่งการลงทุนในสินค้าเกษตรกับการลงทุนในธุรกิจการเกษตรนี้แม้จะคล้ายกันแต่ก็ไม่เหมือนกัน

การลงทุนในสินค้าเกษตรนั้นเป็นการนำเงินไปลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยการซื้อขายผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ส่วนการลงทุนในธุรกิจการเกษตรนั้นเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นโดยการซื้อขายหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจการเกษตรหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในถั่วเหลือง หากเป็นกองทุนรวมสินค้าเกษตรก็ต้องไปลงทุนซื้อขายถั่วเหลืองในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่หากเป็นกองทุนรวมธุรกิจการเกษตรก็อาจไปลงทุนในหุ้น TVO ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตน้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น การลงทุนในธุรกิจการเกษตรถือเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับการลงทุนด้านการเกษตร

กองทุนรวมประเภท FIF ที่ลงทุนในธุรกิจการเกษตรในต่างประเทศปัจจุบันมีอยู่ 2 กองทุน คือ

I-AGRI

I-AGRI (MFC Invest Global Agribusiness Fund) กองทุนนี้นำเงินไปลงทุนในกองทุน DWS Invest Global Agribusiness Fund - FC Share Class อีกต่อหนึ่ง โดยลงทุนในธุรกิจการเกษตรที่เป็นแนวเพาะปลูก แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรกับธุรกิจปุ๋ยและเคมีเกษตรเป็นหลัก ส่วนธุรกิจการเกษตรแนวอื่นที่ลงทุนรองลงมา เช่น ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ธุรกิจร้านอาหาร เป็นต้น

น้ำหนักของประเทศที่ไปลงทุนนั้นประเทศหลักคือสหรัฐอเมริกา (ราว 40%)

กองทุนนี้ไม่มีดัชนีเปรียบเทียบ (ไม่มี benchmark index โดยตรง) และไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน


KT-AGRI

KT-AGRI (KTAM World Agriculture Fund) เป็นกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในกองทุน BGF World Agriculture Fund (Class A2 SGD hedged) อีกต่อหนึ่ง โดยลงทุนเป็นเงินดอลลาร์สิงคโปร์และแปลงเป็นดอลลาร์ สรอ อีกทอดหนึ่ง กล่าวคือต้องแปลงเงิน 2 ทอด

แนวการลงทุนหลักคือลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกหรือแปรรูปสินค้าเกษตรกับด้านเคมีเกษตร รองลงมาคืออุปกรณ์และจักรกลการเกษตร ลงทุนในสิบกว่าประเทศแต่ที่มากที่สุดคือลงทุนในสหรัฐอเมริกา (ราว 50%) มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ สรอ กับ ดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สิงคโปร์นั้นปกติไม่มี

กองทุนนี้ใช้ดัชนี DAXGlobal Agribusiness Index เป็นตัวเปรียบเทียบผลงานของกองทุน


เมื่อพูดถึงกองทุนรวมสินค้าเกษตรกับกองทุนรวมธุรกิจการเกษตรและเข้าใจความแตกต่างของแนวทางการลงทุนระหว่างกองทุนสองประเภทนี้แล้ว แต่หลายคนคงยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าแล้วกองทุนรวมสองประเภทนี้แบบไหนให้ผลตอบแทนดีกว่ากัน ข้อนี้ตอบยากเพราะ NAV กองทุนรวมสินค้าเกษตรนั้นขึ้นกับราคาพืชผลอันเกี่ยวข้องกับฤดูกาล สภาพแวดล้อมทางภูมิอากาศ อุปสงค์อุปทานในการบริโภค ส่วน NAV ของกองทุนรวมธุรกิจการเกษตรนั้นขึ้นกับปัจจัยแบบหุ้น นั่นคือ ปัจจัยด้านการเมืองและอื่นๆที่สงผลทางจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นก็จะมีผลกระทบต่อกองทุนรวมธุรกิจการเกษตรด้วย

เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น ลุงแมวน้ำขอนำภาพราคาของกองทุนอีทีเอฟที่เทรดในตลาดสหรัฐอเมริกามาให้ดู 2 กองทุน คือ DBA ซึ่งเป็นกองทุนสินค้าเกษตร (คล้าย K-Agri, TiscoAEF) กับ MOO ซึ่งเป็นกองทุนธุรกิจการเกษตร (คล้าย KT-Agri เพราะใช้ดัชนีเปรียบเทียบตัวเดียวกัน คือ DAXGlobal Agribusiness Index) ดังกราฟข้างล่างนี้ เส้นสีน้ำเงินคือ DBA ส่วนเส้นสีแดงคือ MOO








No comments: