Saturday, August 18, 2012

18/08/2012 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เที่ยวตลาดน้ำขวัญเรียม



วันนี้เป็นวันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่มาของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้ก็เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสุริยุปราคาครั้งนั้นรัชกาลที่ 4 ได้ทรงคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าถึงสองปีด้วยความรู้ทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์สมัยใหม่ (สมัยใหม่ในยุคนั้น)

และเนื่องจากที่พระองค์ทรงเป็นนักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ ประกอบกับเคยผนวชเป็นพระภิกษุอยู่เป็นเวลานานหลายปี ในวงการโหราศาสตร์ไทยก็สันนิษฐานกันว่าพระองค์ทรงมีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านโหราศาสตร์ไทยสายคำนวณในยุคนั้นด้วย เนื่องจากในยุคนั้นโหราศาสตร์ไทยสายคำนวณมีการปรับปรุงพัฒนาไปหลายอย่าง รวมทั้งสันนิษฐานกันว่าโหราศาสตร์ไทยเร้นลับสำนักหนึ่งว่าที่ว่ากันว่าแม่นยำมากก็เกิดขึ้นในยุคนั้นนั่นเอง อันนี้ไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจน เป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่เล่าตกทอดกันมา

ที่จริงวันนี้ลุงแมวน้ำควรจะพาไปชมอะไรที่เป็นแนววิทยาศาสตร์มากกว่า อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ฯลฯ แต่ลุงแมวน้ำคิดจะนำเสนอสารคดีวันหยุดเรื่องตลาดน้ำมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ก็เขียนไม่เสร็จเสียที ที่จริงก็เขียนไปบ้างแล้วแต่ว่าภาพประกอบมีเยอะ จึงต้องใช้เวลาอยู่บ้าง พยายามทำให้เสร็จทีละชิ้น จะไปเขียนเรื่องอื่นก็จนปัญญาเพราะทำไม่ทัน ดังนั้นแม้เป็นวันวิทยาศาสตร์ก็ขอเสนอเรื่องตลาดน้ำกล้อมแกล้มไปละกัน ^__^

กว่าจะเขียนเสร็จเล่นเอาเมื่อยครีบเหมือนกัน มาๆๆ มาชมตลาดน้ำกันเลยคร้าบ ^_^ ลุงแมวน้ำเล่าเรื่องประกอบภาพ ภาพมาก่อน คำบรรยายตามหลัง ดูไปอ่านไป จะได้ไม่เบื่อ

อ้อ ลุงแมวน้ำขอชี้แจงก่อนว่า ตลาดน้ำที่เขียนเป็นสารคดีวันหยุดนี้ ลุงแมวน้ำเขียนเพราะไปเที่ยวมาแล้วเห็นว่าเข้าท่าดี จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง ลุงแมวน้ำไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับทางตลาด รวมทั้งไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆจากทางตลาดนะคร้าบ ไม่ได้รับจ้างเชียร์จ้ะ



ตลาดน้ำที่ลุงแมวน้ำเพิ่งไปเที่ยวมาก็คือตลาดน้ำขวัญ-เรียม ไปเห็นสติ๊กเกอร์ติดประชาสัมพันธ์อยู่ในเรือในคลองแสนแสบ เห็นว่าเป็นตลาดน้ำเปิดใหม่ ก็เลยลองไปเที่ยวดู ตลาดน้ำนี้เปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เช้า ประมาณ 7 โมงเช้าได้มั้ง จนถึงหัวค่ำประมาณสองทุ่ม ชื่อขวัญ-เรียมนี้นำมาจากชื่อพระเอกนางเอกของนิยายเรื่องแผลเก่า เขียนโดยไม้เมืองเดิม ซึ่งฉากในท้องเรื่องของนิยายแผลเก่านี้คือท้องทุ่งบางกะปิริมคลองแสนแสบนั่นเอง นิยายแผลเก่านี้โด่งดังมาก เคยนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ รวมทั้งสร้างเป็นหนังโรงหลายครั้ง มีคู่พระคู่นางหลายชุด ลุงแมวน้ำเคยดูในสมัยก่อน เวอร์ชันที่แสดงโดยสรพงษ์ ชาตรี กับนันทนา เงากระจ่าง หูย... ร้องไห้กันกระจองอแงกันทั้งโรงเลย




ตลาดน้ำขวัญเรียมนี้เป็นตลาดที่จัดทั้งสองฝั่งคลองแสนแสบ จัดในพื้นที่ใกล้วัด สามารถเข้าได้ทั้งด้านถนนเสรีไทย ซอย 60 กับถนนรามคำแหง ซอย 127 สถานที่ตรงนี้ก็แปลกดี เพราะว่าริมฝั่งคลองมีวัดสองวัดตั้งอยู่ฝั่งละแห่ง ด้านถนนเสรีไทยเป็นวัดบำเพ็ญเหนือ ส่วนด้านถนนรามคำแหงเป็นวัดบำเพ็ญใต้ ลุงแมวน้ำเพิ่งเคยเห็นวัดสองแห่งอยู่ติดกันแบบนี้เหมือนกัน




ตลาดน้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นตลาดน้ำธรรมชาติที่มีพ่อค้าแม่ขายพายเรือมาชุมนุมกันเพื่อขายสินค้า แต่ที่นี่เป็นตลาดจัดตั้ง คือมีการลงทุน ปรับภูมิทัศน์ มีการสร้างสิ่งก่อสร้างและวางผังตลาด ทำที่จอดรถสำหรับผู้มาเที่ยว เพื่อทำเป็นตลาดน้ำในเชิงธุรกิจขึ้นมา ที่จริงก็ไม่ได้มีแต่ตลาดน้ำ แต่มีส่วนที่ทำเป็นตลาดบกด้วย ในภาพนี้เป็นอาคารร้านค้า ข้างในแบ่งซอยเป็นแผงให้ผู้ค้ามาเช่าเพื่อวางขายสินค้า แล้วยังมีโซนเด็กเล่น จัดเครื่องเล่นเอาไว้สำหรับครอบครัวที่มีเด็กด้วย




ด้านนอกอาคารก็ยังมีแผงค้าตั้งเรียงราย สินค้าที่นำมาขายก็เป็นสินค้าตลาดนัดทั่วไปนั่นแหละ




นี่เป็นร้านขายกระเป๋าและสินค้าแฟชั่น ลุงแมวน้ำถามดูได้ความว่าผู้ค้าส่วนหนึ่งย้ายมาจากตลาดนัดเปิดท้ายขายของที่บิ๊กซีร่มเกล้าที่ปิดไป




นี่เป็นร้านขายของเก่า มีตู้ โต๊ะ สินค้าเก่าๆสมัยลุงแมวน้ำยังเด็ก ส่วนใหญ่เป็นของใช้แล้ว แต่ของใหม่ก็พอมีบ้าง เครื่องขายขนมหยอดเหรียญที่เห็นวางอยู่บนเก้าอี้นั้นก็เป็นของที่ลุงแมวน้ำคุ้นเคยดีสมัยเด็กๆ เครื่องขายนี้แฝงการพนันอยู่เล็กๆ เพราะว่าเมื่อหยอดตังค์ลงไป สมัยก่อนดูเหมือนจะใช้เหรียญห้าสิบสตางค์ แล้วก็หมุนปุ่ม ขนมก็จะหล่นจากขวดโหลแล้วไหลออกมาตามช่อง ขนมในขวดโหลมีหลายอย่าง หลายราคา ใครจะได้ขนมอะไรต้องลุ้นกันเอาเอง แล้วแต่ดวง เหมือนกับการจับฉลากนั่นแหละ

นอกจากนี้ก็มีตู้กับข้าวทำด้วยไม้ ของเก่า พวกนี้จะมีพ่อค้าไปตระเวนรับซื้อตามบ้านในชนบท แล้วนำมาขายต่ออีกที ได้กำไรดีเหมือนกัน ตู้กับข้าวใบใหญ่ที่วางโชว์อยู่ในร้านขายไปแล้วในราคาหลายพันบาท ส่วนของใหม่ๆก็มี เช่น ปิ่นโตที่ใช้กันเมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยนี้ก็ยังมีผู้ผลิตขายอยู่




สัญลักษณ์ของตลาดน้ำนี้เป็นรูปกระบือหรือว่าควาย ป้ายต่างๆต้องมีควายเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็น่ารักดีเหมือนกัน




ตลาดน้ำแห่งนี้ของกินเยอะทีเดียว ที่จริงตลาดไหนๆก็ของกินเยอะทั้งนั้น เพราะอาหารการกินเป็นแม่เหล็กอย่างหนึ่งของตลาดโดยทั่วไป หากของกินน้อยลูกค้าจะไม่ติด ที่เห็นในภาพเป็นขนมไทย ข้าวต้มมัด ขนมกล้วย ขนมใส่ไส่ ขายอยู่ด้านนอก ฝีมือโบราณเนื่องจากคนขายอายุมากแล้ว




ด้านในอาคารก็ยังมีแผงขายขนมโบราณด้วย ขนมไข่หอมน่ากิน เป็นของโปรดของลุงแมวน้ำสมัยเด็ก




ขนมตาล ทำกันที่แผงนั้นเลย ขนมตาลอร่อยๆหากินยากในสมัยนี้ ในภาพเห็นแล้วน้ำลายลุงแมวน้ำหกออกมาเลอะหูกระต่ายเลย ^_^ แต่ไม่ได้ซื้อกินนะคร้าบ พอดีตอนนั้นอิ่มแล้ว เลยไม่รู้ว่าเจ้านี้อร่อยหรือเปล่า




ลุงแมวน้ำเดินเล่นอยู่ที่ตลาดบนบกสักครู่ก็เดินต่อมาที่ริมฝั่งคลอง ที่ริมฝั่งคลองจัดเป็นส่วนหย่อมเล็กๆ มีจุดถ่ายรูปด้วย จัดไว้หลายจุดเหมือนกัน ในภาพเป็นสามล้อถีบ สามารถเข้าไปนั่งในรถแล้วถ่ายภาพที่ระลึกได้




สวนหย่อมริมคลองอีกภาพหนึ่ง มีโต๊ะเก้าอี้จัดไว้ให้นั่งพักด้วย ตอนเช้าๆน่านั่งดีเหมือนกัน ลมพัดเย็นสบาย แหม ถ้ามีเตียงจัดให้ด้วยก็แหล่มเลย ^_^ โรงเรือนที่เห็นในภาพก็คือตลาดบกที่ลุงแมวน้ำเพิ่งจากมานั่นเอง




นี่เป็นศาลขวัญ-เรียม ที่จริงขวัญ เรียม เป็นตัวละครในนิยาย ทำไมมีศาลได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน อีกทั้งบริเวณรอบๆศาลนี้เปิดเพลงแสนแสบ อันเป็นเพลงธีมของหนังเรื่องแผลเก่าคลออยู่ตลอดเวลา ก็อย่างว่าแหละ ตามหลักการตลาด จะทำอะไรต้องมีสตอรี่ จะได้น่าสนใจ




ส่วนที่เป็นตลาดน้ำอยู่ทางฝั่งเหนือ หรือฝั่งวัดบำเพ็ญเหนือ ดังนั้นต้องข้ามคลองไป สะพานข้ามคลองตรงตลาดน้ำนี้หรูอลังการมาก ราวสะพานดีไซน์ให้แปลกตา ทำเหมือนซี่โครงปลาวาฬ แถมยังมีลิฟต์สำหรับคนชรา คนพิการที่เดินขึ้นสะพานไม่ไหวอีกด้วย ตู้สี่หลี่ยมในภาพก็คือลิฟต์นั่นเอง




จากฝั่งวัดบางเพ็งใต้ มองไปยังฝั่งวัดบำเพ็ญเหนือ อาคารสองชั้นริมน้ำที่เห็นเป็นอาคารร้านค้าทั้งหมด ทีริมใฝั่งเห็นมีเรือจอดอยู่มีคนนั่งในเรือเยอะแยะ นั่นคือเรือพาเที่ยวชมคลองแสนแสบ ค่าตั๋ว 10 บาท




บรรยากาศคลองแสนแสบยามเช้า สงบ ร่มเย็น น่านั่งเรือเที่ยว คลองแสนแสบช่วงนี้ไม่มีเรือประจำทางแล่น ดังนั้นบรรยากาศจึงสงบ ไร้เสียงเรือหางยาวให้หนวกหู เรือหางยาวประจำทางมาสุดแค่วัดศรีบุญเรือง แถวๆนิด้า ส่วนตลาดน้ำนี้อยู่เลยมาอีกไกล คลองแสนแสบนี้ยาวมาก ขุดในสมัยรัชกาลที่สาม ยาวไปจนถึงมีนบุรีโน่น



ภาพนี้เป็นชั้นสองของอาคารริมน้ำ พอข้ามสะพานมาก็เจอร้านค้า ช้อปได้ทันทีเลย




นี่เป็นฝั่งวัดบำเพ็ญเหนือแล้ว ชั้นล่างของอาคารริมน้ำขายอาหารเป็นส่วนใหญ่ พวกเสื้อผ้า ของใช้ มีแค่ไม่กี่แผงเท่านั้น




เรือขายของ ความเป็นตลาดน้ำจริงๆอยู่ตรงนี้เอง ที่ฝั่งคลองด้านวัดบำเพ็ญเหนือมีเรือขายของจอดอยู่นับสิบลำ แต่ไม่ใช่เรือที่พ่อค้าแม่ขายพายเรือมาขายสินค้า ตรงกันข้าม เป็นเรือของทางตลาดน้ำที่จอดอยู่กับที่ แล้วให้พ่อค้าแม่ค้ามาเช่าขายของ เรือลำหนึ่งก็คือแผงๆหนึ่งนั่นเอง ของที่ขายในเรือมีแต่ของกิน ไม่มีของใช้

คงมีคนสงสัยว่าเรือเหล่านี้เป็นเรือชนิดใด ลุงแมวน้ำก็ไม่ใช่ผู้สัดทัดเรื่องเรือ แต่ว่าไปค้นคว้าดู คิดว่าเรือเหล่านี้เป็นเรือสำปั้นดัดแปลงมา เรือสำปั้นเป็นเรือที่บ้านเรือนทั่วไปใช้ในสมัยก่อน ลำเล็กๆเช่นที่แม่ค้าพายเรือขายของหรือที่พระออกบิณฑบาตร เรียกว่าสำปั้นเพรียว ถ้าใหญ่หน่อยก็จะมีหลังคาคลุม แต่ลักษณะเฉพาะคือเรือมีหัวตัดท้ายตัด ส่วนเรือเอี้ยมจุ๊นนั้นหัวเรือเรียวแหลม ท้ายเรือทำเป็นประทุน เทียบเคียงดูแล้วเรือที่ตลาดน้ำแห่งนี้ใช้น่าจะเป็นเรือสำปั้นประยุกต์มากกว่า




นี่แหละส่วนที่เป็นตลาดน้ำจริงๆ หญ้าที่เห็นเป็นหญ้าปลอม ปูให้เขียวๆน่าเดิน เรือเหล่านี้สามารถเข้าไปนั่งกินอาหารภายในลำเรือได้




ร้านนี้ขายพวกขนมจีน




ลำนี้ขายกาแฟ เช้าๆนั่งดื่มกาแฟในเรือ ชื่นชมกับบรรยากาศสงบร่มรื่นของคลองแสนแสบ บรรยากาศดีทีเทียว




พรีเซ็นเตอร์ของตลาด นั่งยิ้มยิงฟันอยู่ ตลาดน้ำแห่งนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ตอนเช้าๆบรรยากาศยังสงบ ร่มรื่น ผู้คนก็ยังไม่พลุกพล่านนัก ยังพอได้บรรยากาศแบบตลาดน้ำชนบทอยู่บ้าง แต่ต่อไปหากตลาดคึกคัก บรรยากาศแบบชนบทก็คงหมดไป

หากจะไปเที่ยวอย่าพกเงินติดตัวไปมากนัก กลัวช้อปเพลินเกินห้ามใจ ^__^





1 comment:

MadDog said...

ตามลุงไปเที่ยววันหยุดค่ะ น่าสนใจนะคะดื่มกาแฟริมคลอง ใครจะคิดถึงว่าบรรยากาศไม่ใช่ "แสนแสบ" แบบที่คุ้นเคย

ช่วยกันสนับสนุนคนเล็ก ๆ ให้มีที่ยืนของตัวเองดีออกค่ะลุง

ขอบคุณค่ะ สำหรับสิ่งดี ๆ วันสบาย ๆ