Monday, January 30, 2012

27/01/2012 * RSS3, Currencies

วันนี้เป็นวันสุดท้ายในรอบสัปดาห์ สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ตลาดหุ้นย่านเอเชียไม่ค่อยคึกคักนักเนื่องจากหลายประเทศหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน แต่ตั้งแต่วันที่ 30 เป็นต้นไปน่าจะเปิดกันหมดแล้ว

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,076.29 จุด เพิ่มขึ้น 7.75 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ ROBINS, TCAP ก่อนหน้านี้ก็เกิดสัญญาณซื้อ SCCC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 43 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศในรอบสัปดาห์นี้จุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลกยังอยู่ที่สถานการณ์ในยุโรป ซึ่งมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายผสมปนเปกันเช่นเคย แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้หากมองในภาพรวมแล้วนักลงทุนไม่ได้มองสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกเลวร้าย ตรงกันข้าม อาจมองค่อนไปในทางดีด้วยซ้ำ สังเกตได้จากในรายงานที่ขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกือบทุกตลาดล้วนแต่เป็นสัญญาณซื้อกันทั้งนั้น มีบางตลาดเท่านั้นที่ยังเป็นสัญญาณขาย เช่น โปรตุเกส คูเวต แม้จะสวนกับความรู้สึกของนักลงทุนหลายๆคนแต่การลงทุนตามแนวโน้มต้องยึดตัวเลขและข้อเท็จจริงเพื่อคำนวณเป็นค่าทางเทคนิค ข้อเท็จจริงก็เป็นเช่นนี้ก็ต้องวางกลยุทธ์ไปตามข้อมูลที่มี ดังนั้นในขณะนี้กลยุทธ์การลงทุนของลุงแมวน้ำจึงเป็นแบบแนวโน้มขาขึ้น ไม่เทรดด้านชอร์ต เมื่อมีสัญญาณกลับทิศแล้วจึงค่อยมาประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับตลาดหุ้นไทย ลุงแมวน้ำมองว่าดัชนี SETI คงไปถึง 1,085 จุดได้ (คลาดเคลื่อนได้นิดหน่อย) ซึ่งดัชนีขณะนี้ 1,076.29 จุดก็ถือว่ามาถึงระดับฟิโบนาชชีดังกล่าวแล้ว หลังจากนี้มาดูกันต่อไป

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในสัปดาห์นี้เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า ค่าเงินยูโรรวมทั้งเงินชาติอื่นๆแข็งค่าขึ้น ยกเว้นเงินเยนที่ค่อนข้างนิ่งเช่นเคย ทองคำพุ่งแรง ส่วนน้ำมันยังทรงตัวและยังเกิดสัญญาณขาย แต่ลุงแมวน้ำคาดว่าสัญญาณขายครั้งนี้เป็นสัญญาณหลอก ต่อไปราคาน้ำมันดิบทั้ง wti และเบรนต์คงไปต่อ

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคายางพาราอ่อนตัวลงไปบ้าง ส่วนหนึ่งเกิดจากตลาดจีนหยุด แต่สัปดาห์หน้าราคาคงไปต่อเพราะแนวโน้มขาขึ้นยังมีกำลัง อาจมีราคาย่อเนื่องจากทำคลื่นย่อยขาลงบ้าง แต่ในที่สุดคงคงได้เห็น 145 บาท/กก

เกือบลืมบอกไป ลุงแมวน้ำปรับปรุงรายงานโดยเพิ่มกองทุนอีทีเอฟเข้าไปอีก ส่วนใหญ่เป็นกองทุนทองคำที่เข้ามาใหม่ ได้แก่

  • 1DIV อ้างอิงดัชนี SET High Dividend 30 Index ซึ่งคำนวณจากหุ้นปันผลสูง 30 ตัว พูดง่ายๆก็คืออีทีเอฟ 1DIV นี้อ้างอิงกับราคาของหุ้นปันผลสูง 30 ตัวนั่นเอง
  • GLD เป็นอีทีเอฟที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกทีหนึ่ง กองทุนแม่คือ SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
  • GOLD99 อ้างอิงกับราคาทองคำในตลาดลอนดอน
  • KG965 ลงทุนในทองคำแท่งของไทย ดังนั้นจึงอ้างอิงกับราคาทองคำแท่งภายในประเทศ
บางรายการยังคำนวณสัญญาณซื้อขายไม่ได้เนื่องจากข้อมูลยังน้อยเกินไปจะเห็นเป็นเครื่องหมาย # แต่อีกไม่นานคงมีข้อมูลมากพอและเริ่มเกิดสัญญาณซื้อขาย









    Monday, January 23, 2012

    20/12/2012 * DJI, DAX, FTSEMib, Currencies

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายในรอบสัปดาห์ อีกทั้งยังเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนเทศกาลตรุษจีนอันเป็นเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน ในสัปดาห์หน้าจะมีตลาดหุ้นหลายชาติที่มีเชื้อสายจีนหยุดทำการ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนหยุดทำการหลายวัน

    วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,058.66 จุด ลดลง 0.28 จุด

    หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BAY และมีสัญญาณขาย BIGC ส่วนเมื่อวานมีสัญญาณซื้อ BBL, KBANK, PTTGC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 39 ตัว

    กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (CL) น้ำมันดิบเบรนต์ยังไม่เกิดสัญญาณขาย ส่วนกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ DBO ก็เกิดสัญญาณขาย

    ตลาดต่างประเทศในรอบสัปดาห์นี้จุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลกยังอยู่ที่สถานการณ์ในยุโรป ซึ่งมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายผสมปนเปกัน ข่าวร้ายก็คือกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือที่เรียกว่า IMF เรียกร้องให้ชาติต่างๆใส่เงินเข้ามาในกองทุนเพิ่มเพราะลำพังเงินทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่พอกับการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจของยุโรป ส่วนทางด้านธนาคารโลกก็เตือนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อันเกิดจากปัญหายุโรปซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ส่วนข่าวดีก็คือฝรั่งเศสและสเปนขายพันธบัตรได้อย่างราบรื่นแม้ว่าจะถูกลดอันดับเครดิตก็ตาม

    หากนักลงทุนติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้คงทราบดีแล้วว่าองค์กรทางเศรษฐกิจระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารโลก ธนาคารแห่งสหภาพยุโรป หรือแม้แต่บริษัทจัดอันดับเครดิตต่างๆ ต่างก็คาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ว่าเผาจริง (ปีที่แล้วเผาหลอก) เพราะชาติที่มีปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปมีหนี้ที่ถึงกำหนดชำระในปีนี้รออยู่เป็นมูลค่ามหาศาล หลายๆชาติไม่น่ามีขีดความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ แต่ปัญหาที่นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราอาจสงสัยก็คือ ในเมื่อปีนี้เผาจริง แต่เหตุใดตลาดหุ้นทั่วโลกจึงได้ขึ้นเอาและขึ้นเอา

    สำหรับข้อนี้เองลุงแมวน้ำก็อธิบายไม่ได้ หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจลุงแมวน้ำก็คิดว่าขณะนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่กำลังทำงานอยู่ รอเพียงให้ถึงเวลาที่จะระเบิดเท่านั้น โอกาสที่จะไม่ระเบิดนั้นคงยาก แต่ตลาดหุ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาค่อยๆปรับตัวขึ้น ซึ่งหากนักลงทุนที่หวั่นไหวไปกับข่าวอาจจะขายหุ้นแล้วทำพอร์ตให้ว่าง ข้อนี้ก็ยังไม่มีอะไรเสียหาย แค่เสียดายโอกาสทำกำไรในช่วงที่ผ่านมา แต่ผู้ที่ลงทุนในฟิวเจอร์สโดยเปิดสัญญาขายหรือถือสัญญาด้านชอร์ตเอาไว้คงเจ็บตัวไปพอสมควร

    ปรากฏการณ์ราคากับระดับดัชนีนี้เป็นผลจากปัจจัยทางจิตวิทยา แม้ว่าต่อไปตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะลงหนัก แต่เราก็ไม่รู้ว่าตลาดจะลงหนักในวันใด รู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดกำลังขึ้นอยู่ หากลงทุนผิดทางกว่าจะถึงวันที่ตลาดลงหนักอีกรอบเราอาจเสียหายหนักไปแล้ว ดังนั้นการลงทุนควรลงทุนตามแนวโน้มของตลาดในระยะกลางๆ ไม่ควรลงทุนตามแนวโน้มใหญ่เพราะว่ากรอบเวลานานเกินไป (สมมติเช่นแนวโน้มใหญ่เป็นคลื่น C แต่ว่าขณะนี้คลื่นระยะกลางเป็นแนวโน้มขาขึ้นอันเป็นคลื่นย่อยในคลื่น C แบบนี้ก็ควรลงทุนตามแนวโน้มระยะกลางคือเทรดเป็นขาขึ้นไป) รวมทั้งไม่ควรลงทุนตามแนวโน้มระยะสั้นมากเพราะกรอบเวลาสั้นเกินไป อีกทั้งไม่ควรไปคิดดักทางตลาดเพราะมีโอกาสพลาดพลั้งได้

    เราลองมาดูดัชนีสำคัญในโลกว่าขณะนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มต้นด้วยดัชนีเดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา


    จากภาพจะเห็นว่าขณะนี้ DJI มาถึงระดับฟิโบนาชชี 78.6% อีกแล้ว หากขณะนี้ DJI อยู่ในคลื่น C จริง ดัชนีควรจะไปต่อไม่ไหวและเริ่มไหลลงที่ระดับดัชนีแถวๆนี้แล้ว ติดตามดูอีกไม่นานก็คงรู้

    ต่อมาก็เป็นดัชนี DAX ของเยอรมนี ดังภาพต่อไปนี้


    จากภาพ ระดับดัชนียังไม่ถึงระดับฟิโบนาชชี 61.8% ดังนั้นตลาดหุ้นเยอรมนีและกลุ่มยุโรปน่าจะขึ้นต่อได้อีกจึงค่อยลง ดัชนี DAX น่าจะไปได้ถึง 6600 จุด หรือหากแรงกว่านั้นก็อาจไปได้ถึง 7000 จุด จากนั้นจึงค่อยลง

    มาดูดัชนีของอิตาลีกันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้


    จากภาพ รูปแบบคลื่นไม่ปกติ ลุงแมวน้ำยังนับคลื่นไม่ถูกเหมือนกัน แต่สังเกตว่าช่วงปลายปี 2011 ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ กราฟของดัชนีมีท้องคลื่นทียกสูงขึ้น (higher trough) อันเป็นรูปแบบของคลื่นขาขึ้น ก็อาจตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ได้ว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นอิตาลีอาจมีสถานการณ์ดีขึ้นและเป็นขาขึ้นไปได้ระยะหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดหุ้นของเยอรมนีที่ยังขึ้นต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง

    มาดูทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนกันบ้าง สัปดาห์นี้เงินดอลลาร์ทรงตัวไม่ไปต่อ กลายเป็นแกว่งในช่วงแคบ เงินตราสกุลอื่นจึงแกว่งในช่วงแคบด้วยเช่นกัน สัปดาห์นี้เงินบาทดูอ่อนค่า ส่วนดอลลาร์สิงคโปร์ เยน และดอลลาร์ออสเตรเลียค่อนข้างนิ่ง












    Wednesday, January 18, 2012

    17/01/2012 * ปรับมุมมองตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน และสินค้าเกษตร

    วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,056.54 จุด เพิ่มขึ้น 19.53 จุด ตลาดหุ้นไทยและเอเชียได้อานิสงส์จากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน

    หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BGH ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 37 ตัว

    กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อทองคำ (GC) และฝ้าย (CT) กองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ GLD ก็เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนฟิวเจอร์สของไทยนั้น BANPU ทองคำ (GF) และโลหะเงิน (SV) เกิดสัญญาณซื้อ

    ตลาดต่างประเทศตลาดหุ้นเขียวสดใสทั้งสามภูมิภาค แต่อาจจะมาจากคนละประเด็นกัน ทางด้านเอเชียตลาดหุ้นขึ้นเพราะการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนที่ดีขึ้น ตลาดหุ้นจีนเองก็ขึ้นต่อไปจากเมื่อวานอีก +2.8% ส่วนตลาดหุ้นฝั่งยุโรปน่าจะเกิดจากฝรั่งเศสสามารถประมูลขายพันธบัตรได้อย่างราบรื่นแม้จะถูกลดอันดับเครดิตก็ตาม ส่วนทางสหรัฐอเมริกาตลาดหุ้นขึ้นไม่มาก ไม่ได้ข่าวอะไรพิเศษ แต่ตลาดหุ้น สรอ ขึ้นรับข่าวจากฝั่งยุโรปและเอเชียมากกว่า

    ทางด้านราคาน้ำมันดิบช่วงนี้คงเป็นไปตามข่าวที่เกี่ยวกับอิหร่าน สถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย อิหร่านขู่จะปิดช่องแคบ ส่วนซาอุดิอาระเบียก็บอกว่าหากอิหร่านลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงเพื่อสร้างกระแสกดดันโลก ซาอุจะเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอเอง ทรรศนะของซาอุเช่นนี้ทำให้อุณหภูมิระหว่างโลกอาหรับด้วยกันเองร้อนแรงขึ้น ขณะเดียวกันทางฝั่งสหภาพยุโรป ผู้นำของฝรั่งเศสก็เร่งรัดชาติในอียูให้เร่งคว่ำบาตรอิหร่านให้เร็วขึ้น จากเดิมภายใน 6 เดือนให้เป็นภายใน 3 เดือน เมื่อมีเรื่องร้อนอยู่หลายเรื่องราคาน้ำมันดิบทั้ง wti และเบรนต์จึงขยับขึ้นมาอีก

    ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนไม่ค่อยไว้ใจตลาดหุ้นนัก (ที่จริงปกติตลาดหุ้นก็วางใจไม่ค่อยได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีอะไรแน่นอน) ข่าวร้ายจากทางยุโรปมีออกมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเรื่องหนี้สาธารณะ เรื่องปรับลดอันดับเครดิต เรื่องตัวเลขทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ตลาดหุ้นทั่วโลกจึงผันผวน มีซึมบ้าง มีขึ้นลงแรงบ้าง ตามอารมณ์ของข่าวรายวัน

    แม้ว่าลุงแมวน้ำจะมองแนวโน้มใหญ่ของตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐอเมริกาว่าอยู่ในคลื่นใหญ่ C แต่คลื่นใหญ่ C ไม่ได้หมายความว่าหุ้นจะลงเอาลงเอาทุกวัน ในระยะสั้นๆสองเดือนที่ผ่านมา แนวโน้มตลาดหุ้นลดความผันผวนลง ดัชนีตลาดหุ้นแต่ละประเทศค่อยๆสะสมโมเมนตัมขาขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ตลาดหุ้นค่อยๆขึ้นทีละน้อยอย่างช้าๆ ลุงแมวน้ำประเมินว่าตลาดหุ้นขาขึ้นนี้น่าจะยังคงไปต่อได้อีกระยะหนึ่ง ซึ่งหากมีสัญญาณซื้อเข้ามาก็น่าจะพอเทรดได้ เพราะว่าแม้เป็นคลื่นใหญ่ C แต่หากคลื่นย่อยขาขึ้นกินระยะวลานานพอก็ยังพอเทรดได้ แม้ยุโรปจะมีข่าวร้ายรายวันก็ตามแต่เมื่อประเมินทางเทคนิคแล้วคิดว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นก็ต้องถือเอาปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก ไม่ต้องไปกลัวข่าว

    นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังปรับมุมมองเกี่ยวกับน้ำมันดิบ ตอนนี้เป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้ว น้ำมันดิบ wti คงได้เห็น 113-115 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล เป็นขั้นแรก หลังจากนั้นค่อยมาดูกันอีกที ภาพต่อไปนี้เป็นกราฟของราคาน้ำมันดิบเบรนต์ (BZ) น้ำมันดิบเบรนต์แกว่งตัวไม่แรง เกิดสัญญาณหลอกน้อยกว่าน้ำมันดิบ WTI (CL) ทำให้ BZ ดูน่าเทรดกว่า (สองภาพข้างล่างนี้หากดูผ่านๆเหมือนกับว่า BZ เกิดสัญญาณหลอกมากกว่า CL แต่ที่จริงไม่ใช่เช่นนั้นเพราะพล็อตคนละกรอบเวลากันเลยทำให้ดูหลอกตา)




    ทองคำ (GC) รูปแบบทางเทคนิคยังดูไม่ชัดนัก ตอนนี้ยังเป็นภาวะไร้ทิศทางอยู่ แต่ลุงแมวน้ำคิดว่าสินค้าโภคภัณฑ์คงขึ้นทั้งกลุ่ม ดังนั้นทองคำและโลหะมีค่ากับโลหะอุตสาหกรรมอื่นๆคงราคาขึ้นไปด้วยกัน ดังนั้นราคาทองคำน่าจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นได้ต่อไป ส่วนจะขึ้นไปนานเท่าใดคงตอบไม่ได้ ต้องตามดูไปเรื่อยๆ



    สินค้าเกษตร รูปแบบทางเทคนิคยังเป็นภาวะไร้ทิศทางเช่นกัน แต่คาดว่าน่าจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นต่อไปได้ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ



    ยางพารา RSS3 ขณะนี้เป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่ายางพาราจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นค่อนข้างเร็ว



    เงินดอลลาร์ สรอ -ขณะนี้รูปแบบทางเทคนิคเป็นแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน แต่ให้ระวังเอาไว้บ้าง เพราะหากตลาดหุ้นขึ้น น้ำมันดิบขึ้น เงินดอลลาร์ สรอ อาจทรงตัวเป็นภาวะไร้ทิศทางหรือเป็นแนวโน้มขาลงไประยะหนึ่งได้




    นักลงทุนต้องหมั่นทบทวนรูปแบบทางเทคนิคอยู่เสมอ แม้รูปแบบทางเทคนิคอาจไม่ถูกใจเรา เช่น เราคิดว่าข่าวร้ายเยอะน่าจะเป็นขาลง แต่เมื่อรูปแบบเป็นขาขึ้นก็ต้องเทรดเป็นขาขึ้นไปก่อน ไม่ควรกลัวข่าวหรือกลัวตลาด รวมทั้งหากสถานการณ์เปลี่ยน รูปแบบเปลี่ยน เราก็ควรทบทวนมุมมองของเราและอาจต้องปรับมุมมองใหม่ มิฉะนั้นอาจเสียจังหวะการลงทุนไป




    Monday, January 16, 2012

    13/01/2012 * SETI, Currencies สรุปในรอบสัปดาห์

    วันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ศุกร์ 13 เสียด้วย เมื่อวาน (วันที่ 12) ลุงแมวน้ำอัปเดตไม่ทัน ช่วงนี้ทำงานไม่ค่อยทัน เมื่อก่อนลุงแมวน้ำพยายามอัปเดตรายงานทุกวันทำการของตลาด แต่ก็มักทำไม่ค่อยทัน แล้วดินก็พอกหางหมูมากขึ้นเรื่อยๆ (ที่จริงก็พอกครีบหางแมวน้ำนั่นแหละ ไม่ใช่หางหมูที่ไหน) หนี้รายงานเก่าพอกพูนมากขึ้นจนทำย้อนหลังไม่ไหวก็เลยขอแฮร์คัตดีกว่า เอาเป็นว่าต่อไปหากลุงแมวน้ำทำงานไม่ทันก็ขอข้ามรายงานวันนั้นไปเลยก็แล้วกัน ข้ามไปบ้างก็ยังสามารถติดตามสถานการณ์ได้ทัน และยังทำให้ชีวิตของลุงแมวน้ำง่ายขึ้นด้วย จะได้มีเวลาเขียนบทความมาให้อ่านกัน

    วันนี้ลุงแมวน้ำแก้ไขรายงานให้สมบูรณ์ขึ้นแล้ว นั่นคือ รายชื่อหุ้นในกลุ่ม SET50 ขณะนี้เป็นปัจจุบันแล้ว หุ้น PTTGC เป็นหุ้นใหม่ที่เกิดจากการควบรวม ข้อมูลราคายังมีไม่มาพอ จึงยังคำนวณสัญญาณซื้อขายไม่ได้ ส่วนกลุ่มฟิวเจอร์สก็เพิ่มอนุพันธ์ของน้ำมันดิบเบรนต์ (BR) เข้ามาแล้ว ยังคำนวณสัญญาณซื้อขายไม่ได้เช่นกัน ต้องรอสะสมข้อมูลอีกสักระยะหนึ่ง

    วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,044.81 จุด ลดลง 7.42 จุด ช่วงบ่ายตลาดหุ้นไหลลงเนื่องจากมีข่าวว่าสถานทูตสหรัฐอเมริกาเตือนภัยว่าอาจมีการก่อการร้ายใน กทม.

    หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BAY ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 39 ตัว

    กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

    ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดย่านเอเชียปิดแดงแต่ลงไม่มาก ตลาดแต่ละประเทศลงเพียงนิดหน่อย ตลาดยุโรปปิดแดงเป็นส่วนใหญ่ มีเขียวแซมมาบ้างเท่านั้น ส่วนตลาดฝั่งอเมริกาก็ปิดแดง ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงได้แก่ กรีซ เวียดนาม และสิงคโปร์ ส่วนตลาดหุ้นที่ลงแรง ได้แก่ อาร์เจนตินาและเมกซิโก

    วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นเมกซิโกเกิดสัญญาณขายส่วนดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้เกิดสัญญาณซื้อ

    สำหรับภาพรวมของตลาดหุ้นในรอบสัปดาห์นั้น ตลาดหุ้นในโลกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ส่วนทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในรอบสัปดาห์นั้นสินค้าหลักปรับตัวลดลงกันเป็นส่วนใหญ่ ฟิวเจอร์สของก๊าซธรรมชาติ (NG) ปรับตัวลงมากที่สุดคือ -12.8% รองลงมาคือข้าวโพด (C) -6.8% ส่วนฟิวเจอร์สที่ขึ้นแรงในรอบสัปดาห์คือโกโก้ (CC) +11.9% และทองแดง (HG) +5.9%

    ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์นี้ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อ่อนค่าลง -0.2% ค่าเงินในสกุลต่างๆส่นใหญ่จึงแข็งค่าขึ้น ที่แข็งค่าขึ้นมากเป็นเงินเรียลของบราซิล (+3.1%) เงินรูปีของอินเดีย (+2.7%) สกุลเงินที่อ่อนค่าลงแรงๆก็มี คือเงินของประเทศกานา (Ghanaian Cedi) -3.3% ส่วนเงินบาทอ่อนค่าลง -0.3%

    สำหรับดัชนี SET ของไทยนั้นรอบสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น +0.8% เครื่องมือทางด้านโมเมนตัมชี้ให้เห็นว่าแม้ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะไร้ทิศทางแต่แนวโน้มขาขึ้นเริ่มมีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปได้ว่า SETI จะขึ้นไปได้ถึง 1,085 จุด







    Thursday, January 12, 2012

    11/01/2012

    วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,051.63 จุด ลดลง 1.41 จุด มูลค่าการซื้อขายยังไม่มากนัก ประมาณ 25,000 ล้านบาท ต่างชาติกลับมาขายสุทธิอีกแล้วประมาณ 250 ล้านบาท

    หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BANPU ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 38 ตัว

    กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของไทย SCB, BBL, ITD เกิดสัญญาณขาย ส่วน Banpu เกิดสัญญาณซื้อ ช่วงนี้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ดูจะเสียหลักเนื่องจากข่าว พรก โอนหนี้ ส่วนฟิวเจอร์สสินค้าเกษตรก็เกิดสัญญาณซื้อขายถี่ขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงที่ไร้ทิศทาง วันนี้โกโก้ (CC) กับกาแฟ (KC) เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนฝ้าย (CT) เกิดสัญญาณขาย

    ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดย่านเอเชียปิดคละกัน ตลาดหุ้นจีนหยุดแรงแล้ว ส่วนยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่ปิดแดงเล็กน้อย

    วันนี้ลุงแมวน้ำมีของเล่นใหม่มากฝากด้วย เป็นภาพความเคลื่อนไหวของดัชนีในระหว่างวันของตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก จะได้เห็นความผันผวนในระหว่างวันได้





    10/01/2012

    วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,053.04 จุด เพิ่มขึ้น 8.20 จุด หุ้นขึ้นแต่มูลค่าการซื้อขายไม่มากนัก ประมาณ 27,000 ล้านบาท ต่างชาติกลับมาขายสุทธิอีกแล้วประมาณ 1,800 ล้านบาท

    หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BCP, BLA, THAI ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 37 ตัว

    กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของ SET50 (S50) เกิดสัญญาณซื้อ ตัวดัชนี SET และดัชนี SET50 เกิดสัญญาณซื้อมานานแล้วและยังไม่เกิดสัญญาณขาย ส่วนยางพารา (RSS3) เกิดสัญญาณซื้อ เป็นอันว่าสัญญาณขายครั้งก่อนเป็นสัญญาณหลอกให้คืนกำไร

    ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดย่านเอเชีย ยุโรป และอเมริกาปิดเขียวเกือบทุกประเทศ ที่ขึ้นแรงได้แก่ ตลาดหุ้นจีน โคลอมเบีย รัสเซีย เยอรมนี สเปน ฯลฯ ส่วนตลาดหุ้นที่ลงแรงได้แก่ตลาดหุ้นสเปน



    Wednesday, January 11, 2012

    09/01/2012 * DBA, K-Agri, TMBGBF, KFTRB

    ช่วงนี้รายงานยังกะพร่องกะแพร่งอยู่ ฐานข้อมูลยังไม่เรียบร้อย การแก้ไขทำได้ช้า แก้ตรงนั้นก็ไปเกิดปัญหาใหม่ตรงนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว

    วันนี้ (วันที่ 9) ตลาดหุ้นย่านเอเชียส่วนใหญ่ปิดแดง คงมีแต่จีนที่ขึ้นแรงสีเขียวสด ส่วนดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกงก็ปิดบวกได้แรงพอควร แม้จะไม่กับกับตลาดหุ้นจีนก็ตาม ด้านตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งปิดเขียวและปิดแดง ตลาดหุ้นเยอรมนีกับฝรั่งเศสเปิดมาแล้วอ่อนตัวลงต่อเนื่องจนปิดแดงไปในที่สุด

    ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปิดเขียวเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.83% มูลค่าการซื้อขายไม่มากนัก

    วันนี้ลุงแมวน้ำนำกราฟของกองทุนสินค้าเกษตรกับกองทุนตราสารหนี้มาให้ดูกันครับ เพราะมีผู้ถามถึง

    กองทุนสินค้าเกษตรที่ลุงแมวน้ำนำกราฟมาให้ดูกันนี้คือ K-Agri และได้นำกองทุน DBA ซึ่งเป็นกองทุนสินค้าเกษตรที่เทรดใน สรอ แม้สองกองทุนนี้อิงดัชนีคนละตัวกันแต่องค์ประกอบของดัชนีคล้ายกันมาก สามารถดูเปรียบเทียบกันได้ จะเห็นว่าราคาของทั้งสองกองทุนร่วงลงมาจนแตะระดับฟิโบนาชชี 61.8% แล้วก็รีบาวด์ ยังตอบไม่ได้ว่ารีบาดว์แล้วลงต่อหรือว่ากลับทิศเป็นแนวโน้มขาขึ้น ต้องดูกันต่อไปอีก แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่าโอกาสลงต่อมากกว่ากลับทิศแนวโน้ม คือ 60:40




    ทางด้ากองทุนตราสารหนี้ระดับอินเตอร์ Templeton Global Bond Fund ภาพนี้เป็นกราฟ nav ของกองทุนเพมเพิลตัวของค่ายทหารไทย คือ TMBGBF จะเห็นว่าก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมชายธง และเข้าสู่ปลายชายธงแล้ว จะขึ้นหรือลงต่อไปคงได้รู้กันในอีกไม่นาน แต่ถ้ามองทางปัจจัยพื้นฐานกองทุนนี้ลงทุนเป็นเงินตราสกุลท้องถิ่นในเอเชียเอาไว้มาก หากดอลลาร์ สรอ เป็นขาขึ้นก็คงเหนื่อยหน่อย




    ต่อมาก็เป็นกองทุน PIMCo Total Return Bond Fund ที่ลงทุนในตราสารหนี้อเมริกันเป็นหลัก ตอนนี้ได้อานิสงส์จากผลตอบแทนพันธบัตรอีกทั้งจากค่าเงินดอลลาร์ด้วย แต่หากพูดถึงผลกำไรช่วงนี้ค่อนข้างช้า ไม่หวือหวา กราฟที่นำมาให้ดูนี้เป็น nav ของ กองทุนค่ายกรุงศรี KFTRB





    Monday, January 9, 2012

    06/01/2012 เริ่มออกรายงานแล้ว




    ในที่สุดลุงแมวน้ำก็สามารถกลับมาออกรายงานได้อีกแล้ว แต่เนื่องจากฐานข้อมูลยังไม่ค่อยเรียบร้อย จึงเสนอไปก่อนเท่าที่ทำทัน พอร์ตจำลองยังไม่เสร็จ ขอแปะครีบติดเอาไว้ก่อน ส่วนหุ้นไทยในกลุ่ม SET 50 นั้นเป็นชุดเก่าของปลายปี 2011 รายชื่อหุ้นชุดใหม่สำหรับครึ่งปีแรก 2012 ลุงแมวน้ำยังปรับปรุงไม่ทัน ขอติดเอาไว้ก่อนเช่นกัน

    มาดูกันที่หุ้นไทยกันก่อน ขณะนี้หุ้นในกลุ่ม SET 50 เกิดสัญญาณขายไปแล้ว 17 ตัว ที่เพิ่งเกิดสัญญาณขายไปล่าสุดก็คือ BCP กับ SCCC ตลาดหุ้นไทยโดยรวมค่อนข้างนิ่งในช่วงนี้ ดูได้จากค่า VI (volatility index) ของดัชนี SETI ที่อยู่ในระดับ 1.1% เท่านั้น เพราะเป็นช่วงเทศกาล แต่หากพิจารณาในกลุ่ม SET 50 แล้วจะพบว่าบางตัวผันผวนหนักทีเดียว เช่น DTAC มีค่า vi สูงถึง 4.2% รองลงมาก็เช่น SSI, PS, ESSO เป็นต้น

    ทางด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นโลก ขณะนี้ตลาดหุ้นของประเทศต่างๆทยอยเกิดสัญญาณขาย สังเกตดูในรายงานดีๆจะพบว่าตลาดหุ้นเอเชียนั้นส่วนใหญ่เกิดสัญญาณขายและเกิดมานานแล้วด้วย เช่น ออสเตรเลีย จีน อินเดีย รัสเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ โดยเฉพาะเวียดนามนั้นตลาดหุ้นร่วงแรงทีเดียว ส่วนตลาดหุ้นกลุ่มยุโรปและกลุ่มอเมริการวมทั้งสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ แต่ให้จับตาดู ลุงแมวน้ำคาดว่าอีกไม่นานสถานการณ์คงเปลี่ยนไป รวมทั้งตลาดหุ้นไทยนั้นหากดูในภาพใหญ่ทั้งกลุ่มเอเชียคงจะเห็นว่าแนวโน้มข้างหน้าก็ดูไม่ดีนักเช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน อีกประการ ดัชนี SETI และ SET50 อ่อนตัวลงมาจนใกล้เกิดสัญญาณขายแล้วด้วย

    ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มที่ร่วงหนักคือกลุ่มโลหะมีค่า เช่น ทองคำ และโลหะเงิน เกิดสัญญาณขายมาแนวแล้ว ทิศทางเป็นขาลงอยู่ ส่วนกลุ่มสินค้าเกษตรนั้นครึ่งปี 2011 เป็นทิศทางขาลง เพิ่งจะมาดีขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นสถานการณ์จึงยังไม่ชัดเจน

    ทางด้านสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 เป็นต้นมา ดอลลาร์ สรอ เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้น ทองคำและเงินตราสกุลอื่นๆอ่อนค่าลงไปหมด เงินเยนแกร่งที่สุด แทบไม่อ่อนค่าเลย ส่วนยูโรอ่อนค่าหนัก และหากดูจากกราฟจะเห็นว่าช่วงนี้เงินบาทค่อนข้างอ่อน ปกติเงินบาทจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สิงคโปร์ แต่ช่วงที่ผ่านมาอ่อนกว่าดอลลาร์สิงคโปร์มากขึ้นเรื่อยๆ

    ลองดูรายงานกันไปก่อน จากรายงานนี้หากค่อยๆพิจารณาในรายละเอียดเชื่อว่าคงทำให้นักลงทุนมองเห็นสถานการณ์ในภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น



    Friday, January 6, 2012

    05/01/2012 จัดอันดับพันธบัตรและสินค้าโภคภัณฑ์


    ตลาดหุ้นวันที่ 5 นี้ตอนเช้า (เวลาบ้านเรา) ทางย่านเอเชียแปซิฟิกมีทั้งบวกและลบเพราะว่ายังไม่รู้ทิศทางตลาดยุโรปว่าจะเป็นอย่างไร พอตอนบ่ายตลาดยุโรปเปิดและดัชนีตลาดหุ้นฝั่งยุโรปอยู่ในแดนลบ ตลาดหุ้นย่านเอเชียที่ยังไม่ปิดก็อ่อนตัวตามลงมาด้วย ส่วนกลางคืนเมื่อตลาดสหรัฐอเมริกาเปิดก็อยู่ในแดนลบตามบรรยากาศของยุโรปไปด้วย ต่อเมื่อยุโรปปิดตลาดไปแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นของ สรอ ก็ค่อยๆกระเตื้องขึ้นมา โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีปิดแดงไป -0.25% แต่ CAC 40 ของฝรั่งเศสลดลงไป -1.5% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ปิดลบแบบน่ารักคือ -0.02% ส่วนดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีอีกตัวหนึ่งของตลาดหุ้น สรอ ปิดเขียว +0.3% ดังภาพความเคลื่อนไหวระหว่างวันของดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญข้างล่างนี้

    ทางด้านตลาดหุ้นไทย หุ้นกลุ่มพลังงานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบแต่หุ้นกลุ่มธนาคารถูกเทขายเพราะข่าวการออก พรก โอนหนี้ของกองทุนฟื้นฟูไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแล ซึ่งนักลงทุนและนักวิเคราะห์มองกันว่า ธปท. คงต้องหารายได้เพิ่มโดยเก็บเงินจากธนาคารพาณิชย์เพิ่ม และจะกระทบผลประกอบการของธนาคาร จึงพากันขายหุ้นในกลุ่มธนาคารออกมา สุดท้ายเมื่อปิดตลาดที่ระดับดัชนี 1036.8 จุด (+0.06%) หุ้นธนาคารบางตัวราคาลดลงจนเกิดสัญญาณขาย เช่น KTB ฯลฯ


    มาดูสรุปตลาดในรอบปีกันต่อ วันนี้มาดูตลาดพันธบัตรกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กัน

    ตลาดพันธบัตรนั้นมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของประเทศนั้นๆ ประเทศใดที่ตลาดหุ้นมีความเสี่ยง เงินลงทุนก็จะหนีจากตลาดหุ้นมาเข้าในตลาดพันธบัตร แต่หากประเทศนั้นมีความเสี่ยงทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร เงินลงทุนก็จะหนีออกนอกประเทศไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือประเทศในกลุ่มยุโรปบางประเทศ เช่น กรีซ ที่ประสบวิกฤติเศรษฐกิจจากปัญหาหนี้สาธารณะ จนเป็นส่วนหนึ่งของแรงฉุดสหภาพยุโรปให้ซวนเซไป ตลาดหุ้นของกรีซร่วงหนักอีกทั้งอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลก็ปรับขึ้นรวดเร็วสูงลิ่ว เพราะหากอัตราดอกเบี้ยไม่สูงก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้าไปลงทุน อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของกรีซในรอบปีที่แล้วจึงปรับสูงขึ้นถึง 207% โดยประมาณ ส่วนประเทศที่อัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นลดหลั่นลงมา ได้แก่ โปรตุเกต อิตาลี ฮังการี เปรู ฯลฯ จะเห็นว่าล้วนแต่เป็นประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจทั้งนั้น ดังตารางต่อไปนี้ การดูอย่างง่ายๆก็คือดูที่คอลัมน์ current (อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน) ประเทศใดมีอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสูงกว่า 6% ก็มองได้ว่าน่าจะมีปัญหาเศรษฐกิจ และยิ่งอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (yearly % change มีค่ามาก) ยิ่งบ่งบอกถึงความจำเป็นต้องการใช้เงิน




    ส่วนประเทศที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงก็เป็นเพราะพันธบัตรของชาตินั้นเป็นที่ต้องการ เนื่องจากซื้อไว้แล้วอุ่นใจนั่นเอง พันธบัตรใดเป็นที่ต้องการมากก็ดูจากด้านล่างของตารางขึ้นมา ที่จริงปัจจัยการขึ้นลงของอัตราดอกเบี้ยยังเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อด้วย แต่ลุงแมวน้ำขอข้ามไปไม่พูดถึงเพราะไม่อยากให้ซับซ้อนเกินไป


    จากตลาดพันธบัตรก็มาที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบปี 2554 ก็คือสินค้าพลังงาน น้ำมันให้ความอบอุ่น (heating oil, คือน้ำมันเตากับดีเซลเป็นส่วนใหญ่) ปรับเพิ่ม +25.8% รองลงมาคือน้ำมันดิบเบรนต์ +25.5% ถัดมาอีกเป็นน้ำมันเติมรถยนต์ (gasoline) ส่วนน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐอเมริกานั้นทั้งปีปรับเพิ่มขึ้นเพียง 8.05% เท่านั้น

    ถัดจากกลุ่มน้ำมันแล้วก็เป็นข้าวโพด ตามด้วยทองคำ สังเกตว่าโลหะเงินนั้นปีที่แล้วขึ้นแรงมาก แต่สรุปแล้วทั้งปีไปไหนไม่ไกลนักเพราะว่าขึ้นแรงลงแรงนั่นเอง ดังนั้นโลหะเงินจึงอันตรายทีเดียว

    สินค้าเกษตรเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลาย ที่ขึ้นก็มี ที่ลงก็มี ดูเผินๆเหมือนไปคนละทิศละทาง แต่ที่จริงไม่ถึงขนาดนั้น สินค้าเกษตรในช่วงครึ่งปีแรกส่วนใหญ่เป็นขาขึ้น มาลงในช่วงครึ่งปีหลังและแต่ละตัวลงแรงไม่เท่ากัน เมื่อดูสรุปรายปีจึงดูเหมือนกับว่าไปกันคนละทาง ซึ่งก็คล้ายๆกับทองคำและโลหะเงินที่ขึ้นแรงในครึ่งปีแรกและลงแรงในครึ่งปีหลัง


    Thursday, January 5, 2012

    04/01/2012 จัดอันดับตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน

    ช่วงนี้เป็นช่วงต้นปี ลุงแมวน้ำจะพยายามสรุปทบทวนข้อมูลต่างๆในปีที่ผ่านมาเพื่อให้เห็นภาพรวมกัน ทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

    วันนี้เราลองมาสรุปอันดับตลาดหุ้นกันดูก่อนว่่าในรอบปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นแต่ละประเทศมีดัชนีเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง



    จะเห็นว่าในปี 2011 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ปัจจัยภายในของแต่ละประเทศด้วย แต่ปัจจัยภายนอกร่วมกันก็คือปัญหาหนี้ของกลุ่มสหภาพยุโรปและของสหรัฐอเมริกา คงมีเพียงไม่กี่ตลาดเท่านั้นที่ฝ่าวิกฤตหนี้ปิดบวกข้ามปีมาได้ ตลาดเวลาซุเอลาพุ่งแรง ดัชนีเป็นหลักแสนจุด และที่น่าทึ่งก็คือตลาดสหรัฐอเมริกาเองที่เราคิดว่าแย่มีแต่ข่าวร้ายทั้งปี กลับกลายเป็นว่าดัชนีดาวโจนส์ (ในตารางเขียนว่าดัชนี INDU) สามารถปรับตัวขึ้นได้นิดหน่อยในปี 2011 ที่ผ่านมานี้ ส่วนตลาดหุ้นไทยเราแกว่งไกวไปมา คืนกำไรกันไปคนละหลายรอบ สุดท้ายในรอบหนึ่งปีปรับตัวลดลงเพียง 0.74% ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ใครเป็นใครดูได้จากตารางด้านบน

    และหากลองสังเกตให้ละเอียดอีกสักนิดจะพบว่า ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาในรอบปีเปลี่ยนแปลงไป +4.09% เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นประเทศที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งในกลุ่มสหภาพยุโรป นั่นคือ เยอรมนี -12.38%, ฝรั่งเศส -18.45% อังกฤษ -5.74% และเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย -11.70% จีน -23.36%, อินเดีย -22.52%, อินโดนีเซีย +3.92% ญี่ปุ่น -17.68%, สิงคโปร์ -16.59%, ไทย -0.74% จะพบว่าที่เราจับตามองวิกฤตหนี้ของยุโรปว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนของยุโรปอย่างไรนั้น แท้ที่จริงแล้วตลาดหุ้นสำคัญในเอเชียแปซิฟิกหลายตลาดกลับปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นในยุโรปเสียอีก


    จากเรื่องตลาดหุ้น มาดูตลาดอัตราแลกเปลี่ยนกันบ้าง มาดูกันว่าในรอบปีที่ผ่านมา เงินตราสกุลใดแข็งแกร่งที่สุด


    หากนับทองคำด้วยก็คงต้องบอกว่าทองคำเป็นสกุลเงินตราที่แข็งค่ามากที่สุด แต่หากไม่นับทองคำก็ต้องยกให้เงินของประเทศโมแซมบิก แต่หากคิดเฉพาะเงินตราสกุลแข็งก็ต้องยกให้เงินเยนของญี่ปุ่น แข็งค่าขึ้นไป +5.6% ที่ได้ที่สองรองลงมาจากเยนนึกไม่ถึงว่ากลับเป็นเงินหยวนของจีนนั่นเอง ซึ่งเป้าหมายจีนเองก็พยายามทำให้เงินหยวนเป็นเงินตราสากลอยู่แล้ว

    ถัดมาจากเงินหยวนจากนั้นก็เป็นดอลลาร์ออสเตรเลียที่ในรอบปีแข็งค่าขึ้นมา +1.7% ส่วนฟรังก์สวิสที่เราเห็นว่าแข็งค่าในช่วงปลายปี 2011 นั้น หากนับทั้งปีแล้วกลับอ่อนค่าลงมานิดหน่อย ส่วนเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงไป -4.46%

    วันนี้ดูกันแค่สองตารางก่อน ลุงแมวน้ำทำข้อมูลไม่ทัน แบ่งเอาวันวันต่อไปบ้างครับ ต้องไปแสดงละครสัตว์ต่อแล้ว ^_^

    Wednesday, January 4, 2012

    03/01/2012 * DJI



    ลุงแมวน้ำมาแล้วคร้าบ ลืมไปเลยว่าวันนี้ตลาดทำการ หยุดเสียเพลิน ^_^ เทศกาลปีใหม่นี่น่าจะหยุดสักสามเดือนเลยเนอะ ใครไปเที่ยวตามสถานที่ยอดฮิตคงเซ็งเพราะรถติดยาวมากกกกก อย่างเช่นที่ สวนผึ้ง เป็นต้น แต่ลุงแมวน้ำไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ไม่สบาย เป็นหวัด เลยได้แต่นอนเล่นตามโขดหินแถวๆนี้เอง

    ลุงแมวน้ำกลับมาปรับปรุงเว็บบล็อกแล้ว ช่วงที่หยุดไปเพราะว่าน้ำท่วมจนถึงสิ้นปีคงต้องเลยตามเลย มาเริ่มกันใหม่ดีกว่า ส่วนตารางรายงานประจำวันช่วงนี้ยังไม่มีเพราะว่ายังสะสางฐานข้อมูลไม่เรียบร้อย ช่วงนี้ฐานข้อมูลมีปัญหาค่อนข้างมาก คงต้องแก้กันอีกสักพักจึงจะเข้าที่

    ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาตลาดหุ้นแต่ละประเทศหยุดไม่เหมือนกัน ของเราเปิดวันที่ 4 เหมือนกับญี่ปุ่น บางประเทศเปิดตั้งแต่วันที่ 2 ก็มี ส่วนสหรัฐอเมริกาเปิดวันที่ 3

    มาดูตลาดรายวันกันก่อน ส่วนสรุปตลาดในรอบปีและมองแนวโน้มปี 2012 ลุงแมวน้ำจะทยอยนำเสนอในวันต่อๆไป

    ตลาดหุ้นในย่านเอเชียแปซิฟิกเมื่อวานเปิดยังไม่ครบทุกตลาด แต่ที่เปิดก็ปรับตัวแรงพอสมควร ในช่วง 1% ถึง 3% ตลาดยุโรปก็ปรับตัวขึ้น เยอรมนี +1.5% ส่วนตลาดหุ้น สรอ เปิดโดดประมาณ +1.5% ตั้งแต่ต้นตลาดไปจนปิดตลาด

    ทางด้านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อวานดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวตลอดทั้งวัน กรอบราคา usd index อยู่ที่ 79.5 จุดถึง 80.3 จุด เงินสกุลต่างๆจึงแข็งค่ากันถ้วนหน้า ยุโรปแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ยูโร ฟรังก์สวิส โครน กับโครนา แข็งค่าขึ้นอยู่ในช่วง +0.8% ถึง +1.2% ส่วนเงินสกุลเอเชียแปซิฟิกแข็งค่าขึ้นมากน้อยไม่เท่ากัน  ดอลลาร์ออสเตรเลีย +1.4% ดอลลาร์สิงคโปร์ +1.0% เยน +0.3% ส่วนเงินบาท +0.7%

    เงินดอลลาร์ สรอ อ่อน ทองคำจึงปรับราคาขึ้นมา ส่วนน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นแต่เป็นผลจากเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านมากกว่า ราคาน้ำมันดิบส่งผลให้สินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นด้วย แต่ราคาน้ำมันดิบกับสินค้าเกษตรที่ปรับขึ้นนี้เป็นปัจจัยพิเศษ เดาไม่ถูกว่าราคาจะขึ้นไปนานเพียงใดและถึงเท่าใด เพราะขึ้นอยู่กับว่าปัญหาอิหร่านจะจบเร็วหรือว่าเรื้อรัง ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อประเมินด้านปัจจัยพื้นฐานไม่ออก ปัจจัยทางเทคนิคจึงมีความสำคัญ

    บ่ายนี้ usd index อยู่ที่ 79.7 จุด ยูโร 1.304 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินบาท 31.46 บาท/ดอลลาร์ สรอ

    น้ำมันดิบ wti  บ่ายนี้อยู่ที่ 102.7 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล (ทรงตัว) น้ำมันดิบเบรนต์ 112 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ  1604 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ (ทรงตัว)  ส่วนดัชนีสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้น 79.23 จุด (+1.9%)

    จากการติดตามข่าวที่เผยแพร่ตามสื่อ ส่วนใหญ่มองว่าปี 2555 หรือ 2012 นี้โลกยังไม่แตกแบบในภาพยนตร์ 2012 แม้ปฏิทินของชาวมายาจะสิ้นสุดลง (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) แต่ยุโรปคงถดถอยและฉุดสหรัฐอเมริกาและเอเชียให้ชะลอตัวไปด้วย ลุงแมวน้ำเองก็เคยมองว่า สรอ และยุโรปอยู่ในคลื่นเศรษฐกิจ C แต่เมื่อลุงแมวน้ำไปดูกราฟของดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกา (DJI) ในระดับกราฟรายเดือนล่าสุดแล้วเห็นภาพต่อไปนี้


    จากภาพ กราฟก่อตัวเป็นยอดคลื่น 1, 2 และ 3 (สีน้ำตาล) ชัดเจน ดังนั้นเศรษฐกิจของ สรอ น่าจะจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) ไปแล้วเพราะว่าปกติคลื่น B จะมีสามคลื่นย่อย และขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่น C (สีน้ำเงิน) ดังที่ลุงแมวน้ำเคยกล่าวเอาไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แนวโน้มขาขึ้นของดัชนี DJI เริ่มมีกำลังขึ้นมา ดังนั้นเราอาจต้องเผื่อเอาไว้สักนิดว่าหาก DJI สามารถผ่าน 12,807 จุดไปได้ก็หมายความว่า DJI ยังไม่จบคลื่น B และถ้ายังไม่จบคลื่น B ก็หมายความว่า ดัชนีตลาดหุ้นของ สรอ ยังสามารถไปต่อได้อีกช่วงหนึ่งถึง 14,200 จุด ต้องเผื่อใจสำหรับกรณีนี้ด้วย (อันเป็นยอดคลื่น 5 (สีน้ำเงิน) เพราะว่ายอดคลื่น B มักไม่สูงกว่ายอดคลื่น 5) สมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ นี่พูดเผื่อเอาไว้เท่านั้น

    การวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องตามดูไปเรื่อยๆ และต้องหมั่นทบทวนการนับคลื่น อย่าเพิ่งมองว่าลงแน่ๆในวันสองวันนี้ เผื่อใจไว้สำหรับกรณีคลื่น B ยังไม่จบด้วย เพราะว่าก่อนลงอาจขึ้นไปได้อีกพักหนึ่งเสียก่อน นักลงทุนไม่ควรมองโลกเพียงด้านเดียว และควรมีจุดหยุดยั้งความเสียหายยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดหมายเอาไว้เสมอ

    18/10/2011 - 30/12/2011

    เนื่องจากในช่วงเดือนตุลาคม หลายจังหวัดในภาคกลางประสบอุทกภัย รวมทั้งกรุงเทพฯด้วย ลุงแมวน้ำเองก็ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องหยุดปรับปรุงเว็บบล็อกไปช่วงหนึ่งแม้ว่าตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ และตลาดสินค้าเกษตรของไทยจะเทรดตามปกติก็ตาม


    ลุงแมวน้ำขอเรียนให้ทราบว่า เว็บบล็อกของลุงแมวน้ำไม่มีรายงานสำหรับวันเทรดในช่วง  18/10/2011 ถึง 30/12/2011 และขอเริ่มต้นรายงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 เป็นต้นไปครับ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วย ^_^