Monday, September 19, 2011

16/09/2011 * SET, agriculture, currencies

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,033.34 จุด ลดลง 2.87 จุด ตลาดหุ้นไทยไม่เป็นไปตามเพื่อนบ้าน

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 15 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้เกิดสัญญาณขายกาแฟ (KC) ส่วนยางพารา (RSS3) เกิดสัญญาณซื้อแต่เนื่องจากลุงแมวน้ำมองสินค้าเกษตรเป็นแนวโน้มขาลง จึงปิดสัญญาขายเท่านั้นโดยไม่เปิดสัญญาซื้อ

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาส่วนใหญ่ปิดบวก ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงคือเกาหลีใต้ ส่วนตลาดหุ้นที่ลงแรงคือเวียดนาม

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อารมณ์ตลาดหุ้นส่วนใหญ่จับอยู่ที่สถานการณ์หนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะการทุ่มเงินเพื่อเข้าไปอุ้มประเทศกรีซให้รอดจากการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยให้ระบบธนาคารในยุโรปอยู่รอดปลอดภัยไปด้วย (เพราะหากพันธบัตรกรีซเป็นหนี้เสียจะมีธนาคารล้มตามมา) ตลาดหุ้นในยุโรปและสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายวันติดต่อกันเนื่องจากการประชุมผู้นำยเยอรมนี ฝรั่งเศส และกรีซ ทำให้เกิดความหวังว่าชาติผู้นำในยุโรปจะช่วยเหลือกรีซต่อไป จึงเกิดปัจจัยบวกทางจิตวิทยา ส่วนตลาดย่านเอเชียปรับตัวขึ้นลงตามโลกฝั่งตะวันตก ยกเว้นไทยที่สัปดาห์นี้ไม่ค่อยตามเพื่อนบ้านและตามตลาดโลกนัก ส่วนเกาหลีใต้นั้นในช่วงที่ผ่านมาขึ้นลงแรงผิดสังเกต ผู้ที่ถือกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ควรใส่ใจติดตามค่า NAV อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น ในทางเทคนิค ดัชนี SETI เกิดช่องว่าง (gap) ขาลงหลายช่องซึ่งไม่สามารถดีดกลับไปปิดได้ ทำให้น้ำหนักของแนวโน้มขาลงมีมากยิ่งขึ้น



ทางด้านสินค้าเกษตร ดัชนีสินค้าเกษตร (DJUBSAG) และกองทุนอีทีเอฟ DBA รวมทั้งสินค้าเกษตรหลายชนิดเกิดสัญญาณขายไปแล้ว ช่วงนี้สินค้าเกษตรดูแปลก เนื่องจากกำลังก่อรูปแบบแนวโน้มขาขึ้น แต่จู่ๆก็ร่วงลงมา กลายเป็นว่าทำแนวโน้มขาขึ้นไม่สำเร็จ ลุงแมวน้ำยังประเมินเช่นเดิมว่าสินค้าเกษตรเป็นแนวโน้มขาลง ส่วนยางพารา RSS3 แม้ว่าขณะนี้มีสัญญาณซื้อ แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่าในที่สุดคงเป็นไปตามแนวโน้มสินค้าเกษตรในภาพรวม คือเป็นแนวโน้มขาลง รอดูต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง



ทางด้านค่าเงิน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น แล้วย่อลงมาบ้าง ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงค่อนข้างผันผวน แต่ลุงแมวน้ำมองว่าดอลลาร์ สรอ เป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้ว เราคงไม่เห็นเงินบาทต่ำกว่า 30 บาท/ดอลลาร์ สรอ ไปอีกนาน อย่างน้อยก็หลายเดือน






No comments: