Monday, May 9, 2011

06/05/2011 * ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนกว่าราคาหุ้นจริงหรือไม่ (1)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,050.80 จุด ลดลง 23.12 จุด ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 2.15% ซึ่งรุนแรงกว่าเพื่อนบ้านมาก

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อขาย 7 ตัว ได้แก่ AOT, BH, EGCO, IVL, PTT, PTTAR, STA ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 28 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขาย PTT เพียงตัวเดียวเท่านั้น สินค้าโภคภัณฑ์ช่วงนี้ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง หากนับตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน หรือตั้งแต่วันสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางตัวปรับลงดังนี้

  • ทองคำ (GC) ปรับตัวลดลง 4.2%
  • ทองแดง (HG) ปรับตัวลดลง 4.9%
  • เงิน (SI, silver) ปรับตัวลดลง 27.4%
  • น้ำมันดิบ (CL) ปรับตัวลดลง 14.7%

จะเห็นว่าทองคำลงไป 4.2% นี้ เราได้เห็นทองไทย (GF) ลงไปวันละ 500 บาท นักลงทุนในอนุพันธ์ทองคำร้องโอยกันเป็นแถว แต่ลองดูว่าโลหะเงิน (silver) นั้นรุนแรงกว่าเพียงใด เพราะลงไปถึง 27.4% อีกไม่กี่วันเราจะมีฟิวเจอร์สโลหะเงินให้เทรดกันในตลาด TFEX แล้ว ลุงแมวน้ำอยากเตือนให้นักลงทุนระวังเนื่องจากฟิวเจอร์สเงินผวนมาก ควรติดตามพฤติกรรมราคาไปนานๆก่อนเข้าลงทุน

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นแถบอเมริกาและยุโรปปิดเขียวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตลาดหุ้นย่านเอเชียส่วนใหญ่ปิดแดง ตลาดหุ้นเปรู โปรตุเกต เกิดสัญญาณซื้อ

ค่าเงินดอลลาร์ สรอ ยังปรับตัวขึ้น DX มาอยู่ที่ประมาณ 75 หน่วยแล้ว เงินยูโรและเงินปอนด์อ่อนค่ามากหน่อย ส่วนเงินเอเชียอ่อนค่าไปด้วยแต่ไม่มากเท่ายูโร รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโลหะ พลังงาน เกษตร แต่ลุงแมวน้ำประเมินทางเทคนิคว่ายังไม่มีสัญญาณกลับทิศอะไรที่ชัดเจน ดังนั้นจึงยังมองเช่นเดิม ดังนี้

  • ดัชนีดาวโจนส์ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น
  • ดัชนี SET ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น
  • ราคาทองคำยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น
  • ราคาน้ำมันดิบยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น
  • ราคาสินค้าเกษตรยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนกว่าราคาหุ้นจริงหรือไม่ (1)


เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ขณะที่ลุงแมวน้ำใช้เวลาว่างยามเย็นปลูกผักสวนครัวอยู่ที่หลังคณะละครสัตว์ ก็เห็นลิงชิมแปนซีเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดผ่านไปโดยไม่โหนเถาวัลย์เหมือนเช่นเคย

“อ้าว นายจ๋อ ทำไมวันนี้ไม่โหนเถาวัลย์ล่ะ” ลุงแมวน้ำทักทาย “แถมยังหน้านิ่วเสียอีก ปวดท้องหรือเปล่า”

“เปล่าหรอกลุง” ลิงชิมแปนซีเจ้าปัญญาตอบ หัวคิ้วขมวดแน่นเป็นเครื่องหมายคำถาม “กลุ้มใจน่ะ”

“กลุ้มใจเรื่องอะไรกันล่ะ ถึงได้หน้าไม่สบายขนาดนั้น” ลุงแมวน้ำสงสัย

“ช่วงนี้ขาดทุนบานเลย” ลิงบ่นอุบอิบ “จะหมดตัวอยู่แล้ว”

“นายจ๋อไปทำอะไรมา หุ้นลงแค่นี้ไม่น่าถึงกับหมดตัว” ลุงแมวน้ำซักต่อ

ลิงชิมแปนซีถอนใจ นั่งลงใต้ต้นกล้วยเพื่อคุยกับลุงแมวน้ำ พลางปลิดกล้วยมากินเล่น

“ก็ที่วันก่อนลุงบอกนั่นแหละ ทำเอาพังเลย” ลิงบ่นอีก “ที่ลุงบอกว่าตลาดหุ้นไทยมักเปิดเขียว จำได้ไหม”

“จำได้ ลุงเคยบอก เพราะสถิติมันเป็นยังงั้น ดัชนีเซ็ตมักเปิดตลาดสูงกว่าราคาปิดตลาดของเมื่อวาน หรือที่เรียกว่าเปิดเขียวหรือเปิดบวกนั่นเอง” ลุงแมวน้ำพูด

“ก็นั่นแหละ พอลุงบอกว่าเป็นยังงี้ ผมก็เลยเอาไปเล่นสั้นหวังได้ค่ากล้วยน่ะสิ” ลิงจ๋อบอก “แต่ช่วงนี้มันเปิดแดงทุกวันเลย เฮ้อ”

“ตลาดลงไม่กี่วันนี่นะจะหมดตัวแล้ว ลงเงินไปเยอะหรือไง” ลุงแมวน้ำซัก

“ผมเล่นฟิวเจอร์สน่ะ” ลิงพูด “เห็นมันมีอัตราทด ลงทุนน้อย ได้กำไรมาก ไปลอง S50 เอาไว้ หากดัชนีขึ้นหนึ่งจุดก็ได้กำไร 1,000 บาท หากเปิดกระโดดแม้แค่ 2-3 จุดก็ได้ค่ากล้วยแล้ว”

“ตายล่ะ” ลุงแมวน้ำอุทาน พร้อมกับทึ่งในความคิดอันบรรเจิดของลิงจ๋อ “ไปทำยังงั้นได้ยังไง ลุงคุยให้ฟัง แถมยังบอกให้ระวัง นี่ยังเอาไปเทรดฟิวเจอรสเพื่อเอาอัตราทดสูงๆอีก ทำไมนายจ๋อถึงได้เทรดเกินตัวยังงี้ ค่ากล้วยมันจะเท่าไรเชียวถึงต้องไปเทรดฟิวเจอร์ส S50 โลภแล้วหาข้ออ้างมากกว่ามั้ง”

“ก็ลุงบอกผมก็เชื่อนี่” ลิงปัดความผิดมาให้ลุงแมวน้ำอีก “อีกอย่าง นี่มันยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทำอะไรต้องคิดต่างและคิดสร้างสรรค์ ขอบอก”

“เวรกรรม ว่าไปโน่น” ลุงแมวน้ำเอาครีบตบหน้าผากเบาๆ “เนี่ยนะเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของนายจ๋อ ต้องเข้าใจก่อนนะว่าเรื่องที่ลุงบอกไปนั้นคือความน่าจะเป็น หรือว่าโอกาสที่จะเกิด แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นตามนั้นทุกครั้งหรอก”

“ยังไงกันลุง ชักงง” ลิงทำหน้างง

“ลองสมมติกับการโยนเหรียญก็ได้ เหรียญบาทธรรมดาหากโยนไปก็มีโอกาสออกหัวหรือออกก้อยเท่าๆกัน จริงไหม” ลุงแมวน้ำถาม

ลิงพยักหน้า ลุงแมวน้ำจึงหยิบเหรียญบาทที่ซ่อนอยู่ในหูกระต่ายออกมา

“เอ้า ถ้ายังงั้นลองโยนเหรียญนี้ 10 ครั้ง ดูว่าจะได้หัว 5 ครั้ง ก้อย 5 ครั้งไหม” ลุงแมวน้ำพูด

ลิงจ๋อโยนเหรียญ 10 ครั้ง ได้หัว 8 ครั้ง ได้ก้อย 2 ครั้ง

“ไหงเป็นยังงี้ เหรียญเล่นกลหรือเปล่าเนี่ย” ลิงพูด

“ก็นี่แหละ ความน่าจะเป็น” ลุงแมวน้ำพูด “ความน่าจะเป็นคือโอกาสที่จะเกิด แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเกิด หากนายโยนเหรียญเพียง 10 ครั้งอาจจะได้หน้าหัวทั้ง 10 ครั้งเลยก็ได้ แต่ไม่ได้เป็นเพราะว่าเหรียญโกง เป็นเพราะว่ามันมีโอกาสเกิดได้ไง แต่ถ้าหากนายโยนเหรียญสัก 1,000 ครั้ง นายจะได้หน้าหัวกับหน้าก้อยอย่างละครึ่ง คือการเกิดยิ่งมากครั้ง ผลสรุปยิ่งเป็นไปตามค่าทฤษฎี ถ้าวัดจากการเกิดน้อยๆครั้ง ผลที่ได้อาจไม่เป็นไปตามค่าทฤษฎีก็ได้

“ที่ลุงแมวน้ำบอกว่าโอกาสเปิดเขียวมีมากกว่าเปิดแดง มันอาจจะเปิดแดงติดกัน 5 วันเลยก็ได้ แต่หากนายจ๋อสังเกตตลาดไปเรื่อยๆสัก 100 วัน หรือ 1,000 วันไปเลยยิ่งดี นายก็จะพบว่าวันที่เปิดเขียวมีมากกว่าวันที่เปิดแดงจริงๆ แต่เอาสิ่งที่ได้นี้ไปเทรดอย่างนายไม่ได้หรอกนะ เพราะหากเปิดแดงติดกันหลายๆวันนายก็หมดตัวแล้ว หรือไม่อย่างนั้นค่าคอมมิชชั่นก็กินไปจนหมดตัวนั่นแหละ”

“เอาล่ะๆ ลุงเลิกบ่นผมเสียที ผมถามลุงบ้างดีกว่า วันก่อนลุงบอกว่าตลาดหุ้นไม่ได้ผันผวนมากขึ้นกว่าในอดีต แล้วสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำกับน้ำมันดิบล่ะ หมู่นี้เห็นราคาแกว่งตัวแรงมาก ราคาทองคำน้ำมันดิบผันผวนกว่าเมื่อก่อนหรือเปล่า” ลิงชิมแปนซีเปลี่ยนเรื่องคุย

“จะเอาไปทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์อีกละสิ” ลุงแมวน้ำรู้ทัน “ไม่บอกหรอก”

“ไม่เอาแล้ว” ลิงพูด “บอกหน่อย นะนะ”

เมื่อเห็นลิงชิมแปนซีรับปากว่าจะไม่เอาไปทำพิเรนทร์อีก ลุงแมวน้ำล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากหูกระต่าย พูดแล้วเหมือนเล่นกลเลย ในกระดาษเป็นดังนี้ แล้วพูดกับลิงว่า




“นี่เป็นข้อมูลการกระจายของราคาปิด GC ก็เหมือนกับข้อมูลหุ้นที่เคยดูไปเมื่อวันก่อนนั่นแหละ ก่อนอื่นต้องเอาข้อมูลปิดเขียวปิดแดงมาแจงนับก่อน จากนั้นก็จะได้แบบนี้ สองแถวล่างที่เห็นป็นสีเหลือง แถวบนคือ sum -1% to 1% หรือผลรวมความถี่ที่ราคาปิดทองคำปิดบวกหรือลบในช่วง -1% ถึง +1% ส่วนแถวล่างคือ sum -2% to 2% หมายถึงผลรวมความถี่ที่ราคาปิดทองคำปิดบวกหรือลบในช่วง -2% ถึง +2%

“จากข้อมูลตั้งแต่ 1991-2010 จะเห็นว่าราคาทองคำมีผลรวม sum -1% to 1% น้อยลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าราคาทองคำผันผวนมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้ราคาผันผวนกว่าในอดีตนั่นเอง”




No comments: