วันนี้เรามาอัปเดตตลาดในรอบสัปดาห์กันครับ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทุนโดยรวมปรับตัวลงทุกภูมิภาค สาเหตุน่าจะมาจากผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่ยอยประกาศออกมาต่อจากสัปดาห์ก่อนก็ไม่ประทับใจเช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า ตลาดจึงลง แม้ว่าจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีของอเมริกาที่ดีขึ้นกว่าที่คาดเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
ส่วนทางด้านยุโรปผลการประชุมสุดยอดผู้นำของสหภาพยุโรปไม่มีอะไรคืบหน้า อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นของสเปนยังถูกลดอันดับเครดิต สถานการณ์ทางฝั่งยุโรปจึงยังไม่มีอะไรดีขึ้นนัก จะมีข่าวดีบ้างก็กลุ่มทรอยก้าขยายเวลาการปรับปรุงการคลังของกรีซออกไปอีกสองปี ทำให้กรีซพอมีเวลาหายใจนานขึ้นอีกหน่อย
สรุปแล้วภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงประมาณ -1.7% โดยเฉลี่ย ตลาดหุ้นเอเชียไม่แน่นอน มีทั้งที่ปรับตัวลงและปรับตัวขึ้น ที่ปรับตัวลงมักลงแรง เช่น ตลาดหุ้นจีน -3.6% ไต้หวัน -3.7% ออสเตรเลีย -2.1%
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น SETi ปรับตัวลง -2% แต่ S50 หรือว่าฟิวเจอร์สของ SET50 ลงแรงกว่า คือลงไปถึง -2.8% ก็ถือว่าตลาดไทยลงแรงกว่าตลาดโลกโดยเฉลี่ยอยู่บ้าง ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิตลอดทั้งเดือน คิดตั้งแต่ต้นเดือนก็หมื่นกว่าล้านบาท
ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมก็ปรับตัวลงเช่นกัน ทองคำลงนิดหน่อย -0.7% โลหะเงินลง -0.1% น้ำมันดิบ wti ลงแรง -4.6% ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ลงเพียง -0.5% สินค้าเกษตรลงต่ออีก -1.4% โดยเฉพาะพืชพลังงานลงแรงตามน้ำมันดิบ ข้าวโพด -3.1% น้ำตาล -4.4%
ด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่แล้วเงินอัตราแลกเปลี่ยนไม่หวือหวา ปรับตัวในกรอบแคบ ดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์ สรอ usd index +0.6% เงินสกุลยุโรปอ่อนตัว เงินเยนอ่อนตัว เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า ส่วนเงินบาทอ่อนค่า -0.13%
ด้านตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์ที่แล้วก็ไม่หวือหวาเช่นกัน เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทยมีทั้งปรับตัวขึ้นและปรับตัวลง โดยพันธบัตรอายุ 18 ปีหรือต่ำกว่านั้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงเล็กน้อยกับทรงตัว ส่วนพันธบัตรที่อายุมากกว่า 18 ปีมีอัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปีคงตัว ไม่ขึ้นไม่ลง ส่วนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอายุคงเหลือ 10 ปีปรับตัวลง 2 จุดเบสิส ลงนิดเดียว
ตอนนี้สถานการณ์คงทรงๆ ปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบไปก่อน เพราะทุกอย่างกำลังรีรอดูผลการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนถัดไป ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วันก็คงเป็นการประกาศตัวผู้นำใหม่ของจีน หลังจากนั้นตลาดคงมีการเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองข่าว
สถานการณ์ล่าสุด จนถึงวันที่ 29/10/2012 ซูเปอร์พายุเฮอริเคนหรือที่เรียกกันว่า แฟรงเกนสตอร์ม (Frankenstorm) ซึ่งเพี้ยนมาจากผีดิบแฟรงเกนสไตน์ พายุนี้มีชื่อว่าแซนดี (Sandy) ชื่อน่ารักแต่ฤทธิ์เดชเหลือร้าย กำลังเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาอยู่ กินพื้นที่หลายรัฐทีเดียว ผลจากพายุทำให้ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายไปไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในนิวยอร์กต้องปิดชั่วคราวในวันที่ 29-30 ตุลาคม สองวันนี้อเมริกาไม่มีซื้อขายหุ้นเพราะตลาดปิด ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร ฯลฯ เหล่านี้มีการเทรดเฉพาะในระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ที่เทรดในห้องค้าก็หยุดเช่นกัน
ผลจากพายุนี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบ wti ลดลงเนื่องจากประเมินกันว่าธุรกิจหยุดชะงักไปหลายวันทำให้การใช้พลังงานลดลง ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ไม่ได้ลงด้วยเพราะคนละพื้นที่กัน
ทางด้านสถานการณ์น้ำมันดิบ ล่าสุดตะวันออกกลางยังไม่สงบดี ความวุ่นวายในซีเรียยังไม่จบ อีกทั้งอิหร่านประกาศออกมาแล้วเมื่อวานว่าตอนนี้นานาชาติกดดันด้วยการคว่ำบาตรอิหร่าน หากอิหร่านเข้าตาจะต้องตอบโต้บ้างแล้ว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะตอบโต้อย่างไร อาจหมายถึงการสกัดช่องทางส่งน้ำมันดิบของกลุ่มตะวันออกกลางก็ได้
Tuesday, October 30, 2012
Monday, October 29, 2012
29/10/2012 * จับตาสถานการณ์ยุโรป เลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา และการผลัดผู้นำของจีน
วันนี้ลุงแมวน้ำยังทำข้อมูลประจำสัปดาห์ไม่เสร็จ แต่มีของมาฝาก
เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่น่าจับตามอง เพราะว่าขั้วอำนาจใหญ่ของโลกในสองซีกโลกกำลังผลัดผู้นำพร้อมๆกัน นั่นคือ ทางฝั่งตะวันตก สหรัฐอเมริกากำลังจะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ใครจะได้เป็นประธานาธิบดี การเลือกตั้งนี้มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดทุนอย่างไร แม้แต่สถานการณ์ในยุโรปก็ยังต้องรอดูผลจากการเลือกตั้งในครั้งนี้เช่นกัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หาคำตอบได้ที่นี่คร้าบ ลุงแมวน้ำไปฟังการบรรยายมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในหัวข้อ "วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและต่างประเทศ" ของธนาคารซีไอเอ็มบี วิทยากรบรรยายได้น่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาแบบฟังกันง่ายๆ ช่วยให้ติดตามข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ สรอ เข้าใจขึ้นอีกมา พร้อมกันนั้นยังอัปเดตสถานการณ์ทางฝั่งยุโรปให้อีกด้วย คุ้มค่าน่าฟังครับ บางส่วนของการบรรยายอยู่ที่นี่ ทีวีช่องลุงแมวน้ำ ตามไปฟังกันได้ มี 7 คลิป ลุงแมวน้ำยังไม่ได้เขียนบรรยายรายละเอียดของคลิปเพราะว่าทำไม่ทัน ฟังกันไปก่อนแล้วลุงแมวน้ำจะมาเขียนรายละเอียดให้ทีหลัง
อีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือทางฝั่งตะวันออก เดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการเปลี่ยนผู้นำของจีนอันเป็นการเปลี่ยนตามวาระ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ก็น่าจับตาเช่นกัน เพราะจีนเป็นขั้วอำนาจใหญ่ขั้วหนึ่งของโลก อีกทั้งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน การเมืองในพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนค่อนข้างรุนแรงทีเดียว สังเกตได้จากกรณีของป๋อซีไหลที่กวาดล้างขั้วอำนาจภายในกันอย่างถอนรากถอนโคน สะท้อนความรุนแรงอยู่ภายใน
นอกจากนี้ ตัวเต็งผู้นำของจีนยังเก็บตัวเงียบจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เกิดความอึมครึม การเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำของจีนย่อมกระทบกับระบบเศรษฐกิจของจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจของจีน รวมทั้งตลาดหุ้นของจีนก็รีรอเพื่อดูตัวผู้นำคนใหม่ของจีนอยู่ ตอนนี้ตลาดหุ้นของจีนไม่มีสัญญาณบ่งชี้ทั้งเลยไม่ว่าจะเป็นทางดีหรือทางร้าย แกว่งตัวออกข้างไปเรื่อย
แต่อีกไม่นาน เดือนหน้าก็รู้ว่าเมื่อขั้วอำนาจของโลกผลัดผู้นำถึงสองขั้ว โลกจะเป็นอย่างไรต่อไป
ดัชนี CSI300 ของตลาดหุ้นจีน กำลังไร้ทิศทาง รอดูผู้นำใหม่ของจีนอยู่ |
Saturday, October 27, 2012
27/10/2012 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เที่ยวงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ
ลุงแมวน้ำว่างเว้นไม่ได้เขียนสารคดีเช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำเสียนาน ช่วงนี้งานพอจะคลายออกจากพุงของลุงแมวน้ำได้บ้าง จึงรีบมาเขียนให้อ่านกัน ^__^
สัปดาห์นี้เดิมทีว่าจะเขียนเกี่ยวกับธุรกิจของลุงแมวน้ำที่เขียนค้างเอาไว้ยังไม่จบ แต่พอดีลุงแมวน้ำได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือมา หรือจะเรียกชื่อทางการให้เต็มยศก็ต้องเรียกว่า งานมหกรรมหนังสือสือระดับชาติ ครั้งที่ 17 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มา งานนี้จัดตั้งแต่วันที่ 18 - 28 ตุลาคม 2555 และเหลืออีกเพียง 2 วันก็จะสิ้นสุดลงแล้ว ลุงแมวน้ำจึงคิดว่ารีบเขียนเรื่องนี้ก่อนดีกว่า เผื่อว่าใครที่ได้อ่านแล้วอยากไปเที่ยวงานขึ้นมาจะได้ไปทัน
สารคดีเรื่องนี้ลุงแมวน้ำถ่ายทำเป็นวิดีโอคลิปด้วย พาเดินงาน 30 นาที ที่จริงลุงแมวน้ำเดินหลายชั่วโมง เดินกันจนเมื่อยพุง แต่ว่าถ่ายทำและตัดต่อมาให้ดูกันเพียง 30 นาที เป็นสีสันและบรรยากาศในวันพฤหสบดีที่ผ่านมา ลุงแมวน้ำไม่ชอบเดินในวันหยุดเพราะว่าคนแน่นมาก เดินเบียดแล้วดูอะไรไม่ค่อยสะดวก สู้เดินวันทำงานดีกว่า คนน้อยดี เมื่อถ่ายทำคลิปเสร็จแล้วจึงจับเป็นภาพนิ่งออกมาอีกทีหนึ่ง ดังนั้นในสารคดีเช้าวันหยุดครั้งนี้พวกเราจะได้ดูกันทั้งคลิปและภาพนิ่ง ภาพนิ่งไม่ชัดเหมือนที่เคยถ่ายผ่านๆมาเนื่องจากทำมาจากคลิปนั่นเอง อีกอย่างก็คือ ลุงแมวน้ำถ่ายคลิปจากโทรศัพท์ครีบถือ ไม่ได้ใช้กล้องวีดิโออย่างมืออาชีพ ดังนั้นคุณภาพก็อยู่ในระดับพอใช้ได้เท่านั้น แต่ก็พอดูได้ละน่า ^__^
เอาละ มาเดินชมงานกันดีกว่า ลุงแมวน้ำจะเลาตามภาพไปเรื่อยๆ ส่วนวีดิโอคลิปก็อยู่ข้างบน มี 2 คลิป ชมกันได้ตามอัธยาศัย ขอให้มีความสุขในวันหยุดกันทุกๆคนคร้าบ
อ้อ เตือนกันไว้ก่อนว่าการไปเดินเที่ยวงานที่มีคนแน่นๆอย่างเช่นงานหนังสือนี้ เรื่องที่ต้องระวังอย่างยิ่งก็คือเรื่องกลุ่มมิจฉาชีพ พวกกรีดกระเป๋า ล้วงกระเป๋า ฉกของ ฯลฯ โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่สะพายกระเป๋าไว้ข้างตัว หากถูกกรีดหรือถูกล้วงมักไม่รู้ สุภาพบุรุษที่พกกระเป๋าตังค์ไว้ที่กระเป๋ากางเกงก็เช่นกัน ทั้งกระเป๋าหลังและกระเป๋าหน้ามีโอกาสโดน จุดที่ที่ปลอดภัยจากการถูกกรีดถูกล้วงคือด้านหน้าลำตัวครับ ดังนั้นสตรีควรสะพายกระเป๋าไพล่มากอดไว้หน้าลำตัวดีกว่า ส่วนชายก็อาจจะสะพายย่ามหรือเป้สักใบแล้วไพล่มาด้านหน้าลำตัวเพื่อให้ย่ามบังกระเป๋ากางเกงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง วิธีนี้จะทำให้การกรีดหรือล้วงกระเป๋าทำได้ยาก ปลอดภัยขึ้นเยอะเลย ^__^
ลุงแมวน้ำลงจากรถไฟฟ้าแล้วก็เดินเข้างาน ที่เห็นในภาพนี้เป็นทางเดินห้องโถงใหญ่ งานหนังสือนี้ใช้พื้นที่เต็มที่ แม้แต่ทางเดิน หรือแม้แต่ถนนนอกอาคารก็ยังมีบู๊ธหนังสือ หนังสือเยอะมากจริงๆ |
พื้นที่จัดแสดง ทำเป็นโซนเล็กๆเพื่อให้เต๊ะท่าถ่ายรูปกัน ทำด้วยกระดาษทั้งหมด โซนถ่ายรูปนี้อยู่หน้าแพลนารีฮอลล์ (Planary Hall) |
เอาละ เดินเข้ามาในแพลนารีฮอลล์แล้ว ห้องนี้เป็นห้องที่ค่าเช่าพื้นที่แพงที่สุด บู๊ธในนี้ส่วนใหญ่ประชันกันแต่งบ๊ธสุดชีวิต บู๊ธนี้เป็นหนังสือวัยรุ่นแนวหวานแหวว |
บู๊ธนี้วัยรุ่นแน่นทุกครั้ง เป็นการ์ตูน และเรื่องแปลจีน นิยายของหวงอี้ขายดีเชียว |
บู๊ธนี้เป็นแนวนิยายเรื่องยาว พวกผู้หญิงนิยมอ่านกัน นักเขียนรุ่นใหญ่ก็เช่น ทมยันตี กฤษณา อโศกสินธุ์ แนวผู้ชายอ่านก็มี เช่นเพชรพระอุมาของพนมเทียน เป็นต้น แต่ลุงแมวน้ำไม่เคยอ่าน ยาวมาก อ่านไม่ไหว |
นี่ก็แนววัยรุ่นหวานแหวว โรแมนติก |
พวกแนวการฝีมือ ทำอาหาร มีคนสนใจเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะหนังสือการฝีมือ เช่นถักโครเชต์ แม่บ้านนิยมกันมาก มีกระแสพอสมควรทีเดียว |
บู๊ธนี้เกาะกระแสเออีซี (AEC) หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ลุงแมวน้่ำไม่ค่อยแน่ใจว่าคนทั่วไปสนใจเรื่องราวเออีซีกันขนาดไหน |
บู๊ธนี้ขวัญใจวัยรุ่น คนแน่นทุกครั้งเลย |
ออกจากแพลนารีฮอลล์ก็เดินมาชมที่โซนพลาซ่า (Plaza zone) กันต่อ ลุงแมวน้ำจะเดินขึ้นบันไดแล้วนะ ^_^ |
นี่ของสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ทำหนังสือหลายแนว อ่านเล่นก็มี วิชาการก็มี การเมืองก็มี ไปจนถึงการฝีมือ ดูดวง โหราศาสตร์ ฯลฯ วันนี้คนบางตาไปบ้าง |
นี่เป็นบู๊ธของกลุ่มอีบุ๊ก (ebook) งานครั้งก่อนเมื่อเดือนเมษายน บู๊ธพวกอีบุ๊กเด่นเชียวเพราะผู้จัดงานเน้นจับกระแสอีบุ๊ก มางานนี้ไม่เน้นแล้ว เลยอยู่กันอย่างเหงาๆ |
นี่ก็นิยาย เป็นแนวโนมานซ์ เห็นภาพหน้าปกไหม กอดจูบกันอุตลุด แต่คนดูไม่เยอะนะ ^__^ |
บู๊ธนี้ร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ใหญ่ รายนี้คงชอบอยู่โซนซีเพราะเห็นอยู่ตรงนี้ทุกที คนแน่นมากทุกครั้ง แต่สองสามครั้งที่ผ่านมาดูบางตาลงไปบ้าง |
นี่เป็นแนวคู่มือเรียน กวดวิชา ของระดับนักเรียน บู๊ธแนวนี้มักมีวัยรุ่นสนใจ แต่ก็แล้วแต่ความดังของสำนักพิมพ์ด้วย ในหมู่นักเรียนจะรู้กันดีและแนะนำกันเองว่าควรใช้เล่มไหนของสำนักพิมพ์ไหน |
นี่ก็แนวคู่มือเรียน กวดวิชา กวดกันจนถึงระดับสอบเข้าเรียนปริญญาโทก็มีขาย |
หนังสือแนวเด็กเล็ก น่ารัก สีสวยเชียว แต่ทำไมคนชมน้อยนักก็ไม่รู้ |
ใครบอกว่าคนไทยเฉลี่ยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่เห็นนี้คือหนอนหนังสือตัวจริง ทั้งถุง ทั้งกระเป๋า เต็มไปด้วยหนังสือ |
บู๊ธของ อสท นิตรสารการท่องเที่ยวของ อสท เมื่อก่อนเป็นที่นิยมมาก คนเบียดกันบู๊ธแทบระเบิด แต่หลายปีมานี้เหงาลงไปเรื่อยๆ หนังสือแนวท่องเที่ยวดูจะเหงาลงไปทั้งกลุ่มเลย |
มาสคอตมาอีกแล้ว ตัวนี้หัวหนักมากกกกก เดินแล้วเซนิดหน่อย ^__^ |
ย้อนกลับมาที่ห้องโถงทางเดินอีกครั้ง นี่ของกรมศิลปากร ขายพวกหนังสือประชุมพงศาวดาร จดหมายเหตุลาลูแบร์ ฯลฯ คนน้อยเป็นปกติ |
นี่บู๊ธมาใหม่ ขายหนังสือเกี่ยวกับต้านโกงอะไรนี่แหละ มีการแสดงย่อยๆด้วย ได้ยินแต่คำว่าโกงๆๆๆ ตลอดการแสดง |
หนังสือในฮอลล์เอส่วนใหญ่เป็นสำนักพิมพ์ที่มาทีหลัง จึงจองบู๊ใธในตึกไม่ได้เพราะที่เต็มหมดแล้ว ในนี้ส่วนใหญ่เป็นแนววัยรุ่น การ์ตูนค่อนข้างเยอะ |
การทัวร์งานหนังสือของลุงแมวน้ำก็จบลงที่ฮอลล์เอ เพราะถัดจากนี้ก็เป็นทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพอดี ลุงแมวน้ำเมื่อยครีบแล้ว กลับโรงละครสัตว์ดีกว่า ^__^
ใครว่างอย่าลืมไปชมงานกันนะคร้าบ
Wednesday, October 24, 2012
24/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (15/10/2012 - 19/10/2012) * อเมริกาฉุดโลก
วันนี้เรามาสรุปความเปลี่ยนแปลงของตลาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วกัน แม้ว่าจะช้าไปหน่อยแต่ลุงแมวน้ำคิดว่ายังมีประโยชน์ครับ
สัปดาห์ที่ผ่านมา 15/10/2012 ถึง 19/10/2012 สถานการณ์ในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันไป
มาเริ่มที่ตลาดหุ้นกันก่อน ดูตลาดหุ้นยุโรปก่อนก็แล้วกัน ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมาสดใสทีเดียว ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับขึ้นไป +2.05% สถาบันจัดอันดับมูดีส์คงอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนเอาไว้ ทำให้สถานการณ์ดูดีมีความหวัง แม้ว่าสถาบันจัดอันดับอื่นจะลดความน่าเชื่อถือของธนาคารสเปนลงไปอีก ตลาดหุ้นสเปน กรีซ อิตาลีขึ้นแรง
ทางด้านสหรัฐอเมริกา เป็นช่วงที่ผลประกอบการไตรมาสสามทยอยออกมา บริษัทยักษ์ใหญ่ของ สรอ หลายแห่งมีผลประกอบการที่ดี แต่หลายแห่งที่ปล่อยออกมาในตอนท้ายสัปดาห์ก็น่าผิดหวัง และหลายแห่งที่น่าผิดหวังนี้เองที่ฉุดตลาดหุ้นอเมริกันและยุโรปในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ไม่ให้ไปไหน ส่งผลทำให้ตลาดโลกโดยรวมพลอยถูกฉุดลงมาด้วย บริษัทยักษ์ที่ผลประกอบการน่าผิดหวังก็เช่น Microsoft, General Electric, McDonald's, Google, DuPont, United Technologies, 3M ฯลฯ
ทางด้านตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับตัวขึ้น แต่รวมแล้วยังไม่แรงเท่ายุโรป ตลาดหุ้นญี่ปุ่นขึ้นแรง +5.5% ตามมาด้วยตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ปัญหาเรื่องการพิพาทหมู่เกาะเตียวหยูระหว่างจีนกับญี่ปุ่นก่อนหน้านี้แรงกันทั้งคู่ ส่งผลให้คนจีนแอนตี้สินค้าญี่ปุ่นจนญี่ปุ่นอ่วม แถมสื่อมวลชนจีนยังเขียนวิจารณ์อีกว่ารัฐบาลจีนน่าจะขายพันธบัตรญี่ปุ่นออกมาเพื่อสั่งสอนญี่ปุ่นเสียหน่อย เนื่องจากจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ถือพันธบัตรญี่ปุ่นเอาไว้เยอะมาก แต่ญี่ปุ่นไม่กลัวเรื่องนี้เพราะหากขายออกมาจริงเงินเยนจะอ่อน ญี่ปุ่นชอบมาก ที่ไม่ชอบคือถูกจีนแอนตี้สินค้ามากกว่า จากกรณีพิพาทดังกล่าว ตอนนี้ดูมีแนวโน้มว่าจะเจรจากันได้เพราะทะเลาะกันจนเศรษฐกิจเจ็บตัวไปบ้างแล้วทั้งคู่
ด้านตะวันออกกลาง เหตุการณ์ยังไม่ค่อยสงบ เรื่องซีเรียยังคาราคาซังอยู่
ตลาดหุ้นไทย SETI ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.83% น้อยกว่าเพื่อนบ้าน ต่างชาติยังขายสุทธิสลับซื้อสุทธิ แสดงว่าต่างชาติเองก็ยังรีๆรอๆดูอยู่
มาดูทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กันบ้าง ในสัปดาห์ที่แล้วสินค้าโภคภัณฑ์ดูแปลกๆและยุ่งๆชอบกล โลหะมีค่ากับน้ำมันดิบไม่ค่อยดี ทองคำร่วง -2% โลหะเงินร่วง -4.7% น้ำมันิบเบรนต์ร่วง -3% ส่วนสินค้าเกษตรกลับปรับตัวขึ้น ฝ้ายขึ้นแรง +7.7% ตามมาด้วยโกโก้ +5.2% ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง ขึ้นหมด ส่วนยางพาราร่วงแรง
ด้านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้วเงินดอลลาร์ สรอ ทรงตัว แกว่งไปมาในกรอบ ไม่ได้ไปไหน แต่ราคาน้ำมันดิบกับทองคำร่วงแรงกว่าค่าเงิน เงินสกุลยุโรปแข็งค่า ส่วนเงินสกุลเอเชียไม่แน่นอน ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า เงินเยนอ่อนค่า ส่วนเงินบาทอ่อนค่าลง -0.26%
ด้านตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์ที่แล้วผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 11 จุดเบสิส ส่วนตลาดพันธบัตรไทยนั้นเมื่อวันที่ 17/10/2012 ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 สลึง เหลือ 2.75 บาท ทำให้วันนั้นเพียงวันเดียวเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้นค่อนข้างมาก ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปีลดลง 16 จุดเบสิส (basis point, bp) ในวันเดียว ทำให้อัตราผลตอบแทนไม่ค่อยน่าจูงใจแล้วเพราะคงแพ้เงินเฟ้อ แต่ก็น่าจะมีผลด้านการสกัดเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติลงได้บ้าง แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกันค่อยๆปรับสูงขึ้นแสดงว่าเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตรไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่นมากขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยนั้นลดต่ำลงจนไม่ค่อยจูงใจแล้ว แบบนี้หมายความว่าเงินเก่าที่ลงทุนอยู่ในตลาดพันธบัตรก็ยังคงอยู่ต่อไป แต่เงินใหม่ที่จะเข้ามาคงคิดหนักเพราะผลตอบแทนไม่ดีแล้ว เงินใหม่ที่เข้ามามีแนวโน้มกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นมากขึ้น
อ้อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุคงเหลือ 10 ปี ณ 19/10/2012 อยู่ที่ 3.41% ลดลงทั้งสัปดาห์คิดเป็น -9 จุดเบสิส ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเดือนกันยายน 2555 เทียบกับเดือนกันยายน 2554 (คือรอบหนึ่งปี ล่าสุด) อยู่ที่ 3.38%
วันนี้ลุงแมวน้ำมีภาพมาฝากหลายภาพ ลุงแมวน้ำทำตารางสรุปรายสัปดาห์เวอร์ชันใหม่มาให้ดูกัน แต่ก่อนจะดูขอให้มา อัปเดตตลาดเมื่อวันที่ 23/10/2012 กันก่อน วันที่ 23 นี้ไทยเราหยุดราชการ ตลาดไม่ได้เทรด แต่ตลาดชาติอื่นยังทำการ ลุงแมวน้ำจึงนำภาพสรุปมาให้ดู ตลาดวันที่ 23 นี้ไม่ค่อยดีเท่าไร ผลประกอบการของสหรัฐอเมริกาเป็นตัวฉุดตลาด
สรุปตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก 23/10/2012 |
สรุปอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญทั่วโลก 23/10/2012 |
สองภาพนี้ลุงแมวน้ำเอามาจาก CNN ดูง่ายดีกว่าของ yahoo เสียอีก
เอาละ หลังจากดูสรุปรายวันไปแล้ว คราวนี้มาดูตารางสรุปรายสัปดาห์กัน วันนี้มี 2 ตาราง หน้าตาคล้ายๆกันแต่คำนวณไม่เหมือนกัน ตารางแรกที่เห็นต่อไปนี้คือสรุปแบบเดิมที่เราดูกันเป็นประจำทุกสัปดาห์
ดูตารางแรกแล้วแล้วเลื่อนลงไปดูตารางที่สองด้วยนะคร้าบ
ข้างล่างต่อไปนี้เป็นตารางสรุปรายสัปดาห์แบบเพิ่มเติม ลุงแมวน้ำคำนวณขึ้นมาใหม่ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ราคาปิดหรือดัชนี (ในคอลัม close price) ปกติจะเป็นราคาปิดหรือดัชนีปิด ณ วันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ แต่สำหรับตารางข้างล่างนี้ลุงแมวน้ำคำนวณเป็นคะแนนมาตรฐาน (standard score) นั่นคือ เมื่อแปลงเป็นคะแนนมาตรฐานแล้วสามารถเปรียบเทียบกันได้ เอาไว้ใช้ดูความแรงของตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ในเชิงเปรียบเทียบกันนั่นเองว่าใครแรงกว่าใครและใครน่าลงทุนกว่าใคร
วิธีคิดของลุงแมวน้ำก็คือ ให้ราคาหรือดัชนีของทุกรายการ ตั้งต้นที่ก้นเหวของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ราคาหรือดัชนีที่ก้นเหวคิดเป็น 0 ก้นเหวของแต่ละตัวจะอยู่ที่ประมาณปลายปี 2008 ถึง 2009 ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน
ลองมาดูตัวอย่างกัน อย่างดัชนี SET ของไทย ก้นเหวอยู่ที่วันที่ 29/10/2008 ดัชนี SETi ณ วันนั้นคิดเป็น 0 จากวันนี้ถึงวันนี้ SETi ปรับขึ้นขึ้นมาแล้วเป็น 240.42% จากวันฐานหรือวันก้นเหว ดังนั้นคะแนนมาตรฐานของ SETi ในตารางข้างล่างนี้จะรายงานเป็น 240.42 จุด
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เทียบกันได้ในแง่ความแรง อย่างเช่นดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ DJI ตอนนี้มีคะแนนมาตรฐานที่ 103.81 จุด แสดงว่าตลาดหุ้นไทยแรงกว่า DJI เยอะทีเดียว ส่วนตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (JKSE) ได้ 289.71 จุด สรุปได้ว่าตลาดหุ้นย่านเอเชียนั้นตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาเด่นมาก แรงสุด เป็นรองแค่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเท่านั้น
ทองคำ GC คะแนนเป็น 144.54 จุด แสดงว่าเทรดหุ้นไทยกำไรดีกว่าเทรดทองอีก ส่วนโลหะเงิน SI 265.15 จุด เงินแรงกว่าทอง แรงกว่าหุ้นไทยด้วยนิดหน่อย
สรุปแล้วหากดูจากอดีต สวรรค์ก็อยู่ที่ตลาดหุ้นไทยนี่เอง ไม่ต้องดิ้นรนไปเทรดที่ไหนให้ไกลหรอก แต่อย่าลืมว่านี่คือเรื่องอดีต อดีตไม่ได้รับประกันอนาคตนะคร้าบ แต่ก็พอใช้เป็นแนวทางอะไรได้บ้างละน่า ^_^
มีข้อควรระวังอยู่บ้าง ตลาดหุ้นบางตลาดก้นเหวไม่ได้อยู่ในช่วงปี 2008-2009 หรือก้นเหวไม่ได้อยู่ในช่วงแฮมเบอร์เกอร์ ยกตัวอย่างเช่นตลาดหุ้นจีน ก้นเหวของตลาดหุ้นจีนเพิ่งเกิดไม่กี่วันมานี้เอง หรืออย่างตลาดหุ้นกรีซ ก้นเหวเกิดขึ้นในปีนี้เอง นี่คือข้อยกเว้น ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่รายการเท่านั้น
รายการที่เป็น #N/A แปลว่าข้อมูลไม่พอ ส่วนใหญ่มักหมายถึงฐานข้อมูลที่ลุงแมวน้ำมีอยู่มีไม่ถึงปี 2008 นั่นคือ เลยคำนวณไม่ได้
ลองดูตารางข้างล่างนี้ให้คุ้นในเชิงการเปรียบเทียบ เพราะต่อไปลุงแมวน้ำจะเขียนบทความเรื่องการสแกนหาหุ้นเด่น ต้องใช้คะแนนมาตรฐานทำนองนี้ด้วยคร้าบ ^__^
Monday, October 22, 2012
22/10/2012 * แนวโน้มยังไปต่อ เตรียมรับมือเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของบัญชีเงินฝากธนาคารแบบฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ในรอบ 11 ปี |
ดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index) |
อรุณสวัสดิ์คร้าบ
ช่วงนี้ลุงแมวน้ำคงต้องมาแบบผลุบๆโผล่ๆ เป็นนินจาแมวน้ำไปอีกสักพักหนึ่ง งานเยอะเหลือเกิน รับจ๊อบวุ่นวายไปหมด ขอเวลาให้ลุงทำเว็บไซต์ขายของให้เรียบร้อยก่อน จนป่านนี้ยังไม่เสร็จเลย และที่สำคัญก็คือช่วงนี้แหล่งข้อมูลทั้งหุ้นและฟิวเจอร์สของลุงแมวน้ำรวนอย่างหนัก ซ่อมข้อมูลกันจนมึน ตอนนี้ก็ยังซ่อมไม่เสร็จ ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย
มาดูกันเป็นบางประเด็นก็แล้วกัน ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังไม่ไปไหน มิหนำซ้ำเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังลงอีกด้วย เพราะผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทใหญ่ในอเมริกาออกมาดูไม่ค่อยดี น้ำมันกับทองคำเลยร่วง ตอนนี้พวกน้ำมัน ทองคำ สินค้าเกษตร เป็นสัญญาณขายอยู่ หากวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยระดับฟิโบนาชชีเป้าหมาย (targetting Fibonacci) ทองคำยังดูไม่ออกว่าจะลงได้แค่ไหน ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์อาจลงได้ถึงต้นๆของ 100 ดอลลาร์ สรอ คือร้อยกว่าๆ ส่วนยางพารา RSS3 ก็มีสัญญาณขาย อาจลงได้ถึง 91.5 บาท
ตัวเลขที่บอกข้างบนคือใช้การประเมินจากกราฟราคาของสินค้าแต่ละตัว คือใช้ปัจจัยทางเทคนิคของตนเองล้วนๆ แต่หากพิจารณาปัจจัยค่าเงินดอลลาร์ สรอ ประกอบ ตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ กำลังอยู่ในทิศทางขาลง มีรีบาวด์บ้างแต่ก็น่าจะลงต่อ หากดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆน่าจะลงไม่มาก อาจไม่ลงลึกถึงขนาดที่ลุงแมวน้ำประเมินไว้
สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารแบบประจำ 1 ปี สองอย่างนี้แพ้เงินเฟ้อมาตลอด คือคิดเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปแล้วติดลบเกือบตลอดทุกเดือน สำหรับในขณะนี้ ผลจากโครงการประชานิยมต่างๆซึ่งเป็นการก่อหนี้สาธารณะในระยะยาว ก็คือการนำเงินในอนาคตมาใช้ คล้ายๆกับ QE นั่นเอง ผลจากโครงการต่างๆของรัฐทำให้ประเทศไทยมีการบริโภคที่สูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ค่อยๆปรับตัวขึ้นมาตลอด กระแสเงินที่ไหลเข้า จึงส่งผลกับอัตราเงินเฟ้อของไทยค่อยๆเพิ่มขึ้น ตอนนี้อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุคงเหลือ 10 ปี (real 10 yr Thai gov bond yield) จนถึงกันยายน 2012 เหลือประมาณ 0.2% ใกล้แพ้เงินเฟ้อเต็มที คิดว่าของเดือนตุลาคมนี้คงติดลบหรือว่าแพ้เงินเฟ้อแล้ว
ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะมีส่วนกดดันให้เงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทั้งจากเงินของต่างชาติและเงินของนักลงทุนไทยเอง) ดังนั้นหากไม่มีเหตุการณ์พิเศษที่รุนแรงจนทำให้สถานการณ์พลิกผัน ลุงแมวน้ำคาดว่าตลาดหุ้นไทย รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากับยุโรป น่าจะไปต่อได้อีกพักใหญ่ๆทีเดียว คือถ้าไม่ใช่คลื่น B ใหญ่ก็ต้องเป็นคลื่น 5 ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายก็ต้องจบคลื่น ตอนนี้เราก็ตามแนวโน้มไปก่อน ไปไหนเราก็ไปด้วย เมื่อไรจบคลื่นในที่สุดเราก็ต้องรู้เองจนได้ ที่สำคัญคือต้องอย่าเทรดเกินตัวเพราะย่ามใจ เทรดเท่าที่มีกำลังรับความเสี่ยงได้
รูปที่นำมาฝากวันนี้เป็นดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index) กับ อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของบัญชีเงินฝากธนาคารแบบฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยตลอดระยะเวลา 11 ปี คือตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา
สำหรับภาพดัชนีดอลลาร์ สรอ เมื่อดูแนวโน้มแล้วน่าจะอยู่ในคลื่นขาลง หมายความว่าดอลลาร์ สรอ มีแนวโน้มอ่อนตัว ระหว่างทางก็คงมีเด้งขึ้นบ้างอันเป็นการรีบาวด์ในขาลง
สำหรับอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพอัตราผลตอบแทนแท้จริง หมายถึงว่าหักลบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ออกไปแล้ว วิธีดูก็คืออะไรที่อยู่ต่ำกว่า 0 (คือติดลบนั่นเอง) นั่นคือแพ้อัตราเงินเฟ้อ จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยแท้จริงของเงินฝากประจำแบบ 1 ปี (เส้นสีฟ้า) ส่วนใหญ่แพ้เงินเฟ้อตลอด มีชนะบ้างแค่บางช่วง แสดงว่าหากคิดยังชีพด้วยดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารคงยาก เพราะเงินด้อยค่าลงเรื่อย
ส่วน อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี (เส้นสีเขียว) แพ้เงินเฟ้อบ้าง ชนะเงินเฟ้อบ้าง ส่วนใหญ่ชนะเงินเฟ้อได้ แต่ต่อจากนี้ไปคงแพ้เงินเฟ้อแล้ว ตีความอย่างง่ายๆได้ความว่าผู้ที่ยังชีพจากการซื้อพันธบัตรแล้วรับดอกเบี้ย หากเดิมพออยู่ได้ ต่อไปคงไม่ค่อยพอแล้วล่ะ แต่หากเดิมไม่พอใช้อยู่แล้วต่อไปยิ่งแย่กว่าเดิม
ส่วน อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 20 ปี (เส้นสีม่วง) อาการดีกว่าเส้นสีเขียวหน่อยนึง แต่ต่อไปไม่แน่เพราะว่าเส้นสีม่วงกำลังดิ่งลงเช่นกัน
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (เส้นสีน้ำตาล) ที่ผ่านมามีทั้งแพ้และชนะอัตราเงินเฟ้อ เมื่อไรที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อก็จะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้เพราะสร้างแรงจูงใจในการออม แต่เนื่องจากผลของ QE จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายๆประเทศทำให้มีกระแสเงินต่างชาติไหลเข้ามาในบ้านเรา หากเงินเข้ามามาก เงินบาทก็เฟ้อ การกดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วยสกัดเงินต่างชาติได้บ้าง แต่ก็ทำลายแรงจูงใจในการออมของประชาชนในประเทศ ทำให้ต้องควักกระเป๋านำเงินออมมาลงทุน สุดท้ายเงินก็อาจเฟ้อได้อีก เรียกว่าผลเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง เรื่องเงินเฟ้อในภาวะ QE เช่นนี้ดูแลยากและเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องเกิด อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือที่ช่วยดึงรั้งสถานการณ์ไว้ได้บ้างเท่านั้นเอง
เมื่อไรที่ลุงแมวน้ำซ่อมข้อมูลเสร็จจะพยายามเขียนบทความให้อ่านกันอีกครับ มีเรื่องที่อยากเขียนหลายเรื่องทีเดียว
อ้อ ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือที่ศูย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์นะคร้าบ แวะหาชมและหาซื้อหนังสือกัน มีอบรม สัมมนาสั้นๆ และเปิดตัวหนังสือด้วยตลอดงาน ลุงแมวน้ำก็คิดว่าจะไปหาความรู้รอบพุงเช่นกัน แล้วเจอกัน ^__^
Tuesday, October 9, 2012
09/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (01/10/2012 - 05/10/2012) * ค่อยๆขึ้น
วันนี้เรามาสรุปความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์กันครับ
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้น ทางฝั่งตะวันตกดูจะขึ้นแรงกว่าฝั่งตะวันออก คือยุโรป อเมริกา ขึ้นแรงกว่า เอเชีย
สำหรับข่าวนั้น ทางด้านยุโรป สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่าสเปนติดต่อขอความช่วยเหลือทางการเงินจากอีซีบี (ECB) แล้ว แต่ตามข่าวบอกว่าเยอรมนีคุยอย่างไม่เป็นทางการกับสเปนว่าอย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เยอมนีเองยังไม่พร้อม เพราะการให้ความช่วยเหลือแก่สเปนหมายถึงการระดมทุนจากชาติที่เหลือนั่นเอง ซึ่งเยอรมนีน่าจะต้องควักกระเป๋ามากที่สุด จึงขอชะลอไว้ก่อน ส่วนทางสเปนเองก็ออกข่าวในภายหลังว่ายังไม่ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงิน จึงเข้าใจกันว่าเรื่องนี้ทางสเปนกับทางอีซีบีมีการคุยกันนอกรอบหรือวาคุยกันหลังไมค์
ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกา ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ แล้ว สัปดาห์ที่แล้วเมื่อวันศุกร์ตอนดึก ก็มีการแถลงตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาออกมา คราวนี้ลดฮวบลงเหลือ 7.8% จากเดิมเมื่อเดือนก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 8.2% ตัวเลขนี้สร้างความฮือฮากันมากในช่วงวันหยุด ด้านประธานาธิบดีโอบามาก็บอกว่า นี่แหละ ฝีมือผมเอง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ อัตราการว่างงานจึงลดลง ทางด้านรอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็บอกว่าที่ตัวเลขลดลงเพราะว่าประชาชนบางส่วนถอดใจเลิกหางานแล้วต่างหาก พวกที่เลิกหางานแล้วจะไม่นำมาคำนวณ หักยอดนี้ออกไป ตัวเลขอัตราว่างงานเลยต่ำ ก็ฤดูหาเสียงละนะ เกทับกันไป
ทางด้านสื่อมวลชนและประชาชนก็วิพากษ์กันสนุก สงสัยกันว่าแต่งตัวเลขหรือเปล่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็บอกว่างานคำนวณอัตราว่างงานนี้เป็นหน่วยงานของรัฐจัดทำ จะแต่งหรือเสกตัวเลขช่วยฝ่ายการเมืองได้อย่างไร เมื่ออัตรานี้ยังเป็นที่กังขา ดังนั้นตลาดจึงยังไม่ตอบสนองกับข่าวดีนี้
ตลาดฝั่งเอเชีย จีนประกาศอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากต้นเดือนตุลาคมจีนหยุดราชการเนื่องในวันชาติไปหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นยังเห็นการตอบสนองของตลาดหุ้นจีนไม่ชัดเจน
ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำขึ้นนิดหน่อย น้ำมันดิบเบรนต์ลงนิดหน่อย ส่วนน้ำมันดิบ wti ลงไปพอควร -2.5% สินค้าเกษตรมีทั้งขึ้นและลงแต่ส่วนใหญ่ลงมากกว่า ดัชนีสินค้าเกษตร -2%
ด้านตลาดตราสารหนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกัน (US bond yield curve) ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งเส้น เพราะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาขึ้น เงินจึงไกลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากกว่า ส่วนพันธบัตรไทย เส้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงในส่วนของพันธบัตรที่อายุ 3 ปีขึ้นไป แสดงว่ามีเงินไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทย ซึ่งสอดคล้องกันทิศทางของตลาดพันธบัตรในเอเชียคือมีแรงซื้อเข้ามาในย่านเอเชีย ลองสังเกตดูในตารางข้างล่าง กองทุนรวม AEOB ของอะเบอร์ดีน กองทุนนี้ลงทุนในพันธบัตรเอเชียอายุยาว สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนกระโดดเลย หากตัวเลข nav ของทางอะเบอร์ดีนไม่ผิด ก็เป็นการสนับสนุนว่ามีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพันธบัตรเอเชียจริง
ทางด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ค่าเงินสกุลต่างๆค่อนข้างผันผวน เงินยูโรและสกุลยุโรปแข็งค่าขึ้น เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เยน ดอลลาร์สิงคโปร์ของฝั่งเอเชียอ่อนค่าลง ส่วนเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย +0.8%
ลุงแมวน้ำกำลังวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง เป็นการเปรียบเทียบความแรงของหุ้นและดัชนีต่างๆ ผลที่ได้น่าสนใจทีเดียว เกือบเสร็จแล้ว อีกวันสองวันจะเอามาให้ดูกันคร้าบ
อ้อ ทีวีช่องลุงแมวน้ำมีวีดิโอคลิปอยู่หลายหัวข้อแล้ว และเข้าไปดูกันได้ครับ ^__^
http://www.youtube.com/user/uncaseal
Friday, October 5, 2012
05/10/2012 ตลาดขาขึ้น (ได้ยังไงก็ไม่รู้)
วันนี้ลุงแมวน้ำมาเสียเที่ยงเลย ยังไม่ได้กินอาหารกลางวันด้วย ฮือ หิวๆๆ ใครช่วยพาลุงไปเลี้ยงหน่อยได้ไหม
เมื่อตอนดึกๆ ไฟฟ้าที่โขดหินดับ แล้วเครื่องคอมโน้ตบุ๊กของลุงแมวน้ำก็ดับไปด้วย เพราะไม่ได้ใส่แบตเตอรี่เอาไว้ ปรากฏว่าเครื่องรวนเลย ระบบปฏิบัติการรวน ไฟล์หายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งหลายไฟล์ ยังหาไม่พบเลย เลยวุ่นๆ ดีนะที่ข้อมูลหุ้นของลุงแมวน้ำไม่เป็นอะไร... อย่างน้อยตอนนี้ก็คิดว่ายังไม่เป็นอะไร เกิดพังขึ้นมาละก็ลุงแมวน้ำไม่มีอุปกรณ์ทำมาหากินเลย
เมื่อคืนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 13,575.36 จุด (+0.6%) เล่นข่าวรายงานตัวเลขอัตราว่างงาน นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีด้วยอาวุธระหว่างตุรกีกับซีเรีย เป็นการกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดน แต่ก็ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นทันที วันก่อนหน้าลงไปประมาณ -4% เมื่อคืนก็พุ่งขึ้นมาราวๆ +4% ราคาน้ำมันดิบเบรนต์เกิดสัญญาณซื้อแล้ว ส่วนน้ำมันดิบ wti ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ ขาดไปหน่อย
ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อคืนเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว usd index ลดลงลงไป -0.8% เงินยูโรและเงินสกุลอื่นๆแข็งค่า ทองคำก็ปรับตัวขึ้น เงินบาทก็แข็งค่าเช่นกัน
ลองมาดูตารางข้างล่างนี้กัน ตารางนี้เป็นค่า PMI (Purchasing Manager Index) แปลตามตัวคือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แต่ความหมายของดัชนีนี้คือเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของภาคการผลิตและบริการ โดยตารางข้างล่างนี้เป็นค่า PMI ของภาคการผลิต (ภาคอุตสาหกรรม) ของประเทศต่างๆในกลุ่มยูโรโซนเมื่อเดือนกันยายน
ปกติค่านี้ไม่ควรต่ำกว่า 50 หากต่ำกว่า 50 ก็ถือว่าแย่แล้ว เศรษฐกิจย่ำแย่ ทีนี้ลองดูค่า pmi ชาติต่างๆในกลุ่มยูโรโซนดู มีเพียงสองประเทศเท่านั้นคือไอร์แลนด์กับเนเธอแลนด์ที่ตอนนี้มีค่า pmi เกิน 50 แม้แต่เยอรมนีก็ยังแย่ คือได้ 47 จุดกว่าๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ในข่าวร้ายก็มีข่าวดี นั่นคือ ดัชนีนี้ค่อยๆกระเตื้องขึ้น ช่วงนี้กลุ่มยูโรโซนก็เอาข่าวเหล่านี้มาเล่นกันและทำให้ดัชนีของกลุ่มยูโรโซนค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังย่ำแย่อยู่
สำหรับด้านสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน ปัญหาต่างๆยังรออยู่อีกมาก ลองดูประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาแล้วกว่า 20 ปี จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่พ้นจากหล่ม ว่าจะดีขึ้นก็มีวิบากกรรมเกิดขึ้นมาขัดขวาง ญี่ปุ่นใช้เวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 20 กว่าปียังไม่สำเร็จ แล้วยูโรโซนกับสหรัฐอเมริกาจะให้แก้ปัญหาในเวลาเพียงไม่กี่เดือนคงเป็นไปไม่ได้ ที่จริงความถดถอยของกลุ่มยูโรและ สรอ ในตอนนี้เป็นผลมาจากช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2007-2008 ที่จนบัดนี้ยังตามแก้กันไม่หมดนั่นเอง ก็ลองคิดดูว่าสี่ห้าปีมาแล้วยังแก้ไม่ได้ แล้วในอีกไม่กี่เดือนจะแก้ได้อย่างไร
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจริงจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ตลาดทุนตอนนี้เป็นอีกแบบหนึ่ง ทั้งตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นเอาๆ ลุงแมวน้ำเป็นนักลงทุนทางสายปัจจัยเทคนิค ขาขึ้นก็ต้องว่าขึ้น ไม่ต้องพยายามหาข่าวหรือคำอธิบาย ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะตลาดขาขึ้นหลายๆครั้งก็หาคำอธิบายให้สมเหตุผลไม่ได้ ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงบอกว่าบางทีไม่ต้องพยายามหาคำอธิบาย อย่างเช่นตอนนี้ ลุงแมวน้ำก็ว่ามันจะขึ้นได้อย่างไร แต่ด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคมองแล้วเป็นขาขึ้น ก็ต้องพยายามตัดอคติออกไป ต้องเทรดไปตามระบบ และหากต่อไปตลาดไหลลง เมื่อถึงสัญญาณขาย ลุงแมวน้ำก็หยุด เท่านั้นเอง
แต่ทางสายปัจจัยพื้นฐานหลายคนคิดว่าในที่สุดตลาดต้องไหลลงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาปัจจัยอะไรไปทำให้ตลาดขึ้น บางคนก็เทรดฟิวเจอร์สโดยเปิดสัญญาขายหรือเทรดด้านชอร์ตเอาไว้ ลุงแมวน้ำอยากฝากเตือนว่าไม่ว่าสายปัจจัยพื้นฐานหรือสายปัจจัยทางเทคนิค ถึงอย่างไรก็ควรต้องมีจุดตัดสินใจหรือจุดตัดขาดทุนของตนเอง ไม่อย่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดจะเสียหายหนัก
ค่าเงินดอลลาร์ สรอ USD index (ดัชนีดอลลาร์ สรอ) อยู่ในแนวโน้มขาลง รีบาวด์ขึ้นมาหลายวันแต่ในที่สุดคงลงต่อ
ค่าเงินยูโร ที่จริงด้วยสถานะทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโร เงินยูโรน่าจะอ่อนลงต่อไป แต่จากกราฟ ถ้าเป็นทางเทคนิคก็ต้องบอกว่าขณะนี้น่าจะเป็นขาขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ ก็เป็นแนวโน้มขาขึ้น ตอนนี้เกิดสัญญาณซื้อแล้ว แต่พิจารณาค่าฟิโบนาชชีแล้วยังต่ำไม่พอ ดังนั้นราคาอาจย่อลงได้อีกหน่อยจึงค่อยไปต่อ
ราคาทองคำ ขึ้นอยู่กับมุมมอง หากมองว่าตอนนี้เป็นคลื่น B ราคาทองคำคงไปได้ไม่เกิน 1900 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ จากนั้นลงถล่มทลาย แต่หากมองว่าตอนนี้เป็นคลื่น 5 เราคงได้เห็นราคาทองคำถึง 2100 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์หรือมากกว่านั้น ระดับราคา 1900 คือจุดชี้วัด หากผ่านได้แสดงว่าเราอยู่ในคลื่น 5
ที่ลุงแมวน้ำเล่ามาในวันนี้ไม่ได้ต้องการเชียร์ให้ซื้อ เพียงแต่อยากย้ำว่า ในการเทรด พยายามใช้หลักการ อย่าใช้อคติ รวมทั้งหากใช้แนวทางของสายใดก็ใช้สายนั้น อย่าพยามยามเอาความรู้ข้ามสายมาผสมโดยที่ไม่รู้วิธีใช้อย่างแท้จริง เพราะนักลงทุนรุ่นใหม่หลายคนที่มักคิดว่า หากใช้ปัจจัยพื้นฐานผสมเทคนิคยิ่งแจ๋ว ยิ่งทำกำไรได้มาก ในความเห็นของลุงแมวน้ำไม่ใช่เช่นนั้น ผู้ที่จะใช้เทคนิคผสมพื้นฐานแล้วได้ประโยชน์คือผู้ที่เข้าใจและเลือกเครื่องมือได้ถูกต้องเท่านั้น เนื่องจากเห็นหลายคนเทรดฟิวเจอร์สด้านชอร์ตแล้วไม่ยอมปิดเพราะคิดว่าตลาดกำลังจะลงลุงแมวน้ำก็อดเป็นห่วงไม่ได้
Subscribe to:
Posts (Atom)