Tuesday, May 7, 2013

07/05/2013 * ตลาดหุ้นทำสถิติใหม่ สินค้าโภคภัณฑ์กำลังมา และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (29/04/2013 - 03/05/2013)

สัปดาห์สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ของการทำจุดสูงสุดใหม่จริงๆ ก่อนที่่ลุงแมวน้ำจะพูดเรื่องตลาดหุ้น เราไปดูตัวเลขทางเศรษฐกิจบางตัวไปพร้อมๆกัน

เริ่มด้วยทางฝั่งยุโรปก่อน สัปดาห์ที่แล้ว มีการประกาศดัชนีฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนี ประเดือนเมษายนออกมา ปรากฏว่าดัชนี PMI เมื่อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 49.0 จุด ส่วนเดือนเมษายนร่วงลงมาอยู่ที่ 48.1 จุด ลำพังแค่ดัชนีนี้มีค่าต่ำกว่า 50 จุดก็แย่แล้ว เพราะถือว่าเศรษฐกิจหดตัว นี่ตัวเลขยังลดอีกด้วย

อัตราการว่างงานในกลุ่มยูโรโซนก็พุ่งสูงขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 12% แต่เดือนมีนาคมอยู่ที่ 12.1% และหากไปดูในรายประเทศจะพบว่าแม้แต่ในเยอรมนีเองที่เป็นประเทศพี่ใหญ่ของกลุ่มยูโรโซนก็มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ส่วนประเทศกรีซตอนนี้อัตราว่างงานอยู่ที่ 27.2% โปรตุเกสมีอัตราว่างงาน 17.5% ซึ่งวัยแรงงานที่ตกงานกันมากอยู่กลุ่มที่มีอายุน้อย พูดง่ายๆคือพวกวัยรุ่น หนุ่มสาว ว่างงานค่อนข้างมาก ซึ่งจะเป็นปัญหาสังคมต่อไปอีกด้วย

นอกจากนี้ ทางธนาคารกลางของยุโรปหรือ ECB ก็ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงมา -0.25% เหลือ 0.50% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าเพียงแค่การลดอัตราดอกเบี้ยคงช่วงเยียวยาเศรษฐกิจไม่ไหวแล้วหากไม่มีมาตรการอื่นๆมาช่วย ดังนั้นลดลงมาอีกก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

แม้สภาพเศรษฐกิจจริงของยุโรปจะยังย่ำแย่อยู่ แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีกลับสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีผ่านจุดสูงสุดตลอดกาลเดิม 8,105.69 จุด ไปปิดที่ 8,112.08 จุดได้ ตอนนี้ตลาดหุ้นยเอรมนีไม่ใช่คลื่น B แล้ว น่าจะเป็นคลื่น 5 ซึ่งเป็นคลื่นแบบมีส่วนขยายออกมา (extended wave) คือไม่ใช่คลื่น 5 ปกติ ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นว่าบางครั้งเศรษฐกิจจริงเรื่องหนึ่ง ตลาดหุ้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ในกรณีนี้ก็เช่นกัน

มาดูทางด้านสหรัฐอเมริกา ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เด่นที่สุดที่ฉุดให้ตลาดหุ้น สรอ พุ่งขึ้นมาก็คืออัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือเพียง 7.5% จากเดือนก่อน 7.6% ซึ่งอัตราการว่างงานนี้ต่ำสุดในรอบ 4 ปี แม้ว่าในขณะเดียวกันมีการประกาศตัวเลขดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ประจำเดือนเมษายนของสหรัฐอเมริกาออกมา ว่าหล่นลงมาอยู่ที่ 50.7 (เดือนมีนาคมอยู่ที่ 51.3 จุด) แต่ถึงกระนั้นตลาดหุ้นเลือกตอบสนองตัวเลขอัตราการว่างงานมากกว่า ดังนั้นดัชนี S&P 500 จึงฝ่าด่าน 1600 ขึ้นมาได้ เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ก็เช่นกัน ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องและใกล้แตะ 15,000 จุดแล้ว

มาดูทางด้านจีน แม้ว่าดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน ประจำเดือนเมษายน จะลดลงเหลือ 54.5 จุด (เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 55.6) อันบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ตลาดหุ้นจีนในสุปดาห์ที่แล้วก็ปรับตัวขึ้นได้ +1.86% ทั้งนี้เพราะการคาดการณ์กันว่าทางการจีนต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา

สรุปแล้วในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในทุกภูมิภาค ขึ้นกันเกือบทุกตลาด ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษกิจที่ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ตลาดหุ้นอยู่ได้ด้วยความหวังมากกว่าความจริง เมื่อคาดว่าต่อไปจะดีขึ้น ตลาดก็ขึ้นต่อไปได้

สำหรับตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยประตัวลง -0.25% ยังไม่สามารถฝ่าด่าน 1,600 จุดไปได้ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้วเงินบาทอ่อนค่าอย่างฮวบฮาบถึง -0.75% ในขณะที่เงินตราสกุลเอเชียและยุโรปส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากฝ่ายการเมืองกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างหนักเพื่อให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ทำให้มีการเก็งกำไรเงินบาทในทางอ่อนค่า และขณะเดียวกัน มีเงินไหลเข้าไปในตลาดพันธบัตรเนื่องจากซื้อเพื่อดักหน้าการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะมีการซื้อตราสารหนี้อายุสั้นกับอายุยาว 1-3 ปีกันมาก

นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังสังเกตว่าสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ กับสินค้าเกษตร กำลังเริ่มมีสัญญาณกลับทิศ เป็นไปได้ว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะถึงเวลาเทรดกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ประเด็นนี้ยังไม่ชัดนักเพราะว่าสัญญาณเพิ่งก่อตัว ให้ติดตามดูกันต่อไป

ที่ยกเว้นก็คือทองคำ ทองคำดูยาก ทางกองทุน SPDR ยังทยอยขายทองคำออกมา แต่ทองคำรูปพรรณที่เยาวราชกลับเกลี้ยงตลาด ลุงแมวน้ำว่ามีผลิตภัณฑ์อย่างอื่นตั้งเยอะแยะ ทำไมมามัวรอแต่ทองคำ ไปเทรดอย่างอื่นก่อนก็ได้ ^__^

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์ สรอ เป็นแนวโน้มขาลง ใกล้เกิดสัญญาณขายแล้ว ส่วนเงินยูโรกับเงินเยนเกิดสัญญาณซื้ออยู่ ดังนั้นคาดว่าในช่วงต่อไปยูโรกับเยนจะแข็งค่าขึ้น ส่วนเงินบาทน่าจะอ่อนค่าต่อไป

ิเอาละคร้าบ คราวนี้มาดูกราฟรายตัวกัน ลุงแมวน้ำอธบายตามภาพไปเลยก็แล้วกัน

ดัชนี DAX ของเยอรมนีทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ตอนนี้ต้องปรับมุมมองอย่างเป็นทางการแล้วว่าตลาดหุ้นเยอรมนีอยูในคลื่นใหญ่ 5 (ไม่ใช่คลื่น B) คลื่นใหญ่ 5 นี้คาดว่ายังไปต่อได้อีก

ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ในคลื่น 5 เช่นกัน ดัชนี S&P 500 ยืนอยู่เหนือ 1,600 จุดได้ ส่วน DJI ก็กำลังฝ่าด่าน 15,000 จุด ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีตลาดหุ้นอเมริกามาเลยเชียว ลุงแมวน้ำคาดว่าแนวโน้มผ่านได้และไปต่อ


ตลาดหุ้นจีน ร่วงลงมาถึงระดับฟิโบนาชชี 50% แล้วเด้งขึ้น อาจจะจบคลื่น 2 ไปแล้วและกำลังเข้าคลื่น 3 แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจจะยังไม่ค่อยดีก็ตาม แต่ตลาดหุ้นก็ขึ้นได้เพราะความหวังและความเชื่อมั่น

หากเข้าคลื่น 3 จริงละก็ตลาดหุ้นจีนน่าเข้าลงทุน ยังไปได้อีกไกลทีเดียว 


ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ส่อเค้าว่ากำลังกลับทิศ อาจจะกำลังเข้าสู่คลื่น 3 ย่อย คลื่นใหญ่ยังนับไม่ชัด ลุงเลยนับแต่คลื่นย่อยดูไปก่อน แต่ก็เป็นคลื่นระดับที่พอเทรดได้หากเข้าสู่คลื่น 3 จริง ดูไปอีกหน่อยก็รู้


เมื่อน้ำมันกำลังมา สินค้าเกษตรก็ดูเหมือนกำลังกลับทิศเป็นขาขึ้นด้วย สัญญาณยังน้อยอยู่แต่ว่าก็มีโอกาสกลับทิศได้ รอดูไปอีกหน่อย


ยางพาราก็อาจกำลังกลับทิศเช่นกัน สินค้าโภคภัณฑ์พวกนี้มักตามกันทั้งกลุ่ม


ทองคำดูยาก อาจไม่ขึ้นตามกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์แต่จะลง เมื่อดูยาก เลี่ยงไปดูตัวอื่นก็น่าจะดีกว่า

ตลาดหุ้นไทย กำลังฝ่าด่าน 1600 จุด ซึ่งลุงแมวน้ำคาดว่าน่าจะผ่านไปได้ในเร็ววันนี้ เพราะขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก ยกเว้นจะมีเหตุการณ์พิเศษ


ตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ กำลังอ่อนค่า เพราะเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ แต่ยังไม่เกิดสัญญาณขาย จวนแล้วละ

เงินเยนตอนนี้กำลังป่วนเอเชีย รวมทั้งป่วนค่าเงินบาทด้วย เงินเยนกำลังก่อรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง อีกไม่นานก็จะรู้ว่าจะขึ้นแรงหรือจะลงแรง แต่ลุงแมวน้ำคาดว่าน่าจะเป็นแนวโน้มแข็งค่ามากกว่า 

เงินบาท ตอนนี้กำลังเป็นแนวโน้มอ่อนค่า และเกิดสัญญาณซื้้อแล้ว (แปลว่าอ่อนค่า)  น่าจะอ่อนค่าต่อไปได้อีก 


เปรียบเทียบค่าเงินสกุลต่างๆและทองคำ สัปดาห์ที่แล้วเงินบาทอ่อนค่า พร้อมกับเงินเยน ส่วนเงินสกุลยุโรปแข็งค่าขึ้น ขณะนี้เงินสกุลแกร่งที่สุดรองจากทองคำคือดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ก็มีข่าวแว่วมาว่าจอร์ช โซรอส กำลังเตรียมเข้าเก็งกำไรค่าเงินออสเตรเลียอยู่


 photo s5003052013weeklyreport.gif

No comments: