Tuesday, July 29, 2014

29/07/2014 จีนมีเฮ อัปเดต BDI, สินค้าเกษตร ยางพารา BANPU, ADVANC, DTAC, TRUE, THCOM


ดัชนี CSI 300 ของตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นมา 8.4% ในเวลา 2 สัปดาห์
รูปแบบทางเทคนิคกลับตัวเป็นขาขึ้น เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจีนจะจบคลื่น C ไปแล้ว
และกำลังเข้าสู่คลื่นเศรษฐกิจขาขึ้นรอบใหม่


วันนี้ลุงแมวน้ำมีเรื่องอัปเดตเยอะทีเดียว แบ่งเป็นสองเรื่องใหญ่ นั่นคือ เศรษฐกิจของจีนที่เกี่ยวข้องกับหุ้นไทย และหุ้นในกลุ่มโทรคมนาคม เรามาดูเรื่องตลาดหุ้นจีนกันก่อน

ดูกราฟในภาพบนสุดของบทความ กราฟนั้นเป็นดัชนี CSI 300 ของตลาดหุ้นจีน หลายปีที่ผ่านมา จีนประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายด้านทีเดียว ทั้งด้านฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ปัญหาธนาคารเงาและหนี้เน่าในภาคการเงินซึ่งส่งผลกระทบอย่างแรงต่อภาคการเงินและเศรษฐกิจของจีน จนถึงวันนี้ ปัญหาธนาคารเงาและหนี้เน่าดูเหมือนจะค่อยๆคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครไว้วางใจเนื่องจากไม่รู้ว่าภาคธนาคารจีนซุกขยะอะไรเอาไว้ใต้พรมบ้าง ส่วนทางด้านราคาบ้านนั้นไหลลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัว ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการชะลอการเจริญเติบโตของจีนให้อยู่ในระดับประมาณปีละ 7.5% จากที่เมื่อก่อนหน้านี้จีนเร่งการเจริญเติบโตในระดับปีละกว่า 10%

สถานการณ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ตลาดหุ้นจีนเป็นขาลง และเนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้บริโภคขนาดใหญ่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจย่อมหมายถึงการบริโภคที่ชะลอตัวลง ดังนั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆจึงชะลอตัว การขนส่งโดยเฉพาะการเดินเรือขนส่งวัตถุดิบก็ชะลอตัวลงไปด้วย

แต่ว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนดูเหมือนจะเริ่มตั้งหลักได้แล้ว ดัชนี PMI อันเป็นดัชนีภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ค่า GDP เริ่มนิ่งแถวๆระดับ 7.5% ต่อปี ปัญหาเรื่องหุ้นกู้ของภาคเอกชนที่อาจมีปัญหาต้องดีฟอลต์ คือต้องชักดาบ ก็ไม่เกิด ภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแรง ประมาณ 8.4% ถือว่าเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่แสดงว่าตลาดหุ้นจีนรวมทั้งเศรษฐกิจจีนน่าจะกำลังกลับทิศเป็นขาขึ้นแล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่ามีเฮ เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมีส่วนช่วยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างมาก

เรามาดูกันว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นใครจะได้อานิสงส์กันบ้าง ดูกันเลยคร้าบ ภาพมาก่อน คำบรรยายตามหลัง


ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม
สอดคล้องกับการดีดตัวของตลาดหุ้นจีน

สินค้าเกษตร จีนเป็นผู้บริโภคสินค้าเกษตรรายใหญ่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ รวมทั้งสินค้าเกษตร



ราคายางพาราตลาด AFET เริ่มตั้งหลักได้ อีกไม่นานน่าจะค่อยๆปรับตัวขึ้น

จีนและอินเดียเป็นผู้บริโภคยางพารารายใหญ่ แม้ว่าในปีนี้จะมีปริมาณยางพาราเข้ามาในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น เนื่องมาจากจีน เวียดนาม พม่า ไทย เพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในทางเทคนิคราคายางน่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้



ราคา BANPU สังเกตว่าสอดคล้องไปกับทิศทางตลาดหุ้นจีน
น่าจะมีเฮด้วยเช่นเดียวกับดัชนีจีน

ราคาถ่านหิน โดยเฉพาะ BANPU สัมพันธ์กับเศรษฐกิจจีน สังเกตว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ตลาดหุ้นจีนเด้งในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา



ดัชนีค่าระวางเรือเทกอง ไหลลงมาตลอดตั้งแต่ต้นปี 2014
สาเหตุหนึ่งมาจากปริมาณการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และอีกสาเหตุหนึ่งคือฤดูฝน
แต่ตอนนี้เริ่มนิ่งแล้ว คาดว่าน่าจะกลับทิศเป็นขาขึ้นได้

ดัชนีค่าระวางเรือเทกอง ไหลลงมาตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้เริ่มนิ่งแล้ว คาดว่าดัชนีค่าระวางเรือน่าจะปรับตัวขึ้นได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับช่วงปลายฤดูฝนดัชนีจะค่อยๆดีขึ้นอยู่แล้วอันเป็นปัจจัยตามฤดูกาล หุ้นที่ได้อานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือก็คือหุ้นสายการเดินเรือเทกองนั่นเอง

นอกจากนี้ ขณะนี้ดัชนีค่าระวางเรือตู้ (เรือคอนเทนเนอร์) ก็ค่อยๆดีขึ้น สะท้อนภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ดังนั้นหุ้นเรือคอนเทนเนอร์ก็ได้รับอานิสงส์ด้วย ตอนนี้ปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว (ไม่ได้นำภาพมาแสดงให้ดู)


ทีนี้ก็มาถึงกลุ่มกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมกันบ้าง หมู่นี้แมวน้ำอัปเดตหุ้นในกลุ่มนี้มาเป็นระยะ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง มีการชะลอประมูลคลื่นรอบใหม่ไปอีก 1 ปี ทีนี้ก็อลเวงกันพอสมควร เรื่องจากสัมปทานคลื่นที่แต่ละค่ายถืออยู่หมดอายุไม่พร้อมกัน ทำให้ต้องมาประเมินกันว่าใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ และมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเมินได้ค่อนข้างยาก

เรามาอัปเดตหุ้นแต่ละตัวกันเลย


ราคาหุ้น ADVANC

ADVANC ราคาไหลลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีสัมปทานคลื่นสองช่วงคลื่นที่กำลังจะหมดลง ตอนนี้ยังประเมินกันไม่ถูกว่าจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์เป็นมูลค่าเท่าใด ทางกองทุนเทมาเสกของสิงคโปร์ที่ถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมากก็ประกาศลดการลงทุนในหุ้นนี้ลง ฝุ่นก็ยิ่งตลบเข้าไปใหญ่ ราคาจึงไหลลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรูปแบบทางเทคนิคที่เกิดแกปใหญ่แล้วปิดไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นแกปที่แสดงถึงขาลงยาว หรือคลื่น C นั่นเอง

ราคาแถวๆ 200-205 บาทเป็นแนวรับใหญ่ชั้นหนึ่ง แถวๆนี้ค่า P/E ratio กับอัตราเงินปันผลก็สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนเริ่มอยากเก็บแถวๆราคานี้ ถือไว้สัก 10 ปี กินปันผลสบายใจ ราคาชะลอตัวอยู่แถวแนวรับใหญ่ก็เพราะนักลงทุนเริ่มสนใจเงินปันผลกับค่า P/E ที่จูงใจนั่นเอง



ราคาหุ้น DTAC

ส่วนราคาหุ้น DTAC สภาพการณ์ต่างออกไป เมื่อวานยังเกิด big black candle คือราคายังไหลลงไม่หยุด


ราคาหุ้น THCOM

ราคาหุ้นดาวเทียมไทยคม หุ้นนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากที่ขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี คือน่าจะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงระบบทีวีเป็นดิจิทัล ทำให้รายได้ของ THCOM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีโครงการส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นไปอันจะทำให้รายได้มากขึ้น แต่ตอนนี้รูปแบบราคาไหลลงอย่างรวดเร็วจนหลุดแนวของช่อง SEC (standard error channel) สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เพราะไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ราคาที่ไหลลงนี้ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แต่อาจเป็นเหตุผลที่นักลงทุนรายย่อยยังไม่รู้ก็ได้



ราคาหุ้น TRUE

ราคาหุ้น TRUE ในทางเทคนิคเป็นขาขึ้นแล้ว ช่วงนี้ราคาคงยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น จนกว่าการเพิ่มทุนในปลายเดือนสิงหาคมจะแล้วเสร็จ หลังจากนั้นคงต้องมาดูกันอีกที

สำหรับหุ้นสื่อสารโทรคมมานาคมนั้น ตอนนี้สถานการณ์เรียกได้ว่าฝุ่นตลบ ภาครัฐอาจกำลังเปลี่ยนกฎกติกา ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้ให้บริการทั้งสามค่ายคิดอ่านอย่างไร วางกลยุทธ์อย่างไร จะลงทุนเพิ่มอย่างไร ขณะเดียวกันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นทั้งของ TRUE และ เครือ INTUCH, ADVANC, THCOM ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป 

ทั้งเครือ ADVANC, DTAC, TRUE กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว การลงทุนเพิ่มเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นประเด็นสำคัญของธุรกิจนี้ก็คือการลงทุนและความสามารถในการแข่งขัน อย่ามองแต่เฉพาะเพียงเงินปันผลหรือค่าพีอีที่ดึงดูดใจ เพราะแม้ปีนี้เงินปันผลจะงาม แต่ค่ายใดหากชะลอการลงทุน หรือต้องการปล่อยมือจากธุรกิจในประเทศไทย ก็อาจทำให้เสียความสามารถในการแข่งขันได้ ธุรกิจจะเปลี่ยนไปทันที และปีต่อไปก็อาจไม่ได้เห็นผลกำไรหรือเงินปันผลอีก ดังนั้น ลุงแมวน้ำคิดว่าตอนนี้ฝุ่นตลบ รอดูก่อนดีกว่า ให้สถานการณ์ชัดเจน ให้รู้แผนการของแต่ละค่ายก่อนว่าจะเอาอย่างไร จะลงทุนต่ออย่างไร จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างไร เมื่อเห็นชัดแล้วจึงค่อยตัดสินใจเข้าลงทุนดีกว่าคร้าบ

No comments: