Thursday, March 18, 2010

17/03/2010 * รวยด้วยหุ้น (1)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 765.54 จุด เพิ่มขึ้น 13.34 จุด หุ้นขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน ต่างชาติซื้อสุทธิมา 17 วันแล้ว

สำหรับหุ้น ในกลุ่ม SET50 โปรแกรมของลุงแมวน้ำวันนี้มีสัญญาณซื้อ QH, TRUE, TSTH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ 44 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

กลุ่มดัชนีต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 10733.70 ทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 10725.40 ไปแล้ว


รวยด้วยหุ้น รวยด้วยทอง รวยด้วยฟิวเจอร์ส ฯลฯ (1)

“ฮัลโหล คณะละครสัตว์ ... คร้าบ”

“สวัสดีค่ะ ขอสายลุงแมวน้ำหน่อยค่ะ”

“กำลังพูดคร้าบ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร จะจ้างลุงแมวน้ำไปแสดงละครสัตว์ใช่ไหม”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้ว่าจ้างไปแสดงละครสัตว์ คือดิฉันโทรมาจากบริษัทหลักทรัพย์... จะมาชวนลุงแมวน้ำเปิดพอร์ตเพื่อเทรดหุ้นน่ะค่ะ”

“ไม่เอาหรอก เล่นหุ้นเสียวไส้ เป็นแมวน้ำอยู่ดีๆไม่อยากกลายพันธุ์เป็นแมงเม่า”

“แหม พูดอะไรตลกดีจัง ช่วงนี้ตลาดกำลังดีเลยนะคะ ทำไมลุงแมวน้ำไม่ซื้อหุ้นเก็บเอาไว้บ้างล่ะ ซื้อแล้วทำลืมๆเก็บไว้สักหลายปี มาดูอีกทีอาจรวยเป็นเศรษฐีไปเลยก็ได้”

บทสนทนานี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับลุงแมวน้ำ เจ้าหน้าที่หลายต่อหลายโบรกเกอร์พยายามชักชวนลุงแมวน้ำให้เปิดพอร์ตเทรดหุ้นด้วยคำพูดจูงใจต่างๆนานา เมื่อตอนที่ตลาดไม่ดีก็บอกว่าทำไมไม่ช้อนซื้อเก็บเอาไว้ ของถูกๆเต็มไปหมด พอตอนตลาดดีก็บอกว่าทำไมไม่ซื้อเก็บเอาไว้ แพงหน่อยแต่เดี๋ยวมันก็ขึ้นต่อ และบทสรุปของคำพูดจูงใจของพนักงานเหล่านี้ก็คือ... ต่อไปจะได้รวย

เมื่อท่านเข้าร้านหนังสือ ลองสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่าในบรรดาหนังสือที่เกี่ยวกับหุ้นนั้นมักตั้งชื่อหนังสือให้จูงใจโดยมักใช้คำที่มีความหมายเกี่ยวกับความร่ำรวย เช่น รวย มั่งคั่ง เศรษฐี ฯลฯ การอบรมสัมมนาต่างๆที่เกี่ยวกับหุ้นก็เช่นกัน มักตั้งชื่อรายการด้วยคำที่มีความหมายบ่งบอกถึงความร่ำรวย ส่วนงาน SET in the city นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อเดินเข้าไปในงานคุณจะพบกับคำว่ารวยครั้งแล้วครั้งเล่าจนลืมคำว่าแมงเม่าไปและในที่สุดคุณอดเปิดพอร์ตไม่ได้

ลุงแมวน้ำก็เลยสงสัยว่าการลงทุนในหุ้น ทองคำ ฟิวเจอร์ส ฯลฯ ทั้งหลายนั้นทำให้รวยได้จริงหรือไม่ และมีโอกาสรวยมากน้อยเพียงใด จึงลองทดสอบกับหุ้นบางตัว เช่น ADVANC, BANPU, BBL, SCC ฯลฯ โดยเทรดช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า 12 ปี เพื่อดูผลกำไร/ขาดทุนจากการเทรด

ก่อนที่เราจะไปคุยรายละเอียดกันในเรื่องหุ้น ลุงแมวน้ำอยากจะกล่าวถึงการทำธุรกิจและศัพท์ที่เกี่ยวกับธุรกิจบางตัวเสียก่อน คุยกันแบบง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบ

การเล่นหุ้นก็คือการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง

เพื่อนของลุงแมวน้ำคนหนึ่งเล่นหุ้นเต็มเวลาเพียงอย่างเดียวตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ตอนที่คิดจะแต่งงาน เพื่อนคนนี้ไปขอลูกสาวกับว่าที่พ่อตาแม่ยาย ปรากฏว่าบ้านนั้นไม่ยอมยกลูกสาวให้ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อนของลุงแมวน้ำผู้นี้ไม่ได้ประกอบอาชีพการงานอะไร จึงไม่กล้ายกลูกสาวให้

“ทำไมเค้าไม่คิดบ้างนะว่าการเล่นหุ้นก็เป็นการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง” เพื่อนของลุงแมวน้ำปรับทุกข์ให้ฟัง “ธุรกิจซื้อมาขายไปนี่ต้องซื้อสินค้ามาเก็บสต็อกเอาไว้ใช่ไหม จากนั้นก็เอาสินค้ามาขายในราคาที่สูงกว่าราคาต้นทุน แล้วก็ได้กำไร ถ้าขายไม่หมดก็ต้องลดราคาหรือว่าขาดทุนไป หุ้นนี่ก็เหมือนกัน เราต้องลงทุนซื้อหุ้นมาเก็บเอาไว้ใช่ไหม พอราคามันสูงขึ้นเราก็ขายไป แล้วก็ได้กำไร ถ้ามันไม่ยอมขึ้นบางทีเราก็ต้องยอมขายลดราคาไป เห็นมั้ย เล่นหุ้นก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไปอย่างหนึ่ง เหมือนกันเป๊ะเลย การทำธุรกิจก็ย่อมมีความเสี่ยงบ้าง แล้วทำไมหาว่าผมไม่มีอาชีพการงานฟะ”

คิดไปคิดมาที่เพื่อนพูดก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน ตรงที่ว่าการเล่นหุ้น หรือถ้าจะพูดให้หรูก็คือการลงทุนในหุ้น ก็คือการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง

ในแง่การทำธุรกิจ มีศัพท์ทางบัญชีอยู่ 2 คำที่ลุงแมวน้ำอยากพูดถึงและนำมาเปรียบเทียบกับการเทรดหุ้น นั่นคือ ‘ระยะเวลาการขายเฉลี่ย’ กับ ‘อัตราการหมุนของสินค้า’

สมมติว่าลุงแมวน้ำขายสินค้าชนิดหนึ่ง เอาเป็นปากกาก็แล้วกัน สมมติว่าลุงแมวน้ำมีทุนน้อย สั่งปากกามาขายได้ทีละ 1 ด้าม ราคาต้นทุน 100 บาท และขาย 110 บาท เอากำไร 10 บาทต่อด้าม เมื่อสั่งมาด้ามหนึ่งก็ต้องวางโชว์อยู่ในร้านเป็นเวลาหลายวันกว่าจะขายได้

หากสมมติว่าลุงแมวน้ำต้องวางโชว์ปากกาอยู่ 30 วันจึงจะขายปากกาด้ามนั้นได้ เราเรียกว่า ‘ปากกาด้ามนั้นมีระยะเวลาการขายเฉลี่ยเท่ากับ 30 วัน’

เมื่อลุงแมวน้ำขายปากกามีกำไรก็จะนำเงินที่ขายปากกาได้ 100 บาทไปเป็นทุนซื้อปากกาด้ามใหม่มาขายอีก วางโชว์อยู่ 30 วันจึงจะขายได้อีกเช่นเคย แล้วก็นำเงินจากการขายไปซื้อปากกามาอีก ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แสดงว่าในปีหนึ่งลุงแมวน้ำขายปากกาได้ 12 ด้าม และก็หมายความว่าเงินทุน 100 บาทนั้นในปีหนึ่งลุงแมวน้ำสามารถนำมาหมุนซื้อปากกามาขายทำกำไรได้ 12 รอบ เราเรียกจำนวนครั้งของการนำเงินก้อนเดิมมาหมุนซื้อๆขายๆในหนึ่งปีว่า อัตราการหมุนของสินค้า สำหรับกรณีปากกาที่ลุงแมวน้ำขายนี้ก็จะบอกว่า ‘อัตราหมุนของปากกาเท่ากับ 12 รอบต่อปี’

หุ้นกับ ‘ระยะเวลาการขายเฉลี่ย’ และ ‘อัตราหมุนของสินค้า’

ทีนี้ลองมาดูหุ้นกันบ้าง

อันที่จริงเพื่อนของลุงแมวน้ำพูดก็ถูก การเล่นหุ้นก็เหมือนกับการทำธุรกิจซื้อมาขายไปจริงๆ โดยเฉพาะในแง่ที่ว่าหุ้นนั้นก็เหมือนกับสินค้าชนิดหนึ่งที่เราสามารถคำนวณระยะเวลาการขายเฉลี่ยรวมทั้งอัตราการหมุนได้เหมือนกับสินค้าซื้อมาขายไปชนิดอื่นๆ

เรามีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง สมมติว่า 100 บาท เอามาซื้อหุ้น ซื้อแล้วเก็บเอาไว้สักพักพอราคาหุ้นขึ้นเราก็ขาย ขายแล้วเอาเงิน 100 บาทมาทำทุนซื้อหุ้นใหม่ ส่วนกำไรก็เก็บเอาไว้ (ในที่นี้สมมติว่ามีกำไรไว้ก่อน ยังไม่สมมติว่าขาดทุน) ดังนั้นช่วงเวลาที่เราถือหุ้นอยู่ในมือก่อนที่จะขายออกไปก็คือระยะเวลาการขายเฉลี่ยนั่นเอง ส่วนเงินทุน 100 บาทนั้นปีหนึ่งเราเอามาหมุนซื้อหุ้นได้กี่รอบ นั่นก็คืออัตราการหมุนของสินค้านั่นเอง

(โปรดอ่านต่อในวันถัดไป)

2 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณครับ
ตามอ่านต่อครับ

Anonymous said...

ขอบคุณลุงแมวน้ำนะครับ

บอล