วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,065.45 จุด เพิ่มขึ้น 9.91 จุด เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นลงแรง ทำให้แผนภาพแท่งเทียนของ SETI เกิดช่อง (gap) เล็กๆขึ้น อันเป็นสัญญาณประการหนึ่งของแนวโน้มขาลง มาวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาและช่องนั้นถูกปิดไปแล้ว
หุ้นในกลุ่ม SET50 วันไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 23 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ยางพาราตลาด AFET (RSS3) เกิดสัญญาณซื้อ เนื่องจากลุงแมวน้ำประเมินจากการนับคลื่นว่ายังไม่จบคลื่น C ดังนั้นราคายางพาราจึงยังเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ พอร์ตที่เป็น manual trade จึงปิดสัญญาขายไปเท่านั้น ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ
นอกจากนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกา ถั่วเหลือง (S) เกิดสัญญาณซื้อ เนื่องจากลุงแมวน้ำประเมินว่าสินค้าเกษตร (ไม่รวมยางพารา) เป็นแนวโน้มขาขึ้น ดังนั้นจึงเปิดสัญญาซื้อไป
ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ฝั่งอเมริกาและเอเชียส่วนใหญ่ปิดเขียว ส่วนฝั่งยุโรปปิดแดงยกแผง แม้ว่าตลาดทั่วโลกจะผันผวนมาหลายวัน แต่สองสามวันมานี้ดัชนีทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแปลง
SETI
ลุงแมวน้ำเคยคุยเอาไว้ว่าปรับมุมมองของดัชนี SET ใหม่เป็นแนวโน้มขาขึ้น และขอเวลาดูกราฟไปอีกระยะหนึ่ง วันนี้ลุงแมวน้ำจะขอทบทวนเป้าหมายข้างหน้าของ SETI ลองดูภาพต่อไปนี้
จากภาพ ลุงแมวน้ำประเมินว่าตลาดหุ้นไทยหรือดัชนีเซ็ตนั้นในระดับคลื่นรอบใหญ่ (ชุดคลื่นสีดำ) ขณะนี้ SETI อยู่ในคลื่นใหญ่ 5 (สีดำ) ซึ่งในชุดคลื่นใหญ่สีดำนั้นยังประกอบด้วยชุดคลื่นรองลงมา นั่นคือชุดคลื่นสีน้ำเงิน
ในระดับคลื่นสีน้ำเงิน ขณะนี้ SETI อยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำเงิน) ลุงแมวน้ำมองว่าอนาคต SETI ยังไปได้อีกไกล เป้าหมายของยอดคลื่น 3 (สีน้ำเงิน) อาจอยู่ที่ 1,800 จุด และยอดคลื่น 5 (สีดำ) ของ SETI อาจอยู่ที่ระดับดัชนี 2,100 - 2,600 จุด
เมื่อพูดถึงดัชนีระดับ 1,800 จุดถึง 1,900 จุดนั้นระยะเวลาที่ใช้อาจบอกได้ยาก หากเร็วหน่อยก็ต้นปีหน้าก็ยังเป็นไปได้ ที่บอกว่าเป็นไปได้เนื่องจากคลื่น 3 นั้นกราฟมักมีความชัน ดัชนีขึ้นไปได้เร็ว อีกประการ ขณะนี้ค่าสัดส่วนพีอี (P/E ratio) ของ SETI ในปัจจุบันอยู่ที่ 13.66 เท่า หากดัชนีไปถึง 1,900 จุดค่าพีอีก็อยู่ที่ประมาณ 25 เท่าซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในอดีตตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนพีอีสูงถึง 25 เท่ามาแล้ว ล่าสุดก็ในปี 2009 (2552) นี้เอง
DJI
ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานั้น ขณะนี้อยู่ที่ระดับ fibonacci 78.6% พอดี หากจะจบคลื่น B ที่ระดับดัชนีแถวนี้ก็ได้แต่เนื่องจากนับคลื่นย่อยแล้วยังไม่น่าครบ ดังนั้นลุงแมวน้ำประเมินว่า DJI น่าจะไปจบคลื่น B ที่ดัชนีระดับ ประมาณ 14,200 จุดมากกว่า นั่นคือยอดคลื่น B สูงเกือบเท่ายอดคลื่น 5 อันเป็นทรงยอดคู่ (double top) นั่นเอง ดังภาพต่อไปนี้
ข้าวสาลี (W)
ทางด้านปัจจัยพื้นฐาน โลกกำลังเผชิญภัยคุกคามด้านอาหาร ภูมิอากาศแปรปรวน ภัยธรรมชาติต่างๆ ทำให้ผลผลิตด้านอาหารแปรปรวนไม่แน่นอน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาขึ้น เงินเฟ้อทะยาน ราคาสินค้าเกษตรคงต้องปรับตัวขึ้นตาม ลุงแมวน้ำประมเมินว่าราคาข้าวสาลีอยู่ในคลื่นใหญ่ 5 (สีน้ำเงิน) ต่อไปเราอาจได้เห็นราคาข้าวสาลีอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีตเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับราคาทองคำ ดังภาพต่อไปนี้
น้ำตาล (SB)
น้ำตาลนอกจากเป็นอาหารแล้วยังเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานทดแทนอีกด้วย ลุงแมวน้ำประเมินว่าราคาน้ำตาลน่าจะใกล้จบคลื่น 4 (สีน้ำเงิน) แล้ว และเมื่อไรที่เข้าสู่คลื่น 5 (สีน้ำเงิน) เราอาจได้เห็นราคาน้ำตาลอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเช่นกัน
กองทุนรวมสินค้าเกษตร (DBA)
เมื่อราคาสินค้าเกษตรอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น กองทุนรวมสินค้าเกษตรก็คงมีค่า NAV สูงตามไปด้วย ขณะนี้กองทุนอีทีเอฟ Deutsch Bank Agriculture Fund (DBA) อยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำตาล) แม้อยู่ในสัญญาณขายแต่ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น อีกไม่นานน่าจะเกิดสัญญาณซื้อและไปต่อได้อีกไกล
ยางพารา (RSS)
ยางพาราเป็นพืชก็จริง แต่ไม่ใช่อาหาร จัดเป็นพืชอุตสาหกรรม ดังนั้นต้องมองต่างไปจากสินค้าเกษตรที่เป็นของบริโภค หากยอดคลื่นที่ผ่านมาเป็นยอดคลื่น 5 (ตามภาพข้างล่างนี้) ลุงแมวน้ำประเมินว่า RSS ยังอยู่ในคลื่น B และยังต้องเข้าสู่คลื่น C
แต่หากยอดคลื่นที่ผ่านมาเป็นยอดคลื่น 3 (ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้) สถานการณ์จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ตอนนี้ยังแยกแยะได้ยากอยู่ คงต้องติดตามดูต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ราคาสินค้าเกษตรนั้นหากค่อยๆปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างจะค่อยๆปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพของมันได้เอง แต่หากราคากระชากขึ้นสูงอย่างรวดเร็วดุลยภาพจะเกิดไม่ทัน โครงสร้างด้านปัจจัยสี่จะเสียหาย ส่งผลเสียทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม คุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมากจะเสียไป เป็นภาพที่น่ากลัวทีเดียว ลุงแมวน้ำไม่อยากเห็นภาพแบบนั้น แต่ภายใต้โลกของทุนนิยมแบบการตลาดนำ ที่มือใครยาวสาวได้สาวเอาเช่นนี้ โอกาสเลี่ยงไม่ให้เกิดคงยาก แต่ก็ยังพอมีทาง
คงสังเกตว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาลุงแมวน้ำอัปเดตเว็บบล็อกช้าไปบ้าง ส่วนหนึ่งเนื่องจากงานแสดงรัดตัว อีกประการก็คือลุงแมวน้ำกำลังเตรียมข้อมูลสำหรับเขียนบทความชุดยาวอยู่ชุดหนึ่ง นั่นคือ ชุด ชีวิตคือการลงทุน ซึ่งเป็นมุมมองและแนวทางในการลงทุนที่ไม่ได้เดินตามทุนนิยมกระแสหลัก แต่เป็นทุนนิยมกระแสรองหรืออาจนอกกระแสไปเลยก็ได้ แต่ลุงแมวน้ำเชื่อว่านั่นคือหนทางรอดจากสภาพเศรษฐกิจอันเลวร้ายในอนาคตได้หนทางหนึ่งหากเราช่วยกัน ลุงแมวน้ำจะค่อยๆเสนอวันละนิดละหน่อย คงเริ่มได้ในเร็วๆนี้
No comments:
Post a Comment