Friday, May 27, 2011

26/05/2011 * เป้าหมาย SET, DJI, Agriculture commodities (DBA, W, SB, RSS)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,065.45 จุด เพิ่มขึ้น 9.91 จุด เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นลงแรง ทำให้แผนภาพแท่งเทียนของ SETI เกิดช่อง (gap) เล็กๆขึ้น อันเป็นสัญญาณประการหนึ่งของแนวโน้มขาลง มาวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาและช่องนั้นถูกปิดไปแล้ว

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 23 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ยางพาราตลาด AFET (RSS3) เกิดสัญญาณซื้อ เนื่องจากลุงแมวน้ำประเมินจากการนับคลื่นว่ายังไม่จบคลื่น C ดังนั้นราคายางพาราจึงยังเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ พอร์ตที่เป็น manual trade จึงปิดสัญญาขายไปเท่านั้น ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อ

นอกจากนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกา ถั่วเหลือง (S) เกิดสัญญาณซื้อ เนื่องจากลุงแมวน้ำประเมินว่าสินค้าเกษตร (ไม่รวมยางพารา) เป็นแนวโน้มขาขึ้น ดังนั้นจึงเปิดสัญญาซื้อไป

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ฝั่งอเมริกาและเอเชียส่วนใหญ่ปิดเขียว ส่วนฝั่งยุโรปปิดแดงยกแผง แม้ว่าตลาดทั่วโลกจะผันผวนมาหลายวัน แต่สองสามวันมานี้ดัชนีทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแปลง


SETI

ลุงแมวน้ำเคยคุยเอาไว้ว่าปรับมุมมองของดัชนี SET ใหม่เป็นแนวโน้มขาขึ้น และขอเวลาดูกราฟไปอีกระยะหนึ่ง วันนี้ลุงแมวน้ำจะขอทบทวนเป้าหมายข้างหน้าของ SETI ลองดูภาพต่อไปนี้



จากภาพ ลุงแมวน้ำประเมินว่าตลาดหุ้นไทยหรือดัชนีเซ็ตนั้นในระดับคลื่นรอบใหญ่ (ชุดคลื่นสีดำ) ขณะนี้ SETI อยู่ในคลื่นใหญ่ 5 (สีดำ) ซึ่งในชุดคลื่นใหญ่สีดำนั้นยังประกอบด้วยชุดคลื่นรองลงมา นั่นคือชุดคลื่นสีน้ำเงิน

ในระดับคลื่นสีน้ำเงิน ขณะนี้ SETI อยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำเงิน) ลุงแมวน้ำมองว่าอนาคต SETI ยังไปได้อีกไกล เป้าหมายของยอดคลื่น 3 (สีน้ำเงิน) อาจอยู่ที่ 1,800 จุด และยอดคลื่น 5 (สีดำ) ของ SETI อาจอยู่ที่ระดับดัชนี 2,100 - 2,600 จุด

เมื่อพูดถึงดัชนีระดับ 1,800 จุดถึง 1,900 จุดนั้นระยะเวลาที่ใช้อาจบอกได้ยาก หากเร็วหน่อยก็ต้นปีหน้าก็ยังเป็นไปได้ ที่บอกว่าเป็นไปได้เนื่องจากคลื่น 3 นั้นกราฟมักมีความชัน ดัชนีขึ้นไปได้เร็ว อีกประการ ขณะนี้ค่าสัดส่วนพีอี (P/E ratio) ของ SETI ในปัจจุบันอยู่ที่ 13.66 เท่า หากดัชนีไปถึง 1,900 จุดค่าพีอีก็อยู่ที่ประมาณ 25 เท่าซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในอดีตตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนพีอีสูงถึง 25 เท่ามาแล้ว ล่าสุดก็ในปี 2009 (2552) นี้เอง


DJI

ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานั้น ขณะนี้อยู่ที่ระดับ fibonacci 78.6% พอดี หากจะจบคลื่น B ที่ระดับดัชนีแถวนี้ก็ได้แต่เนื่องจากนับคลื่นย่อยแล้วยังไม่น่าครบ ดังนั้นลุงแมวน้ำประเมินว่า DJI น่าจะไปจบคลื่น B ที่ดัชนีระดับ ประมาณ 14,200 จุดมากกว่า นั่นคือยอดคลื่น B สูงเกือบเท่ายอดคลื่น 5 อันเป็นทรงยอดคู่ (double top) นั่นเอง ดังภาพต่อไปนี้



ข้าวสาลี (W)

ทางด้านปัจจัยพื้นฐาน โลกกำลังเผชิญภัยคุกคามด้านอาหาร ภูมิอากาศแปรปรวน ภัยธรรมชาติต่างๆ ทำให้ผลผลิตด้านอาหารแปรปรวนไม่แน่นอน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาขึ้น เงินเฟ้อทะยาน ราคาสินค้าเกษตรคงต้องปรับตัวขึ้นตาม ลุงแมวน้ำประมเมินว่าราคาข้าวสาลีอยู่ในคลื่นใหญ่ 5 (สีน้ำเงิน) ต่อไปเราอาจได้เห็นราคาข้าวสาลีอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีตเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับราคาทองคำ ดังภาพต่อไปนี้



น้ำตาล (SB)

น้ำตาลนอกจากเป็นอาหารแล้วยังเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานทดแทนอีกด้วย ลุงแมวน้ำประเมินว่าราคาน้ำตาลน่าจะใกล้จบคลื่น 4 (สีน้ำเงิน) แล้ว และเมื่อไรที่เข้าสู่คลื่น 5 (สีน้ำเงิน) เราอาจได้เห็นราคาน้ำตาลอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเช่นกัน



กองทุนรวมสินค้าเกษตร (DBA)

เมื่อราคาสินค้าเกษตรอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น กองทุนรวมสินค้าเกษตรก็คงมีค่า NAV สูงตามไปด้วย ขณะนี้กองทุนอีทีเอฟ Deutsch Bank Agriculture Fund (DBA) อยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำตาล) แม้อยู่ในสัญญาณขายแต่ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น อีกไม่นานน่าจะเกิดสัญญาณซื้อและไปต่อได้อีกไกล





ยางพารา (RSS)

ยางพาราเป็นพืชก็จริง แต่ไม่ใช่อาหาร จัดเป็นพืชอุตสาหกรรม ดังนั้นต้องมองต่างไปจากสินค้าเกษตรที่เป็นของบริโภค หากยอดคลื่นที่ผ่านมาเป็นยอดคลื่น 5 (ตามภาพข้างล่างนี้) ลุงแมวน้ำประเมินว่า RSS ยังอยู่ในคลื่น B และยังต้องเข้าสู่คลื่น C

แต่หากยอดคลื่นที่ผ่านมาเป็นยอดคลื่น 3 (ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้) สถานการณ์จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ตอนนี้ยังแยกแยะได้ยากอยู่ คงต้องติดตามดูต่อไปอีกระยะหนึ่ง




ราคาสินค้าเกษตรนั้นหากค่อยๆปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างจะค่อยๆปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพของมันได้เอง แต่หากราคากระชากขึ้นสูงอย่างรวดเร็วดุลยภาพจะเกิดไม่ทัน โครงสร้างด้านปัจจัยสี่จะเสียหาย ส่งผลเสียทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม คุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมากจะเสียไป เป็นภาพที่น่ากลัวทีเดียว ลุงแมวน้ำไม่อยากเห็นภาพแบบนั้น แต่ภายใต้โลกของทุนนิยมแบบการตลาดนำ ที่มือใครยาวสาวได้สาวเอาเช่นนี้ โอกาสเลี่ยงไม่ให้เกิดคงยาก แต่ก็ยังพอมีทาง

คงสังเกตว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาลุงแมวน้ำอัปเดตเว็บบล็อกช้าไปบ้าง ส่วนหนึ่งเนื่องจากงานแสดงรัดตัว อีกประการก็คือลุงแมวน้ำกำลังเตรียมข้อมูลสำหรับเขียนบทความชุดยาวอยู่ชุดหนึ่ง นั่นคือ ชุด ชีวิตคือการลงทุน ซึ่งเป็นมุมมองและแนวทางในการลงทุนที่ไม่ได้เดินตามทุนนิยมกระแสหลัก แต่เป็นทุนนิยมกระแสรองหรืออาจนอกกระแสไปเลยก็ได้ แต่ลุงแมวน้ำเชื่อว่านั่นคือหนทางรอดจากสภาพเศรษฐกิจอันเลวร้ายในอนาคตได้หนทางหนึ่งหากเราช่วยกัน ลุงแมวน้ำจะค่อยๆเสนอวันละนิดละหน่อย คงเริ่มได้ในเร็วๆนี้










No comments: