Sunday, March 18, 2012

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ - ว่านหางจระเข้ยามฉุกเฉิน




เช้าวันหยุดวันนี้ลุงแมวน้ำตื่นแต่เช้าเช่นเคย คิดว่าจะไปว่ายน้ำเล่นที่สวนลุมที่สวนลุมเสียหน่อย ลุงว่ายน้ำไม่เสียเงินค่าสระว่ายน้ำเพราะว่าลุงไปลงว่ายน้ำในบึง ที่เขาพายเรือกันเล่นนั่นน่ะ แอบๆลงไป  ^_^ เบื่อสระน้ำแล้วเพราะอยู่กับสระทุกวัน แต่ก่อนไปก็ขอโพสต์อะไรสักนิดหน่อยก่อนละกัน

วันนี้ลุงแมวน้ำชวนปลูกต้นไม้อีกสักต้น นั่นคือว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้นี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าอะโลเวรา (Aloe vera) เดิมทีเป็นพืชพื้นเมืองทางแอฟริกาใต้ฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน ต่อมาจึงแพร่ไปตามถิ่นต่างๆทั่วโลก ปัจจุบันมีสายพันธุ์ที่แยกย่อยลงไปอีกถึงกว่า 300 สายพันธุ์ น่าอิจฉาจระเข้จัง มีคนเอาไปตั้งเป็นชื่อต้นไม้ด้วย ทำไมไม่มีต้นหางแมวน้ำบ้างก็ไม่รู้

ว่านหางจระเข้นี้เป็นพืชทำเงินชนิดหนึ่งของไทยเลยทีเดียว พันธุ์ที่เราปลูกกันตามบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นพันธุ์พื้นบ้าน Aloe Indica Royle สักเกตได้ว่าใบไม่ใหญ่นัก ส่วนที่ปลูกกันในไร่เพื่อการค้านั้นมักใช้สายพันธุ์ Aloe Barbadensis Mill ซึ่งมีใบขนาดใหญ่

ว่านหางจระเข้นั้นมีสรรพคุณมากมาย แบบที่เหลือเชื่อก็มี แต่เอาที่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันนั้นได้แก่สรรพคุณด้านการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และช่วยในการระบาย โดยกินเนื้อวุ้นที่อยู่ในใบ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการรักษาแผล เพราะสารในวุ้นของว่านหางจระเข้นั้นสามารถยับยั้งการทำลายของเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และลดการอักเสบ ดังนั้นจึงใช้รักษาแผลทั้งแผลทั่วไปและแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลถูกรังสี หรือแผลที่ถูกสารเคมีเช่น กรด ด่าง ได้เป็นอย่างดี

ที่ลุงแมวน้ำปลูกเอาไว้มีจุดประสงค์หลักคือเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเมื่อถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก ไฟไหม้น้ำร้อนลวกแม้ว่านานๆจะเกิดสักครั้งแต่เมื่อเกิดแล้วมักเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเมื่อถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกนั้นเนื้อเยื่อจะถูกความร้อนทำลาย หากโดนน้อยก็แค่ทำให้ผิวหนังบวมพองและเกิดแผลตื้นๆ แต่หากความร้อนทำลายเนื้อเยื่อลึกลงไปอีกเมื่อแผลหายแล้วก็จะเป็นแผลเป็นและอาจมีพังผืด นอกจากจะไม่สวยงามแล้วยังทำให้เกิดอาการตึงรั้งหรือเคลื่อนไหวไม่สะดวกอีกด้วย

วิธีใช้ว่านหางจระเข้ก็คือเมื่อถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือถูกกรดด่าง ให้เอาเนื้อวุ้นที่อยู่ในใบของว่านหางจระเข้มาล้างให้สะอาดให้หมดคราบยาง จากนั้นเอามาโปะที่แผล (กรณีถูกกรดด่างให้เอาผ้าเช็ดคราบกรดด่างจากผิวหนังให้ได้มากที่สุด ห้ามเอาน้ำล้างแผลทันที เมื่อเช็ดกรดด่างออกไปแล้วจึงใช้น้ำล้างอย่างรวดเร็ว ห้ามล้างนาน จากนั้นจึงค่อยโปะว่านหางจระเข้ลงไป) แล้วเอาผ้าพันไว้ ควรเปลี่ยนวุ้นใหม่ทุกหนึ่งชั่วโมง เปลี่ยนวุ้นสักสองสามครั้งก็จะพบว่าบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกนั้นไม่พองแล้ว รวมทั้งไม่รู้สึกแสบร้อนด้วย เป็นอันว่าปลอดภัยแล้ว เท่าที่ลุงแมวน้ำใช้มาพบว่าได้ผลดีทีเดียว ดีพอๆกับครีมเป่าฟูหลิงหรือว่าครีมบัวหิมะของจีนเลย

การปลูกก็ไม่ยากเลย ให้เอาหน่อของหางจระเข้ (หน่อคือต้นอ่อนที่ขึ้นอยู่ข้างๆต้นแม่) ตัดหน่อที่โตพอควรออกมาแล้วปลูกได้เลย ว่านหางจระเข้ชอบดินร่วนปนทรายซึ่งมีการระบายน้ำดี หากรากแฉะว่านจะตาย นอกจากนี้ยังชอบแดดรำไร ปลูกใต้ต้นไม้โปร่งหรือปลูกใต้ชายคาที่ได้รับแดดบางเวลาก็เหมาะเลย อย่าไปปลูกกลางแจ้งแดดส่องทั้งวัน ปลูกในกระถางก็ได้ ดังนั้นแม้มีพื้นที่ไม่มาก เช่น ในคอนโดก็ยังปลูกได้

ในภาพ เป็นว่านหางจระเข้ที่ลุงแมวน้ำปลูกไว้ในกระถางขนาด 6 นิ้ว ถือว่าเป็นกระถางขนาดเล็ก แขวนไว้ใต้ต้นลั่นทม เห็นไหม ต้นโตทีเดียว แค่นี้ก็พอใช้แล้ว มีหน่อแล้วด้วย คือต้นเล็กที่อยู่ข้างๆต้นใหญ่นั่นเอง ต้นนี้ลุงปลูกแบบไร้ดิน ถือวัสดุในกระถางไม่มีดินเลย ดังนั้นเวลาเลี้ยงหรือรดน้ำจึงไม่เกิดคราบดินเลอะเทอะ ดูแลได้สะดวกหน่อย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่่าดินมาก

หากมีเวลาก็ลองปลูกว่านหางจระเข้เอาไว้ในครัวเรือนเผื่อยามฉุกเฉินกันบ้างก็น่าจะดี

No comments: