Monday, January 9, 2012

06/01/2012 เริ่มออกรายงานแล้ว




ในที่สุดลุงแมวน้ำก็สามารถกลับมาออกรายงานได้อีกแล้ว แต่เนื่องจากฐานข้อมูลยังไม่ค่อยเรียบร้อย จึงเสนอไปก่อนเท่าที่ทำทัน พอร์ตจำลองยังไม่เสร็จ ขอแปะครีบติดเอาไว้ก่อน ส่วนหุ้นไทยในกลุ่ม SET 50 นั้นเป็นชุดเก่าของปลายปี 2011 รายชื่อหุ้นชุดใหม่สำหรับครึ่งปีแรก 2012 ลุงแมวน้ำยังปรับปรุงไม่ทัน ขอติดเอาไว้ก่อนเช่นกัน

มาดูกันที่หุ้นไทยกันก่อน ขณะนี้หุ้นในกลุ่ม SET 50 เกิดสัญญาณขายไปแล้ว 17 ตัว ที่เพิ่งเกิดสัญญาณขายไปล่าสุดก็คือ BCP กับ SCCC ตลาดหุ้นไทยโดยรวมค่อนข้างนิ่งในช่วงนี้ ดูได้จากค่า VI (volatility index) ของดัชนี SETI ที่อยู่ในระดับ 1.1% เท่านั้น เพราะเป็นช่วงเทศกาล แต่หากพิจารณาในกลุ่ม SET 50 แล้วจะพบว่าบางตัวผันผวนหนักทีเดียว เช่น DTAC มีค่า vi สูงถึง 4.2% รองลงมาก็เช่น SSI, PS, ESSO เป็นต้น

ทางด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นโลก ขณะนี้ตลาดหุ้นของประเทศต่างๆทยอยเกิดสัญญาณขาย สังเกตดูในรายงานดีๆจะพบว่าตลาดหุ้นเอเชียนั้นส่วนใหญ่เกิดสัญญาณขายและเกิดมานานแล้วด้วย เช่น ออสเตรเลีย จีน อินเดีย รัสเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ โดยเฉพาะเวียดนามนั้นตลาดหุ้นร่วงแรงทีเดียว ส่วนตลาดหุ้นกลุ่มยุโรปและกลุ่มอเมริการวมทั้งสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ แต่ให้จับตาดู ลุงแมวน้ำคาดว่าอีกไม่นานสถานการณ์คงเปลี่ยนไป รวมทั้งตลาดหุ้นไทยนั้นหากดูในภาพใหญ่ทั้งกลุ่มเอเชียคงจะเห็นว่าแนวโน้มข้างหน้าก็ดูไม่ดีนักเช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน อีกประการ ดัชนี SETI และ SET50 อ่อนตัวลงมาจนใกล้เกิดสัญญาณขายแล้วด้วย

ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มที่ร่วงหนักคือกลุ่มโลหะมีค่า เช่น ทองคำ และโลหะเงิน เกิดสัญญาณขายมาแนวแล้ว ทิศทางเป็นขาลงอยู่ ส่วนกลุ่มสินค้าเกษตรนั้นครึ่งปี 2011 เป็นทิศทางขาลง เพิ่งจะมาดีขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นสถานการณ์จึงยังไม่ชัดเจน

ทางด้านสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 เป็นต้นมา ดอลลาร์ สรอ เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้น ทองคำและเงินตราสกุลอื่นๆอ่อนค่าลงไปหมด เงินเยนแกร่งที่สุด แทบไม่อ่อนค่าเลย ส่วนยูโรอ่อนค่าหนัก และหากดูจากกราฟจะเห็นว่าช่วงนี้เงินบาทค่อนข้างอ่อน ปกติเงินบาทจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สิงคโปร์ แต่ช่วงที่ผ่านมาอ่อนกว่าดอลลาร์สิงคโปร์มากขึ้นเรื่อยๆ

ลองดูรายงานกันไปก่อน จากรายงานนี้หากค่อยๆพิจารณาในรายละเอียดเชื่อว่าคงทำให้นักลงทุนมองเห็นสถานการณ์ในภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น



No comments: