ช่วงปลายปีของทุกปีจะมีงานแสดงดอกไม้ที่โรงแรมสวิสโฮเตลนายเลิศปาร์ค จัดเป็นประจำทุกปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 28 แล้ว ปีนี้จัดในช่วงวันที่ 2-5 ตุลาคม 2014 ตั้งแต่เวลา 10 น. -20 น. คือสิบโมงเช้าถึงสองทุ่ม และเช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำในวันนี้ลุงจะพาไปชมงานแสดงดอกไม้นี้กัน
โรงแรมสวิสโฮเตลนายเลิศปาร์คนี้บางคนก็เรียกว่าสวิสโฮเตลปาร์คนายเลิศ เดิมชื่อโรงแรมฮิลตัน ณ ปาร์คนายเลิศ แต่ต่อมาเปลี่ยนเครือจึงเปลี่ยนชื่อไป ลุงแมวน้ำก็หลงๆลืมๆ บางทีก็เผลอเรียกชื่อเดิม โรงแรมนี้อยู่ที่ปลายถนนวิทยุ ใกล้กับด้านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ การเดินทางก็ไม่ยาก จะนั่งเรือคลองแสนแสบมาก็ได้ ขึ้นจากเรือที่ท่าวิทยุ เดินอีกนิดเดียวก็ถึง ใกล้มาก เพราะว่าท่าเรืออยู่หลังโรงแรมนั่นเอง หรือหากจะมารถไฟฟ้า รถประจำทาง ก็มาลงที่เพลินจิตแล้วเดินเข้ามาในถนนวิทยุ เดินสัก 5 นาทีก็ถึง
ตอนที่ลุงมาก็คิดว่าจะมาลงรถเมล์ที่หน้าโรงแรม ปรากฏว่าหน้าโรมแรมไม่มีป้าย รถพาเลยเข้าไปในถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เดินย้อนกลับจนลิ้นห้อย รู้ยังงี้ลุงก็ลงรถไฟฟ้าที่เพลินจิตแล้วเดินกระดืบมาก็สิ้นเรื่อง นี่แหละ รู้อะไรก็ไม่สู้รู้ยังงี้ >.<
ลุงจะเล่าเรื่องด้วยภาพ ภาพมาก่อน คำบรรยายตามหลัง เชิญไปชมงานแสดงดอกไม้กันได้เลย ^_^
ตอนนี้ลุงแมวน้ำก็มายืนที่หน้าโรงแรมแล้ว 10 โมงพอดี แดดร้อนเปรี้ยงแล้ว เดินเข้าโรงแรมดีกว่า
ที่นี่เป็นโรงแรมที่มีต้นไม้มาก อีกทั้งเป็นไม้ใหญ่ที่มีอายุหลายสิบปี บรรยากาศสงบ ร่มรื่น น่าอยู่มาก
ทางเข้าลอบบี้ของโรงแรมมีรถสามล้อบุปผชาติเป็นสัญลักษณ์ตั้งอยู๋ ถ้าเห็นรถคันนี้ละก็ไม่ผิดที่แน่
เอ้า ซื้อตั๋ว รายได้บำรุงการกุศล มอบให้มูลนิธิคนพิการไทย และกองทุนฟันเทียมพระราชทาน
เดินเข้ามาในลอบบี้จะพบตัวตลกมาเล่นโชว์ความสามารถ คนหลังนี่ถ้าเห็นไปอยู่ตามท้องนาตอนกลางคืน ลุงเห็นเข้าคงต้องวิ่งหน้าตั้งแน่ >.<
งานแสดงดอกไม้นี้มีจุดแสดง 3 จุดใหญ่ คือที่ลอบบี้ ห้องด้านซ้ายของลอบบี้ (ทางซ้ายมือเมื่อเดินเข้าไปในลอบบี้) และห้องด้านขวา
ด้านหลังของตัวตลกเป็นผลงานแสดงของสวนนงนุช ธีมเป็นสวนเมืองร้อน ในห้องลอบบี้นี้มีผลงานแสดงเพียงรายเดียว
แวะชมสวนเมืองร้อนกันหน่อย สวนนี้ใช้พื้นที่เยอะหน่อย จัดให้ต้นไม้แน่นๆตามประสาป่าเมืองร้อน
เมื่อเข้ามาในลอบบี้จจะเริ่มได้กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาเป็นกลิ่นอ่อนๆ จากนั้นลุงแมวน้ำก็เดินไปทางซ้าย สู่ห้องแสดงหลัก
ภาพมุมกว้างของห้องแสดงหลัก งานแสดงนี้เป็นการโชว์การจัดไม้ดอกและไม้ใบเป็นธีมหรือว่าเป็นเรื่องราวต่างๆ ผู้ที่ส่งผลงานมาร่วมแสดงมีทั้งบุคคลและหน่วยงาน
เมื่อเข้ามาในห้องนี้ กลิ่นหอมของดอกไม้ตลบอบอวล ส่วนใหญ่เป็นกลิ่นของกล้วยไม้ผสมกับกลิ่นของกุหลาบ บรรยากาศราวกับเดินในอุทยานไม้ดอก
แค่เห็นงานชิ้นแรกจินตนาการก็ไปโลดแล้ว ^_^
ชิ้นนี้เป็นสวนกระต่ายน้อย ส่วนใหญ่เป็นไม้ใบ ตัวกระต่ายน่าจะเป็นไลเคน พูดถึงไลเคน (lichen) เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ เพราะไลเคนเป็นการอาศัยอยู่ร่วมกันของสาหร่ายและเห็ดรา รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย แยกกันไม่ได้ ไลเคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณมาก ในยุคที่โลกนี้มีแต่หิน ไม่มีดิน ก็ได้ไลเคนนี่แหละที่กัดเซาะหินจนป่นร่วนทำให้มีพืนอื่นๆขึ้นได้ ไลเคนจึงเป็นสิ่งมีชีวิตต้นกระบวนการกำเนิดป่านั่นเอง ตัวอย่างของไลเคนก็ได้แก่ฝอยลม ชาวจีนนำไลเคนมาใช้เป็นสมุนไพรด้วย
และมาถึงผลงานที่ลุงแมวน้ำชอบมาก ไม่เห็นเขียนชื่อธีมเอาไว้ แต่ลุงตั้งชื่อเอาเองว่า ธารกุหลาบ เพราะเป็นธีมที่แสดงถึงกุหลาบที่ไหลพรูออกมาจากแจกันจนเป็นสายธาร และมีมวลหมู่ภมรมาเกาะเพื่อลิ้มชิมน้ำหวานจากกุหลาบ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ผลงานชิ้นนี้จะได้กลิ่นกุหลาบเข้มข้นขึ้น
มองดูธารกุหลาบในระยะใกล้ ผลงานแสดงเหล่านี้ไม่ใช่แค่การจัดดอกไม้ แต่ลุงว่าเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่ง การอ่านหนังสือก็เห็นแค่สองมิติ ดูภาพเขียนก็เห็นแค่สองมิติ ดูงานประติมากรรมก็เห็นสามมิติ แต่ดูผลงานจัดดอกไม้เป็นงานศิลปะสี่มิติ นอกจากมิติกว้าง ยาว ลึก แล้ว ยังมีมิติของกลิ่นหอมอีกด้วย ^_^
สวนววรรค์ เมื่อเดินเข้ามาใกล้งานชิ้นนี้จะได้กลิ่นกล้วยไม้หอมอบอวล ส่วนกลิ่นกุหลาบก็เบาบางลงไป นี่ลุงก็ตั้งชื่อเอาเองว่าสวนสวรรค์ เพราะทำให้ลุงนึกถึงดินแดนแชงกริลา (Shangri-La) ดินแดนเร้นลับที่เป็นอุทยานสวรรค์ ผู้คนไม่แก่เฒ่า มีชีวิตที่สงบและมีความสุข จิตนาการกระเจิงไปโน่นเลย ^_^
ดูการจัดดอกไม้ของสวนสวรรค์ในระยะใกล้ ทั้งงดงามและกลิ่นหอมกรุ่นจนลุงไม่อยากเดินไปไหน อยากนอนพักแถวนี้สักงีบ
ด้วยความสงสัยลุงจึงมองไปรอบๆหาต้นเสียง แถวนั้นก็ไม่มีใคร นอกจากลุงแมวน้ำกับคุณป้าสองคน (คุณป้านะ ไม่ใช่มนุษย์ป้า) กำลังผลัดกันถ่ายรูปอยู่
แชะ-วื้ด
เมื่อลุงรู้ที่มาของเสียงถึงกับอึ้งไปสามวิ เพราะเสียงนั้นมาจากกล้องของคุณป้าทั้งสองนั่นเอง เพื่อความแน่ใจลุงจึงเฉียดไปใกล้ๆแบบเนียนๆ ปรากฏว่าจริงๆด้วย กล้องที่คุณป้าใช้นั้นเป็นกล้องฟิล์ม โอ พระเจ้าจ๊อด >.<
เสียงแชะคือเสียงชัตเตอร์ลั่น ส่วนสียงวื้ดคือเสียงฟิล์มเดิน ไม่นึกเลยว่าในยุคนี้ยังมีฟิล์มขายอยู่ กล้องแบบนี้ลุงก็มี แต่เก็บเข้าตู้ไปนานแล้วเนื่องจากคิดว่ายุคนี้ไม่มีฟิล์มขายแล้ว คุณป้าสองคนนี้ก็วัยเดียวกับลุงนั่นแหละ อยากเข้าไปคุยด้วยจริงๆ เพราะมีความรู้สึกคล้ายๆกับเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน ก็แปลกที่ทำไมรู้สึกแบบนั้น แต่คงเกี่ยวกับกล้องฟิล์มนั่นแหละ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปคุยหรอก
นี่เป็นธีมร่มบ่อสร้าง เชียงใหม่ ร่มถูกประดับประดาด้วยมวลดอกไม้
นี่ของเซ็นทรัล ลุงว่าเขาเข้าใจทำนะ ถ่ายทอดความเป็นเซ็นทรัลได้ส่วนหนึ่ง นั่นคือ แบรนด์ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง เพราะเห็นแล้วนึกถึงผักผลไม้ในท็อป ได้คะแนนสื่อสารการตลาดไปเลย
นี่ของกันตนา เล่นแสงสีกับดอกไม้
นี่เป็นธีมไผ่ของนิสิตและคณาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่องไผ่กำลังดังในหมู่การเกษตรก็จับกระแสมาทำเป็นงานศิลปะ
เหล่านี้ลุงจำไม่ได้ว่าของใครบ้าง ชุดนาคาไหลออกมาจากโอ่งก็แปลกตาดี ทำให้นึกถึงโอ่งลายมังกรราชบุรีในสมัยก่อน เดี๋ยวนี้โอ่งลายมังกรทำใหม่คงไม่มีแล้วมั้ง น่าจะทำเป็นลายอื่นไปแล้ว
หลังจากนั้นก็เดิมข้ามลอบบี้มายังห้องอีกฟากหนึ่ง หนึ่งนี้มีผลงานไม่กี่ชิ้น ส่วนส่วนใหญ่อยู่ในห้องหลัก
กุหลาบและกล้วยไม้ของโครงการหลวง หอมมาก
นี่อะไรเนี่ย ถ้ำบุปชาติมั้ง ^_^
No comments:
Post a Comment