Tuesday, October 18, 2011

14/10/2011 * SETI

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 955.81 จุด เพิ่มขึ้น 18.99 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิอีก

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ GLOW ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 4 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกปิดเขียวกับแดงคละกัน ส่วนทางยุโรปกับอเมริกาปิดบวกทั้งสองภูมิภาค ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงได้แก่ตลาดหุ้นประเทศอาร์เจนตินา สวีเดน อิตาลี รัสเซีย และไทย

วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นของนอร์เวย์เกิดสัญญาณซื้อ ดัชนี Dow Jones Global Index (W1DOW) และดัชนี MSCI AC World (ดูแทนด้วย ACWI) เกิดสัญญาณซื้อ เงินปอนด์ของอังกฤษก็แข็งค่าจนเกิดสัญญาณซื้อ

ขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นของไทยหรือ SETI อยู่ในคลื่นย่อยขาขึ้น คลื่นย่อยนี้เป็น reactive wave หรือคลื่นปรับฐานในคลื่นขาลง แนวโน้มใหญ่ของตลาดหุ้นไทยลุงแมวน้ำยังมองเป็นคลื่นใหญ่ขาลงตามคลื่นขาลง C ใหญ่ของยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพียงแต่ว่าขณะนี้ทำคลื่นย่อยอันเป็นคลื่นขาขึ้นอยู่ ดังภาพต่อไปนี้ สังเกตว่ามีสัญญาณกลับทิศสองประการ คือ รูปแบบแท่งเทียนที่เป็นเกาะลอย (island of reversal) และการเกิดช่องว่างขาขึ้น (rising window) ประกอบกับต่างชาติซื้อสุทธิมาพักใหญ่ และขณะนี้คลื่นย่อยขาขึ้นนี้ขึ้นไปได้ประมาณ 38.2% ของระดับฟิโบนาชชี (fibonacci) แล้ว


นักลงทุนลองดูภาพนี้แล้วทบทวนดูอารมณ์ของตนเองในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมา ตอนที่ดัชนีไหลลง อะไรๆก็ดูน่ากลัวไปเสียหมด กลุ้มใจเพราะติดหุ้น ขายไม่ทันหรือเสียดายขายไม่ลง ข่าวร้ายนิดหน่อยก็ตกใจ มีการปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นเป็นตัวเลขต่ำๆ ฯลฯ แต่เมื่อตลาดกลับเป็นคลื่นขาขึ้น ข่าวร้ายอะไรก็ไม่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นข่าวประท้วง ข่าวการลดอันดับเครดิต แม้แต่ข่าวการปรับลดเป้าหมายจีดีพีของประเทศก็ล้วนไม่มีความหมาย อารมณ์กลัวตกรถมีมากกว่า มีการให้เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นปลายปีที่ตัวเลขสูงๆ ฯลฯ

ลุงแมวน้ำจึงบอกว่าความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหุ้นนั้นเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านอารมณ์ด้วย ซึ่งอารมณ์นั้นบางครั้งก็ไม่มีเหตุผลและไม่มีพื้นฐาน หุ้นดีๆก็อาจมีราคาถูกแล้วถูกอีกก็ได้ หรือสถานการณ์แวดล้อมไม่ค่อยดีแต่ราคาหุ้นอาจขึ้นเอาๆก็ได้เช่นกัน ข่าวจากสื่อต่างๆพยายามอธิบายว่าเหตุใดราคาหุ้นจึงขึ้น (หรือลง) โดยพยายามเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกต้องเสมอไป

ตลาดหุ้นที่ขึ้นในช่วง 7-8 วันที่ผ่านมา ลุงแมวน้ำมองว่าเป็นเพียงคลื่นปรับฐานในคลื่นขาลง ซึ่งอาจขึ้นไปได้ถึงระดับ fibonacci 38.2% ถึง 61.8% คือดัชนีอาจปรับตัวไปถึง 970 จุด อย่างมากไม่เกินดัชนี 1030 จุด หลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่คลื่นย่อยขาลงตามเดิม ถึงตอนนั้นความกังวลและตื่นกลัวต่อข่าวต่างๆก็จะกลับมาอีก อารมณ์จะเปลี่ยนจากตอนนี้ชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ




No comments: