Monday, May 26, 2014

26/05/2014 มุมมองหลังรัฐประหาร การเมืองมั่นคง เศรษฐกิจรุดหน้า





สัปดาห์ที่แล้วมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก เริ่มตั้งแต่วันที่ 20/05/2014 เวลา 3:00 น. ผู้บัญชาการทหารบกประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ต่อมาวันที่ 22/05/2014 เวลา 16:30 น. ผู้บัญชาการทหารบกก็ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง และตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช ขึ้น

ภายในเวลาไม่กี่วัน คสช ออกประกาศและคำสั่งต่างๆมามากมาย เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 วุฒิสภาสิ้นสุดลง มีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง สั่งการให้ปลัดกระทรวงปฎิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรี เร่งรัดการเบิกจ่ายที่คั่งค้าง ร่างงบประมาณปี 2558 เตรียมวงเงิน 92,000 ล้านบาทเพื่อจ่ายชาวนาที่รัฐยังค้างเงินจำนำข้าวอยู่ โดยเริ่มจ่ายได้ตั้งแต่วันจันทร์ 26/05/2014 เป็นต้นไป และคาดว่าอีกไม่นานนี้ เราจะได้สภาปฏิรูปเพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยให้ครอบคลุมด้านต่างๆ รวมทั้งมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มือสะอาด มีความสามารถ และต่อจากนั้นเราจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อร่างรัฐนูญฉบับใหม่ และมีการเลือกตั้งในที่สุด ฯลฯ

การเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รัดกุม และเป็นระบบและเป็นขั้นตอน สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนที่ดี รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากนักวิชาการที่มีประสบการณ์ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้

จากเหตุการณ์ และพฤติการณ์ที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินงานของ คสช ลุงแมวน้ำเห็นว่าการเมืองจะมั่นคงขึ้น เพราะรัฐประหารครั้งนี้สามารถตอบโจทย์แก้เงื่อนตายทางการเมืองและเศรษฐกิจได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เงินจำนาข้าวประมาณ 92,000 ล้านบาทจะทยอยสู่มือชาวนาจนครบภายในไม่เกิน 1 เดือน แปลว่าเงินเก้าหมื่นกว่าล้านจะเริ่มไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ชาวนาจะนำเงินไปใช้หนี้ ลงทุนเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป จ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูก ฯลฯ เงินก้อนใหญ่นี้จะเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจและเอสเอ็มอีจะเริ่มฟื้นตัวได้ คราวนี้ผู้ประกอบการรายย่อยเห็นทางรอดแล้ว อดทนกันอีกนิดเดียว ^_^

หลังจากนั้น เมื่อมีรัฐบาลใหม่ และเมื่อมีงบประมาณปี 2558 การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ การลงทุนต่างๆจะเริ่มขึ้น รัฐต้องใช้เครื่องมือทางการคลัง นั่นคือ การลงทุนภาครัฐเพื่อกระตุ้นวงจรเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อน น่าจะเป็นพวก โครงการรถไฟรางคู่ การซ่อมสร้างทาง โครงการป้องกันอุทกภัยบางโครงการที่ศึกษามาดีแล้วสามารถดำเนินการได้ เช่น ถนนเลียบเจ้าพระยา ฯลฯ

ลุงแมวน้ำฉายภาพต่างๆให้เห็นเพื่อบอกว่าจากนี้ต่อไป การเมืองจะมั่นคง และเศรษฐกิจจะรุดหน้า ในภาคธุรกิจและการลงทุน นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับเรื่องคอร์รัปชั่นมากกว่าเรืองที่มาของรัฐบาล ไม่เชื่อก็ลองดูว่า ที่สหรัฐอเมริกา อียู ออสเตรเลีย ประณามไทยเรื่องการรัฐประหาร แล้วต่อไปนักลงทุนชาติเหล่านี้จะหนีเมืองไทยหรือจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย

เมื่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ตลาดหุ้นก็ย่อมจะสดใสไปด้วย คราวนี้เรามาดูทางเทคนิคกันบ้าง ว่าในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราเห็นสัญญาณอะไรบ้าง


ตลาดหุ้นไทยหลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรในวันที่ 20/05/2014 จะเห็นว่าในวันที่ 20 เมื่อเปิดตลาดมา ตลาดร่วงแรง แต่แล้วดีดกลับ ก่อให้เกิดเป็นรูปแบบดาวโดจิที่แปลว่าลังเลใจ และเกิดช่องขาลง (gap) เล็กๆ จากนั้นดัชนีก็ขึ้นมาปิดช่องได้

ตลาดหุ้นไทยหลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรในวันที่ 20 พฤษภาคม เวลาตีสาม จะเห็นว่าในวันที่ 20 นั้นเองเมื่อเปิดตลาดมาในตอนเช้าสิบโมง ตลาดร่วงแรง แต่แล้วดีดกลับ ก่อให้เกิดเป็นรูปแบบดาวโดจิที่แปลว่าลังเลใจ (ลังเลที่จะลงต่อ) และเกิดช่องขาลง (gap) เล็กๆ จากนั้นในวันที่ 21 และ 22 ดัชนีก็ดีดกลับขึ้นมาปิดช่องได้ เป็นอันว่าช่องขาลงถูกหักล้างไป


ดัชนี เซ็ต วันแรกหลังจากที่มีรัฐประการ ดัชนีร่วงแรงตอนเปิดตลาด จากนั้นก็ดีดกลับ สุดท้ายกลายเป็นแท่งเทียนขาวใหญ่และเกิดช่องขาลงเล็กๆ

ดูภาพต่อมา หลังจากนั้น ในตอนเย็นวันที่ 22 พฤษภาคม หลังจากที่ตลาดปิดไปแล้ว เกิดการรัฐประหารขึ้น ในคืนนั้นนักลงทุนสื่อสารกันจ้าละหวั่นในเครือข่ายทางสังคม บางคนก็เตรียมขายหุ้นในราคาเปิด (ato) ในวันถัดไป เพราะเชื่อว่าตลาดหุ้นจะลงหนัก บางคนก็มองไปถึงว่า -100 จุด หรือ -200 จุดไปโน่นเลย >.<

แท่งเทียนแท่งล่าสุดในภาพคือวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 วันแรกที่ตลาดรับรู้การรัฐประหาร เปิดมาตลาดหุ้นก็ลงลึก จากนั้นก็ดีดกลับขึ้นมา จนปิดตลาดที่ประมาณ -10 จุด รูปแบบแท่งเทียนของวันที่ 23/05/2014 เปิดแท่งเทียนขาวใหญ่อันแสดงว่าอารมณ์ตลาดต้องการซื้อ ขณะเดียวกันก็เกิดช่องขาลงเล็กๆอีกแล้ว รอดูอีกสองสามวันจะร้ว่าช่องนี้ถูกปิดได้หรือไม่

มาดูค่าเงินประกอบบ้าง ดูภาพต่อไปนี้


ค่าเงินบาทในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก และการรัฐประหาร จะเห็นว่าเงินบาทอ่อนค่าแต่ดีดกลับได้ อีกทั้งกรอบการแกว่งยังอยู่ในช่วงแคบ ลุงแมวน้ำไม่แน่ใจว่า ธปท แทรกแซงค่าเงินในช่วงที่ว่านี้หรือเปล่า แต่จากกราฟที่เห็นก็ต้องบอกค่าเงินบาทเสถียรพอควรทีเดียว

เงินบาทในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งเจอกฎอัยการศึกและรัฐประหารสองเหตุการ แต่ยังแกว่งในกรอบแคบ สะท้อนถึงเสถียรภาพของเงินบาท

สรุปว่าลุงแมวน้ำวิเคราะห์อารมณ์ตลาดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เห็นว่าตลาดพยายามจะขึ้น เมื่อนักลงทุนบางส่วนตกใจก็มีแรงรับเข้ามาตลอด สองสามวันมานี้แม้ว่าฝรั่งขายหนัก แต่ว่าตลาดก็สามารถดีดกลับได้ สะท้อนอารมณ์ตลาดได้ดี ในภาวะนี้ไม่ต้องให้น้ำหนักกับแรงขายของต่างชาติมากนัก ขายได้ก็กลับมาซื้อใหม่ได้ ไม่ต้องกลัว

ประกอบกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและสดใสขึ้น ดังนั้นลุงมองภาพรวมของตลาดในช่วงต่อไปในแง่ดีมากกว่าแง่ร้ายคร้าบ จะให้ราบรื่นสถาพรในทันทีก็คงไม่ใช่ แรงเสียดทานทางการเมืองยังมีอยู่ ช่วงต้นจะแรง แต่ต่อไปน่าจะค่อยๆดีขึ้น

แต่ แต่ และแต่ ดังที่ลุงบอกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาซื้อ เพราะว่าตลาดหุ้นที่ขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ จนค่า p/e ratio สูงแล้ว ก็เพราะว่าความหวังนี่เอง เมื่อก่อนหน้านี้ เราทยอยซื้อหุ้นเพราะความหวัง เราหวังว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย และเศรษฐกิจไทยจะไปต่อได้ ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้วไง ^_^ 

ตอนนี้ดัชนีสมหวังแล้วพอสมควร และดัชนีก็มาไกลมากแล้ว ดังนั้น อารมณ์ดีใจอาจทำให้ตลาดมีเฮ ไปต่อได้อีกสักหน่อย แต่ลุงแมวน้ำคิดว่าคลื่น 1 ใกล้จบแล้วล่ะ

หลังคลื่น 1 ก็เป็นคลื่น 2 อันเป็นคลื่นขาลง จากนั้นก็เป็นคลื่น 3 ที่ขึ้นโลด ช่วงคลื่น 2 ก็ต้องทนๆกันไปก่อน เป็นการถอยเพื่อกระโดดไปข้างหน้า ไม่ต้องกลัว

แต่ แต่อีกแล้ว ลุงแมวน้ำเห็นว่า คลื่น 2 นี้เมื่อเกิดขึ้นก็พิจารณาลดพอร์ตบ้างก็ดีนะคร้าบ ทีนี้จะลดอย่างไรก็ตามหลักการณ์ในสายของตน สายเทคนิคก็ลดตามสัญญาณ์ทางเทคนิค เป็นต้น


No comments: