เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตอนบ่ายๆ ขณะที่ลุงแมวน้ำกำลังชิมขนมอย่างเพลิดเพลินอยู่ที่งาน THAIFEX อันเป็นงานมหกรรมอาหารที่ใหญ่มาก ลุงก็เลือกชิมแต่พวกขนม มีขนมอร่อยๆเยอะเชียว ^_^ มาร์เก็ตติงตลาดสินค้าเกษตรก็โทรมาหา
"ฮัลโหล" ลุงแมวน้ำรับสาย
"ลุงแมวน้ำขา คุยสะดวกไหมคะ ทำไมเสียงตุ้ยๆชอบกล" มาร์เก็ตติงถาม
ลุงกำลังเคี้ยวขนมอยู่น่ะ เสียงเลยอู้อี้ คุยได้คร้าบ" ลุงแมวน้ำพูด
"อุ๊ย ขนมอะไรคะ ไม่แบ่งหนูเลยนะ" มาร์ต่อว่าเล็กน้อย
"ลุงกินเผื่อหนูอยู่นี่ไง" ลุงแมวน้ำเอาตัวรอด
"อ้อ ที่โทรมาจะบอกลุงว่าตอนนี้ยางพาราราคาไหลลงมาเกือบติดฟลอร์แล้วนะคะ" มาร์บอก
"อ้อ เหรอ เกิดอะไรขึ้นล่ะ" ช่วงนี้ยางพาราราคาปั่นป่วน เพราะน่าจะอยู่ในคลื่น 2 ย่อย
"หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นร่วงไปกว่า 1000 จุด ลงไปกว่า 7% เชียวค่ะลุง ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ร่วงร้อยกว่าจุด ตลาดหุ้นไทยก็ลงไป 30 กว่าจุดแล้ว" มาร์รายงาน
"นิกเกอิร่วงพันกว่าจุดเชียวเหรอ มันต้องมีสาเหตุสิ มีข่าวอะไรไหม" ลุงแมวน้ำถามอีก
"ก็มีข่าวเฟดอาจยุติมาตรการ QE แล้วก็มีข่าวอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นพุ่งแตะ 1% หนูว่าน่าจะเกี่ยวกับสองข่าวนี้นะคะ หนูดูแต่สินค้าเกษตร เรื่องตลาดหุ้นหนูไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ ทำไมลุงแมวน้ำไม่ถามมาร์หุ้นดูล่ะ" มาร์สินค้าเกษตรแนะนำ
ลุงก็ลองโทรไปถามมาร์เก็ตติงหุ้นดู ต่อตั้งนานกว่าจะติด สายไม่ว่างเลย กว่าจะติดก็เล่นเอาเมื่อยครีบ
"ฮัลโหล เกิดอะไรขึ้นละเนี่ย" ลุงแมวน้ำถามหลังจากที่มาร์รับสาย
"ตอนนี้คนสั่งขายหุ้นกันใหญ่เลยค่ะ ดัชนีนิกเกอิร่วงไปพันกว่าจุด ตลาดเอเชียแดงหมดทั้งแผงเลย" มาร์สร้างสีสันด้วยสีแดง
"แล้วมีสาเหตุไหมหนู" ลุงแมวน้ำถาม
"ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ว่ากังวลว่าอเมริกาจะยุติคิวอี แล้วก็ดัชนี PMI ของจีนที่เพิ่งประกาศออกมาร่วงต่ำกว่า 50 จุด เป็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวค่ะ นักลงทุนเลยตื่นขายหุ้น" มาร์ตอบ
"แล้วดัชนีตลาดหุ้นจีนตอนนี้เท่าไรล่ะ" ลุงแมวน้ำถามอีก
"ดัชนีเซี่ยงไฮ้ประมาณ -3 จุดค่ะ" มาร์ตอบ
"เอ้อ ดัชนีการผลิต PMI ของจีนตก ตลาดหุ้นจีนลงไป 3 จุด แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลงไปพันกว่าจุด แล้วตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะตกใจแทนตลาดหุ้นจีนไปทำไม ลุงไม่เข้าใจ" ลุงแมวน้ำงง
"นั่นสิคะ หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ข่าวมันก็มีอยู่แค่นี้เอง" มาร์ตอบ
สรุปว่าวันนั้นเกิดอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าตลาดหุ้นไทยก็มีแรงขายออกมาด้วย ลุงแมวน้ำก็เลือกดูเอา ตัวไหนถึงสัญญาณขายก็ขายไป ตัวไหนยังไม่ถึงก็ถือเอาไว้ ตลาดตกใจโดยหาสาเหตุไม่ได้แบบนี้ ระบบสัญญาณซื้อขายจะช่วยลดความเสี่ยงได้
ตอนกลางคืน หลังจากที่ลุงแมวน้ำกลับมาที่โขดหินแล้ว ก็เลยลองหาข้อมูลดู ปรากฏว่าที่มาร์ยางพาราคาดนั้นใกล้เคียงกว่ามาร์หุ้น นั่นคือปัญหามาจากตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่น
ยังจำได้ไหม บทความเมื่อวันก่อน ที่ลุงแมวน้ำบอกว่าให้ระวังตลาดพันธบัตร เพราะว่าตลาดพันธบัตรของอเมริกามีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องมานับเดือนแล้ว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกาสูงขึ้นมาโดยตลอด (หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือราคาพันธบัตรลดลงเรื่อยๆ)
การแถลงของลุงเบนต่อสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ยังคงความอึมครึมเช่นเดิม ประกอบกับความเห็นของกรรมการเฟดบางคนพูดไปในทำนองว่าน่าจะยุติคิวอีก่อนกำหนด ข่าวนี้ทำให้ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลงไม่เท่าไร แต่ตลาดพันธบัตรมีแรงขายออกมาทันที ดังรูปที่ลุงแมวน้ำเคยเอามาให้ดูแล้ว มาดูกันอีกทีก็ได้
ภาพบนนี้คือภาพที่เราเคยดูกันไปแล้ว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน อายุ 10 ปี ในวันที่ 22/05/2013 วันเดียวพุ่งๆไปกว่า 4%
ทีนี้เราไปดูตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่นในวันที่ 23/05/2013 คือวันพฤหัสทมิฬกันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพ จะเห็นว่าในระหว่างวันที่ 23 นั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น อายุ 10 ปี พุ่งจาก 0.8% กว่าๆ ไปทะลุ 1% ภายในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว ซึ่งแปลว่ามีแรงเทขายพันธบัตรออกมามากในเวลาอันรวดเร็ว และนี่เองที่ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วง เพราะตลาดตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ประกอบกับตลาดหุ้นพุ่งแรงต่อเนื่องมาหลายเดือน ทุกคนก็พร้อมจะเทขายกันอยู่แล้ว ดังนั้นตลาดหุ้นจึงปรับตัวแรง ภายในวันเดียวดัชนีร่วงกว่า 1000 จุด
ภาพบนคือดัชนีนิกเกอิในระหว่างวันที่ 23
ไม่เพียงแต่ผลกระทบถึงตลาดหุ้นเท่านั้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนก็กระทบแรงด้วย เงินเยนแข็งค่าอย่างรวดเร็ว จาก 103.5 เยน/ดอลลาร์ สรอ แข็งค่าไปต่ำกว่า 101 เยน/ดอลลาร์ สรอ หรือกว่า 2% ภายในวันเดียว
สำหรับตลาดพันธบัตรญี่ปุ่น ปกติลุงแมวน้ำก็ไม่ค่อยได้สังเกต แต่ไปดูข้อมูลย้อนหลังดูก็พบว่ามีแรงขายพันธบัตรญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนแล้ว แรงขายเยอะทีเดียว เพราะภายในเวลาเพียงเดือนกว่าเท่านั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี พุ่งจาก 0.3% กว่าไปไปถึง 1% ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพ วันที่มีวงรีวงเอาไว้ก็คือแท่งเทียนของพันธบัตรญี่ปุ่นในวันที่ 23/05/2013 นั่นเอง
ลุงแมวน้ำอ่านข่าวพิ่มเติมในภายหลัง ทำให้รู้ว่าหลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งพรวด ภายในวันนั้นเอง ธนาคารกลางของญี่ปุ่นก็แทรกแซง ด้วยการทุ่มเงินเข้าซื้อพันธบัตร อัตราผลตอบแทนกับอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงบ่ายจึงได้กลับเข้าที่เข้าทาง และตลาดหุ้นก็หยุดไหลในวันถัดมา
ย้อนมาที่อเมริกากันอีกที หากยกเลิก QE แบบปุบปับ ตลาดพันธบัตรคงพังก่อน แล้วลามมาที่ตลาดหุ้น ก็คนติดยาเสพย์ติดน่ะ จู่ๆจะเลิกยาเลยก็แย่กันพอดี ร่างกายรับไม่ไหว แต่หากค่อยๆทำเป็นขั้นตอน ตลาดพันธบัตรจะค่อยๆอ่อนตัวลง น่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
วันนี้ลุงแมวน้ำเอาข้อเท็จจริงมาให้ดูกัน ที่จริงเมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา ลุงว่านักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าหุ้นตกแรง ถือว่าเป็นอุทธาหรณ์อีกบทหนึ่งสำหรับนักลงทุน ว่าเราควรจัดพอร์ตอย่างไรจึงจะลดความเสี่ยงลงได้ และควรรับมืออย่างไรเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้น อย่าย่ามใจ อย่าลงทุนเกินตัว อย่าเอาเงินระยะสั้นมาเทรดหุ้น
อยากให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยความรู้ ไม่ใช่ซื้อขายด้วยความไม่รู้ หรือว่าซื้อขายเพราะว่าแตกตื่นตกใจ
สถานการณ์ตอนนี้ยังฝุ่นตลบอยู่ สถานการณ์จากวันพฤหัสยังไม่นิ่ง ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามดู อาจมีการปรับตัวลงเป็นคลื่นย่อยขาลงตามมาอีก เอาไว้พรุ่งนี้มาดูกันอีกทีคร้าบ