SET วันนี้ปิดที่ 566.03 จุด ลดลง 15.96 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 แม้ SET จะขึ้น แต่วันนี้โปรมแกรมขอลงุลแมวน้ำขาย BANPU, KSL, MAKRO, PTT, PTTEP, THAI, TMB จะเห็นว่ากลุ่มพลังงานถูกขายแล้ว ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 22 ตัว หุ้นที่ใกล้เกิดสัญญาณขาย ได้แก่ BEC, KBANK, TUF
สำหรับพอร์ตจำลองในกลุ่มฟิวเจอร์ส ขณะนี้ถือ short อยู่ 2 ตัว คือ S50 และทองคำ กำไรจาก S50 futures เริ่มกลับมาดีขึ้นจากการชอร์ต ส่วนทองคำยังทรงๆ จะขึ้นต่อหรือจะลงต่ออีกไม่นานคงได้เห็นกัน
โปรดสังเกตว่า S50 futures เกิดสัญญาณขายมาสามวันแล้ว ในขณะที่ SET, SET50 เพิ่งเกิดสัญญาณขายในวันนี้
ยางไทย RSS JP@IR อยู่ในกรอบของ standard error channel (SEC) ขาลง แต่ไม่หลุดกรอบ และราคากับ RSI เกิด bullish convergence เล็กๆ ไม่แน่ว่าอาจจะจบคลื่น 2 ไปแล้วที่ราคา 54 บาทที่ผ่านมา รอดูต่อไปถ้าผ่าน 57 บาทจะเกิดสัญญาณซื้อ
ยางญี่ปุ่น TOCOM เกิดสัญญาณซื้อไปแล้ว และไม่หลุดจากกรอบล่างของ SEC อีกทั้งกรอบ SEC เป็นกรอบขาขึ้น แต่ไม่เห็น bullish convergence อีกทั้งราคาน้ำมันยังอาจลงต่อไปอีกนิดหน่อย ตามภาพข้างล่าง
ประเมินดูแล้วราคายางน่าจบคลื่น 2 แล้ว แต่อาจต้องรอเวลาอีกเล็กน้อยเืพื่อให้เกิดความชัดเจน ถ้ามีสัญญาณซื้อก็ open long ไปตามระบบ
วันนี้ลุงแมวน้ำจะขอคุยเรื่องการลงทุนให้หุ้นโดยการใช้ระบบตามแนวโน้ม (trend following system) คือมีระบบที่ติดตามแนวโน้มและคำนวณสัญญาณซื้อขายออกมา นักลงทุนก็ซื้อขายไปตามสัญญาณ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ลุงแมวน้ำและนักลงทุนอีกหลายๆคนใช้อยู่ ไม่ใช่ซื้อขายแบบตามใจฉัน อยากซื้อเมื่อไรหรือว่าอยากขายเมื่อไรก็ทำตามใจ ตัวอย่างของระบบการซื้อขายตามเทรนด์หรือว่าซื้อขายตามแนวโน้มก็ได้แก่ระบบ PNT 1.10 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักลงทุนตามระบบ
เราลองมาดูตัวกันอย่างสักหน่อย สมมติว่าคุณปลาทองลงทุนในหุ้น LH เริ่มลงทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2551 (2008) ตอนนั้นราคา LH ประมาณหุ้นละ 3.40 บาท สมมติว่าปลาทองลงทุนเพียง 1 หุ้น กล่าวคือ เมื่อมีสัญญา๊ณซื้อก็ซื้อ เมื่อมีสัญญาณขายก็ขาย เล่นเพียง 1 หุ้นเท่านั้น (เพื่อความสะดวกในการคำนวณ) แล้วลองมาดูว่าเมื่อลงทุนจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2552 ผลกำไรเป็นอย่างไร ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพ สรุปได้ว่า ในการลงทุนดังกล่าว ซื้อขายตามระบบ PnT 1.10 จะเกิดการซื้อขาย 6 ครั้งด้วยกัน (ซื้อแล้วขายนับเป็น 1 ครั้ง) เมื่อคิดค่าคอมมิชชั่นแล้ว 1 หุ้นที่ปลาทองลงทุนไป ได้กำไร 1.23 บาท
แต่ถ้าซื้อขายตามระบบของลุงแมวน้ำ จะเกิดการซื้อขายเพียง 2 ครั้งและปลาทองได้กำไร 1.96 บาท
คราวนี้มาลองดูกันใหม่ สมมติว่าปลาทองเริ่มเข้ามาลงทุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ลองดูว่าเมื่อลงทุนในหุ้น LH ตัวเดียวกัน แต่ว่าในจังหวะวเลาที่แตกต่างกัน แล้วเกิดอะไรขึ้น
ปรากฏว่าเมื่อใช้ระบบ PNT 1.10 เกิดการซื้อขายขึ้น 10 ครั้ง และเมื่อคิดค่าคอมมิชชั่นแล้ว ปลาทองขาดทุนไป 1.47 บาท แต่ถ้าลงทุนด้วยระบบของลุงแมวน้ำ ปลากทองเกิดการซื้อขาย 7 ครั้ง และขาดทุน 2.10 บาท
จากตัวอย่างสองตัวอย่างข้างบน อาจเป็นคำตอบสำหรับนักลงทุนหลายๆที่ ที่พยามฝึกฝนการซื้อขายตามระบบ แต่ปรากฏว่าขาดทุนตลอดทั้งปีจนท้อ และก็เลยทำให้สรุปเอาว่าว่าแนวทางการลงทุนตามแนวโน้มอย่างเป็นระบบนั้นไม่ดี เพราะทำให้ขาดทุน
แต่ขอให้ลองสังเกตดูว่า หากลงทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2551 ตามตัวอย่างกรณีแรก ก็มีกำไรทั้งปี ดังนั้นการได้กำไรหรือขาดทุนที่จริงไม่ใช่เพราะว่าระบบไม่ดี แต่ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่เข้าลงทุนด้วย เพราะช่วงปลายปี 2550 ถึงปลายปี 2551 เ็ป็นช่วงที่หุ้นลงตลอดทั้งปี หากลงทุนในหุ้นไม่มีทางได้กำไร เพราะหุ้นนั้น short ไม่ได้ การลงทุนในหุ้นต้องเอากำไรจากขาขึ้น เอากำไรจากขาลงไม่ได้ ถ้าเล่นหุ้นในตลาดขาลงก็ขาดทุนแน่ ตลาดเพิ่งมาเริ่มกลับเป็นขาขึ้นเมื่อปลายปี 2551 นี่เอง ดังนั้นการลงทุนตั้งแต่ปลายปี 2551 จึงมีกำไร
ดังนั้นการลงทุนในหลักทรัพย์หรือฟิวเจอร์สใดๆต้องมองกันยาวๆ จึงจะรู้ว่าการลงทุนตามระบบนั้นได้ผลจริง อย่ามองกันเฉพาะในช่วงเวลาสั้นๆ
คราวนี้ลองมาดูกันใหม่ ลองมาดูสถิติการเทรดตามระบบย้อนไปตั้งต้นเทรดกันตั้งแต่ปลายปี 2539 (1996) มาจนถึง 9 กรกฎาคม 2552 รวมเวลากว่า 12 ปี คิดเป็นวันเทรด (วันที่ตลาดทำการและมีการซื้อขาย) ก็ประมาณ 3,000 วัน ลองดูว่าถ้าปลาทองลงทุนมาตั้งแต่ปลายปี 1996 แล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง
(ยังมีต่อ)
No comments:
Post a Comment