Monday, December 31, 2012

31/12/2012 * เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ สุขีปีใหม่ เรื่องประทับใจ

บุฟเฟต์อลังการ มื้อเคาต์ดาวน์ ราคาตั้งแต่ 500 บาทไปจนถึง 300,000 บาทต่อหัว สะท้อนถึงกำลังในการบริโภค

การลงทุน เชื่อกันว่าเป็นวิถีแห่งความร่ำรวยในโลกทุนนิยม ดังนั้นจึงมีผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวกับความร่ำรวยจากการลงทุนออกมามากมาย


วันนี้เป็นวันสิ้นปี 2012 ปีปัจจุบันกำลังจะจากไป ปีใหม่ 2013 กำลังย่างกรายมา

ยังดีที่โลกไม่แตกเสียก่อนเมื่อวันที่ 21/12/2012 ลุงแมวน้ำขุดรูอยู่ที่ข้างโขดหินเตรียมไว้แล้ว ตั้งใจว่าหากโลกแตกก็จะหนีลงรู ขอหลบไปตั้งหลักก่อน แต่เมื่อไม่แตกก็คงไม่ต้องใช้ ^__^ และก็ดีที่โลกไม่แตก ไม่อย่างนั้นลุงแมวน้ำคงไม่ทันได้เห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยทะลุ 1400 จุด แม้ว่าจะยังยืนไม่อยู่ก็ตาม แต่ก็ดีที่ได้เห็นละน่า

ตลอดปีที่ผ่านมานี้ลุงแมวน้ำก็วุ่นวายหลายอย่าง ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ถึงคราวจะวุ่นก็หาเวลาว่างไม่ได้เลย ถึงคราวจะว่างก็หาอะไรทำไม่ได้เลยก็มี แต่ปีนี้ส่วนใหญ่จะไปทางวุ่นเสียมากกว่า แมวน้ำขวัญใจมหาชนก็แบบนี้แหละ ^__^

ขณะนี้ย่านสยามสแควร์ ราชดำริ ราชประสงค์ มีการตกแต่งประดับไฟอย่างอลังการ ได้ข่าวมาว่าคืนวันสิ้นปีนี้จะปิดถนนพระราม 1 ตั้งแต่หน้าสนามกีฬาไปจนถึงชิดลม และปิดถนนราชดำริตั้งแต่แยกประตูน้ำไปจนถึงเอยูเอ เพื่อใช้เป็นถนนคนเดินฉลองเคาต์ดาวน์ ลุงแมวน้ำเองก็ยังไม่มีโอาสได้ไปดูเลยแต่หลายๆคนบอกว่างามตระการตามาก โดยเฉพาะคืนวันสิ้นปีคงยิ่งงามเป็นพิเศษ

ตลอดปีที่ผ่านมาลุงแมวน้ำสังเกตเห็นว่าประชาชนมีการบริโภคที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่ดูจากตัวเลขทางเศรษฐกิจด้วยและจากการสังเกตของลุงแมวน้ำเองด้วย พบว่าประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอย เห็นได้ชัดๆก็จากโครงการรถคันแรกที่มีผู้สมัครเข้าใช้สิทธิ์เพื่อซื้อรถใหม่มากมาย รวมทั้งหากไปตามต่างจังหวัดก็จะเห็นโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียม ผุดขึ้นในต่างจังหวัดในอัตราที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างเช่น ขอนแก่น อุดรธานี มีการก่อสร้างเยอะมากทีเดียว และจากการสังเกตตามร้านอาหารต่างๆ โดยเฉพาะร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านเหล่านี้คนแน่นตลอด บางร้านคนไปเข้าคิวกันราวกับมีงานบุญแจกอาหารฟรี เหล่านี้ล้วนสะท้อนภาพให้เห็นว่าประชาชนมีการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น

และข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งที่ลุงแมวน้ำอยากพูดถึงก็คือ เทศกาลฉลองเคาต์ดาวน์ในคืนวันสิ้นปี 2012 ซึ่งก็คือคืนนี้นั่นเอง ลุงแมวน้ำอ่านหนังสือพิมพ์เห็นโฆษณาอาหารค่ำหรือดินเนอร์ฉลองเคาต์ดาวน์ตามโรงแรมและห้องอาหารต่างๆในราคาที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ลุงแมวน้ำอ่านหนังสือพิมพ์ ดูราคาบุฟเฟต์มื้อเคาต์ดาวน์ไปเรื่อยๆ ที่ถูกที่สุดราคาประมาณ 500 บาทต้นๆ จากนั้นก็เป็นราคาเกือบๆ 1,000 บาท กลุ่มนี้ถือว่าราคาถูกสุดเท่าที่เห็นแล้ว ถัดจากนั้นก็เป็นกลุ่มราคาหลักพัน ก็อ่านไปเรื่อง มี 1,800 บาท, 2,500 บาท, 3900 บาท, 4900 บาท โอ๊ะ ชักจะแพงแฮะ

ยังไม่หมด อ่านไปอีก 6,500 บาท, 7,800 บาท, 9,500 บาท จากนั้นก็โดดไปที่ 15,000 บาท, 25,000 บาท แล้วก็ 30,000 บาทขึ้นไปก็มี อูย เขากินอะไรกันเนี่ย คำตอบก็คือกินบรรยากาศ ไม่ได้กินแต่อาหาร แปลว่าบรรยากาศราคาแพงมากเลยล่ะสิ ทำไมบรรยากาศแถวโขดหินของลุงแมวน้ำไม่แพงอย่างนี้บ้างนะ ^__^

ยังไม่หมด สุดท้ายอ่านไปพบดินเนอร์บุปเฟต์ฉลองเคาต์ดาวน์ ในราคาระดับสุดไฮโซ แถวย่านราชประสงค์ ราคาหัวละ 300,000 บาท ลุงแมวน้ำแสดงละครสัตว์ตลอดปีจนปวดหลังยังเก็บค่าทิปไปซื้อบุตเฟต์นี้ไม่ได้เลย แต่ถึงซื้อได้เขาก็อาจไม่ให้เข้า เพราะว่าคงกลั่นกรองลูกค้า เมื่อดูจากราคาอาหารที่เพิ่มมากขึ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการย่อมมั่นใจในกำลังซื้อและกำลังการบริโภค ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าตั้งราคากันแบบนี้



เมื่อมีการบริโภคมากขึ้น แน่นอน เศรษฐกิจก็ย่อมดีขึ้น จีดีพีก็ย่อมสูงขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจส่วนตัวของแต่ละคนจะดีขึ้นไปด้วย หลายๆคนที่มีกำลังซื้อในปัจจุบันนี้ก็เพราะเอาเงินในอนาคตมาใช้ พูดง่ายๆก็คือกู้เขามาจับจ่ายใช้สอยนั่นเอง ดังนั้นบางคนที่เราเห็นแต่งตัวหรู อยู่คอนโดแพงๆ แต่ที่จริงแล้วอาจจะหมุนเงินจากบัตรเครดิตมือเป็นระวิง รูดใบนั้นมาจ่ายใบนี้ รูดใบนี้มาจ่ายใบโน้น ก็ย่อมเป็นไปได้

ความเป็นอยู่หรือว่าไลฟต์สไล์นั้นสังคมยอมรับกันว่าเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงฐานะหรือว่าเป็น symbol of status การที่จะยกระดับชั้นทางเศรษฐกิจของตนเองให้มีสถานะสูงขึ้นได้ก็จำเป็นจะต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมจึงมักมีเป้าหมายในการแสวงหาความร่ำรวย ทั้งนี้ เพราะค่านิยมของสังคมในระบบทุนนิยมหล่อหลอมให้คิดว่าเป้าหมายของชีวิตคือการมีสถานะทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ดังนั้นคนเราส่วนใหญ่จึงดิ้นรนไขว่คว้าหาความรวย รวย และรวย คนรุ่นก่อนมีเป้าหมายในชีวิตคือความสุข และถือว่าความรวยคือวิธีที่จะได้มาซึ่งความสุข ดังนั้นจึงไขว่คว้าหาความร่ำรวย แต่คนรุ่นใหม่กลับมองว่าเป้าหมายในชีวิตคือความร่ำรวย และใช้การทำมาหากินกับลงทุนเป็นวิธีในการที่จะได้มาซึ่งความร่ำรวย แต่ละคนจึงทำงานหนัก มีชีวิตที่เร่งรีบ วุ่นวายกับการทำมาหากินและการลงทุน โดยลืมคิดไปว่าเมื่อรวยแล้วได้อะไรตอบแทนมาบ้าง บางคนรวยแล้วได้สิ่งตอบแทนคือโรคภัยไข้เจ็บมากมายอันเนื่องจากการใช้ชีวิตกินอยู่แบบคนเมือง สุดท้ายเงินทองมากมายก็เอาไปจ่ายบิลโรงพยาบาลเสียมาก ความสุขก็ไม่มีเพราะโรคภัยรุมเร้า

ทีนี้มาถึงเรื่องการลงทุนกันบ้าง เมื่อเราส่วนใหญ่คิดกันว่าการลงทุนคือวิถีทางหนึ่งของความร่ำรวย และการมีเงินเยอะๆ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีคนจำนวนมากเดินอยู่ในเส้นทางของการลงทุน เมื่อมีอุปสงค์ก็มีอุปทาน (อุปทานนะ ไม่ใช่อุปาทาน) เมื่อมีคนลงทุนเพื่ออยากรวย ผู้ประกอบการก็เสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆเพื่อตอบสนองความอยากรวย ดังนั้นเมื่อเราไปงานสัมมนาด้านการลงทุน หรืองานนิทรรศการด้านการลงทุนต่างๆ เราจึงพบแต่คำว่า รวย มั่งคั่ง เศรษฐี ล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ฯลฯ เต็มไปหมด แต่หลายคนก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเท่าไรจึงจะเรียกว่ารวย หรือรวยเท่าไรจึงจะพอได้แล้ว

ในวันส่งท้ายปีเก่า 2012 ต้อนรับปีใหม่ 2013 นี้ ลุงแมวน้ำอยากจะขอเสนอภาพชีวิตในบางแง่บางมุม ลองมาดูกัน


ศิลปินข้างถนน ใช้ถังสีคว่ำเป็นกลองชุด


ภาพนี้ลุงแมวน้ำถ่ายที่หน้าหอศิลป์ กรุงเทพฯ ตรงสี่แยกปทุมวัน เป็นศิลปินเปิดหมวกที่หาเลี้ยงชีพด้วยการโชว์ฝีมือการตีกลอง เข้าใจว่าคงจะทุนน้อยจึงไม่ได้ซื้อกลองที่เป็นเครื่องดนตรีมาใช้ แต่กลับใช้ถังสีคว่ำมาเป็นกลอง ลุงแมวน้ำเห็นศิลปินคนนี้นั่งรัวกลองตอนบ่ายสองโมง แดดกำลังสาดจ้า  รัวจนเหลื่อไหลไคลย้อย เสียงดังมาก ฝีมือรัวกลองก็เร้าใจดี แต่ไม่เห็นใครหยอดกระปุกให้เลย มีแต่รีบเดินผ่านไป



หญิงชราขาพิการ ต่อสู้กับชีวิตอย่างทรหด เดินทางเองด้วยรถวีลแชร์ สองมืออ่อนล้า หมุนล้อลำบาก ต้องใช้ไม้ถ่อช่วยดันรถ เป็นภาพชีวิตที่ลุงแมวน้ำเห็นแล้วต้องอึ้งและต้องยอมรับนับถือในความทรหดสู้ชีวิตของหญิงชราผู้นี้


ภาพนี้ลุงแมวน้ำถ่ายได้แถวๆสี่แยกอโศก เป็นหญิงชรา อายุคงในราว 60-70 ปี ในหน้าเต็มไปด้วยริ้วร้อยเหี่ยวย่น เส้นผมขาว หญิงชราคนนี้ขาพิการ แกมีวีลแชร์ที่เก่ามากคันหนึ่งเป็นพาหนะ บนรถมีข้าวของวางเต็มไปหมด คล้ายๆกับบ้านเคลื่อนที่ของแก หรือไม่ก็แกคงมีอาชีพเก็บของเก่าเพื่อไปขาย

หญิงชราคนนี้ไม่ได้นั่งขอทานอย่างสบาย ตอนที่ลุงแมวน้ำเห็นนั้นแกกำลังพยายามขับวีลแชร์ของแกจากในถนนสุขุมวิทเลี้ยวเข้าไปในซอย 19 ท่ามกลางรถเก๋งและมอเตอร์ไซค์ที่ล้อมหน้าล้อมหลัง ลุงแมวน้ำดูแล้วก็เสียวไส้แทน วีลแชร์คันนั้นเก่ามากแล้ว ดูสภาพทรุดโทรม คนก็แก่ รถก็เก่า ทั้งคนและรถคงอยู่บนเส้นทางชีวิตมาอย่างยาวนาน หญิงชราเคลื่อนวีลแชร์ไปช้าๆเท่าที่เรี่ยวแรงจะมี สังเกตดูในภาพจะเห็นว่าแกไม่ได้ใช้สองมือหมุนล้อเพื่อขับวีลแชร์ แต่แกใช้ไม้เท้ายันพื้นถนนต่างถ่อเพื่อขับเคลื่อนวีลแชร์ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะหมุนล้อไม่ไหวเพราะการหมุนล้อวีลแชร์นั้นกินแรงพอสมควร แต่หากใช้ถ่อค้ำจะกินแรงน้อยกว่า

ภาพนี้เป็นภาพชีวิตที่ลุงแมวน้ำเห็นแล้วรู้สึกสะท้อนใจ และต้องยอมรับนับถือในความทรหดสู้ชีวิตของหญิงชราผู้นี้ ขณะที่ถ่ายภาพ ลุงแมวน้ำเกิดคำถามขึ้นในใจมากมาย เช่น หญิงชราที่มีอายุปูนนี้อีกทั้งยังพิการ ทำไมยังต้องมาตรากตรำชีวิตในท้องถนนเมืองกรุงแบบนี้ ทำไมแกไม่เลือกที่จะขอทาน แกมีลูกหลานหรือไม่ ถ้ามีแล้วลูกหลานดูแลแกบ้างหรือไม่ สังคมของเราจะช่วยเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขให้แกได้มากน้อยเพียงใด ฯลฯ




ชายคนนี้เล่นกับแมวเหมียวข้างสถานีรถไฟฟ้าอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจกับคนที่เดินผ่านไปมาหรือเวลาที่เสียไป เป็นชีวิตที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่วุ่นวาย มีความสุขแม้กับเรื่องราวและสิ่งเล็กน้อยที่อยู่รอบตัว เป็นชีวิตที่น่าอิจฉาทีเดียว


ภาพนี้เป็นชายในวัยกลางคน ลุงแมวน้ำคิดว่าน่าจะอายุกว่า 50 ปีแล้ว สังเกตจากผมขาว ลุงแมวน้ำเห็นแกที่สถานีรถไฟฟ้าที่มีคนพลุกพล่านแห่งหนึ่ง ที่สถานีนี้จะมีแมวเหมียวสีน้ำตาล หน้าตาน่ารักอยู่สองตัว คิดว่าเป็นแมวมีเจ้าของเพราะว่ามีปลอกคอและด้านหลังเป็นตลาดด้วย ลุงแมวน้ำก็เดาเอาว่าเป็นแมวในตลาดที่ออกมาเที่ยวเล่น

ชายคนนี้แต่งกายดี เหมือนกับว่ากำลังเดินทางไปทำงาน ลุงแมวน้ำเห็นแกแวะเล่นกับแมวเหมียวอยู่เป็นประจำ ครั้งละนานพอสมควร นั่งกันบนพื้นถนนอย่างเป็นกิจจะลักษณะเลยทีเดียว น้องเหมียวก็นอนให้แกเกาพุงอย่างสบายอารมณ์ ดังที่เห็นในภาพ ที่จริงข้างๆตัวแกมีเครื่องดื่มอยู่ถ้วยหนึ่ง นั่งเล่นกับแมวไปก็ดื่มเครื่องดื่มไป บางวันก็ติดหนังสือพิมพ์มาด้วย เกาพุง (แมว) ไปอ่านหนังสือพิมพ์ไปสบายอารมณ์ ใครเดินผ่านไปมาแกก็ไม่สนใจ ในขณะที่คนจำนวนมากที่เดินผ่านแกไปมานั้นกำลังรีบร้อนเพื่อจะไปธุระหรือไปทำงาน แต่ละคนก็มีใบหน้าที่เคร่งเครียด แต่ดูแกไม่รีบร้อนอะไร เป็นชีวิตที่อิสระเสรี และมีความสุขกับเรื่องราวและสิ่งเล็กน้อยรอบข้างได้อย่างน่าอิจฉา ถ้าลุงแมวน้ำจะอิจฉาใครสักคนก็ขออิจฉานายคนนี้แหละ


แล้วก็มาถึงบุคคลคนสุดท้ายที่ลุงแมวน้ำอยากจะกล่าวถึงในบทความส่งท้ายปีเก่านี้ ลองมาดูกัน

























ข้างบนนี้เป็นวีดิโอที่เล่าเรื่องราวของหญิงชราคนหนึ่ง ชื่อคุณยายยิ้ม เป็นหญิงชราในวัยแปดสิบกว่าปี ที่อาศัยอยู่ในป่าเพียงลำพังมานานกว่ายี่สิบปี สาเหตุที่คุณยายไปอยู่ในป่าเพียงลำพังนานขนาดนั้นเพราะว่าแกมีความตั้งใจจะสร้างฝายกั้นน้ำเพื่อให้นกและสัตว์ป่าได้ใช้เป็นแหล่งน้ำ เนื่องจากแถบนั้นในหน้าแล้วขาดน้ำ แกตั้งใจจะช่วยในหลวงสร้างฝายเพราะรู้ว่าในหลวงใส่พระทัยเรื่องแหล่งน้ำเนื่องจากน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเป็นอยู่ของทั้งคน สัตว์ และพืช

ด้วยวัยที่ชรา ด้วยหลังที่โค้งงอเนื่องจากภาวะกระดูกพรุน และด้วยเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลง แต่แกก็ทำของแกไปเรื่อย ทำทุกวันไม่เคยหยุด ชีวิตเรียบง่าย ทรัพย์สมบัติมีเพียงของใช้ประจำวันนิดหน่อย ความตั้งใจในการเป็นผู้ให้ของคุณยายยิ้มนั้นเกินร้อย ความสุขของแกคือการเดินข้ามเขาไปเข้าวัดทุกวันพระ ไปวัดครั้งหนึ่งก็กินเวลาหลายวันเพราะว่าอยู่ไกล หลายคนคิดว่าแกเพี้ยน แต่ลุงแมวน้ำกลับอยากให้โลกนี้มีคนเพี้ยนแบบนี้เยอะๆ

วีดิโอคลิปนี้มี 7 ตอน ลุงแมวน้ำอยากให้ดูกันจนจบ ใจเย็นๆ ค่อยๆดูไปทุกตอน สังเกตการดำเนินชีวิต คำพูด ความคิด และทัศนคติต่อโลกและชีวิตของคุณยายยิ้ม ลุงแมวน้ำไม่อยากเล่ามาก แต่อยากให้แต่ละคนชมและค้นพบด้วยตนเองมากกว่า หากใครดูแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ ก็ถือเสียว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากลุงแมวน้ำ หลายคนอาจคิดว่าของขวัญปีใหม่ของลุงแมวน้ำไม่ลงทุนเลยเนอะ แต่เอาละน่า ของบางอย่างด้อยราคาแต่สูงด้วยคุณค่าคร้าบ ^__^



วันนี้ลุงแมวน้ำเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลุงแมวน้ำคงไม่สรุปอะไร เพราะว่าคำตอบอยู่ที่ใจของแต่ละคนเองอยู่แล้ว

ขอให้มีความสุขในปีใหม่ 2013 นี้คร้าบ ^__^

Thursday, December 27, 2012

27/12/2012 * ทองคำพักผ่อน หุ้น น้ำมัน ยางพารา ไปต่อ

วันนี้ลุงแมวน้ำมาอัปเดตนิดๆหน่อยๆ ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาล นักลงทุนทางตะวันตกหยุดกันเยอะแล้ว ดังนั้นปริมาณการซื้อขายหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกซบเซาลง นี่เป็นเรื่องตามปกติที่เกิดขึ้นทุกปี

แต่แม้ว่านักลงทุนจะหยุด แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้หยุดไปด้วย โปรแกรมติดตามราคาและสั่งซื้อขายยังคงทำงานอยู่ หลายปีมานี้โปรแกรมเหล่านี้มีบาทบาทต่อตลาดมากขึ้น ทำให้ราคาซื้อขายผันผวนเนื่องจากโปรแกรมเหล่านี้ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ถึงจุดขายก็สั่งขายในปริมาณตามที่กำหนด โดยไม่คำนึงว่าราคาร่วงไปแล้วเท่าไร ดังนั้นในภาวะที่ตลาดมีปริมาณซื้อขายน้อย หากโปรแกรมเหล่านี้ทำงานสั่งซื้อขายยิ่งมีผลกระทบทำให้ตลาดผันผวนมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลจากการเทรดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นี้มีส่วนทำให้ระบบเทรด PNT 1.1 (Peak and trough 1.1) เทรดแล้วแพ้ตลาด คือเกิดสัญญาณหลอก (false signal) บ่อยครั้ง ทำให้นักลงทุนขาดทุน เนื่องจากระบบนี้ใช้ได้ดีกับตลาดผันผวนน้อยถึงปานกลาง หากผันผวนสูงจะทำงานไม่ค่อยดีแล้ว ลองสังเกตดูได้จากการใช้ระบบนี้กับสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนสูง เช่น ยางพารา น้ำมันดิบ ฯลฯ ก็จะพอเห็นได้

พูดถึงน้ำมันดิบ วันนี้มาอัปเดตราคาน้ำมันดิบกันหน่อย ลองดูกราฟราคาน้ำมันดิบเบรนต์ (BZ) ต่อไปนี้


ราคาน้ำมันดิบเบรนต์


จากภาพ จะเห็นว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์ค่อยๆขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคืนก็เกิดแท่งเทียนขาวใหญ่ คือขึ้นไปได้แรงพอควร ในทางเทคนิค หากผ่าน 112 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ไปได้ก็น่าจะเห็นราคาน้ำมันดิบไปเกิน 117 ดอลลาร์ สรอ


ต่อมาก็มาดูราคายางพารากัน ดังภาพต่อไปนี้

ราคายางพารา RSS3

ราคายางพาราค่อยๆขึ้นแบบปริมาณซื้อขายน้อย มาร์เกตติงตลาดสินค้าเกษตรเล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้ต้องเอานิยายหรือเอาไหมมาถักโครเชต์แก้เซ็ง ที่ว่านั่งตบยุงหรือแมลงวันนั้นไม่มีแล้วเนื่องจากยุงกับแมลงวันไม่มีเหลือให้ตบนานแล้ว ว่าไปโน่น 

ในทางเทคนิค หากราคาผ่าน 106 บาทไปได้แสดงว่าอยู่ในคลื่น 3 ค่อนข้างแน่ ซึ่งจะไปได้อีกไกล ประกอบกับช่วงนี้ยาเริ่มผลัดใบ น้ำยางออกน้อยแล้วด้วย ตามฤดูกาลแล้วช่วงนี้ราคาก็มักปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้ว

ราคาทองคำตอนนี้พักผ่อนอยู่ ยังไม่ไปไหน แต่คาดว่าคงพักผ่อนไม่ได้นาน

จากนั้นก็มาดูตลาดหุ้นไทยกันบ้าง




หุ้นตัวนี้นับคลื่นได้ค่อนข้างชัด ขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งยังไปต่อได้อีก ถือเป็นตัวแทนหุ้นมาร์เกตแคปสูงได้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวขึ้นเรื่อยๆจะทำให้ราคาหุ้นพลังงานของไทยค่อยๆขยับตัวขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ลุงแมวน้ำมองว่า ระยะเวลาถัดจากนี้ไป ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ด้วยหุ้นมาร์เก็ตแคปสูง หรือหุ้นตัวใหญ่นั่นเอง

ผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทยอาจลองพิจารณากองหุ้นของตนเองดู เพราะกองทุนรวมหุ้นนั้นมีการจัดพอร์ตหุ้นต่างๆนานา บางกองทุนลงทุนในหุ้นตัวกลางกับตัวเล็ก (mid cap, small cap) ซึ่งราคาหุ้นตัวกลางกับเล็กในปี 2555 นี้ขึ้นไปมาก ทำให้กองทุนรวมหุ้นเหล่านี้ผลประกอบการดีมากๆ ส่วนกองทุนรวมหุ้นที่เป็นหุ้นตัวใหญ่จะมีผลประกอบการณ์สู้ไม่ได้

แต่ต่อจากนี้ไปลุงแมวน้ำมองว่ากองทุนรวมพวกหุ้นตัวใหญ่จะสลับมาทำผลงานได้ดีกว่า ส่วนพวกตัวกลางกับตัวเล็กจะไม่ค่อยแรงแล้ว

Saturday, December 22, 2012

22/12/2012 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำขนมปังช็อกโกแลตขิงสูตรเจ





ลุงแมวน้ำไม่ได้เขียนสารคดีวันหยุดมาเดือนกว่าทีเดียว คิดถึงสารคดีวันหยุดนี้จัง ลุงแมวน้ำมีเรื่องที่อยากเล่าหลายเรื่องทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดก็หาเวลาเขียนไม่ได้สักที อย่าว่าแต่สารคดีวันหยุดเลย สารคดีวันธรรมดาเรื่องการลงทุน ลุงแมวน้ำก็ยังห่างๆไปบ้าง ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปละเนอะ ไม่มีอยู่อะไรคงที่หรือว่าแน่นอน

ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่แล้ว ลุงแมวน้ำจึงเข้าครัวเพื่อทำอะไรกินฉลองปีใหม่เสียหน่อย เห็นภาพข้างบนแล้วใช่ไหม วันนี้ลุงแมวน้ำสลัดบทบาทนักแสดง นักลงทุน และเถ้าแก่ มีสวมบทบาทเชฟ กลายเป็น เชฟแมวน้ำ แต่วันนี้แต่งรูปภาพได้ไม่ค่อยเนียนนักเพราะว่ารีบทำ  ^__^

จะทำอะไรเป็นของกินปีใหม่ดีล่ะ ช่วงนี้เป็นเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ฝรั่งตะวันตกมักทำขนมปังขิงหรือคุกกิ้ขิงกัน ขนมปังจะเป็นแนวขนมปังกรอบ ลุงแมวน้ำก็คิดว่าจะทำขนมปังขิงบ้างเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาล แต่ว่าเนื่องจากลุงแมวน้ำชอบอะไรที่ง่ายๆ จะทำขนมปังกรอบหรือคุกกี้ก็ต้องวุ่นวายไปเปิดเตาอบ อย่ากระนั้นเลย ทำขนมปังขิงที่เป็นขนมปังปอนด์นุ่มๆดีกว่า จะได้ใช้เครื่องทำขนมปังได้

ขนมปังขิงที่ลุงแมวน้ำจะทำในวันนี้เป็น ขนมปังช็อกโกแลตขิงสูตรเจ เป็น สูตรสุขภาพ ตามสมควร คือไม่ถึงกับสุขภาพจ๋า จะได้อร่อยลิ้นหน่อย สุขภาพจ๋าเกินไปก็ไม่อร่อย

เหตุที่ลุงแมวน้ำทำขนมปังช็อกโกแลตขิง ไม่ใช่ขนมปังขิงเฉยๆนั้นก็เพราะว่าช็อกโกแลตกับขิงเป็นรสที่เข้ากันได้ดี ลุงว่าน่าจะอร่อยกว่าขนมปังขิงอย่างเดียว ก็เลยทำเป็นขนมปังช็อกโกแลตขิง

วันนี้ลุงแมวน้ำเข้าครัวตั้งแต่ตีสอง ตีสองจริงๆ ง่วงชะมัด ^__^ แต่ก็ต้องทำเวลานี้เพราะว่าต้องการให้เสร็จตอนเช้ามืด กลางวันยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก หากไม่ทำตั้งแต่ตีสองจะมีเวลาไม่พอ

ลุงแมวน้ำแก้ง่วงด้วยการกินกาแฟ ไปได้กาแฟโบราณมาจากยะลา ลุงไม่ได้ไปซื้อที่ยะลาหรอก ซื้อมาจากงานโอท็อปที่กำลังจัดอยู่ตอนนี้นี่เอง คนขายก็สูงอายุพอสมควร คนขายเล่าให้ฟังว่านี่เป็นกาแฟพันธุ์อาราบิก้าท้องถิ่นของยะลา ผลิตด้วยวิธีการของคนสมัยก่อน คือคั่วด้วยกระทะแล้วบดด้วยการใส่ครกตำ จากนั้นเอามาคลุกกับน้ำตาลอ้อย เวลาดื่มก็ดื่มแบบคนรุ่นก่อนที่ดื่มกัน นั่นคือชงน้ำร้อนแล้วกินทั้งยังงั้นเลย หมายถึงว่ากินกากกาแฟเข้าไปด้วย ไม่ได้ใช้เครื่องกรองหรือกระดาษกรองกากกาแฟแต่อย่างใด

อะไรโบราณๆย้อนยุคนี่ลุงชอบ ก็ลุงแมวน้ำเป็นแมวน้ำรุ่นเก่านี่นา ก็ต้องชอบอะไรเก่าๆ พอได้ยินว่าคั่วกระทะแล้วตำด้วยครกเท่านั้นก็รีบซื้อมาเลย เพิ่งจะได้ลองชิมก็ตอนที่แก้ง่วงระหว่างทำขนมปังนี่แหละ รสชาติของกาแฟหอม อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว แถมกากกาแฟยังละเอียดมาก นึกถึงตอนตำกาแฟจนได้กากกาแฟเนื้อละเอียดขนาดนี้คงใช้แรง เวลา และความตั้งใจไปมากทีเดียว ลุงแมวน้ำก็กินลงไปด้วยเลยเพราะรู้สึกว่ามันมีคุณค่า ทิ้งกากก็เสียดาย ก็อร่อยดี ^__^

ว่าจะเล่าเรื่องทำขนมปัง แต่ไหงเลยไปเล่าเรื่องกาแฟ วันหยุดก็ขอทำตัวช้าๆ สบายๆ สักหน่อยก็แล้วกัน แวะคุยตรงโน้นตรงนี้บ้างอย่าคิดว่าเสียเวลาเลย

มาเข้าเรื่องขนมปังช็อกโกแลตขิงกันต่อ ลุงแมวน้ำบรรยายตามภาพ ดูภาพแล้วอ่านคำบรรยายตาม คุยกันไปเรื่อยๆก็แล้วกันนะคร้าบ





ขนมปังช็อกโกแลต ขิง สูตรเจ และเป็นสูตรสุขภาพ นั้นใช้วัตถุดิบตามภาพข้างบน วัตถุดิบจะหลายอย่างหน่อยแต่ก็คุ้มเหนื่อยเพราะว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพ มาดูสูตรกัน สูตรนี้ทำแล้วได้ขนมปังหนักประมาณ 1,000 กรัม (1 กิโลกรัม)


      1. แป้งขนมปัง 375 กรัม
      2. แป้งโฮลวีต 80 กรัม
      3. แป้งข้าวไรย์ดำ 15 กรัม
      4. น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 90 กรัม
      5. ผงโกโก้ 40 กรัม
      6. ยีสต์ผงแบบสำเร็จรูป (instant yeast) 10 กรัม
      7. เกลือ 6 กรัม
      8. น้ำมันมะกอก 30 กรัม
      9. นมถั่วเหลืองเจ แบบจืดหรือแบบน้ำตาลต่ำ 440 กรัม
      10. ขิงอ่อนสับละเอียด 70 กรัม


ลุงแมวน้ำถนัดใช้สูตรชั่ง ไม่ถนัดใช้สูตรตวง วันนี้ยังแปลงน้ำหนักเป็นสูตรตวงไม่ทัน เอาแต่สูตรชั่งน้ำหนักไปก่อนละกัน

แป้งโฮลวีตกับแป้งข้าวไรย์ดำนั้นช่วยเพิ่มใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดค่าดัชนีน้ำตาล (glycemic index) ลงได้บ้าง

นมถั่วเหลืองนั้นจะใช้นมถั่วเหลืองกล่องหรือน้ำเต้าหู้ที่ต้มขายตามแผงก็ได้ ตามแต่สะดวก ควรใช้รสจืดที่ไม่เติมน้ำตาล หรือหากหารสจืดไม่ได้ก็ใช้สูตรน้ำตาลต่ำ เพราะเรามีน้ำตาลในสูตรขนมปังอยู่แล้ว ที่ใส่นมถั่วเหลืองเพราะต้องการให้ขนมปังมีคุณประโยชน์จากโปรตีนด้วย หากใช้น้ำเปล่า ขนมปังที่ได้จะมีปริมาณโปรตีนค่อนข้างต่ำ อย่างที่ลุงแมวน้ำใช้นี้ก็เป็นนมถั่วเหลืองสูตรเจ น้ำตาลต่ำ เท่าที่เห็นในท้องตลาด นมถั่วเหลืองกล่องไม่มีรสจืดเลย มีแต่หวานมากกับหวานน้อย แต่ถ้าซื้อน้ำเต้าหู้ตามแผงละก็หารสจืดที่ไม่เติมน้ำตาลได้

ขิง เลือกใช้ขิงอ่อน

น้ำตาล ใช้นำตาลทรายไม่ฟอกสี สูตรนี้ใช้น้ำตาล 90 กรัม ได้ขนมปังที่หวานปะแล่ม คือหวานน้่อย หากต้องการให้หวานมากขึ้นก็เพิ่มน้ำตาลลงไปได้อีก






ลุงแมวน้ำเล่าเรื่องขิงเพิ่มเติมอีกหน่อย ขิงที่ใช้ทำขนมปังควรเป็นขิงอ่อน เพราะว่าหั่นง่าย และเคี้ยวง่าย หากใช้ขิงแก่จะสับให้ละเอียดได้ยากกว่าเพราะเนื้อขิงจะแข็ง และทำให้ขนมปังมีเนื้อที่เคี้ยวยากอีกด้วย

ที่เห็นในภาพข้างบนคือเครื่องทุ่นแรงของลุงแมวน้ำ ไม่อยากสับขิงให้เมื่อยครีบเลยใช้เครื่องสับแบบมือหมุน ดังที่เห็นสีเขียวๆในภาพ ลุงแมวน้ำซื้อมา 120 บาทเอง หั่น สับ วัตถุดิบเช่นหอม กระเทียม ขิง ข่า ฯลฯ ได้ดีทีเดียว หมุนไปหมุนมาเดี๋ยวเดียวก็ได้แล้ว







ขั้นตอนต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก คือ ใส่ทุกอย่างลงไปในถังของเครื่องทำขนมปัง จากนั้นกดปุ่มให้เครื่องทำขนมปังทำงาน เครื่องก็จะทำงานของมันไป ส่วนลุงแมวน้ำก็ไปนอนกระดิกครีบรอ

มีข้อสังเกตอยู่หน่อยหนึ่ง นั่นคือ เรื่องความหนืดของแป้ง ซึ่งความหนืดของแป้งที่นวดนี้ต้องพอดี คือนวดแป้งแล้วแป้งตั้งตัวขึ้นมาเป็นก้อนได้ตามในภาพ หากเหลวเป๋วตั้งเป็นก้อนไม่ได้แสดงว่าใส่น้ำมากเกินไป ขนมปังจะแฉะ ไม่น่ากิน ดังนั้นเวลาเราได้สูตรมา ปกติควรเติมน้ำให้ต่ำกว่าสูตรสักหน่อย หากนวดแป้งแล้วแป้งข้นมากก็ค่อยๆเติมน้ำลงไปทีละหน่อย จนได้ที่ แต่หากใส่น้ำแล้วมากเกินไปแล้วทางแก้คือใส่แป้งเพิ่มเพื่อปรับความหนืดให้พอดี แต่ก็เพิ่มต้นทุน รวมทั้งสัดส่วนทางโภชนาการยังเปลี่ยนไปด้วย






หลังจากที่ไปนอนกระดิบครีบรอ พอเครื่องอบเสร็จก็จะส่งเสียงร้องเรียก ลุงแมวน้ำก็ไปเปิดฝาแล้วหยิบขนมปังออกมา ได้มาตามภาพข้างบนนี้ สีเข้ม กลิ่นก็เข้มเพราะเป็นกลิ่นของช็อกโกแลตผสมกับกลิ่นเผ็ดของขิง






ปล่อยให้ก้อนขนมปังให้เย็นตัวลงจนเท่าอุณหภูมิห้อง จากนั้นก็เอามาหั่นเป็นแผ่น ลองสังเกตดูในภาพจะเห็นเนื้อขิงแทรกอยู่ในเนื้อขนมปังด้วย



ก็เป็นอันว่าเสร็จ ง่ายๆเพียงแค่นี้ลุงแมวน้ำก็ได้ขนมปังช็อกโกแลตขิงไว้กินฉลองคริสต์มาสแล้ว

ในการทำครั้งแรกคงต้องลองผิดลองถูกกันหน่อย อย่างเช่นว่ารสเผ็ดจากขิงนั้นเผ็ดถูกใจหรือยัง หากยังไม่ถูกใจก็ปรับปริมาณขิงในครั้งต่อไป เรื่องขิงนี่พูดยาก เพราะขิงอ่อนที่แต่ละคนได้มาทำขนมปังอาจมีความเผ็ดไม่เท่ากัน ดังนั้นที่ลุงแมวน้ำใช้ในสูตรว่าขิง 70 กรัมก็เป็นปริมาณกลางๆเท่านั้น

ส่วนเรื่องความหวานนั้น ตามสูตรนี้จะได้ขนมปังที่รสหวานนิดหน่อย คือหวานน้อย หากต้องการให้หวานมากขึ้นเป็นแนวขนมปังหวานก็ใส่น้ำตาลเพิ่มขึ้นได้ แต่เมื่อเพิ่มน้ำตาลลงไปเท่าไรก็ต้องไปลดแป้งขนมปังลงเท่านั้น สมมติว่าเพิ่มน้ำตาลอีก 30 กรัม (กลายเป็นน้ำตาล 90+30 =  120 กรัม) ก็ต้องไปลดแป้งในสูตรลง 30 กรัม (กลายเป็นปริมาณแป้ง 375-30 = 335 กรัม) เป็นต้น


ลุงแมวน้ำทำเสร็จและลองชิมดูแล้ว อร่อยใช้ได้นะ ได้บรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อีกต่างหาก ยามเช้าอากาศเย็นๆ กินขนมปังช็อกโกแลตขิงกับกาแฟร้อนๆ มีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว ^__^

Tuesday, December 18, 2012

14/12/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (10/12/2012 - 14/12/2012) * หุ้นขาขึ้น สินค้าโภคภัณฑ์รอเวลา

วันนี้ลุงแมวน้ำมาอัปเดตภาวะการลงทุนในรอบสัปดาห์กัน

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นขึ้นในทุกภูมิภาค เฉลี่ยทั้งโลกก็ปรับตัวขึ้นประมาณ +0.6% ตลาดที่ขึ้นแรงสุดคือตลาดหุ้นอาร์เจนตินา +8.75% ถัดมาเป็นตลาดหุ้นอียิปต์ +5.24% แรงลำดับสามคือตลาดหุ้นจีน +4.86% ส่วนตลาดหุ้นไทย SETi ปรับตัวขึ้นไป +1.76%

หากลองสังเกตดูในตารางข้างล่างที่ลุงแมวน้ำนำมาให้ดูกัน จะเห็นว่าตลาดหุ้นเกือบทุกตลาดเกิดสัญญาณซื้อเกือบหมดแล้ว แม้แต่ตลาดหุ้นกลุ่มยุโรปก็เป็นสัญญาณซื้อ มีเพียงบางตลาดเท่านั้นที่ยังเป็นสัญญาณขาย แต่ก็มีการปรับตัวขึ้นมา ในที่สุดก็อาจเกิดสัญญาณซื้อตามมาได้ ภาพใหญ่ที่เห็นนี้บ่งบอกชัดเจนว่าผลจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง ทั้งของสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ทำให้เกิดการเก็งกำไรในทรัพย์สินเสี่ยง ตลาดหุ้นตอนนี้เป็นแนวโน้มขาขึ้น แรงน้อยแรงมากแตกต่างกันไป แต่ดูว่าตลาดทางเอเชียค่อนข้างแรงกว่ากลุ่มยุโรปและสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจจริงจะเป็นอย่างไรไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง

ตลาดหุ้นยุโรปที่มีข่าวเขย่าขวัญทุกวันว่าเศรษฐกิจถดถอย แต่พิจารณาจากกราฟทางเทคนิค ขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่มีกำลัง


ตลาดหุ้นจีนลงแล้วลงอีก จนนว่ากลัวว่าจะหลุด 2,000 จุด แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้มีสัญญาณทางเทคนิคที่น่าสนใจ นั่นคือแท่งเทียนขาวใหญ่ หากตลาดหุ้นจีนกลับทิศได้จริงก็น่าสนใจทีเดียว และตลาดหุ้นเอเชียคงเก็งกำไรคึกคักยิ่งกว่าปัจจุบันเสียอี


ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ หากดูจากตารางด้านล่าง จะเห็นว่าสินค้าโภคภัณฑ์เกิดสัญญาณขายเกือบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ โลหะมีค่า สินค้าเกษตร มีสัญญาณซื้อเพียงโลหะอุตสาหกรรม ซึ่งเพิ่งเกิดสัญญาณซื้อไปไม่นาน ตอนนี้แรงเก็งกำไรยังกระจุกตัวอยู่ในตลาดหุ้น แต่ว่าต่อไปก็จะย้ายมาเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ต่อไปสินค้าโภคภัณฑ์ก็น่าจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นด้วย คอยติดตามดูกัน

ทางด้านตลาดตราสารหนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกันปรับตัวสูงขึ้นเฉพาะพันธบัตรอายุยาว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกัน 10 ปี ปรับตัวขึ้น 8 จุดเบสิส ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวขึ้นตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 5 จุดเบสิส ในขณะที่ตลาดหุ้นขึ้น สะท้อนว่ามีการขายพันธบัตรเพื่อมาเก็งกำไรในตลาดหุ้น

ทางด้านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว ทำให้เงินตราสกุลอื่นแข็งค่าขึ้น เงินสกุลยุโรปและเอเชียแข็งค่าขึ้นมากน้อยไม่เท่ากัน ยกเว้นเงินเยนที่อ่อนค่าลงจากการแทรกแซงของธนาคารกลางของญี่ปุ่น



ค่าเงินดอลลาร์ สรอ ดูจาก ดัชนีดอลลาร์ สรอ ขณะนี้กำลังอ่อนค่าลงมาติดแนวรับ ลุงแมวน้ำคาดว่าเงินดอลลาร์จะหลุดแนวรับนี้และอ่อนค่าต่อไป

เงินเยนอ่อนค่าหนัก อันเป็นผลจากการแทรกแซง 



ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมากทีเดียว เพราะผลจากการอัดฉีดสภาพคล่องของประเทศต่างๆ หากพิจารณาด้านความผันผวนจะเห็นว่าทองคำ เงินดอลลาร์ สรอ เงินสกุลยุโรป (เช่น เงินยูโร เงินฟรังก์สวิส ฯลฯ) ช่วงนี้สกุลที่ค่อนข้างเสถียรคือเงินบาทกับดอลลาร์สิงคโปร์ แต่แนวโน้มเงินบาทก็แข็งค่าเช่นกัน



ลองสังเกตดูในตารางอีกครั้ง จะเห็นว่ายางพาราตลาดญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นมากในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยางพาราของไทยปรับตัวขึ้นน้อย นั่นเป็นเรพาะผลจากอัตราแลกเปลี่ยน เงินเยนอ่อนค่า ทำให้ราคายางพาราไทยขึ้นไม่ได้มากเท่ากับยางญี่ปุ่น ดังนั้นช่วงนี้การลงทุนใดๆในสกุลเงินต่างประเทศหรือสินค้านั้นๆอิงกับสกุลเงินต่างประเทศ ต้องระวังเรืองผลจากอัตราแลกเปลี่ยนให้ดี


Photobucket

Thursday, December 13, 2012

13/12/2012 * ลุงแมวน้ำขึ้นรถไฟสาย 1700

วันนี้มาอัปเดตกันหน่อยนะครับ

ช่วงนี้ลุงแมวน้ำก็วุ่นวายตามเคย ชีวิตทำงานหลายอย่าง ตั้งแต่แสดงละครสัตว์งานประจำ ยังเป็นเถ้าแก่แมวน้ำอีคอมเมิร์ซ แล้วยังจะเป็นเชฟแมวน้ำสอนทำเบเกอรี่อีก ^_^ ลุงแมวน้ำไปซื้อหมวกเชฟมาแล้ว กับผ้ากันเปื้อนผืนใหม่ เวลาถ่ายรูปประกอบการทำอาหารจะได้ดูมีมาดเชฟแมวน้ำหน่อย

แต่ถึงจะวุ่นวายอย่างไร ลุงแมวน้ำก็ยังไม่ลืมมิตรรักแฟนเพลงนักลงทุนรายย่อยทุกคน ที่ช่วงนี้อัปเดตน้อยลงไปบ้างเพราะว่ายังไม่มีอะไรใหม่ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือตอนนี้ก็ยังเป็นอะไรเดิมๆดังที่ลุงแมวน้ำเคยกล่าวไปแล้ว ยังไม่เปลี่ยนความคิด ก็เลยห่างๆไปบ้าง แต่ถ้ามีอะไรสำคัญจะรีบมาบอก

เมื่อคืน 12/02/2012 ลุงเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ให้ข่าวจากการประชุมเฟดครั้งล่าสุดว่า จะอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ สรอ    โดยแบ่งเป็นเงินจากมาตรการ QE3 เดือนละ 40,000 ล้านดอลลาร์ กับเงินจากมาตรการ operation twist เดือนละ 45,000 ล้านดอลลาร์ เรื่อง opreration twist นั้นจะหมดอายุโครงการเดือนนี้ แต่เมื่อหมดอายุแล้วก็ยังมีมาตรการซื้อพันธบัตรต่อไป ก็เท่ากับต่ออายุดครงการออกไปนั่นเอง

ลุงแบนจะอัดฉีดไปเรื่อยๆจนกว่าอัตราการว่างงานจะเหลือ 6.5% ซึ่งเรืองอัตราการว่างงานนี้ขณะนี้ค่อยๆลดลง แต่ว่าไม่ได้ลดลงจากคนมีงานทำมากขึ้น หากแต่ลดลงจากคนถอดใจเลิกหางานทำ นี่เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์

สมมติง่ายๆ แรงงาน 10 คน มีว่างงาน 3 คน อัตราว่างงานคือ 3 ใน 10 หรือ 30%

ทีนี้เอาใหม่ สมมติว่าคนว่างงานถอดใจเลิกหางานไป 2 คน เหลือคนที่ยังดิ้นรนหางานอยู่เพียง 1 คน คนที่ถอดใจไปก็ไม่นับเป็นคนว่างงานแล้ว แรงงานทั้งหมดจึงไม่ได้มี 10 คน แต่มีเพียง 8 คน

ดังนั้นคนที่ว่างงานจริงๆ (คือตกงานแล้วยังดิ้นรนหางานทำอยู่) ก็เหลือเพียงคนเดียว จากแรงงานทั้งหมด 8 คน นั่นคือ อัตราว่างงาน 1 ใน 8 หรือ 12.5%

เห็นไหม แค่นั่งคิดเลขใหม่ อัตราว่างงานก็เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงบอกว่าตัวเลขนี้บางทีก็หลอกให้เราเข้าใจผิดได้ ต้องไปดูรายละเอียดลึกๆอีกทีหนึ่ง

เอาละ มาว่าเรื่องลุงเบนกันต่อ เมื่อลุงเบนประกาศเช่นนี้ เงินดอลลาร์ สรอ ก็อ่อน ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็อ่อนตัวลงเช่นกัน สาเหตุที่เงินดอลลาร์อ่อนเพราะภายใต้สถานการณ์อัดฉีดเช่นนี้ คือการพิมพ์เงินเพิ่มเข้ามาในระบบมากๆ ผลจะทำให้เงินเฟ้อและค่าเงินลดลง นักลงทุนก็ชิงขายเงินดอลลาร์ออกมา ส่วนตลาดหุ้นนั้นลุงแมวน้ำมองว่าน่าจะไปต่อ เพราะภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้เงินด้อยค่า หากต้องการรักษามูลค่าของเงินในกระเป๋าเอาไว้ก็ต้องเอาไปลงทุนให้เกิดผลกำไรมากๆ เพื่อให้ชนะเงินเฟ้อ  ซึ่งนั่นก็คือแรงจูงใจให้เงินจำนวนมากเหล่านี้เข้าไปเก็งกำไรในทรัพย์สินเสี่ยงต่างๆทั่วโลก ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงมองว่าตลาดหุ่นกับสินค้าโภคภัณฑ์คงขึ้นทั้งโลก เพียงแต่ว่าภูมิภาคไหนจะแรงกว่ากันเท่านั้นเอง

สำหรับภูมิภาคเอเชีย ตอนนี้ประเทศที่ตลาดหุ้นขึ้นดีมีอยู่ 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์

ลุงแมวน้ำจะสรุปจากภาพ ดูตามภาพไปเรื่อยๆนะคร้าบ

เงินดอลลาร์ สรอ หลุดจากกรอบ SEC ใหญ่ (สีดำ) ลงมา ขณะนี้แนวโน้มย่อยเป็นขาขึ้นซึ่งก็เหมือนการรีบาวด์ของขาลง ลุงแมวน้ำคาดว่าเงินดอลลาร์ สรอ ต้องอ่อนค่าต่อไปตามแนวโน้มใหญ่ในที่สุด

เงินบาท หลุดจากกรอบใหญ่ SEC มาแล้ว แนวโน้มแข็งค่าต่อไป


ทองคำ เด้งอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมชายธง ใกล้สุดปลายชายธงแล้ว ช่วงนี้มีกองทุนเก็งกำไรขายทองคำออกมา ทำให้ราคาร่วงและอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง หากเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงอีก ทองคำก็ต้องขึ้น ลุงแมวน้ำมองว่าปลายชายธงนี้มีโอกาสขึ้นต่อมากกว่าลงต่อ ตอนนี้แนวโน้มขาขึ้นยังอ่อนกำลัง ให้รอดูสัญญาณซื้อเสียก่อน

ราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง ฟิวเจอร์สทองคำ อีทีเอฟทองคำ ภายใต้ภาวะเงินบาทแข็ง ดอลลาร์ สรอ อ่อน หากเทรดเป็นเงินบาทจะเสียกำไรจากค่าเงินไปโข ทางออกคือกองทุนทองคำที่ปิดความเสี่ยงค่าเงินเอาไว้ หรือนักลงทุนเทรดทองคำแล้วชอร์ตฟิวเจอร์สของดอลลาร์ สรอ ไปด้วย


น้ำมันดิบ นักวิเคราะห์บอกว่าราคาน้ำมันเป็นทิศทางขาลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี การบริโภคน้ำมันลดลง แต่ตามเทคนิคเป็นขาขึ้น ลุงแมวน้ำประเมินว่าโอกาสขึ้นต่อมีมากกว่าลง แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้แนวโน้มขาขึ้นยังอ่อนกำลัง ต้องรอสัญญาณซื้อเสียก่อน การเทรดน้ำมันดิบเป็นเงินบาทก็เสียเปรียบอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับทองคำ ทางออกก็เช่นเดียวกัน คือกองทุนน้ำมันดิบที่มีการเฮดจ์ค่าเงินหรือนักลงทุนชอร์ต usd futures ไว้ด้วย

น้ำมันดิบ wti ก็เช่นกัน ตอนนี้ดูจากเส้นแนวโน้มเป็นขาขึ้น แต่ว่ายังอ่อนกำลัง ต้องรอสัญญาณซื้อ


ยางพารา ตอนนี้ทุกคนกลัวยางพารา เพราะปัจจัยพื้นฐานมองว่าเป็นขาลง แต่ในทางเทคนิคเห็นได้ค่อนข้างชัดว่าเป็นคลื่นขาขึ้น ตอนนี้กำลังเข้าคลื่น 3 ประกอบกับหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ราคายางพาราค่อยๆขึ้นแบบซื้อขายกันน้อยมาก คือมูลค่าการซื้อขายต่ำ ลุงแมวน้ำประเมินว่าอีกไม่นานวอลุ่มจะมา แล้วเข้าสู่คลื่น 3 เต็มตัว 



ตลาดหุ้นไทย ผ่านแนวต้าน 1,330 จุด (โดยประมาณ) มาแล้ว ไม่เหลือแนวต้านระยะสั้นแล้ว  แนวต้านถัดไปคือ 1400 จุด, 1450, 1550, 1700 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านใหญ่ของเมื่อ 16 ปีกว่ามาแล้วทั้งสิ้น

ตั้งแต่วันที่ 28 พย. ที่ผ่านมา ต่างชาติกลับลำ จากขายสุทธิอย่างต่อเนื่องมานานนับเดือน มาเป็นซื้อสุทธิ 9 วันทำการที่ผ่านมา ฝรั่งขายแค่วันเดียว อีก 8 วันเป็นซื้อสุทธิ หุ้นมาร์เก็ตแคปสูงปรับตัวขึ้น ตัวเล็กตัวน้อยไม่ขึ้น แสดงว่าฝรั่งก็น่าจะกำลังเข้าซื้อ หากฝรั่งเข้าก็ซื้อเป็นเดือนเช่นเดียวกันกับตอนขาย ช่วงนี้ต้องเทรดหุ้นที่ฝรั่งลงทุน ว่าไปตามน้ำดีกว่า
สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น ไม่ควรซื้อเพียงตัวหรือสองตัว ควรกระจายสัก 5-7 ตัว คนละกลุ่มกัน ทำแบบนี้จะช่วยให้พอร์ตการลงทุนเสถียร ลดความผันผวนจากภาวะตลาดได้ส่วนหนึ่ง ในทางวิชาการคือการเพิ่มค่าอัลฟาของหุ้นด้วยการซื้อหุ้นเป็นกลุ่มนั่นเอง รวมทั้งการจัดพอร์ตหุ้นหลายตัวให้กระจายกลุ่มมักให้ผลตอบแทนดีกว่าลงทุนในดัชนีอีกด้วย

และอย่าลืมว่าหุ้นไม่ได้ขึ้นทุกวัน ดังนั้นอย่าซื้อเพลินเชียว ต้องรักษาวินัยในการเทรดและทบทวนกลยุทธ์การลงทุนไว้เสมอ ^_^






Thursday, December 6, 2012

06/11/2012 สรุปภาวะการลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน (11/2012)

วันนี้ลุงแมวน้ำนำสรุปภาวะตลาดในรอบเดือนมาให้ดูกัน

ในรอบเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกเฉลี่ยแล้วปรับตัวขึ้นไม่มาก ประมาณ 1% กลุ่มที่ขึ้นแรงกว่าเพื่อนคือกลุ่มยูโรโซน ประมาณ +3% ตามมาด้วยกลุ่มเอเชีย ส่วนสหรัฐอเมริกานั้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนไทยนั้นปรับตัว +1.9%

สำหรับจีนนั้น แม้ว่าดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของจีนจะเกินกว่า 50% ต่อเนื่องกันสองเดือนแล้ว คือถ้าต่ำกว่า 50% ถือว่าถดถอย นี่ถือว่าเกือบจะหลุดจากภาวะถดถอยแล้ว แต่ว่าดัชนีตลาดหุ้นของจีนไม่ตอบสนองเลย เดือนที่ผ่านมานี้ดัชนี CSI 300 ของจีนปรับตัวลงไป -5% และยังทำจุดต่ำสุดใหม่อีก ไม่ตอบสนองต่อข่าวนี้เลย ดัชนี PMI ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นภาวะชั่วคราวก็ได้เนื่องจากภาคการผลิตมักมีการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อรับเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน พ้นจากตรุษจีนแล้วอาจถดถอยลงไปอีก ส่วนดัชนีการผลิตของสหรัฐอเมริกาก็ดีขึ้นเช่นกัน แต่ก็อีกนั่นแหละ อาจเป็นเพราะเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ก็ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่าเศรษฐกิจของ จีน และ สรอ ฟื้นตัวแล้ว

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โลหะก็ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เดือนที่แล้วเงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้นนิดหน่อย เงินเยนอ่อนค่า เงินบาททรงตัว

ด้านตลาดพันธบัตร เดือนที่แล้วพันธบัตรอเมริกัน อายุ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนลดลง ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยนั้น ถ้าเป็นพันธบัตรอายุยาว 3 ปีขึ้นไป เส้นอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น ส่วนที่ต่ำกว่า 3 ปีเส้นอัตราผลตอบแทนปรับลดลง หมายความว่ามีกาารขายพันธบัตรอายุยาวออกไป น่าจะเป็นเพราะต้องการนำไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า  ส่วนพันธบัตรอายุสั้นและกลางที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำลงนั้นเพราะว่าเงินไหลมาพักในพันธบัตรอายุสั้นและกลางเพื่อรอจังหวะย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่นนั่นเอง



Photobucket