วันนี้เรามาอัปเดตตลาดในรอบสัปดาห์กันครับ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทุนโดยรวมปรับตัวลงทุกภูมิภาค สาเหตุน่าจะมาจากผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่ยอยประกาศออกมาต่อจากสัปดาห์ก่อนก็ไม่ประทับใจเช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า ตลาดจึงลง แม้ว่าจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีของอเมริกาที่ดีขึ้นกว่าที่คาดเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ส่วนทางด้านยุโรปผลการประชุมสุดยอดผู้นำของสหภาพยุโรปไม่มีอะไรคืบหน้า อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นของสเปนยังถูกลดอันดับเครดิต สถานการณ์ทางฝั่งยุโรปจึงยังไม่มีอะไรดีขึ้นนัก จะมีข่าวดีบ้างก็กลุ่มทรอยก้าขยายเวลาการปรับปรุงการคลังของกรีซออกไปอีกสองปี ทำให้กรีซพอมีเวลาหายใจนานขึ้นอีกหน่อย
สรุปแล้วภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงประมาณ -1.7% โดยเฉลี่ย ตลาดหุ้นเอเชียไม่แน่นอน มีทั้งที่ปรับตัวลงและปรับตัวขึ้น ที่ปรับตัวลงมักลงแรง เช่น ตลาดหุ้นจีน -3.6% ไต้หวัน -3.7% ออสเตรเลีย -2.1%
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น SETi ปรับตัวลง -2% แต่ S50 หรือว่าฟิวเจอร์สของ SET50 ลงแรงกว่า คือลงไปถึง -2.8% ก็ถือว่าตลาดไทยลงแรงกว่าตลาดโลกโดยเฉลี่ยอยู่บ้าง ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิตลอดทั้งเดือน คิดตั้งแต่ต้นเดือนก็หมื่นกว่าล้านบาท
ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมก็ปรับตัวลงเช่นกัน ทองคำลงนิดหน่อย -0.7% โลหะเงินลง -0.1% น้ำมันดิบ wti ลงแรง -4.6% ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ลงเพียง -0.5% สินค้าเกษตรลงต่ออีก -1.4% โดยเฉพาะพืชพลังงานลงแรงตามน้ำมันดิบ ข้าวโพด -3.1% น้ำตาล -4.4%
ด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่แล้วเงินอัตราแลกเปลี่ยนไม่หวือหวา ปรับตัวในกรอบแคบ ดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์ สรอ usd index +0.6% เงินสกุลยุโรปอ่อนตัว เงินเยนอ่อนตัว เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า ส่วนเงินบาทอ่อนค่า -0.13%
ด้านตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์ที่แล้วก็ไม่หวือหวาเช่นกัน เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทยมีทั้งปรับตัวขึ้นและปรับตัวลง โดยพันธบัตรอายุ 18 ปีหรือต่ำกว่านั้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงเล็กน้อยกับทรงตัว ส่วนพันธบัตรที่อายุมากกว่า 18 ปีมีอัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปีคงตัว ไม่ขึ้นไม่ลง ส่วนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอายุคงเหลือ 10 ปีปรับตัวลง 2 จุดเบสิส ลงนิดเดียว
ตอนนี้สถานการณ์คงทรงๆ ปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบไปก่อน เพราะทุกอย่างกำลังรีรอดูผลการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนถัดไป ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วันก็คงเป็นการประกาศตัวผู้นำใหม่ของจีน หลังจากนั้นตลาดคงมีการเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองข่าว
สถานการณ์ล่าสุด จนถึงวันที่ 29/10/2012 ซูเปอร์พายุเฮอริเคนหรือที่เรียกกันว่า แฟรงเกนสตอร์ม (Frankenstorm) ซึ่งเพี้ยนมาจากผีดิบแฟรงเกนสไตน์ พายุนี้มีชื่อว่าแซนดี (Sandy) ชื่อน่ารักแต่ฤทธิ์เดชเหลือร้าย กำลังเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาอยู่ กินพื้นที่หลายรัฐทีเดียว ผลจากพายุทำให้ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายไปไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในนิวยอร์กต้องปิดชั่วคราวในวันที่ 29-30 ตุลาคม สองวันนี้อเมริกาไม่มีซื้อขายหุ้นเพราะตลาดปิด ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร ฯลฯ เหล่านี้มีการเทรดเฉพาะในระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ที่เทรดในห้องค้าก็หยุดเช่นกัน
ผลจากพายุนี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบ wti ลดลงเนื่องจากประเมินกันว่าธุรกิจหยุดชะงักไปหลายวันทำให้การใช้พลังงานลดลง ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ไม่ได้ลงด้วยเพราะคนละพื้นที่กัน
ทางด้านสถานการณ์น้ำมันดิบ ล่าสุดตะวันออกกลางยังไม่สงบดี ความวุ่นวายในซีเรียยังไม่จบ อีกทั้งอิหร่านประกาศออกมาแล้วเมื่อวานว่าตอนนี้นานาชาติกดดันด้วยการคว่ำบาตรอิหร่าน หากอิหร่านเข้าตาจะต้องตอบโต้บ้างแล้ว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะตอบโต้อย่างไร อาจหมายถึงการสกัดช่องทางส่งน้ำมันดิบของกลุ่มตะวันออกกลางก็ได้
No comments:
Post a Comment