Thursday, January 5, 2012

04/01/2012 จัดอันดับตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน

ช่วงนี้เป็นช่วงต้นปี ลุงแมวน้ำจะพยายามสรุปทบทวนข้อมูลต่างๆในปีที่ผ่านมาเพื่อให้เห็นภาพรวมกัน ทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

วันนี้เราลองมาสรุปอันดับตลาดหุ้นกันดูก่อนว่่าในรอบปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นแต่ละประเทศมีดัชนีเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง



จะเห็นว่าในปี 2011 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ปัจจัยภายในของแต่ละประเทศด้วย แต่ปัจจัยภายนอกร่วมกันก็คือปัญหาหนี้ของกลุ่มสหภาพยุโรปและของสหรัฐอเมริกา คงมีเพียงไม่กี่ตลาดเท่านั้นที่ฝ่าวิกฤตหนี้ปิดบวกข้ามปีมาได้ ตลาดเวลาซุเอลาพุ่งแรง ดัชนีเป็นหลักแสนจุด และที่น่าทึ่งก็คือตลาดสหรัฐอเมริกาเองที่เราคิดว่าแย่มีแต่ข่าวร้ายทั้งปี กลับกลายเป็นว่าดัชนีดาวโจนส์ (ในตารางเขียนว่าดัชนี INDU) สามารถปรับตัวขึ้นได้นิดหน่อยในปี 2011 ที่ผ่านมานี้ ส่วนตลาดหุ้นไทยเราแกว่งไกวไปมา คืนกำไรกันไปคนละหลายรอบ สุดท้ายในรอบหนึ่งปีปรับตัวลดลงเพียง 0.74% ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ใครเป็นใครดูได้จากตารางด้านบน

และหากลองสังเกตให้ละเอียดอีกสักนิดจะพบว่า ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาในรอบปีเปลี่ยนแปลงไป +4.09% เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นประเทศที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งในกลุ่มสหภาพยุโรป นั่นคือ เยอรมนี -12.38%, ฝรั่งเศส -18.45% อังกฤษ -5.74% และเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย -11.70% จีน -23.36%, อินเดีย -22.52%, อินโดนีเซีย +3.92% ญี่ปุ่น -17.68%, สิงคโปร์ -16.59%, ไทย -0.74% จะพบว่าที่เราจับตามองวิกฤตหนี้ของยุโรปว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนของยุโรปอย่างไรนั้น แท้ที่จริงแล้วตลาดหุ้นสำคัญในเอเชียแปซิฟิกหลายตลาดกลับปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นในยุโรปเสียอีก


จากเรื่องตลาดหุ้น มาดูตลาดอัตราแลกเปลี่ยนกันบ้าง มาดูกันว่าในรอบปีที่ผ่านมา เงินตราสกุลใดแข็งแกร่งที่สุด


หากนับทองคำด้วยก็คงต้องบอกว่าทองคำเป็นสกุลเงินตราที่แข็งค่ามากที่สุด แต่หากไม่นับทองคำก็ต้องยกให้เงินของประเทศโมแซมบิก แต่หากคิดเฉพาะเงินตราสกุลแข็งก็ต้องยกให้เงินเยนของญี่ปุ่น แข็งค่าขึ้นไป +5.6% ที่ได้ที่สองรองลงมาจากเยนนึกไม่ถึงว่ากลับเป็นเงินหยวนของจีนนั่นเอง ซึ่งเป้าหมายจีนเองก็พยายามทำให้เงินหยวนเป็นเงินตราสากลอยู่แล้ว

ถัดมาจากเงินหยวนจากนั้นก็เป็นดอลลาร์ออสเตรเลียที่ในรอบปีแข็งค่าขึ้นมา +1.7% ส่วนฟรังก์สวิสที่เราเห็นว่าแข็งค่าในช่วงปลายปี 2011 นั้น หากนับทั้งปีแล้วกลับอ่อนค่าลงมานิดหน่อย ส่วนเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงไป -4.46%

วันนี้ดูกันแค่สองตารางก่อน ลุงแมวน้ำทำข้อมูลไม่ทัน แบ่งเอาวันวันต่อไปบ้างครับ ต้องไปแสดงละครสัตว์ต่อแล้ว ^_^

No comments: