Friday, January 8, 2010

07/01/2010 * S, W

วันนี้มีการปรับปรุงข้อมูลเรียลไทม์ที่อยู่ทางด้านขวามือของบล็อกเล็กน้อย โดยเพิ่มรายงานราคาฟิวเจอร์สทองคำ (GF) ของตลาด TFEX หรือฟิวเจอร์สทองคำไทยเข้ามาไว้ด้วยเพื่อให้นักลงทุนสามารถดูราคาได้ตลอดเวลาเทรด

นนี้ดัชนี SET ปิดที่ 734.63 จุด ลดลง 1.10 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 โปรแกรมของลุงแมวน้ำวันนี้มีสัญญาณขาย LH, SCIB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวม 41 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย พอร์ตจำลองของลุงแมวน้ำที่เคยขาดทุนหนักในน้ำมันดิบ ขณะนี้เกือบไม่ขาดทุนแล้ว

ดัชนีต่างประเทศวันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ภาวการณ์ตลาดสำคัญในโลกโดยรวมช่วงนี้ยังทรงๆ ขึ้นนิด ลงหน่อย สำหรับ SET นั้นก็ทรงสลับอ่อน นักวิเคราะห์เริ่มประเมินกันว่าอาจหมดแรงไปต่อแล้ว แต่ลุงแมวน้ำยังประเมินว่าขณะนี้อยู่ในคลื่น 5 อันเป็นคลื่นขาขึ้น ยังไม่เปลี่ยนความคิดแต่อย่างใด

วันนี้มาดูสินค้าเกษตรกันต่ออีก 2 ตัวซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญในตลาดต่างประเทศ นั่นคือ ถั่วเหลือง (soybean) และข้าวสาลี (wheat)

ข้าวสาลี (W)

มาดูที่ข้าวสาลีกันก่อน คนไทยและคนเอเชียคุ้นเคยกับการรับประทานข้าว และบ้านเราปลูกข้าวเป็นสินค้าเกษตรหลัก ดังนั้นเราจึงมีการเทรดฟิวเจอร์สข้าว รวมทั้งในตลาดโลกก็มีการเทรดฟิวเจอร์สข้าวในรูปข้าวขาว (WBR) แต่เมื่อดูความสำคัญและขนาดของตลาดสินค้าข้าวในตลาดโลกแล้ว สินค้าเกษตรข้าวสาลีดูจะมีความสำคัญมากกว่าข้าวขาว

เมื่อมองในภาพระดับคลื่นใหญ่ จากภาพกราฟต่อไปนี้จะเห็นว่าคลื่นราคาของข้าวสาลีกำลังอยู่ในคลื่น 5 และน่าจะเพิ่งเริ่มต้นคลื่น 5 ยังมีเส้นทางเดินของราคาอีกยาวไกลนักเพราะว่ายอดคลื่น 3 อยู่ที่ 1,282.5 ซึ่งยอดคลื่น 5 น่าจะต้องสูงกว่ายอดคลื่น 3


ถั่วเหลือง (S)

เมื่อมองในภาพระดับคลื่นใหญ่ จากภาพกราฟต่อไปนี้จะเห็นว่าคลื่นราคาของถั่วเหลืองกำลังอยู่ในคลื่น B แต่ถึงจะเป็นคลื่น B ก็เป็นคลื่นใหญ่ที่กินเวลานาน ยังสามารถเทรดในแบบตลาดขาขึ้นได้อยู่


จากสินค้าเกษตรที่เป้นตัวหลักของการเทรดในตลาดโลกที่เราดูกันไปตั้งแต่เมื่อวานรวมทั้งวันนี้ รวม 4 ตัว ได้แก่ น้ำตาล ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง นอกนั้นจะมีสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญในตลาดรองๆลงไป เช่น ฝ้าย กาแฟ โกโก้ ฯลฯ จะเห็นว่าทั้ง 4 สินค้าเกษตรหลักล้วนแต่อยู่ในคลื่นขาขึ้นคลื่น 5 ยกเว้นถั่วเหลืองที่อยู่ในคลื่นขาขึ้น B ดังนั้นน่าจะสรุปได้ว่าในปีนี้ตลาดสินค้าเกษตรน่าจะคึกคักมีแนวโน้มราคาไปต่อได้อีกมากพอสมควร แน่นอน การที่สินค้าเกษตรหลักมีราคาสูงขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีต่อการจัดการด้านอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรโลก โดยเฉพาะประชากรที่ยากจน อดอยาก และหิวโหย และนี่แหละคือความโหดร้ายของระบบทุนนิยม ผู้เข้มแข็งดำรง ผู้อ่อนแอพ่ายแพ้ แต่ลุงแมวน้ำอยากบอกว่าทุนนิยมก็มีเมตตาธรรมได้ ขึ้นอยู่กับคน นั่นคือขึ้นอยู่กับเราเองว่าจะใช้มันอย่างไร

หากนักลงทุนสนใจการลงทุนในตลาดสินค้าเกษตร นอกจากตลาด AFET ของไทยเราที่สามารถเทรดฟิวเจอร์สสินค้าเกษตรได้บางชนิดแล้ว นักลงทุนยังสามารถลงทุนในสินค้าเกษตรผ่านทางกองทุนรวมได้อีกด้วย มีกองทุนของไทยหลายกองที่ไปลงทุนในสินค้าเกษตร โดยลงทุนกับกองทุน ETF สินค้าเกษตรอีกทีหนึ่ง ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องไปเปิดพอร์ตเทรดในต่างประเทศด้วยตนเอง

3 comments:

Anonymous said...

มารบกวน ลุงแมวน้ำอีกเช่นเคย จาก บทความวันนี้ ที่ลุงแมวน้ำกล่าว ว่า นักลงทุนสนใจการลงทุนในตลาดสินค้าเกษตร นอกจากตลาด AFET ของไทยเราที่สามารถเทรดฟิวเจอร์สสินค้าเกษตรได้บางชนิดแล้ว นักลงทุนยังสามารถลงทุนในสินค้าเกษตรผ่านทางกองทุนรวมได้อีกด้วย มีกองทุนของไทยหลายกองที่ไปลงทุนในสินค้าเกษตร โดยลงทุนกับกองทุน ETF สินค้าเกษตรอีกทีหนึ่ง

ลุงแมวน้ำพอจะแนะนำ กองทุนที่ลงทุน ในสินค้าเกษตร ที่ลุงแมวน้ำพูดถึงได้ไหมครับ ว่า เป็นกองทุนตัวไหน หรือ ชื่อย่อ ของกองทุนก็ได้ครับ ผมอยากจะศึกษาดู (เห็นลุงโฉลก ก็อัพเดทแบบนี้เหมือนกันแต่ไม่ค่อยกล้าถามลุงโฉลกเท่าไร )
ขอบคุณครับ .
บอล

Anonymous said...

เท่าที่ทราบมี 2 กองครับ คือ

K-Agriculture ของกสิกรไทย
Tisco-Agriculture euro fund ของทิสโก้

ทั้งสองกองนี้ลงทุนในกองทุน ETF เดียวกันพูดง่ายๆก็คือแม่เดียวกันนั่นเอง นั่นคือ Deutsch Bank agriculture fund ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในสินค้าเกษตรหลัก 4 ตัว คือ ข้าวโพด น้ำตาล ข้าวสาลี และถั่วเหลือง และมีตัวรองอื่นๆ

ความแตกต่างมีอยู่บ้าง นั่นคือ ของ กสิกรไทยลงทุนเป็นเงินดอลลาร์ และของทิสโก้ลงทุนเป็นเงินยูโร และทั้งสองกองทุนไทยมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน ควรสอบถามรายละเอียดจากแต่ละกองทุนเพิ่มเติม

ทั้งสองกองทุนคิดค่าะรรมเนียมจากขาซื้อ 1.5% (ไม่ได้พิมพ์ผิด สูงมาก) และขาขายไม่คิดค่าธรรมเนียมการรับเงินดูเหมือนจะ T+6 หรืออะไรประมาณนี้ ซึ่งนานพอดู ดังนั้นไม่เหมาะเทรดระยะสั้น ซื้อๆขายๆจะพังเพราะค่าธรรมเนียมกินหมด อีกทั้งเงินหมุไม่ทันเพราะกว่าจะได้เงินก็นาน

เท่าที่ทราบก็มีคร่าวๆเท่านี้ครับ

ลุงแมวน้ำ

Anonymous said...

อ้อ นอกจากนี้ก็มีกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตรบางตัวรวมกับโภคภัณฑ์อื่น เช่น น้ำมัน ทองคำ ฯลฯ แต่ลุงแมวน้ำจำชื่อไม่ได้ และไม่มีรายละเอียด กองทุนแนวคอมมอดิตีนี้ลุงแมวน้ำจะให้ความสนใจน้อย เพราะสินค้าที่นำมาผสมรวมกันนั้นรูปแบบราคาทางเทคนิคแตกต่างกันมาก ทำให้วิเคราะห์แนวโน้มไม่ได้เลย จะเทรดตามแนวโน้มก็เทรดไม่ถูก เพราะไม่ทราบจะยึดแนวโน้มของสินค้าใดเป็นหลักเนื่องจากปนเปกันไปหมด

ต่างจากกองทุน DB ที่ลุงแมวน้ำว่า สินค้าเกษตรหลักที่ลงทุนมีรูปแบบทางเทคนิคใกล้เคียงกัน เช่น อยู่ในคลื่นใหญ่ 5,5,5,B อย่างที่คุยกันไปแล้วในบทความ แบบนี้เทรดตามแนวโน้มได้ถูกครับ

ลุงแมวน้ำ