Tuesday, June 24, 2014

24/06/2014 ตลาดอ่อนแรง พลังงานทดแทนอันตราย ส่งออกอ่อนไหว ปิโตรเคมี ถ่านหิน โภคภัณฑ์ ต้องรอจีน



วันนี้เรามาอัปเดตตลาดกันคร้าบ

ก่อนอื่นคงต้องมาดูกันที่ปัจจัยมหภาคกันก่อน ดูภายนอกแล้วค่อยมาดูภายใน

สำหรับสถานการณ์โลก ขณะนี้เกิดความไม่สงบที่อิรัก กลุ่ม ISIL อันเป็นกองกำลังติดอาวุธชาวมุสลิมนิกายสุหนี่พยายามล้มล้างการปกครองของรัฐบาลชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ โดยบุกยึดเมืองต่างๆในอิรักและพยายามรุกเข้าเมืองหลวง ขณะที่รัฐบาลก็ต่อต้านอย่างเต็มกำลัง ความไม่สงบนี้เป็นเรื่องระดับภูมิภาค ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องในประเทศ เพราะทั้งสองกลุ่มต่างก็มีเพื่อนบ้านที่เป็นนิกายเดียวกันอยู่ อย่างเช่น ซาอุดิอาระเบีย ยูเออี ฯลฯ ก็เป็นมุสลิมสุหนี่ ส่วนอิหร่านก็เป็นมุสลิมชีอะห์ นอกจากนี้ อเมริกายังมีผลประโยชน์ในบ่อน้ำมันในอิรักอีกด้วย ดังนั้นเรื่องอิรักจึงโยงกับอีกหลายชาติ

ขณะเดียวกัน ที่ยูเครน เหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังไม่จบ รัสเซียถูกอเมริกาและยุโรปบอยคอตเนื่องจากเข้าแทรกแซงยูเครน

ปัจจัยมหภาคในสองภูมิภาคนี้ส่งผลต่อราคาทองคำและน้ำมันดิบ เมื่อราคาทองคำผันผวน อัตราแลกเปลี่ยนก็ผันผวนไปด้วย

ราคาทองคำ แนวโน้มเป็นขาขึ้น แต่อยู่ในคลื่น 4 ใหญ่ ดังนั้นจึงผันผวนมาก

ราคาน้ำมันดิบ เล่นข่าวสถานการณ์ในอิรัก แนวต้านใหญ่คือ 110 ดอลลาร์ หากเรื่ออิรักซาลง ราคาน้ำมันดิบก็คงลดลง 


นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายผลิต (PMI) ของยุโรปล่าสุดออกมาไม่ค่อยดี ส่วนของจีนดีขึ้น ส่วนของอเมริกานั้นตัวเลขสับสน มีทั้งดีขึ้นและไม่ดี นอกจากนี้ เริ่มมีกระแสความกังวลเรื่องอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดขึ้นมา

สำหรับประเทศไทย ตอนนี้ คสช เริ่มเข้ามาสะสางเรื่องระบบพลังงานของชาติอย่างจริงจัง ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะกระทบถึงผลประโยชน์ของบริษัทพลังงานต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทย แต่ละบริษัทล้วนแต่มีกำลังเงินและอิทธิพลทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน อเมริกาก็ลดระดับไทยให้อยู่ในบัญชี Tier 3 เพราะเรื่องการค้ามนุษย์ จากนั้นตามด้วยอียูประณามไทยอย่างเป็นทางการ และเริ่มใช้มาตรการบอยคอต

ช่วงนี้สถานการณ์ทั้งสนและนอกประเทศเริ่มรุมเร้าเข้ามา เรื่องอเมริกาลดระดับไทยนั้น ทางอเมริกาบอกว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการรัฐประหารของไทย แต่ก็พ้องกับเหตุการณ์ที่ไทยกำลังเดินหน้าสะสางเรื่องพลังงานอย่างบังเอิญเหลือเชื่อเลยทีเดียว ส่วนทางอียูนั้นก็บังเอิญเหลือเชื่อเช่นกัน ที่จริงก็ไม่แปลกหรอก เพราะอียู ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย เหล่านี้เป็นเสียงประสานของอเมริกาทั้งนั้น ต้นเสียงร้องอะไรลูกคู่ก็ต้องประสานเสียงตาม

ตลาดหุ้นไทย ดัชนีเซ็ตไปต่อไม่ไหวมาหลายวันแล้ว พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง 1485 จุดยังผ่านไม่ได้ มาได้แต็มที่เพียง 1477 จุด ประกอบกับปัจจัยภายนอกและภายในเริ่มโถมเข้ามา หลายวันมานี้เป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายน ลุงแมวน้ำคิดว่าดัชนีพยายามประคองตัวเพื่อให้ปิดบัญชีไตรมาส 2 ได้แบบดูดี แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ตอนนี้แรงเสียดทานที่มีต่อการบริหารประเทศของ คสช เริ่มมีมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยน่าจะถึงเวลาต้องปรับตัวสักช่วง


ดัชนี SET ช่วงนี้น่าจะเป็น window dressing เพื่อให้พอร์ตตอนสิ้นไตรมาส 2 ดูดี แต่ไม่น่าไปต่อเลยเนื่องจากมีสัญญาณกลับทิศหลายประการแล้ว 


แต่ลุงแมวน้ำยังมองโลกในแง่ดีอยู่ ลุงคิดว่าตอนนี้ประเทศไทยเหมือนกับกำลังรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดหรือที่เรียกว่าทำคีโม ไม่มีใครอยากทำคีโมหรอก เพราะผลข้างเคียงมีมาก แต่เมื่อจำเป็นก็ต้องทำ ระยะสั้นๆจะมีผมร่วงบ้าง ผอมบ้าง ท้องเสียบ้าง มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆนานา ก็ต้องสู้ต่อไป ลุงแมวน้ำยังเชื่อว่าผลสุดท้าย ประเทศไทยจะผ่านไปได้ด้วยดี บ้านเมืองเราจะดีขึ้นเพราะเราสามารถรักษามะเร็งร้ายได้ ดังนั้นช่วงนี้ก็ต้องทนๆ สู้ๆ กันไปก่อน >.<

นอกจากนี้ ยังต้องระวังกระแสขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟด หากกระแสนี้จุดติดขึ้นมา คงได้เป็นขาลงกันทั้งโลกนานหลายเดือน เหมือนคราวที่กังวลเรื่องการลดวงเงินคิวอี 

ถัดจากเรื่องภาพรวมตลาด ลุงแมวน้ำขอแวะมาที่กลุ่มพลังงานทดแทน ตอนนี้หุ้นที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังขึ้นแรง นักลงทุนพยายามไล่ล่าหุ้นพลังงานทดแทนกันเป็นการใหญ่ ลุงแมวน้ำเห็นว่าตอนนี้ราคาวิ่งไปมากแล้ว หุ้นที่เป็นโซลาร์ฟาร์มนั้นคำนวณรายรับในอนาคตได้ง่ายและคลาดเคลื่อนไม่มาก คือรู้ว่าเป็นโรงไฟฟ้าขนาดกี่เมกะวัตต์ จะจ่ายไฟฟ้าได้ปีไหน เราก็คำนวณรายได้จากการขายไฟฟ้าในปีนั้นได้แล้ว แต่สิ่งที่นักลงทุนยังไม่รู้ก็คือ ต้นทุนของโรงไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้ามีต้นทุนแตกต่างกัน ตามแต่การออกแบบและก่อสร้าง ยิ่งไปซื้อกิจการเขามายิ่งมีต้นทุนสูง ราคาหุ้นที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทนในขณะนี้เท่ากับซื้ออนาคตล่วงหน้าไปหลายปีแล้ว นักลงทุนที่คิดจะเข้าตอนนี้ต้องระวังให้ดี


ราคาหุ้น EA

ราคาหุ้น SOLAR

ราคาหุ้น SPCG

ราคาหุ้น EPCO


ถัดจากนั้นก็มาเรื่องหุ้นส่งออก นักลงทุนควรระวัง เนื่องจากกลุ่มนี้ค่อนข้างอ่อนไหวในระยะนี้ เนื่องจากเราไม่รู้ว่าอเมริกาและชาติที่เป็นลูกคู่จะงัดมาตรการอะไรมาใช้กับไทยอีก นอกจากนี้ ตลาดส่งออกตั้งแต่ต้นปี 2014 เป็นต้นมาก็ไม่ได้ฟื้นตัวมากมายนักอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ใช่ระวังแค่หุ้นส่งออกกุ้ง แต่ควรระวังหุ้นส่งออกทั้งกลุ่มเลย


ราคาหุ้น TUF

ราคาหุ้น KCE
เรื่องหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกนี้ลุงขอขยายความหน่อย คือ การค้าระหว่างเอกชน การส่งออกนำเข้าระหว่างประเทศนั้น เอกชนที่เป็นคู่ค้าคงไม่บอยคอตสินค้าไทยเพราะเหตุว่าไทยมีการรัฐประหาร เพราะนักธุรกิจก็ทำการค้าไป ส่วนภาครัฐของอเมริกาหรืออียูจะบอยคอตสินค้าไทยเพราะเหตุรัฐประหารก็ไม่ได้ เพราะการกีดกันเช่นนี้ผิดกฎขององค์การค้าโลก (WTO) สิ่งที่ภาครัฐของอเมริกา อียู หรือที่อื่นๆจะทำได้ก็คือการลดความร่วมมือ การลดการให้สิทธิพิเศษ หรือลดการสนับสนุน จะออกไปในแนวทางนี้มากกว่า กับอีกทางหนึ่งคือการหาข้ออ้างในการกีดกัน  หรือที่เรียกว่า non tariff barrier (NTB) ซึ่งกรณีนี้หากต้องการทำก็ทำได้โดยหาข้ออ้างสวยๆที่ไม่ผิดกฎของ WTO อย่างเช่นการบอยคอตสินค้าเพราะเหตุใช้แรงงานทาสนั่นไง ก็อ้างหลักมนุษยธรรม แต่ก็ได้เฉพาะสินค้าบางรายการที่เกี่ยวข้อง จะมาบอยคอตเหมารวมไม่ได้

ดังนั้น ที่ลุงแมวน้ำบอกว่าให้ระวังหุ้นส่งออกไว้บ้าง ไม่ได้เพราะเกรงการบอยคอต เพราะทำได้ยากดังที่ลุงว่า แต่เนื่องจากการส่งออกของไทยในปีนี้ไม่ค่อยกระเตื้องอยู่แล้ว ประกอบกับข่าวร้ายๆหลายด้านมากระทบ รวมๆแล้วก็เป็นบรรยากาศที่ไม่เอื้อต่อการเทรดมากกว่า


และท้ายที่สุด กลุ่มปิโตรเคมี ถ่านหิน สินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งกลุ่มเรือ เหล่านี้ต้องรอเศรษฐกิจจีนเป็นหลัก ถ้าเศรษฐกิจจีนยังไม่ไปไหน ราคาพวกนี้ก็ยังไม่ไป ภาพสะท้อนของเศรษฐกิจจีนก็ดูจากดัชนีตลาดหุ้นจีนได้คร้าบ

ดัชนี CSI 300 ของตลาดหุ้นจีน ใช้สะท้อนภาพเศรษฐกิจจีนได้

ราคาหุ้น PTTGC สินค้ากลุ่มปิโตรเคมีอิงเศรษฐกิจจีนอยู่พอสมควร

ราคาหุ้น BANPU ผู้บริโภคถ่านหินรายสำคัญคือจีน ดังนั้นราคาหุ้นจึงอิงกับเศรษฐกิจจีนค่อนข้างสูง

Saturday, June 21, 2014

21/06/2014 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เติมฝันวันฟ้าใสที่บางกะเจ้า (1)




พักผ่อน เติมฝัน ในวันฟ้าใสที่บางกะเจ้า



ปกติลุงแมวน้ำชอบไปออกกำลังกายในวันหยุดที่สวนสาธารณะ ส่วนใหญ่มักไปที่สวนลุมพินี เนื่องจากเดินทางสะดวก และยังมีของกินให้เลือกเยอะอีกด้วย ^_^

แต่ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา สวนลุมถูกใช้เป็นสถานที่ชุมนุมของมวลมหาประชาชน การไปออกกำลังกายที่นั่นจึงไม่ค่อยสะดวกนัก เนื่องจากผู้คนเยอะมาก ลุงแมวน้ำจึงต้องระเหเร่ร่อนไปตามสวนสาธารณะอื่นๆ บางทีก็ไปว่ายน้ำตามสระต่างๆ

มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ลุงแมวน้ำไปแล้วประทับใจและอยากมาชวนให้พวกเราไปพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายกัน นั่นคือ ที่ บางกะเจ้า

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับบางกะเจ้ากันก่อน แม้ว่าลุงแมวน้ำจะชวนพวกเราไปเที่ยวที่บางกะเจ้าเพื่อออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจกัน แต่จะไปเที่ยวที่ไหนทั้งทีก็อยากให้รู้ที่มาที่ไปของสถานที่นั้นไว้สักหน่อย รู้ไว้ใช่ว่า เอาไว้เป็นความรู้รอบพุง ก็เหมือนกับการลงทุนในหุ้นนั่นแหละ จะลงทุนในหุ้นสักตัวก็คือการลงทุนในธุรกิจอย่างหนึ่ง จะซื้อทั้งทีก็ควรจะรู้จักหัวนอนปลายเท้าของหุ้นนั้นบ้าง ^_^


บางกะเจ้าคืออะไร

บางกะเจ้านั้น มีความหมายสองนัย นัยแรกก็คือเป็นชื่อของตำบลหนึ่งในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และความหมายอีกนัยหนึ่งหมายถึงพื้นที่สีเขียวซึ่งกินเนื้อที่ถึง 6 ตำบลของอำเภอพระประแดง มีพื้นที่รวมกันประมาณ 12,000 ไร่ โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักพูดถึงบางกะเจ้าในความหมายหลัง คือหมายถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่เป็นปอดของกรุงเทพฯ

มีข้อสังเกตอยู่นิดหนึ่ง นั่นคือ คำว่า บางกะเจ้า ในอำเภอพระประแดงนี้เขียนว่า บางกะเจ้า แต่ก็มักมีผู้เขียนว่า บางกระเจ้า ซึ่งหากเขียนว่าบางกระเจ้าก็อาจทำให้สับสนได้เนื่องจาก บางกระเจ้า เป็นชื่อตำบลหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร


บางกะเจ้าสำคัญอย่างไร - ที่มาของปอดสีเขียวของกรุงเทพฯ

ปอดสีเขียวที่ลุงแมวน้ำพูดถึงนี้หมายถึงปอดที่เป็นพื้นที่เกษตร ไม่ใช่ปอดขึ้นรานะ ^_^

ลุงแมวน้ำคงต้องขอเท้าความถึงความเป็นมาของพื้นที่สีเขียวบางกะเจ้านี้สักหน่อย คือย้อนไปเมื่อเกือบสี่สิบปีมาแล้ว คือราวๆปี พ.ศ. 2520 ในยุคของรัฐบาลป๋าเปรม รัฐบาลในยุคนั้นมีมติให้อนุรักษ์พื้นที่เกษตรกรรมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศใต้ของกรุงเทพฯ คือ ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพื้นที่สีเขียว

ก็คงต้องเข้าใจบริบททางสังคมในยุคนั้นกันสักหน่อย เนื่องจาก ตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์เป็นต้นมา ลัทธิทุนนิยมเริ่มเฟื่องฟู ทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในไทย ทำให้กรุงเทพฯเป็นชุมชนเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แถบสมุทรปราการก็มีโรงงานอุตสาหกรรมผุดขึ้นมามากมาย รัฐบาลในยุคป๋าเปรมจึงกันพื้นที่ส่วนหนึ่งเอาไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียว สำหรับทำเกษตรกรรม ไม่ให้ทำโรงงานหรือทำหมู่บ้านจัดสรร

ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ปีนั้นก็มีรัฐประหารพอดีเลย โดยคณะ รสช ทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลน้าชาติ (พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน) และตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลโดยมี  พล.อ.สุจินดา คราประยูรเป็นนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาล พลเอกสุจินดา ได้อนุมัติโครงการ สวนกลางมหานคร เพื่ออนุรักษ์พื้นที่สีเขียวประมาณ 9,000 ไร่ ซึ่งครอบคลุมท้องที่ 6 ตำบลในอำเภอพระประแดง นั่นคือ ต.บางน้ำผึ้ง ต.บางยอ ต.บางกอบัว ต.บางกะสอบ ต.บางกะเจ้า และ ต.ทรงคะนอง พร้อมทั้งออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อเวนคืนที่ดินบางส่วน

ในสมัยก่อน เมื่อทางราชการต้องการใช้พื้นที่ทำโครงการอะไร (เช่น ตัดถนน สร้างสวนสาธารณะ ฯลฯ) ก็จะใช้วิธีการเวนคืนจากเอกชน โดยให้ค่าตอบแทนต่ำๆ เพราะถือว่าประชาชนต้องเสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม บางครอบครัวถูกเวนคืนจนหมดตัว คือทำงานเก็บเงินมาทั้งชีวิต บ้านและที่ดินโดนเวนคืนไปหมดทั้งแปลงแต่ได้เงินมานิดเดียว จะไปซื้อที่ใหม่ก็เงินไม่พอ ชีวิตที่มั่นคงจึงกลายเป็นชีวิตลำเค็ญ ประชาชนกลัวและต่อต้านการเวนคืนที่ดินกันมาก การเวนคืนในครั้งนี้ก็เช่นกัน ประชาชนคัดค้านกันมาก ในที่สุดรัฐบาลจึงต้องใช้วิธีซื้อที่ดินจากเอกชนตามความสมัครใจในราคาท้องตลาดเพื่อมาทำโครงการ

โครงการสวนกลางมหานครจึงทยอยซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการเรื่อยมา ที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่สวน จนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2542 ก็สามารถรวบรวมที่ดินได้ถึง 1,276 ไร่

พื้นที่สีเขียวบางกะเจ้านี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์เกษตรกรรม โดยอนุรักษ์สวนแบบดั้งเดิมเอาไว้ และใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมด้วย โดยมีการสร้างสวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ชื่อ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ใช้เป็นแหล่งศึกษาและอนุรักษ์ระบบนิเวศและพืชพรรณท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่ทะเล โดยคลองลัดโพธิ์ก็ตัดผ่านพื้นที่นี้ สามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯได้


สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ สวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งดูนกและผีเสื้อ

วิถีชีวิตของชุมชนบางกะเจ้าหลังมีโครงการสวนกลางมหานคร เป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตชุมชนแบบดั้งเดิมควบคู่ไปกับการพัฒนา



และยิ่งไปกว่านั้น โครงการสวนกลางมหานครนี้ นอกจากการอนุรักษ์แล้ว ยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ธำรงอาชีพและวัฒนธรรมของท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ด้วย เรียกว่าทั้งอนุรักษ์และพัฒนา และนอกจากนี้ การใช้รูปแบบการซื้อที่ดินจากเอกชนตามความสมัครใจในราคายุติธรรม ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะแม้แต่ต้นทางก็เริ่มต้นมาอย่างยุติธรรม ไม่มีการบังคับแข็งขืนใจชาวบ้านในชุมชน

ดังนั้น พื้นที่บางกะเจ้านี้ไม่เป็นเพียงพื้นที่สีเขียวหรือเป็นสวนสาธารณะ ปอดของกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ของการอนุรักษ์ระบบนิเวศและพืชพรรณท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการพัฒนาวิถีชีวิตชุมชนอีกด้วย จึงเป็นพื้นที่ที่มีความหมายในหลายมิติ 

ต่อมาในราวปี 2004 ฟาน เคสเซล (Van Kessel) นักปั่นจักรยานชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้บุกเบิกทัวร์ปั่นจักรยานในพื้นที่สีเขียวบางกะเจ้านี้ จนบางกะเจ้าเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักปั่นจักรยานทั้งไทยและต่างประเทศ มีเส้นทางสำหรับปั่นจักรยานมากมายหลายเส้น ตั้งแต่วงรอบเล็กเป็นระยะทางไม่กี่กิโลเมตรไปจนถึงวงรอบใหญ่ที่เป็นระยะทางกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร ปั่นจักรยานชมเรือกสวน สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น อีกทั้งยังได้ชมต้นไม้นานาพันธุ์ นก และผีเสื้ออีกด้วย

นิตยสาร  TIME ฉบับหนึ่งในปี 2006 คัดเลือกของดีที่สุดในเอเชียเอาไว้ และยกย่องบางกะเจ้าว่าเป็นโอเอซิสของเขตเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย

ส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่ยกบางกะเจ้าให้เป็น The Best Urban Oasis of Asia

นิตยสารไทม์ (TIME Magazine) ปี 2006 มีฉบับหนึ่งได้รวบรวมของดีที่สุดในเอเชียเอาไว้ และบางกะเจ้านี้เป็นสถานที่ที่นิตยสารไทม์ยกย่องว่าเป็น The Best Urban Oasis of Asia (โอเอซิสของเขตเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย - โอเอซิสคือแหล่งน้ำกลางทะเลทราย มีความสำคัญมากต่อการดำรงชีวิตในทะเลทราย)


ปอดของกรุงเทพฯอยู่ที่ไหน - เดินทางไปอย่างไร

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อบางกะเจ้า แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ และไม่รู้ว่าจะไปยังไง คงไปยากแน่ๆเลย เรามาดูตำแหน่งแห่งที่ของบางกะเจ้ากัน การเดินทางไปไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องมีรถส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องมีจักรยานส่วนตัว นั่งรถเมล์ไปนี่แหละ แล้วก็ไปเช่าจักรยานเอาที่นั่น สะดวกและง่ายอย่างที่นึกไม่ถึงเลย

พื้นที่บางกะเจ้านี้ เรียกว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯ บางคนก็บอกว่าเป็นพื้นที่ทรงกระเพาะหมู ตกลงว่าจะเป็นปอดหรือกระเพาะหมูกันแน่ เราลองมาดูกัน

เมื่อลุงแมวน้ำคุยถึงเรื่องกราฟราคาหุ้น ลุงมักเอาภาพในหลายๆกรอบเวลามาให้ดูกัน เพื่อให้เห็นทั้งภาพในลักษณะมหภาค และระดับกลาง ไปจนถึงระดับย่อย เปรียบเหมือนกัน เพื่อให้เกิดมุมมองทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ในทำนองเดียวกัน ก็เหมือนกับเมื่อเราพูดถึงบางกะเจ้า ทำเป็นเป็นปอด หรือกระเพาะหมู ต้องดูจากในระดับมหภาคจึงจะเห็น ส่วนความสวนสดงดงามนั้น ต้องเข้าไปดูใกล้ๆในระดับรายละเอียดจึงจะเห็น

เราลองมาดูภาพในมุมสูง จากภาพถ่ายดาวเทียมกัน

พื้นที่บางกะเจ้าดูๆไปก็เหมือนปอด (กลีบบนคือบางกะเจ้า กลีบล่างไม่ใช่)

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายดาวเทียมที่ดูจากระยะไกล ด้านล่างของภาพคือปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ออกอ่าวไทย จะเห็นว่าส่วนที่เป็นสีเข้มคือพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนที่เห็นเป็นสีอ่อนหรือออกไปทางสีขาว คือพื้นที่เขตชุมชนที่มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ส่วนที่วงด้วยเส้นสีเขียวดูไปก็คล้ายๆปอด (ต้องจินตนาการเอาหน่อย) มีสองกลีบ ปอดกลีบบนคือบางกะเจ้านั่นเอง ดังนั้นจะเรียกว่าปอดของกรุงเทพฯก็คลับคล้ายอยู่ ^_^

เส้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยา จะเห็นว่าแม่น้ำเจ้าพระยาโอบบางกะเจ้าเอาไว้ แล้วค่อยไหลมาออกอ่าวไทย พื้นที่สีเขียวบางกะเจ้านี้จึงมีความสำคัญในแง่การบริหารจัดการน้ำในยามน้ำหลากกรุงเทพฯอีกด้วย 

ใกล้เข้าไปอีกนิด แม่น้ำเจ้าพระยาโอบบางกะเจ้าเอาไว้ ดูไปก็คล้ายกระเพาะหมูอยู่เหมือนกัน แม่น้ำเจ้าพระยาโอบบางกะเจ้าเป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร เมื่อน้ำหลากกรุงเทพฯ การระบายน้ำจึงทำได้ช้าเพราะเแม่น้ำจ้าพระยาอ้อม โครงการในพระราชดำริคลองลัดโพธิ์เป็นจุดที่อยู่ตรงตำแหน่งคอคอดของกระเพาะหมูนั่นเอง คลองนี้ทำให้น้ำในเขตกรุงเทพฯชั้นในไหลออกทะเลเร็วขึ้นเพราะร่นระยะทางได้ 18 ก.ม.


ภาพล่างสุดแสดงรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาอีก ในภาพนี้ดูไปแล้วบางกะเจ้าก็คล้ายกระเพาะหมู นี่แหละ ปอดก็ได้ กระเพาะก็ได้ ^_^

มุมล่างซ้ายของภาพ ตำแหน่งคอคอดของพระเพาะ (หรือขั้วปอดนั่นเอง) คือคลองลัดโพธิ์ ตำแหน่งลูกศรเขียวคือสวนสาธารณะและสวนพฤกษ์ศาสตร์ กับตลาดน้ำ จุดท่องเที่ยวสำคัญในบางกะเจ้า

การเดินทางก็ง่ายมาก วันนี้ลุงเล่าคร่าวๆก่อน คราวหน้าจะเล่าละเอียดอีกทีหนึ่ง

นั่งรถเมล์สาย 4 หรือ 47 มาที่วัดคลองเตยนอก (วงกลมสีแดงด้านบนของภาพ) จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากมา (คนละ 10 บาท ออกตลอดเวลา) ก็เป็นบางกะเจ้าแล้ว มีจุดให้เช่าจักรยานที่ท่าเรือนั่นเอง ขี่ไปเที่ยวสวนหรือไปชมตลาดน้ำก็ได้ และสังเกตวงกลมสีเหลือง ที่ดินผืนนั้นเป็นสวนเก่าริมแม่น้ำ ขนาดประมาณเกือบ 300 ไร่ เป็นที่ดินของ N-Park ทำเลสวยทีเดียว ^_^

ตอนหน้าเรามาคุยรายละเอียดเรื่องการเดินทางและจุดท่องเที่ยวกันต่อคร้าบ





Monday, June 16, 2014

16/06/2014 อัปเดต TRUE, DTAC, ADVANC


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลุงแมวน้ำคุยกับแม่ยีราฟเรื่องกรณีศึกษา หุ้น TURE, ADVANC, DTAC ลุงแมวน้ำทิ้งท้ายไว้ว่ารอดูอีกสักหลายวันว่ารูปแบบทางเทคนิคจะก่อรูปร่างเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เรามาอัปเดตกัน

ในครั้งนี้ ลุงแมวน้ำใช้ปริมาณการซื้อขาย (volume) ประกอบด้วย การวิเคราะห์ด้วยรูปแบบทางเทคนิคต้องทำตัวเหมือนเป็นพ่อครัว ในการประกอบอาหาร หากมีเครื่องครัวและวัตถุดิบให้เลือกใช้มากมายก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับงาน ไม่ต้องเอาทุกอย่างมาใช้ เพราะไม่ใช่ว่ายิ่งเยอะยิ่งดี

ในทางตรงข้าม หากมีเครื่องครัวและวัตถุดิบให้เลือกอย่างจำกัด มีอะไรก็ต้องใช้อย่างนั้น ใช้เท่าที่มีแต่ใช้เป็นก็เกิดประโยชน์ได้ เหมือนของกินเหลือในตู้เย็นไง หากมีฝีมือก็ยังเอามาทำอาหารอร่อยๆได้อีก ^_^


เริ่มด้วยหุ้น TRUE กันก่อน ดูภาพต่อไปนี้


หุ้น TRUE ปริมาณซื้อขายหดหาย แท่งเทียนล่าสุดยังไม่ผ่านแนวต้าน ควรระวัง


สัปดาที่แล้วหุ้น TRUE มีข่าวเพิ่มทุนโดยมีไชนาโมบาย (China Mobile) บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ของจีนมาถือหุ้นร่วมด้วย 18% ส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้นแรง มีบทวิเคราะห์บางฉบับบอกว่าทำให้่พื้นฐานทางธุรกิจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ในทางเทคนิค ราคาเกิดรูปแบบแท่งเทียนเป็นแท่งเทียนขาวใหญ่ (big white candle) ตามด้วยช่องหรือแก็ป (gap)

หากมองในแง่ดี เราก็คาดหวังว่าปัจจัยพื้นฐานจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี แก็ปนี้ก็อาจเป็น (break away gap) อันเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นยาวก็เป็นได้

แต่ช้าก่อนคร้าบ หากเป็น break away gap แท่งเทียนแท่งต่อมาจะต้องขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับมีปริมาณการซื้อขายมาสนับสนุน แต่เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่สอดคล้อง เนื่องจากแท่งเทียนต่อมาไม่ได้สูงขึ้น และปริมาณการซื้อขายก็ลดฮวบ แนวต้าน 8.9 บาทในวันที่เกิดแก็ปยังไม่ผ่าน สัญญาณทางเทคนิคนี้ต้องระวังเอาไว้คร้าบ เพราะแปลว่าหุ้นอาจไปต่อไม่ไหว

ในทางปัจจัยพื้นฐาน ดีลนี้ยังไม่จบ ไชนาโมบายยังไม่ได้จ่ายเงิน โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน  และเมื่อเข้ามาก็ยังไม่รู้ว่าจะมีบทบาทอย่างไร นึกถึงเรื่องผู้เฒ่าเสียม้าเอาไว้ ^_^



ทีนี้มาดู หุ้น DTAC กันบ้าง ดูภาพต่อไปนี้


หุ้น DTAC แนวโน้มเป็นขาลงแล้ว คาดว่าแนวโน้มยังไม่จบและลงต่อได้อีก


หุ้น DTAC เกิดแก็ปในวันเดียวกับหุ้น TRUE แต่ว่าแก็ปนี้เป็นช่องขาลง สัปดาห์ที่แล้วราคาร่วงมา -17% ราคาน้อยกลับไปปิดช่องไม่ได้ มิหนำซ้ำวันศุกร์เกิดแท่งเทียนดำใหญ่ พร้อมกับปริมาณซื้อขายพุ่ง แปลว่าแรงขายยังมีอยู่มาก

หลายคนอาจมองว่า เครื่องมือ RSI บอกว่าเข้าเขตขายมากเกิน (oversold) แล้ว ราคาน่าจะเด้งได้แล้ว แต่ลุงแมวน้ำมองต่างออกไป เนื่องจากเครื่องมือ RSI เป็นเครื่องมือในกลุ่มออสซิลเลเตอร์ (oscillator) ซึ่งใช้ในยามตลาดไม่มีแนวโน้ม แต่ว่าตอนนี้หุ้น DTAC มีโมเมนตัมขาลงรุนแรง บ่งบอกว่าเป็นตลาดขาลงแล้ว ดังนั้นการใช้เครื่องมือ RSI กับยามตลาดมีแนวโน้มอาจทำให้ตีความคลาดเคลื่อนได้

ลุงแมวน้ำมองว่า DTAC เป็นขาลงแล้ว ตอนนี้จ่อรออยู่ที่แนวรับ 106 แนวรับถัดไปคือ 100 บาท สำหรับแนวรับ 106 คาดว่ารับไม่ไหว สองสามวันนี้อาจมีเด้งบ้าง แต่สุดท้ายคาดว่าลงต่อ


และก็มาถึงหุ้นสุดท้ายในวันนี้ คือ หุ้น ADVANC ดูกราฟต่อไปนี้


ADVANC แนวโน้มเดิมเป็นขาลงอยู่แล้ว


หุ้น ADVANC สัปดาห์ที่แล้วลงไป -7.1% เดิมก็เป็นแนวโน้มขาลงอยู่แล้ว การเกิดแก็ปในสัปดาห์ที่แล้วมาพร้อมกับปริมาณซื้อขายพุ่งขึ้น แต่หลังจากนั้นปริมาณซื้อขายลดลง เมื่อวันศุกร์ ปริมาณซื้อขายกลับไปใกล้เคียงกับในยามปกติ พร้อมกับรูปแบบแท่งเทียนเป็นดาว โดจิ แปลว่าลังเลที่จะลงต่อ

ในทางเทคนิค แนวโน้มเดิมเป็นขาลงอยู่แล้ว แก็ปมาช่วยเสริมแรงนิดหน่อยเท่านั้น ในสัปดาห์นี้อาจมีเด้งขึ้นได้บ้าง แต่ยังให้น้ำหนักกับแนวโน้มเดิมอยู่ ดังนั้นคาดว่าราคายังลงต่อได้

นอกจากนี้ ในภาพใหญ่ยังต้องพิจารณาดัชนีเซ็ตประกอบด้วย หากตลาดไหลลง ก็ย่อมเป็นปัจจัยลบที่มาช่วยซ้ำเติมด้วยคร้าบ

Thursday, June 12, 2014

12/06/2014 กรณีศึกษา TRUE, ADVANC, DTAC วิเคราะห์เทคนิคหรือปัจจัยพื้นฐาน



หุ้น TRUE


“กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด ลุงแมวน้ำช่วยด้วยยยยย” เสียงกรีดร้องดังลั่น จนลุงแมวน้ำที่แอบงีบหลับอยู่ที่ข้างๆโขดหินตกใจตื่นและรีบออกมาดู

“อ้าว แม่ยีราฟนั่นเอง เกิดอะไรขึ้น ไฟไหม้เหรอ” ลุงแมวน้ำเห็นเป็นยีราฟสาวจอมมัธยัสถ์ ยืนหน้าซีดน้ำลายย้อยอยู่

“เปล่า ไฟไม่ได้ไหม้” ยีราฟตอบ “แต่พอร์ตของฉันไหม้ แดงแจ๋เลย กรี๊ดดดดดด”

เสียงกรีดร้องของยีราฟดังประมาณ 120 เดซิเบล จนลุงแมวน้ำหูอื้อ

“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ พอร์ตแดงคืออะไร นี่แม่ยีราฟซื้อหุ้นเหรอ” ลุงแมวน้ำงง

“ใช่จ้ะลุง ฉันเพิ่งซื้อหุ้น ADVANC เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง พอซื้อก็ลงเลย สองวันนี้ลงไป 5% แล้ว” ยีราฟสาวโวย “ต้องโทษลิงจ๋อ แนะนำให้ฉันซื้อ”

“อ้าว จะไปโทษนายจ๋อได้ยังไง เงินของแม่ยีราฟ แม่ยีราฟตัดสินใจเอง กฎสำคัญของการลงทุนคืออย่าโทษใคร” ลุงแมวน้ำบอก

“จ้ะ จ้ะ ไม่โทษก็ได้ ว่าแต่ฉันจะทำยังไงดี” ยีราฟพูดพลางสะอื้น “นายจ๋อบอกว่าพื้ฐานเปลี่ยนไปแล้ว ให้ขาย ADVANC แล้วรีบไปซื้อ TRUE”

ช่วงสองสามวันมานี้หุ้นสื่อสารใหญ่ นั่นคือ TRUE, DTAC, ADVANC ขึ้นลงแรง ข่าวที่ปรากฏตามสื่อก็คือ หุ้น TRUE มีการเพิ่มทุนและมีพันธมิตรใหม่มาร่วมทุนด้วย นั่นคือ บริษัทสื่อสารใหญ่ของจีน ไชนาโมบาย (China Mobile) หลังจากที่เพิ่มทุนเรียบร้อยแล้วไชนาโมบายจะถือหุ้น TRUE ประมาณ 18% เงินที่เพิ่มทุนจะนำไปใช้คืนเงินกู้และใช้ในการดำเนินธุรกิจ บทวิเคราะห์หลายสำนักระบุว่าพื้นฐานของหุ้น TRUE เปลี่ยนไปเมื่อได้พันธมิตรที่เข้มแข็งมาร่วมถือหุ้นด้วย รวมทั้งน่าจะชิงส่วนแบ่งการตลาดจากอีกสองค่ายมาได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีข่าวอื่นประกอบอีก เช่น  DTAC เพิกถอนหุ้นจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ รวมทั้งข่าวที่ว่า DTAC ถูกเพ่งเล็งเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติ หากพบว่ามากเกินกำหนดก็จะไม่สามารถเข้าประมูลคลื่นความถี่ได้

ขณะเดียวกัน หุ้น ADVANC, DTAC อันเป็นหุ้นสื่อสารอีกสองค่ายที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันก็ร่วงแรงพอสมควร

“แล้วแม่ยีราฟซื้อหุ้นนี่มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนยังไงบ้างล่ะ” ลุงแมวน้ำถาม

“ฉันอยากถือไปนานๆเพื่อกินเงินปันผลจ้ะ นายจ๋อบอกว่าหุ้นนี้จ่ายปันผลสม่ำเสมอและดีกว่าฝากธนาคาร” ยีราฟตอบ “เขาบอกว่าฉันควรเป็นแนววีไอ”

“นั่นแน่” ลุงแมวน้ำขำ “นายจ๋อเนี่ยนะแนะนำให้ลงทุนแนววีไอ”

“ใช่จ้ะ” ยีราฟตอบ

“ก่อนอื่น ลุงอยากบอกแม่ยีราฟว่าการลงทุนนั้นอย่าเชื่ออะไรเขาบอก ต้องใช้กาลามสูตร นั่นคือ อย่าฟังเขาเล่าว่า ไม่ว่าจะเป็นสายวิเคราะห์ด้วยเทคนิคหรือสายปัจจัยพื้นฐานก็ต้องเลือกหุ้นด้วยตนเองได้” ลุงแมวน้ำพูด “เพราะหากฟังแต่คนอื่น เมื่อใดที่พลาดพลั้ง เงินน่ะเงินแม่ยีราฟเองนะ”

“จ้ะๆ” ยีราฟรีบรับปาก “ลุงอย่าเพิ่งเทศนาฉันเลย แนะนำฉันหน่อยว่าควรทำยังไง”

“ลุงจะอธิบายง่ายๆละกัน หากเป็นสายวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้สัญญาณซื้อขาย รวมทั้งแม่ยีราฟต้องการลงทุนระยะสั้น ก็ว่าไปตามสัญญาณซื้อขาย แต่หากแม่ยีราฟคิดถือยาวๆ แม่ยีราฟก็ควรวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก เราลองมาดูกัน เอ้า ดูนี่”

ว่าแล้วลุงแมวน้ำก็หยิบเอากราฟของ TRUE ออกมาจากหูกระต่าย กางให้ยีราฟดู


หุ้น TRUE



“เราเริ่มกันที่หุ้น TRUE ก่อนละกัน แม่ว่าแม่ยีราฟไม่ได้ถืออยู่ แต่ว่าเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกัน

“ในทางเทคนิค TRUE หลุดจากสามเหลี่ยมชายธงกรอบใหญ่ลงมาข้างล่าง ตามหลักการทางเทคนิคแล้ว ราคาน่าจะลงต่อ แต่เมื่อมีปัจจัยใหม่เข้ามา รูปแบบทางเทคนิคก็เปลี่ยนไป ล่าสุด หลังจากที่มีข่าวเรื่องไชนาเทเลคอม ก็เกิดแท่งเทียนขาวใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม แท่งเทียนเมื่อวานนี้เป็นรูปแบบดาวตก (shooting star) รวมทั้งเกิดช่อง (gap) ด้วย อย่าเพิ่งย่ามใจว่าแท่งเทียนขาวกับแก๊ปแปลว่าขาขึ้นแน่ๆ ควรรอดูอีกสักสองสามวัน เนื่องจากรูปแบบนี้ต่อไปอาจราคาอาจถอยลงมาปิดช่อง หรืออาจเป็นเกาะลอย (island of reversal) อันเป็นสัญญาณบ่งชี้การกลับทิศเป็นขาลงก็มีโอกาสได้เช่นกัน ดังนั้นต้องรอดูไปก่อน

“หากมองทางด้านปัจจัยพื้นฐาน ปัจจุบัน TRUE มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 26.23 เท่า ขาดทุนสะสมประมาณ 6 หมื่นล้าน ส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2556 ประมาณ 24.5%

“ตอนนี้เท่าที่ลุงรู้ ดีลนี้ยังไม่จบ เนื่องจากยังไม่ได้ลงเงินกัน โอกาสเปลี่ยนยังมี นอกจากนี้ หุ้นนี้ขาดทุนต่อเนื่องมายาวนาน มียอดขาดทุนสะสมอยู่มาก และไม่ได้จ่ายเงินปันผลมานานหลายปีแล้ว ข้อเท็จจริงนี้สะท้อนความสามารถในการทำธุรกิจในอดีต ซึ่งในอนาคตไชนาเทเลคอมมีบทบาทถือหุ้น 18% ถือว่าสัดส่วนไม่มากนัก จะเข้ามามีบทบาทในการบริหารอย่างไร และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้หรือไม่ หรือในทางใด เรื่องนั้นเรายังไม่กระจ่าง ดังนั้นจึงยังบอกไม่ชัดเจนว่าความสามารถในการทำธุรกิจในอนาคตว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ดังนั้นหากจะบอกว่าพื้นฐานเปลี่ยนไป ลุงว่าพูดตอนนี้ยังเร็วเกินไปสักหน่อย”

จากนั้นลุงแมวน้ำก็หยิบกราฟหุ้น DTAC ออกมา


หุ้น DTAC


“ในทางเทคนิค ราคา DTAC ร่วงและเกิดช่องขาลงหรือ falling window แต่ว่าแท่งเทียนที่ตามมาเป็นแท่งเทียนขาวใหญ่ แสดงว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามา ดังนั้นก็ต้องดูต่อไปอีกสองสามวัน หากราคาขึ้นมาปิดช่องได้ สภาพขาลงก็ถูกหักล้างไป

“ในทางปัจจัยพื้นฐาน DTAC มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.95 เท่า กำไรสะสมประมาณ 5,500 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2556 ประมาณ 31.3%

“หุ้นนี้มีกำไรและจ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสามารถในการทำธุรกิจในอดีต ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่บ่งชี้ชัดว่าหุ้น DTAC เสียความสามารถในการแข่งขันไป ศักยภาพในการทำธุรกิจนี่สำคัญนะแม่ยีราฟ หากยังไม่เสียศักยภาพไป ก็ยังแข่งขันได้อยู่

จากนั้น ลุงแมวน้ำก็ดึงเอากราฟหุ้น ADVANC ออกมาจากหูกระต่าย


หุ้น ADVANC


“เอาล่ะ ทีนี้ก็มาถึงตัวสำคัญที่ทำให้แม่ยีราฟร้องกรี๊ดมา หุ้น ADVANC ในทางเทคนิค ราคาหุ้นเป็นแนวโน้มขาลงตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ไม่กี่วันนี้ราคาเกิดแก๊ปขาลง แท่งเทียนถัดมายังไม่มีอะไร แต่ถัดมาอีกแท่งราคาไหลลงแต่มีแรงซื้อกลับเข้ามา หน้าตาเป็นแบบค้อน (hammer)  ที่ลำตัวยาวหน่อย ในทางเทคนิคดูไม่ค่อยดีจริงๆด้วย แต่ก็ควรดูต่อไปอีกสักสองสามวัน ว่าราคาจะกลับขึ้นมาปิดแก๊ปได้หรือไม่

“ในทางปัจจัยพื้นฐาน ADVANC มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 2.03 เท่า กำไรสะสมประมาณ 12,600 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2556 ประมาณ 35.2%

“หุ้นมีกำไรและจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง ปันผลก็งามพอควร นี่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำธุรกิจในอดีตเช่นกัน หากยังไม่เสียศักยภาพไป ก็ยังแข่งขันได้อยู่ หลายเดือนมานี้มีปัจจัยการเมืองเข้ามากระทบ จากนั้นยังมาเจอเรื่องไชนาโมบายอีก แต่ก็ยังไม่ได้บ่งชี้ว่าความสามารถเสียไป

“สรุปว่าฉันควรทำอย่างไรจ๊ะลุง” ยีราฟถาม

“สรุปว่าแม่ยีราฟควรตัดสินใจเองจ้ะ” ลุงแมวน้ำตอบ

“ก็ฉันตัดสินใจไม่ถูกน่ะลุง” ยีราฟทำหน้าเบ้เหมือนกับจะร้องไห้ พร้อมกับอ้าปากกว้าง

“อย่าเพิ่งร้องกรี๊ดนะ” ลุงแมวน้ำรีบอุดหู “นี่แหละ ชีวิตและการลงทุน แม่ยีราฟต้องเรียนรู้และตัดสินใจเอง ถือเป็นบทเรียนละกัน ในทางเทคนิคแบบใช้สัญญาณซื้อขาย ตอนนี้ก็เกิดสัญญาณขายแล้ว เห็นแท่งสีแดงในกราฟไหม ก็ต้องว่าไปตามระบบ แต่ก็นั่นแหละ วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง สัญญาณซื้อขายก็อาจเกิดสัญญาณหลอกได้ การกลับเข้าไปซื้อใหม่ย่อมมีต้นทุนจากการซื้อขายและการเสียจังหวะ

“ส่วนในทางปัจจัยพื้นฐานสถานการณ์ตอนนี้ถือว่ายังฝุ่นตลบอยู่ หุ้นทั้งสามตัวแม่ยีราฟก็เปรียบเทียบความสามารถในการทำธุรกิจในอดีตได้ ส่วนในอนาคตนั้น ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน พื้นฐานทางธุรกิจไม่ได้เปลี่ยนภายในชั่วข้ามคืนหรอก ลุงว่าอย่าเพิ่งร้อนใจ รอดูอีกสักนิดให้ฝุ่นหายตลบก่อนก็ได้ วิธีนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่ เพราะเมื่อถึงวันที่แม่ยีราฟตัดสินใจได้ก็อาจเสียหายมากกว่าตัดสินใจในวันนี้ แต่การลงทุนในระยะยาวก็เป็นแบบนี้แหละ แม่ยีราฟต้องมีหัวใจของเถ้าแก่อยู่ด้วยหน่อยๆ 

“ทุกแนวทางมีทั้งด้านดีและด้านเสีย ไม่มีอะไรดีพร้อมหรอก นี่แหละ ที่ว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ที่สำคัญคือแม่ยีราฟต้องยึดหลักให้มั่น จะยึดแนวทางใด ก็หมั่นศึกษาหาความรู้ไว้ด้วย”

Wednesday, June 11, 2014

11/06/2014 การลงทุนหุ้นและกองทุนรวมในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ (healthcare industry) (3)






อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ อภิมหาแนวโน้มแห่งศตวรรษ


“เมื่อครู่เราคุยกันถึงไหนแล้วล่ะ” ลุงแมวน้ำถามหลังจากที่ดูดน้ำปั่นจนชื่นใจ

“ลุงนี่ขี้ลืมเสียจริง” ลิงบ่น “เมื่อกี้ลุงบอกว่าหุ้นไบโอเทคโนโลยีนั้นเก็งกำไรกันสนุกไปเลยไง”

“อ้อ ใช่” ลุงแมวน้ำทวนความจำ “หุ้นซับเซ็กเตอร์ไบโอเทคนี้จึงผันผวนสูง นี่ลุงพูดในภาพรวมเท่านั้น หุ้นบางตัวที่ผันผวนน้อยๆก็พอมี”

“มิน่าล่ะ ผู้ที่ซื้อกองทุนรวมแนวนี้จึงบ่นกันว่าซื้อแล้วติดยอดดอย เพราะว่าราคาผันผวน ขึ้นลงแรงนั่นเอง” ลิงจ๋อพูด

“จะพูดแบบนั้นก็ไม่เชิง กองทุนรวมในแนวอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพนี้หากมีหุ้นในกลุ่มไบโอเทคอยู่ในพอร์ตเยอะจึงจะผันผวนมาก หากในพอร์ตมีหุ้นในกลุ่มไบโอเทคน้อยหรือไม่มีก็ว่ากันไปคนละแบบ ที่จริงกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพในตลาดหุ้นอเมริกานั้นมีอยู่เยอะทีเดียว มีธีม (theme) ย่อยหลายแบบให้เลือกลงทุน แต่ว่าในบ้านเรามีกองทุนรวมในแนวนี้ให้เลือกอยู่ค่อนข้างจำกัด”

“ที่เมืองนอกมีให้เลือกเยะเลยเหรอลุง” ลิงถาม

“เยอะสิ การลงทุนในกลุ่มนี้มีหลากหลายมาก ทั้งหุ้น อีทีเอฟ กองทุนรวม ทีมีให้เลือกเยอะเนื่องจากอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง ที่ใครๆก็มองว่าเมกะเทรนด์ (megatrend) หรืออภิมหาแนวโน้มของโลกในศตวรรษนี้เลยทีเดียว” ลุงแมวน้ำตอบ

“เมกะเทรนด์ อภิมหาแนวโน้ม หมายความว่ายังไงล่ะลุง” ลิงสงสัย

“ลุงก็พูดให้ฟังแล้วอลังการงานสร้างน่ะ แปลง่ายๆก็คือมันเป็นกระแสโลกนั่นเอง เป็นการมองในภาพใหญ่ว่าสังคมทั่วโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง” ลุงแมวน้ำตอบ

“แล้วโลกจะเปลี่ยนไปยังไงบ้างล่ะลุง” ลิงถาม

“อภิมหาแนวโน้มหรือว่ากระแสโลกในศตวรรษที่ 21 นี้มีหลายเรื่อง อย่างเช่น เรื่องสิทธิสตรีก็เป็นกระแสโลกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ในยุคนี้ ผู้หญิงทั่วโลกมีความเท่าเทียมกับชายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การทำงาน การดำเนินชีวิต ฯลฯ ซึ่งสังคมทั่วโลกก็ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นจึงบอกว่าเรื่องสิทธิสตรีเป็นเมกะเทรนด์” ลุงแมวน้ำตอบ

“แล้วเรื่องการดูแลสุขภาพนี้เป็นเมกะเทรนด์ยังไง ผมยังไม่เข้าใจ” ลิงยังสงสัยอีก

“เอาละ ลุงจะค่อยๆอธิบายให้ฟัง โลกในศตวรรษที่ 21 นี้มีอภิมหาแนวโน้มอยู่หลายเรื่อง ลุงขอยกมา 4 เรื่องที่ดำเนินควบคู่กันไปและเกี่ยวข้องกัน ได้แก่ ความก้าวหน้าทางวิทยาการ ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ การเติบโตของชุมชนเมือง และภาวะสังคมผู้สูงอายุ” ลุงแมวน้ำตอบ “ลุงจะค่อยๆขยายความให้ฟังทีละแนวโน้ม

“ด้านความก้าวหน้าทางวิทยาการ โลกในศตวรรษที่ 21 นี้จะพัฒนาองค์ความรู้ในวิทยาการสาขาต่างๆโดยต่อยอดจากองค์ความรู้เดิม ซึ่งผลจากวิทยาการด้านต่างๆที่รุดหน้านี่เอง ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุดหน้าไปด้วย ลุงจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ นั่นคือ ก่อน ค.ศ. 1700 ทั่วโลกยังเป็นสังคมเกษตรอยู่ แต่พอมีการคิดค้นจักรกลไอน้ำได้ในราวปี ค.ศ. 1700 จากนั้นโลกก็ค่อยๆเปลี่ยนจากสังคมเกษตรไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม คนที่อยู่ในสังคมอุตสาหกรรมมีรายได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับสังคมเกษตร ภายในช่วงเวลา 300 ปีนับแต่มีจักรกลไอน้ำ โลกก็เปลี่ยนไปโขทีเดียว

“ทีนี้พอมาถึงยุคคอมพิวเตอร์ คือตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี 1940 เป็นต้นมา วิทยาการต่างๆยิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด สังคมอุตสาหกรรมเติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้คนมีรายได้มากมายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เมื่ออุตสาหกรรมเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการผลิตข้าวของเครื่องใช้ต่างๆออกมามากมาย ประกอบกับผู้คนมีรายได้ดีขึ้น การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป ชีวิตแบบเมืองเติบโตไปพร้อมๆกับการเติบโตของอุตสาหกรรม ชุมชนเกษตรลดน้อยลง ชุมชนเมืองมีมากขึ้น

“และนี่เองเป็นที่มาของเมกะเทรนด์ การเติบโตของชุมชนเมือง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า urbanization ผลจากความก้าวหน้าทางวิทยาการและทางเศรษฐกิจ ทำให้ชีวิตแบบชนบทหรือชีวิตชุมชนเกษตรเริ่มลดน้อยลง และชีวิตแบบสังคมอุตสาหกรรมหรือชุมชนเมืองขยายตัวมากขึ้นและมากขึ้น


แผนที่โลกแสดงความหนานแ่นของชุมชนเมือง ดินแดนใดที่มีสีเข้มแสดงว่าดินแดนนั้นมีสัดส่วนของชุมชนเมืองสูง จะเห็นว่าดินแดนแถบแอฟริกาและเอเชียมีชุมชนเมืองในสัดส่วนที่น้อยกว่าดินแดนอื่นๆ แต่สองดินแดนนี้ก็หนีกระแสโลกไม่พ้น ต่อไปก็กลายเป็นสีเข้ม และนี่คือโอกาสของธุรกิจหลายๆประเภท เช่น ธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม ฯลฯ


“ลุงพูดไปแล้ว 3 อภิมหาแนวโน้มแห่งศตวรรษที่ 21 วิทยาการ เศรษฐกิจ ชุมชนเมือง ทีนี้มาดูแนวโน้มที่ 4 นั่นคือ เมื่อชุมชนเมืองเติบโตขึ้น ผู้คนที่อยู่ในชุมชนเมืองส่วนใหญ่มีการศึกษาดี มีรายได้ดี มีโรงพยาบาลดีๆ ปัจจัยสี่มีครบครัน ชีวิตในชุมชนเมืองก็พัฒนาเป็นรูปแบบเฉพาะขึ้นมา นั่นคือ แต่งงานช้า มีลูกน้อย และอายุขัยยืนยาว”

“จริงด้วยสิลุง ผมก็สังเกตอยู่หมือนกัน” ลิงจ๋อพูดเสริมขึ้นบ้าง “ชีวิตในเมืองส่วนใหญ่เป็นดังที่ลุงว่าจริงๆ”

“เมื่อมีลูกน้อย และมีอายุขัยยืนยาว ที่จะเกิดก็ไม่เกิด ที่จะตายก็ไม่ตาย ผลก็คือ นับวันผู้สูงอายุจะมีมากขึ้น ดังนั้น เมกะเทรนด์ที่ดำเนินร่วมไปกับชุมชนเมืองก็คือภาวะสังคมผู้สูงอายุนั่นเอง ลุงเล่า 4 กระแสโลกที่เกี่ยวข้องกันให้ฟังครบแล้วนะ”


แผนที่โลกแสดงภาวะของสังคมผู้สูงอายุ ดินแดนใดมีสีเข้ม หมายความว่าดินแดนนั้นมีผู้สูงอายุในสัดส่วนสูง และหากเปรียบเทียบดูกับแผนที่ชุมชนเมือง ก็จะพบว่า ดินแดนใดมีชุมชนเมืองหนาแน่น ก็มักมีผู้สูงอายุในสัดส่วนสูงด้วย ดินแดนเอเชียและแอฟริกามีสัดส่วนผู้สูงอายุน้อยกว่าดินแดนอื่นๆ แต่ให้สังเกตว่าต่อไปเอเชียก็จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเช่นกัน


“แล้วที่ลุงเล่าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพยังไง” ลิงยังสงสัยไม่หาย

“อ้าว นายจ๋อก็ลองจินตนาการดูสิ ว่า ชีวิตแบบชุมชนเมืองเป็นยังไงบ้าง ที่ว่าอายุขัยยืนยาวนั้นใช่ว่าจะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ตรงกันข้าม ชีวิตแบบชุมชนเมืองทำให้เกิดโรคภัยต่างๆมากมาย ตั้งแต่มลพิษสะสมและเป็นบ่อเกิดของโรคมะเร็ง รูปแบบการใช้ชีวิต อาหารการกินแบบคนเมืองทำให้คนเมืองส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว นั่นคือ ความเครียด โรคเบาหวาน หัวใจ ไตเสื่อม โรคความความดันและหลอดเลือด ครั้นพอแก่ตัวลงโรคภัยต่างๆก็ยิ่งรุมเร้า มิหนำซ้ำ ไม่มีลูกหลานดูแลหรือมีแต่ดูแลไม่ไหวอีก


ภาพการ์ตูนล้อที่สะท้อนให้เห็นว่าระบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุแม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็ยังมีไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่บอกให้ชายคนขวามือว่าอีก 20 ปีค่อยมาขอรับบริการเเพราะจากคิวของผู้สูงอายุที่มารอรับบริการยาวมาก เนื่องจากอเมริกาเป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงมากถึง 13.6% ของประชากรทั้งหมด และนี่คือโอกาสของธุรกิจดูแลสุขภาพในหลายๆสาขา รวมทั้งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในอีกหลายๆประเทศด้วย เพราะว่าเป็นเมกะเทรนด์


“เห็นไหม นี่คือวิกฤตของวิถีชีวิตคนเมือง แต่ก็คือโอกาสของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆเนื่องจากคนเมืองมีเงิน ไล่เรียงมาตั้งแต่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ยา คลินิก โรงพยาบาล สถานพักฟื้น สถานฟื้นฟู ไปจนถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุทางการแพทย์ต่างๆ รวมทั้งเป็นโอกาสของวิชาชีพต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทย์เฉพาะทาง พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล นักฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ ตลอดไปจนถึงธุรกิจประกัน นั่นคือ การประกันชีวิตและการประกันสุขภาพ

“แนวโน้มแบบชุมชนเมืองและภาวะสังคมผู้สูงอายุนับวันจะขยายตัวออกไป ไม่ได้หดตัวลงเลย และตราบใดที่แนวโน้มแบบชุมชนเมืองและภาวะสังคมผู้สูงอายุยังดำรงอยู่ อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ก็เติบโตไปได้เรื่อยๆ


สัดส่วนของผู้สูงอายุในบางประเทศ ประเทศใดที่มีผู้สูงอายุเกินกว่า 7% จัดว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุ (แสดงด้วยตัวเลขสีแดงในตาราง)



“นี่แหละ คือคำตอบ ที่ว่าเหตุใดอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพจึงเป็นจึงเป็นอภิมหาแนวโน้มแห่งยุค” ลุงแมวน้ำสรุป “ลองดูภาพนี้แล้วจะช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น ภาพเดียวแทนคำบรรยายได้หลายหน้ากระดาษเลย”


การเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรไปสู่สังคมเมืองเป็นแนวโน้มกระแสหลักของโลก วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปมาก เป็นโอกาสของธุรกิจมากมาย รวมทั้งอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพด้วย


“อ๋อ... ที่แท้มันยังงี้นี่เอง” ลิงลากเสียงยาว “ยังงั้นหุ้นหรือกองทุนรวมในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์นี้ก็ยังน่าลงทุนน่ะสิ”

“ก็ใช่น่ะสิ ลุงจะยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมสักตัวอย่างก็ได้ ลองดูภาพนี้” ลุงแมวน้ำพูด จากนั้นก็ดึงกระดาษอีกแผ่นหนึ่งออกมาจากหูกระต่าย คลี่ให้ลิงดู


ดัชนี CSI 300 ของตลาดหุ้นจีน (เส้นสีน้ำเงิน) อยู่ในแนวโน้มขาลงมาหลายปีแล้ว ส่วนดัชนีย่อยในเซ็กเตอร์ไอที (CSI 300 IT Index เส้นสีเหลือง) ซึ่งถือว่าเป็นเซ็กเตอร์ดาวเด่นเซ็กเตอร์หนึ่งในตลาดหุ้นจีนก็คล้ายๆกัน แต่ที่แอบโตก็คือเซ็กเตอร์ดูแลสุขภาพ (CSI 300 Healthcare Index เส้นสีแดง) หุ้นจีนในเซ็กเตอร์นี้เป็นแนวโน้มขาขึ้น

“นี่คือกราฟของตลาดหุ้นจีน เรารู้กันดีว่าตอนนี้เศรษฐกิจจีนไม่เติบโตแรงเหมือนเมื่อก่อน พูดง่ายๆคือชะลอตัวไปบ้าง ตลาดหุ้นจีนก็ร่วงเอา ร่วงเอา แต่หุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์ของจีนยังเติบโตต่อไปได้เรื่อยๆ นักลงทุนหลายๆคนอาจคิดว่าเซ็กเตอร์ไอที เซ็กเตอร์สินค้าอุปโภคบริโภคของจีนน่าลงทุน แต่หลายคนคงนึกไม่ถึงว่าเซ็กเตอร์เฮลท์แคร์ของจีนนั้นโตดีกว่าอีก ทั้งนี้ เพราะจีนมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมเมือง อีกทั้งยังมีภาวะสังคมผู้สูงอายุด้วย นี่คือตัวอย่าง” ลุงแมวน้ำอธิบาย

“แต่เมกะเทรนด์ในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพนี่เป็นมุมมองในภาพรวม หากจะเข้าลงทุนก็ต้องมองในภาพย่อยด้วยเพื่อดูในรายละเอียด จะได้เลือกซับเซ็กเตอร์และตัวหุ้นที่มีอนาคตไกลไว้ในพอร์ต รวมทั้งเข้าลงทุนในจังหวะอันเหมาะสม อย่าลืมว่าหุ้นที่รอวันเจ๊งก็มีเนื่องจากธุรกิจย่อมมีการแข่งขันกัน ใครไม่เก่งก็ม้วนเสื่อกลับบ้าน” ลุงแมวน้ำพูด

“ถ้าหากผมจะลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ จะลงทุนยังไงดีล่ะลุง ซับเซ็กเตอร์ไบโอเทคโนโลยีฟังแล้วก็น่าเสียวไส้อยู่เหมือนกัน” นายจ๋อถาม

“ยังมีซับเซ็กเตอร์อื่นที่น่าสนใจและน่าเสียวไส้น้อยกว่าให้เลือก ผลตอบแทนดีด้วย” ลุงแมวน้ำตอบ “และเนื่องจากเรื่องสุขภาพเป็นอภิมหาแนวโน้มหรือว่าเป็นกระแสโลก ดังนั้นทั่วโลกก็จะเป็นไปคล้ายๆกัน แนวคิดในการลงทุนในสาขาย่อยหลายๆอย่างดูของฝรั่ง ญี่ปุ่น แล้วเอามาปรับใช้กับการลงทุนในไทยก็ได้ด้วย”

“เหรอๆ อะไรล่ะลุง บอกหน่อยเร้ว” ลิงรีบถาม

“ลุงคอแห้งอีกแล้ว น้ำปั่นก็หมด ขอลุงไปซื้อน้ำปั่นมาดูดให้ชื่นใจก่อน แล้วจะมาเล่าต่อ” ลุงแมวน้ำตอบ

Tuesday, June 10, 2014

10/06/2014 ผลคัดกรองหุ้นจากปริมาณการซื้อขาย และ กราฟหุ้น TRUE



ผลการสแกนหุ้นจากปริมาณการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปในรอบ 10 วันทำการ คัดมาให้ดูเฉพาะที่ปริมาณการซื้อขายเปลี่ยนไปมากที่สุด 50 อันดับแรก


ช่วงนี้ตลาดหุ้นค่อยๆขึ้นทีละน้อย เงินบาทกลับมาแข็งค่า เงินต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น เงินต่างชาติก็ไปๆมาๆแบบนี้เสมอแหละ อย่าตกใจกับการไหลจนเกินไป

ในระดับคลื่นย่อยก็ระวังการปรับตัว แต่ว่าในระยะยาว ตอนนี้ลุงแมวน้ำลงจากรถไฟสาย SET 1700 แล้วนะคร้าบ เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย SET 2000 แทน ลุงแมวน้ำขอเขียนเรื่องหุ้นและกองทุนรวมในอุตสาหกรรมสุขภาพให้จบเสียก่อน แล้วจะมาคุยเรื่องรถไฟสาย SET 2000 ^_^

เช้าวันนี้ลุงแมวน้ำมีของเล่นเล็กๆน้อยๆมาฝาก นั่นคือ ผลการสแกนหุ้นที่ลุงแมวน้ำเพิ่งทำมาสดๆร้อนๆ เอามาให้ดูกัน

การสแกนหุ้นของลุงแมวน้ำนี้สแกนจากปริมาณซื้อขาย คือเปรียบเทียบปริมาณซื้อขายของวันล่าสุด (คือเมื่อวาน) เทียบกับเมื่อ 10 วันทำการก่อนหน้า

การสแกนจากปริมาณการซื้อขายนั้นเป็นการคัดกรองในเบื้องต้น หากหุ้นตัวใดมีมูลค่าการซื้อขายเคลื่อนไหวมากขึ้นอย่างน่าสังเกต อันเป็นสัญญาณบ่งชี้ในเบื้องต้นว่าอาจมีการแอบเก็บหุ้นหรือแอบขายหุ้น ก็ค่อยๆเข้าไปดูรายละเอียด

ในวันนี้ ลุงแมวน้ำเอาผลสแกนสำหรับหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายเปลี่ยนแปลงในรอบ 10 วัน มาให้ดูเป็นตัวอย่าง วิธีดูก็ไม่ยาก ดังนี้

คอลัมน์แรก ชื่อหุ้น

คอลัมน์ที่สอง บอกราคาล่าสุด (09/06/2014)

คอลัมน์ที่สาม บอกว่าปริมาณการซื้อขายในรอบสิบวันเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์

คอลัมน์ที่สี่ บอกว่ามูลค่าการซื้อขายล่าสุด มีมูลค่าเท่าใด คอลัมน์นี้เอาไว้ดูว่าหุ้นใดขาดสภาพคล่องนั่นเอง เนื่องจากหุ้นบางตัวแม้ว่าปริมาณการซื้อขายจะเปลี่ยนแปลงไปมากในรอบสิบวันที่ผ่านมา แต่ก็ยังอาจเข้าข่ายขาดสภาพคล่อง หุ้นขาดสภาพคล่องต้องระวัง

ลุงแมวน้ำขอย้ำว่า นี่เป็นการคัดกรองหุ้นในเบื้องต้น ยังบอกไม่ได้ว่าตัวใดดีหรือไม่ น่าลงทุนหรือไม่ ต้องไปทำการบ้านต่อทีละตัวคร้าบ และผลการสแกนนี้ใช้สำหรับในสถานการณ์ปัจจุบัน หากเวลาผ่านไปก็ต้องสแกนกันใหม่คร้าบ

นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังเอากราฟหุ้น TRUE มาให้ดู คงทราบกันดีว่ามีการเพิ่มทุนอีก โดยมีบริษัทโทรคมนาคมของจีนมาร่วมทุนด้วย การเพิ่มทุนและหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มน่าจะเป็นการเตรียมเพื่อรองรับการประมูลคลื่น 1800

ในทางเทคนิค กราฟหลุดจากสามเหลี่ยมชายธงลงมาข้างล่าง แปลความว่าว่าอาจลงต่อได้อีก และเนื่องจากสามเหลี่ยมชายธงนี้เป็นกรอบใหญ่ ครอบคลุมเวลาปีกว่า (ตั้งแต่ต้นปี 2013) ชายธงใหญ่หากหลุดก็อาจลงได้ลึกคร้าบ


หุ้น TRUE ตัดสามเหลี่ยมชายธงลงมาด้านล่าง

กราฟราคาหุ้น TRUE ในอดีต สมัยก่อนชื่อ TA (Telecom Asia) ร่วมทุนกับส้ม (Orange) ของฝรั่งเศส จากนั้นฝรั่งเศสก็ถอนทุนกลับไป ต่อมารีแบรนด์เป็นชื่อ TRUE และล่าสุดมีการเพิ่มทุนและไชนาโมบายล์มาร่วมถือหุ้นประมาณ 18%


Friday, June 6, 2014

06/06/2014 ECB ลดดอกเบี้ย และถนนทุกสายมุ่งสู่พลังงานทดแทน PPP, SOLAR, SPCG, WHA, GUNKUL, EPCO, IFEC, TFI ฯลฯ






ธนาคารกลางยุโรปลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจอีก


เมื่อคืนนี้ธนาคารกลางของยุโรป หรือที่เรียกว่า ECB (European Central Bank) ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนอีก

ลุงแมวน้ำขอเท้าความหน่อยเพื่อความเข้าใจ คือขณะนี้เศรษฐกิจของยุโรปในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร แม้ว่าดัชนีหลายตัวจะบ่งชี้ว่าค่อยๆกระเตื้องขึ้นในภาพรวม แต่ก็ยังเรียกได้ว่าเศรษฐกิจติดหล่มอยู่ โดยเฉพาะ ปัญหาหนักอกของอีซีบีที่คิดว่าเป็นอุปสรรคของการฟื้นตัวของยูโรโซนก็คือ ภาวะเงินฝืด คือ  ประชาชนไม่ยอมควักกระเป๋าออกมาจับจ่ายใช้สอย เมื่อเงินไม่หมุน เศรษฐกิจก็ไม่สะพัด ก็ไม่พ้นจากหล่มเสียที

ทางอีซีบีนั้นใช้นโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเช่นกัน แต่ว่าใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ได้อัดฉีดแบบไม่อั้นดังเช่นอเมริกา กลไกสำคัญที่อีซีบีใช้กระตุ้นเศรษฐกิจประการหนึ่งก็คืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากใช้ดอกเบี้ยนโยบายในอัตราต่ำที่ 1 สลึง (0.25%) ก็แล้ว เงินก็ยังฝืดอยู่ ก็มีการลุ้นกันว่าอีซีบีโดยลุงมาริโอจะมีมาตรการแบบพิมพ์เงินมาอัดฉีดไม่อั้นแบบอเมริกาและญี่ปุ่นหรือไม่

ปรากฏว่ามาตรการเพิ่มเติมล่าสุด ก็คือประกาศเมื่อคืน (เวลาบ้านเรา) นี้เอง ปรากฏว่าอีซีบีไม่ทำคิวอีแบบปลายเปิด แต่ใช้การลดอัตราดอกเบี้ยอีก มาตรเพิ่มเติมล่าสุดก็คือ


  • ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จาก 0.25% เหลือ 0.15%
  • ลดดอกเบี้ยเงินฝาก ที่ธนาคารต่างๆนำมาฝากไว้กับธนาคารอีซีบี จาก 0% เป็น -0.10% แปลง่ายๆก็คือ ธนาคารใดจะเอาเงินไปฝากธนาคารกลางต้องเสียค่าฝากเงิน 0.10%
  • ลดดอกเบี้ยเงินกู้มาร์จิน จาก 0.75% เหลือ 0.4% 


ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของลุงมาริโอก็คือ เพื่อกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆพยายามนำเงินไปหมุนบ้าง อย่าเอาแต่กองไว้ในธนาคารหรือเอามาฝากกับอีซีบี เมื่อเงินสะพัด อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น นั่นคือเศรษฐกิจหมุนเวียน

หากเป็นไปตามคาด นั่นคือ เมื่อเงินเฟ้อ แปลว่าเงินยูโรน่าจะอ่อนค่าลง แต่ที่ไหนได้ เมื่อคืน (เวลาบ้านเรา กลางวันของยุโรป) เงินยูโรอ่อนค่าไปวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาแข็งค่าขึ้นกว่าเดิม


ค่าเงินยูโรไม่ตอบสนองต่อมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบี อ่อนค่ามาเดี๋ยวเดียวจากนั้นกลับแข็งค่าขึ้น (ดูแท่งเทียนแท่งสุดท้าย)

และนอกจากนี้ หากเงินยูโรถูกกดดันให้หมุน เงินส่วนหนึ่งจะหมุนออกไปหารายได้นอกประเทศ นั่นคือ ที่เรียกว่า ยูโรแครรีเทรด (Euro carry trade) อันเป็นการเอาเงินยูโรที่มีต้นทุนการกู้ยืมต่ำไปลงทุนแสวงหากำไรจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าของประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศในเอเชีย ซึ่งน่าจะทำให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น แต่ปรากฏว่าค่าเงินเอเชียแข็งขึ้นนิดเดียว และตลาดหุ้นเอเชียไม่ตอบสนอง นอกจากไม่ขึ้นแล้วหลายๆตลาดยังลงเสียด้วย


ค่าเงินเอเชียเช้าวันรุ่งขึ้น (คือเช้าวันนี้) หลังจากที่อีซีบีมีมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย แข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนเงินสิงคโปร์อ่อนค่าเล็กน้อย แสดงว่ามาตรการของอีซีบีไม่ค่อยมีผลทางจิตวิทยาต่อเอเชียเท่าไรนัก

ตลาดหุ้นเอเชียก็ไม่ค่อยตอบสนองทางจิตวิทยาต่อมาตรการของอีซีบี แทนที่จะขึ้นรับข่าวกลับลงรับข่าว


ดังที่เห็นแล้วว่าตลาดไม่ค่อยตอบสนองกับมาตรการของอีซีบีนัก ที่จริงมาตรการเหล่านี้หากใช้แล้วก็ต้องใช้ไปสักระยะแล้วจึงประเมินผลได้ ณ วันนี้ที่จริงก็ยังไม่เห็นผลอะไรหรอก แต่ที่ลุงแมวน้ำชี้ให้ดูคือผลทางจิตวิทยาหรือความคาดหวังของนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนไม่ได้ตอบสนองอะไรนัก เมื่อชาวบ้านเขาไม่ตื่นเต้นกัน ดังนั้นเราก็ไม่ควรไปคาดหวังอานิสงส์ต่อตลาดหุ้นไทยจนเกินเหตุ



ถนนทุกสายมุ่งสู่พลังงานทดแทน


และอีกเรื่องหนึ่งที่ลุงแมวน้ำอยากพูดถึงและฝากเตือนนักลงทุนในวันนี้ ก็คือเรื่องการลงทุนในพลังงานทดแทน

หลายปีมานี้ มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนกันมากมาย ตอนนี้มีอยู่หลายสิบบริษัท ใครต่อใครก็อยากเข้ามาทำธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ทำอสังหาฯก็มาทำแสงอาทิตย์ เป็นโรงพิมพ์ก็มาทำแสงอาทิตย์ เป็นแวร์เฮาส์ก็มาทำแสงอาทิตย์ ผลิตเหล็กก็มาทำแสงอาทิตย์ จนลุงแมวน้ำเองก็งงว่าหุ้นเดี๋ยวนี้ทำธุรกิจข้ามเซ็กเตอร์จนจำไม่ได้ว่าทำอะไรกันแน่ เรียกได้ว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่พลังงานทดแทนก็คงไม่ผิด

ที่ลุงแมวน้ำอยากจะเตือนก็เรื่องนี้แหละ เพราะว่าเท่าที่ลุงแมวน้ำสังเกต หุ้นใดพอออกข่าวว่าจะทำพลังงานทดแทน หุ้นก็วิ่งดีทีเดียว ใครๆก็เลยอยากทำบ้างกระมัง เพราะทำแล้วราคาหุ้นวิ่งดี บางทีมีแค่ข่าวโครงการแพลมออกมา ยังไม่ได้ลงมือทำจริงๆ ราคาหุ้นก็ขึ้นแล้ว เก็งกำไรกันสนั่น นักลงทุนเห็นว่าพลังงานทดแทนเป็นเทรนด์ที่กำลังแรง พอมีข่าวหุ้นตัวไหนก็วิ่งเข้าใส่ทันที บางทีก็ไปค้างอยู่บนยอดดอย

เรื่องธุรกิจพลังงานทดแทนนั้นที่จริงแล้วมีรายละเอียดพอสมควรทีเดียว หากคิดจะถือลงทุนยาวๆควรศึกษาให้เข้าใจในรายละเอียด วันนี้ลุงแมวน้ำขอเล่าคร่าวๆก่อนละกัน เน้นที่โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ วันหลังจึงค่อยลงรายละเอียด

การทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ลักษณะการดำเนินธุรกิจหรือว่าการทำมาหากิน หากแบ่งง่ายๆก็แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่ม นั่นคือ

1. ผู้ที่ทำโรงไฟฟ้า (คือโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟ) เพื่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้า
2. ผู้ที่รับจ้างสร้างโรงไฟฟ้า คือ ออกแบบ รับเหมาก่อสร้างรวมวัสดุอุปกรณ์ 

ที่จริงแบ่งได้ย่อยกว่านี้อีก แต่วันนี้พูดคร่าวๆก็คิดเสียว่ากลุ่มใหญ่ๆก็มีเท่านี้

แบบแรก ผู้ที่ทำโรงไฟฟ้าเพื่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้านั้น จะได้ค่าตอบแทนแน่นอน ทำสัญญาขายกันกี่เมกะวัตต์ก็เป็นไปตามนั้นตลอดอายุของสัญญา ราคาดีด้วย เพราะการไฟฟ้าต้องการส่งเสริม จึงมีเงินพิเศษบวกให้จากค่าไฟปกติ (ที่เรียกว่าค่าแอดเดอร์หรือค่าฟีดอินทาริฟ ตามแต่กรณี) เบ็ดเสร็จแล้วโรงไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าให้จะได้ค่าไฟหน่วยละ 6 บาทขึ้นไป ตามแต่ลักษณะการอุดหนุน และจะได้ตามนั้นตลอดอายุสัญญา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ประเด็นสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าแบบนี้ก็คือ ต้องทำตามโควตาที่ได้รับมา จะทำมากกว่านั้นไม่ได้ และตอนนี้โควตาหมดแล้วด้วย เต็มจนปี 2563 แปลว่าใครที่จะลงทุนแบบนี้ จ้างเขาสร้าง แล้วเราดูแล รายได้จะแน่นอน รู้ล่วงหน้าเลย เพราะโควตามีแค่นั้น แต่รายจ่ายจะไม่แน่นอน เพราะโซลาร์ฟาร์มหรือโซลาร์รูฟแต่ละรายนั้นประสิทธิภาพไม่เท่ากัน เนื่องจากการออกแบบและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ หากออกแบบไม่ดี อุปกรณ์ประสิทธิภาพต่ำ การผลิตไฟฟ้าก็ต่ำ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยไฟฟ้าสูง รวมทั้งใบอนุญาตตอนนี้ไม่มีแล้วด้วย ใครอยากทำตอนนี้ต้องไปซื้อต่อจากคนที่มีอยู่แล้ว ค่าเซ้งใบอนุญาตคิดกันเมกะวัตต์ละเป็นล้านบาท ก็เป็นต้นทุน

หรือหากไม่เซ้งใบอนุญาต หนทางที่สำเร็จรูปกว่านั้นก็คือไปซื้อโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้วมาเสียเลย หากเป็นประการนี้นักลงทุนก็ต้องศึกษารายละเอียดให้ดี เนื่องจากเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน โดยเฉพาะด้านพลังงานแสงอาทิตย์เปลี่ยนแปลงเร็ว โซลาร์ฟาร์มเมื่อ 5 ปีก่อนกับเดี๋ยวนี้ ความทันสมัยก็ต่างกันมาก รวมทั้งประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วย ราคาที่ซื้อมาหเหมาะสมหรือไม่ นักลงทุนต้องมีข้อมูลเหล่านี้จึงค่อยพิจารณาเข้าลงทุน

อีกประการ หุ้นอะไรที่รู้รายได้แน่นอน หุ้นนั้นมักไม่ค่อยวิ่ง ราคาเรื่อยๆมาเรียงๆตามปัจจัย เพราะไม่มีอะไรให้ลุ้น

แบบที่สอง ประเด็นสำหรับธุรกิจที่ปรึกษา ออกแบบ รับจ้างสร้างโรงไฟฟ้าก็คือ ตอนนี้เป็นธุรกิจที่แข่งกันสูงพอควร ก็คล้ายๆงานรับเหมาก่อสร้างในสาขาอื่นๆ ฝีมือ ชื่อเสียง และการบริหารต้นทุน จึงเป็นตัวชี้ขาดว่าธุรกิจจะมีกำไรหรือไม่ บุคลากรที่มีฝีมือก็หาไม่ง่ายนัก ทีมงานก็สำคัญ ดังนั้นใครที่กระโดดเข้ามาในเซ็กเตอร์นี้ ไม่ใช่ว่าจะเห็นกำไรใสๆ

ดังนั้น นักลงทุนก็ควรพิจารณา ว่าหุ้นที่มีข่าวว่าจะทำพลังงงานทดแทนนั้น ทำในส่วนไหน ต้นทุนเป็นอย่างไร มีโอกาสรุ่งไหม และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจเดิมเป็นอย่างไร รายละเอียดที่ต้องพิจารณามีเยอะทีเดยว อย่าเพิ่งเห็นว่าทำพลังงานทดแทนก็คิดว่าดีแน่และรีบวิ่งเข้าใส่

สุดท้ายนี้ ลุงเอากราฟราคาของหุ้นหลายบริษัทที่ทำเกี่ยวกับพลังแสงอาทิตย์ ได้แก่ PPP, SOLAR, SPCG, WHA, GUNKUL, EPCO, IFEC, TFI ลองดูรูปแบบของราคา และใครรู้บ้างว่าหุ้นแต่ละหุ้นนี้ที่ว่านี้เป็นผู้เล่นในส่วนไหนของธุรกิจพลังงานทดแทน เป็นเพียงข่าวหรือดำเนินการแล้ว และผู้ประกอบการมีความพร้อม มีความรู้ความชำนาญในธุรกิจนี้ระดับใด หากยังไม่เข้าใจ ควรหาความรู้ก่อนนะคร้าบ ใจเย็นๆ ^_^


หุ้น PPP

หุ้น SOLAR

หุ้น SPCG

หุ้น EPCO

หุ้น WHA

หุ้น GUNKUL

หุ้น IFEC

หุ้น TFI