Thursday, November 4, 2010

03/11/2010 * SET, CL, ฟิวเจอร์ส ออปชัน การเก็งกำไรและการบริหารความเสี่ยง (2)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1.014.20 จุด เพิ่มขึ้น 8.62 จุด เป็นวันที่มีปริมาณซื้อขายถึงกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ MAKRO, SCC ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 34 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

TDEX อันเป็นกองทุนอีทีเอฟของ SET50 เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ตลาดญี่ปุ่นหยุดทำการ ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกากำหนดมาตรการอัดฉีดเงินเข้าในระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ สรอ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์และสื่อมงลชนคาดการณ์เอาไว้

ดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาไม่ค่อยตอบสนองต่อข่าวนี้เท่าไรนัก ปรับตัวขึ้นเพียง 26.41 จุด แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ที่ระดับ 11,215.13 จุดนี้ถือว่าผ่านแนวต้านใหญ่หรือจุดยอดคลื่นเดิมที่เคยสร้างเอาไว้ที่ 11,205.03 จุดไปได้ ดังนั้นทางเทคนิคจึงถือว่าน่าจะไปได้ต่อ และน่าจะไปได้ไกลอีกด้วย

ทางด้านดัชนี SET นั้นยังไม่มีสัญญาณแนวโน้มกลับทิศที่มีน้ำหนัก ดังนั้นใครที่ถืออะไรเอาไว้ก็ถือไปก่อน ไม่มีสัญญาณอะไรขายไปก็เสียโอกาสโดยใช่เหตุ การคาดการณ์ของดัชนี SET นั้นหากประเมินด้วยเครื่องมือ fibonacci แล้ว SET มีโอกาสกลับทิศแนวโน้มแถวดัชนี 1,000 จุดนี้ก็ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็แถวๆ 1,060 - 1,080 จุด ซึ่งช่วงนี้มีน้ำหนักพอควรเนื่องจากเป็นช่วงดัชนีที่เส้น fibonacci หลายชุดมาชุมนุมกัน เรียกว่ามีความสอดคล้องของค่า fibonacci ถัดจากนั้นก็คงเป็นที่ระดับ 1,250 - 1,350 จุด ต้องดูไปทีละด่าน




ทางด้านน้ำมันดิบ (CL) วันนี้ผ่านด่าน 85 ดอลลาร์/บาเรลมาได้ แต่ก็ยังไม่หลุดจากกรอบ SEC ดังนั้นอาจแกว่งขึ้นแกว่งลงต่อไปได้อีก ต้องรอให้ผ่านราคา 86.84 ดอลลาร์/บาเรลให้ได้เสียก่อนจึงจะเห็นความชัดเจนมากกว่านี้



ช่วงนี้เป็นช่วงปลายปี ผู้ที่มีเงินได้สูงและต้องการประหยัดภาษีมักลงทุนในกองทุน LTF, RMF กันในช่วงปลายปีเช่นนี้ แม้ตลาดหุ้นจะคึกคักแต่ก็อย่าประมาทและมองโลกในแง่ดีจนเกินไป ควรพิจารณาเลือกลงทุนในบริษัทจัดการกองทุนรวมที่สามารถเปลี่ยนไปถือกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำได้โดยสะดวก ดังที่ลุงแมวน้ำเคยคุยให้ฟังไปแล้วเมื่อนานมาแล้ว เอาไว้อีกสองสามวันจะเอากลับมาคุยให้ฟังกันอีกครั้งหนึ่ง



ฟิวเจอร์ส ออปชัน การเก็งกำไรและการบริหารความเสี่ยง (2)

วันนี้เรามาดูเรื่องฟิวเจอร์สต่อกัน ที่ลุงแมวน้ำเล่าเกี่ยวกับฟิวเจอร์สด้วยการผูกเป็นเรื่องก็เนื่องจากว่าเรื่องฟิวเจอร์สนี้ซับซ้อนอยู่บ้างและต้องใช้การคำนวณด้วย หากอธิบายเป็นเชิงวิชาการเกรงว่าจะน่าเบื่อ อีกประการ ลุงแมวน้ำต้องการถ่ายทอดมุมมองและทัศนคติเกี่ยวกับการเทรดฟิวเจอร์สด้วยซึ่งหากผูกเป็นเรื่องและมีตัวละครจะทำให้ถ่ายทอดได้ง่ายกว่าการเขียนเป็นบทความวิชาการ


ลุงแมวน้ำกลับคณะละครสัตว์ด้วยความผิดหวังที่ไม่สามารถประกันราคายางพาราได้ และได้เล่าเรื่องนี้ให้ลิงชิมแปนซีเจ้าปัญญา ดาราตัวหนึ่งของคณะละครสัตว์ฟัง

“ผมพอมีวิธี ลุงแมวน้ำไปหาแม่สาวยีราฟด้วยกัน ผมอยากคุยกับเธอหน่อย” ลิงชิมแปนซีพูด

ลุงแมวน้ำกับลิงชิมแปนซีจึงพากันไปหายีราฟสาวซึ่งเป็นดาราในคณะอีกตัวหนึ่ง

“นี่ ยีราฟจ๊ะ เธออยากลงทุนมั้ย หากมีกำไรจะได้เอาไปซื้อถั่วฝักยาวกินเล่น” ลิงชิมแปนซีเอ่ยชักชวน

“ถั่วฝักยาวเหรอ ดีจัง แล้วต้องลงทุนยังไงล่ะ” สาวยยีราฟก้มหัวลงมาถาม หากไม่ก้มคงคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะว่าหัวของเธอนั้นสูงมาก

“คือยังงี้” ลิงอธิบาย “ลุงแมวน้ำปลูกยางพาราเอาไว้ ต้องการกรีดขายในเดือนมีนาคม ปีหน้า ลุงแกอยากขายที่ราคา 130 บาทต่อกิโลกรัม แต่กลัวว่าจะขายไม่ได้ตามนั้นเพราะราคาพืชผลเกษตรมันไม่แน่นอน ลุงแกแก่แล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยดีด้วย ถ้าได้ราคาต่ำกว่านี้ก็คงแย่ คงหมดทุนกันพอดี”

“แล้วหนูจะช่วยอะไรได้ล่ะ ไม่รู้เรื่องยางพาราสักนิด ถ้าเรื่องถั่วฝักยาวของโปรดก็ว่าไปอย่าง” ยีราฟสาวพูดพลางเอาลิ้นยาวๆเลียริมฝีปาก น้ำลายของเธอหยดใส่หัวลุงแมวน้ำไปหลายหยด

“เธอก็รับความเสี่ยงแทนลุงแมวน้ำเอาไว้สิ โดยสัญญาซื้อขายเป็นการล่วงหน้ากับลุงแมวน้ำล่วงหน้าเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ว่าเมื่อกรีดยางได้จะซื้อยางพาราจากลุงแมวน้ำที่ราคากิโลกรัมละ 130 บาท” ลิงชิมแปนซีอธิบาย “แล้วเธอก็เอายางพาราไปขายต่อ นี่คือการเก็งกำไร หากตอนเดือนมีนาคมปีหน้า ราคาตลาดดีกว่า 130 บาท เธอจะได้กำไรในส่วนที่เกิน 130 บาทไป ลุงแมวน้ำแกพอใจที่ราคา 130 บาท ไม่ต้องการมากกว่านี้หรอก”

“แล้วถ้าตอนนั้นราคายางพาราเกิดต่ำกว่า 130 บาทล่ะ” ยีราฟสาวถาม

“เท่ากับว่าเธอซื้อล่วงหน้ามาในราคาแพง และขายในราคาตลาดที่ถูกกว่า เธอก็ขาดทุนไปน่ะสิ การลงทุนก็มีความเสี่ยงนั่นแหละ เมื่อมีโอกาสทำกำไรก็มีความเสี่ยงในการขาดทุนด้วย” ลิงอธิบายต่อ

ยีราฟเอียงหัวน้ำลายยืด คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เอ้า ลองดูก็ได้ ถือว่าช่วยลุงแมวน้ำด้วย เพราะว่าแกรับความเสี่ยงไม่ไหว ส่วนหนูยังสาวอยู่ ถึงขาดทุนก็มีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ได้” ยีราฟสาวตัดสินใจที่จะลงทุนโดยรับซื้อยางพาราล่วงหน้าจากลุงแมวน้ำในราคา 130 บาท

“อ้อ เ ดี๋ยวก่อน ถ้าหากว่าเมื่อถึงเดือนมีนาคม ถ้าราคาตลาดสูงกว่า 130 บาทแล้วลุงแมวน้ำเกิดเบี้ยวหนูขึ้นมา เอายางพาราไปขายคนอื่นโดยไม่เอามาให้หนูล่ะ จะทำยังไง” ยีราฟเกิดสงสัยขึ้นมา

“ฮึ ลุงแมวน้ำ ดาวเด่นของคณะละครสัตว์เนี่ยนะจะเบี้ยวเธอ” ลุงแมวน้ำชักเคือง “ก็หากถึงตอนนั้นราคาไม่ดี แล้วเธอเกิดเบี้ยวไม่ยอมรับของจากลุงล่ะ เธอจะว่ายังไง เธอกังวลได้ ลุงก็กังวลได้เหมือนกัน”

เรื่องราวมีทีท่าว่าจะตกลงกันไม่ได้เพราะต่างฝ่ายก็กลัวอีกฝ่ายหนึ่งเบี้ยวสัญญา ลิงชิมแปนซีเจ้าปัญญาจึงเข้ามาไกล่เกลี่ย

“เอายังงี้ก็แล้วกัน ลุงแมวน้ำกับแม่ยีราฟต่างก็วางเงินประกันเอาไว้กับผมคนละ 10 บาทก็แล้วกัน” ลิงพูด

“วางประกัน 10 บาทจะไปพออะไร ยางพาราราคาตั้ง 130 บาทนะ” ยีราฟสาวแย้ง

“แล้วถ้าให้แต่ละตัววางเงินทั้งก้อน 130 บาท เงินมันเยอะ จะเอายังงั้นเหรอ” ลิงชิมแปนซีตั้งคำถาม ทั้งลุงแมวน้ำและยีราฟสาวจึงเงียบไป

“แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ สมมติว่าเมื่อถึงเวลา ยางพาราราคากิโลกรัมละ 135 บาท เธอก็ได้กำไร 5 บาทจากราคาที่ตกลงกับลุงแกเอาไว้ ถูกไหม หากลุงแมวน้ำเบี้ยว ฉันก็เอาเงินประกันของลุงแมวน้ำไปจ่ายให้เธอ 5 บาท เท่าที่เธอควรจะได้กำไร เธอสบายเสียอีก ไม่ต้องรับยางแผ่นรมควันของจริงมา หรือหากลุงแมวน้ำไม่เบี้ยว เมื่อถึงเวลาเธอจะเลือกรับแค่ส่วนต่างที่เธอได้กำไรหรือจะรับยางแผ่นรมควันที่เป็นสินค้าจริงๆมาก็ได้ มีทางเลือกที่สะดวกให้ด้วย หากรับสินค้าจริงมา เธอรู้จักแต่ถั่วฝักยาวแล้วจะเอายางแผ่นไปขายที่ไหน” ลิงเจ้าปัญญากล่อมแม่สาวยีราฟ

จากนั้นลิงก็หันมาพูดกับลุงแมวน้ำต่อ “แล้วลุงก็เหมือนกัน สมมติว่าตอนนั้นราคาเหลือ 125 บาท หากแม่ยีราฟเบี้ยว ผมก็เอาเงินวางประกันของแม่ยีราฟนี่แหละชดเชยให้ลุง เสมือนว่าลุงขายได้ 130 บาท นั่นคือชดเชยให้ลุง 5 บาท หรือถ้าแม่ยีราฟไม่เบี้ยว ลุงจะเลือกส่งมอบยางแผ่นให้เธอแล้วรับเงินมา 130 บาท หรือถ้าแม่ยีราฟไม่อยากรับสินค้าจริง ลุงจะเลือกรับแต่ส่วนต่างแล้วเอายางแผ่นสินค้าจริงไปขายใครในราคาตลาดก็ได้ ยังงี้ดีไหมครับ”

ทั้งลุงแมวน้ำและสาวยีราฟเห็นว่าการวางเงินประกันกับคนกลางเพียงส่วนเดียวเป็นวิธีที่ยุติธรรมดีและป้องกันการเบี้ยวภายหลังได้ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้เงินมากนัก ทั้งยังมีข้อดีที่จะเลือกรับส่วนต่างของกำไรขาดทุนโดยไม่ต้องรับมอบส่งมอบสินค้ากันจริงๆก็ได้ เมื่อเห็นดีเห็นงามกันเช่นนี้จึงเป็นอันตกลงกัน

“อ้อ แต่ว่าผมขอค่าเหนื่อยหน่อยนะ รักษาเงินของทั้งสองคนมันก็เหนื่อยเหมือนกัน ขอค่าดูแลเงินจากลุงแมวน้ำและยีราฟคนละ 0.45 บาท ก็แล้วกัน โปรดจ่ายมาก่อนเลย อิอิอิ” ลิงชิมแปนซีพูดแล้วก็หัวเราะด้วยเสียงแบบดาวร้ายในหนัง

“ฮึ นึกว่าจะใจดีอยากช่วยลุงแมวน้ำ ที่แท้ก็จะหารายได้เหมือนกัน” ยีราฟประชด “ยังมาหัวเราะอีก”

“อย่ามองฉันในแง่ร้ายขนาดนั้นสิ ทุกคนร่วมมือกัน ต่างก็ได้สมประโยชน์ของตน เมื่อพอใจกันทุกฝ่ายจะมาคิดอะไรมากล่ะ ฉันช่วยหาช่องทางลงทุนให้เธอ แล้วได้ช่วยลดความเสี่ยงให้ลุงแมวน้ำ อีกอย่าง การรักษาเงินประกันให้ลุงกับเธอฉันก็มีความเสี่ยงนะ หากเงินหายฉันก็ต้องรับผิดชอบ ทำอะไรให้ตั้งหลายอย่างก็ให้ค่าเหนื่อยฉันบ้างก็แล้วกัน ฉันจะได้เอาไปซื้อกล้วยกิน” ลิงชิมแปนซีอธิบาย

ลุงแมวน้ำได้ฟังลิงอธิบายก็เข้าใจในเหตุผลและเห็นด้วยกับเรื่องค่าดูแล และแล้ว ลุงแมวน้ำ ยีราฟ และลิงชิมแปนซีก็สามารถตกลงลงเงื่อนไขกันได้ในที่สุด

กาลเวลาผ่านไป จนถึงเดือนมกราคม 2554 ยีราฟก็วิ่งห้อมาหาลิงชิมแปนซีที่กำลังนั่งกินกล้วยซึ่งซื้อมาด้วยเงินค่านายหน้าอยู่บนต้นไม้อย่างสบายใจ

“แย่แล้วๆนายลิง” ยีราฟสาวเอะอะโวยวาย

“มีเรื่องอะไรเหรอ” ลิงชิมแปนซีถาม “วิ่งคอยาวมาเชียว”

“ถึงไม่วิ่งคอก็ยาวอยู่แล้ว” ยีราฟสาวค้อน “ฉันดูข่าวทีวี เห็นว่าราคายางพาราตอนนี้ตกลงมาเหลือกิโลกรัมละ 125 บาทเอง โอย ฉันขาดทุน ตายแน่ๆๆๆๆ” ยีราฟสาวโวยวายไม่หยุด



1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณครับ
กำลังสนุกเลย รออ่านต่อครับ