Wednesday, April 27, 2011

26/04/2011 * DX หลุดแนวรับ 74.325 หน่วยแล้ว, ตลาดหุ้นผันผวนมากขึ้นและเทรดยากกว่าเมื่อก่อนจริงหรือไม่ (2)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,096.95 จุด ลดลง 8.48 จุด แต่ต่างชาติยังซื้อมากกว่าขาย พร้อมกันนั้นเบสิสของ SET50 futures เป็นลบทั้ง series M และ series U

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย KBANK, KK ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 40 ตัว

กองทุนอีทีเอฟ CHINA ที่ลงทุนในหุ้นจีนโดยอิงดัชนี CSI 300 เกิดสัญญาณขาย นอกจากนี้กองทุนอีทีเอฟ ENGY ก็เกิดสัญญาณขาย

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของดัชนี S&P 500 (SP) เกิดสัญญาณซื้อ

กลุ่มตลาดต่างประเทศ ตลาดในกลุ่มอเมริกาและยุโรปส่นใหญ่ปิดบวก ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปิดลบ ตลาดหุ้นเปรูยังลงแรง

มาดูด้านค่าเงินกันบ้าง ดัชนีดอลลาร์ สรอ (dollar index, DX) อันเป็นดัชนีที่บ่งชี้ถึงระดับของเงินดอลลาร์ได้หลุดแนวรับสำคัญที่ 74.325 หน่วยมาหลายวันแล้วและยังไม่สามารถดีดกลับได้ ดังภาพต่อไปนี้



ลุงแมวน้ำประเมินว่าโอกาสไหลลงมีมากกว่าขึ้น คราวนี้ DX คงไหลลงไปทดสอบ 71.645 หน่วยต่อไป น้ำมันดิบ โลหะมีค่า (ทอง เงิน) และสินค้าเกษตรคงมีราคาแพงขึ้นไปอีกอันเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์อ่อน



ตลาดหุ้นผันผวนมากขึ้นและเทรดยากกว่าเมื่อก่อนจริงหรือไม่ (2)

เมื่อวันก่อนเราคุยกันเรื่องที่ว่าตลาดหุ้นในยุคนี้ผันผวนและเทรดยากกว่าเมื่อก่อนหรือไม่ และเราได้ดูตารางกันไปแล้วตารางหนึ่งพร้อมกับที่ลุงแมวน้ำแนะนำวิธีการดูตาราง วันนี้เรามาดูตารางนั้นกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องพลิกย้อนกลับไปดู ตารางของเมื่อวันก่อนเป็นการแจกแจงข้อมูลจำนวนวันที่ดัชนี SET ปิดลบและปิดบวก ดังนี้


เมื่อดูผลในรูปจำนวนวันอาจเปรียบเทียบแต่ละช่วงปีกันได้ยาก เนื่องจากแต่ละช่วง 5 ปีนั้นมีจำนวนวันเทรดไม่เท่ากัน (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวันหยุดของตลาดที่ในแต่ละปีอาจไม่เท่ากัน รวมทั้งข้อมูลที่อาจขาดหายไปบ้าง จึงทำให้จำนวนวันเทรดในแต่ละรอบ 5 ปีมีไม่เท่ากัน)

เพื่อให้ดูสะดวกขึ้นลุงแมวน้ำจึงคำนวณการแจกแจงที่เดิมแสดงเป็นจำนวนวันให้อยู่ในรูปร้อยละ ตารางที่คำนวณให้อยู่ในรูปร้อยละจะเป็นดังต่อไปนี้



คราวนี้เราจะสามารถเปรียบเทียบค่าของแต่ละเซลล์ได้ง่ายขึ้นเพราะอยู่ในรูปร้อยละทั้งหมด

ลองดูแถวสองแถวที่อยู่ในกรอบสีแดง สองแถวนั้นแถวหนึ่งคือวันที่ดัชนีปิดลบโดยปิดต่ำกว่าวันวานไม่เกิน -1% อีกแถวหนึ่งคือวันที่ปิดบวกไม่เกิน 1% รวมสองแถวนี้คือจำนวนวันที่ดัชนีปิดไม่เกินช่วง -1% ถึง +1% นั่นเอง ซึ่งลุงแมวน้ำจะถือว่าหากดัชนีปิดไม่เกินช่วง -1% ถึง +1% จะถือว่าตลาดไม่ผันผวนนัก ปิดบวกหรือลบไม่รุนแรง หากปิดลบหรือบวกด้วยเปอร์เซนต์ที่มากกว่านั้น เช่น -2%, -3% หรือ +2%, +4% จึงจะถือว่าผันผวนรุนแรงขึ้นตามลำดับ

ลองสังเกตดูในคอลัมน์ปี 1981-1985 ในรอบ 5 ปีนั้นตลาดมีความผันผวนน้อยมาก ดูได้จากดัชนีส่วนปิดอยู่ในช่วง -1% ถึง 1% มีมากถึง 94.32% (49.96+44.36 = 94.32)

ส่วนในปี 1996-2000 ช่วงนั้นตลาดผันผวนมาก สังเกตได้จากดัชนีส่วนปิดอยู่ในช่วง -1% ถึง 1% มีเพียง 43.68% เท่านั้น (23.63+20.05 = 43.68) แสดงว่าตลาดมีความผันผวนมาก ซึ่งช่วงนั้นก็คือช่วงที่ดัชนี SET ร่วงจาก 1,700 จุดและร่วงไม่หยุดเป็นเวลาหลายปีนั่นเอง

ส่วนในปี 2006-2010 ดัชนีส่วนปิดอยู่ในช่วง -1% ถึง 1% มีอยู่ 60.82% ตั้งแต่ช่วงปี 1986 ถึง 2010 ก็มีค่าประมาณนี้ (คือประมาณ 60%) ยกเว้นช่วงปี 1996-2000 เท่านั้น

ดังนั้นจึงพอกล่าวได้ว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันไม่ได้ผันผวนมากไปกว่าเมื่อก่อน ช่วงปี 1996-2000 ช่วงนั้นจึงเป็นช่วงที่ตลาดผันผวนมาก

และนอกจากนี้ จากตารางราอาจพบข้อสังเกตอื่นๆได้อีก เช่นว่า ช่วงปี 1996-2000 จำนวนวันที่ดัชนีปิดลบมีมากกว่าจำนวนวันที่ดัชนีปิดบวก แสดงว่าตลาดไหลลงเรื่อยๆ ส่วนในช่วงปี 2001-2010 จำนวนวันที่ดัชนีปิดบวกมีมากกว่าจำนวนวันที่ตลาดปิดลบอยู่นิดหน่อย คิดคร่าวๆคือประมาณ 52:48 ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่าเฉลี่ยแล้วปิดเขียววันหนึ่งปิดแดงวันหนึ่งเลยทีเดียว

ในตอนต่อไปลุงแมวน้ำจะนำดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jone's Industrial Average, DJI) มาวิเคราะห์ดูบ้าง ลองดูว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากับไทยมีพฤติกรรมคล้ายกันหรือแตกต่างกัน







No comments: