Wednesday, October 5, 2011

04/10/2011 * หุ้นดี ราคาถูก (1)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 855.45 จุด ลดลง 13.86 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิอีก 447 ล้านบาท

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 2 ตัว เหลือเพียงหุ้นกลุ่มสื่อสารเพียง 2 ตัวที่ยังไม่เกิดสัญญาณขาย

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกา ปิดแดงทั้งสามภูมิภาค มีเพียงตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่ปิดบวกได้ ที่จริงตลอดเวลาทำการของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนีตลาดหุ้นแดงตลอดเวลา จนท้ายตลาดราว 30 นาทีมีการไล่ดัชนีจนสามารถปิดบวกได้



หุ้นดี ราคาถูก (1)


เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ลุงแมวน้ำกำลังจิ้มครีบลงบนแป้นพิมพ์อย่างขะมักเขม้นเพื่อปรับปรุงเว็บบล็อกอยู่ ลิงชิมแปนซีก็โผล่เข้ามา

“หวัดดีลุงแมวน้ำ” ลิงชิมแปนซีทักทาย

“หวัดดีนายจ๋อ ทำไมวันนี้หน้าซีดเป็นลิงต้มเชียว” ลุงแมวน้ำทัก เห็นหน้าลิงซีดเซียวผิดสังเกต

“ลุงดูหุ้นอยู่หรือเปล่า” ลิงถาม

“ยังไม่ได้ดูเลย มัวทำอย่างอื่นอยู่” ลุงแมวน้ำตอบ

“ลุงก็ดูเสียหน่อยสิ แล้วจะรู้” ลิงพูด

ลุงแมวน้ำเปิดดูราคาหุ้น เช้าวันนั้นตลาดหุ้นเพียงเริ่มต้นตลาด ดัชนีเซ็ตก็ตกลงไปถึง 33 จุดแล้ว

“นี่แหละ หุ้นตกหนัก ว่าจะปรึกษาลุงสักหน่อย” ลิงพูด “สัปดาห์ที่แล้วไปซื้อหุ้นเอาไว้น่ะ”

“เอาอีกแล้ว” ลุงแมวน้ำพูด

ดังที่ลุงแมวน้ำเคยเล่าให้ฟังไปบ้างแล้ว ลิงชิมแปนซีตัวนี้เป็นลิงเจ้าปัญญา มีนิสัยชอบเล่นหุ้น แต่มักเป็นการซื้อเร็วขายเร็ว ลิงมักบอกว่าตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ดังนั้นขอแค่ค่ากล้วยนิดหน่อยก็พอ เข้าไวออกไวจะได้ไม่ต้องถือหุ้นนานๆให้เสี่ยง แต่ก็ปรากฏว่าซื้อขายแล้วมักขาดทุนเสมอ

“ไม่ได้เอาอีกแล้ว” ลิงจ๋อรีบพูด “คราวนี้ผมเป็นนักลงทุนแล้วนะ ซื้อหุ้นลูกโป่งสวรรค์เอาไว้ ไม่ได้เข้าไวออกไวแบบหาค่าขนม แต่คราวนี้อยากลงทุนถือนานๆเลย เพราะเห็นว่าราคาหุ้นตกลงมามากแล้ว น่าจะถึงเวลาซื้อได้แล้ว ลุงดูสิ ผมเลือกหุ้นที่เป็นหุ้นขวัญใจมหาชน บริหารดี กำไรดี ปันผลดี แนวโน้มธุรกิจก็ดี เศรษฐกิจจะดีหรือร้าย คนเราก็ต้องจัดเทศกาลงานรื่นเริง ลูกโป่งสวรรค์จึงขายได้ตลอดไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจแบบไหน ถือเป็นหุ้นบลูชิป กองทุนต่างๆ ทั้งไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ต่างก็ต้องมีติดพอร์ตไว้ทั้งนั้น”

“โอ้โฮ” ลุงแมวน้ำอุทาน “ทำการบ้านมาเสียด้วย ดีแล้วล่ะที่คิดลงทุนจริงๆจังๆเสียที”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ” ลิงพูดต่อ “ปีนี้กิจการกำไรดีด้วย มีรายได้เป็นรายการพิเศษอีก ค่าเพอร์อยู่ในราว 8 เท่ากว่าๆ เท่านั้น ถือว่าถูกมากแล้ว นี่แหละ ผมไปศึกษามา หุ้นดีราคาถูกแบบนี้ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว”

ค่าเพอร์ (PER) ที่ลิงพูดถึงก็คือค่าพีอีเรโช (P/E ratio) หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นนั่นเอง

“ดีมากๆ นายซื้อเพราะมีเหตุผลที่ดี มีการทำการบ้าน” ลุงแมวน้ำพูดด้วยความชื่นชม “แล้วที่จะปรึกษาลุงคืออะไรล่ะ”

“ก็หลังจากที่ซื้อ ราคาหุ้นก็ร่วงหนักน่ะสิ” ลิงทำหน้าจ๋อย “เลยอยากถามลุงว่าจะเอาไงดี มันจะร่วงไปถึงไหนกัน”

“อ้าว เป็นซะงั้น” ลุงแมวน้ำพูด “ข้อมูลดีแล้วทำไมยังไม่มั่นใจล่ะ”

“ก็ตอนที่ผมซื้อ ตอนนั้นหุ้นลูกโป่งสวรรค์ราคาหุ้นละ 290 กว่าบาท แต่ตอนนี้ราคาเหลือแค่ 240 กว่าบาทเท่านั้น ก็เลยกลุ้มน่ะสิ” ลิงพูด พลางเอาหางก่ายหน้าผาก “เงินผมหายไปเกือบ 20% แล้ว ไม่รู้จะทำยังไง ลุงรู้ไหมว่ามันจะร่วงไปถึงไหน”

“ถ้าลุงรู้ก็คงเป็นผู้วิเศษไปแล้วมั้ง” ลุงแมวน้ำตอบ “ลงไปถึงไหนคงตอบให้แน่นอนไม่ได้หรอก แต่หากให้ประเมินในแง่ความเป็นไปได้ละก็พอบอกได้ ซึ่งมันก็เป็นแค่ความน่าจะเป็น ไม่จำเป็นต้องเกิดตามนั้นแน่นอน แต่ก็น่าจะดีกว่าที่ไม่รู้อะไรเลย”

“เอายังงั้นก็ได้ ลุงประเมินว่ายังไงล่ะ” ลิงถาม

ลุงแมวน้ำล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากหูกระต่าย พลางกางออกให้ลิงชิมแปนซีดู




“ในทางปัจจัยเทคนิค เรามีเทคนิคที่ใช้ในการวัดราคาเป้าหมาย นั่นคือการประเมินตามระดับฟิโบนาชชี (Fibonacci retracement) ราคาอาจลงไปได้ถึงระดับฟิโบนาชชี 61.8% หรืออาจลงไปถึง 78.6% ตามภาพนี้ ดังนั้นในขั้นต้นก็ประเมินเอาไว้ก่อนว่าอาจลงไปได้ถึง 230 บาทหรืออาจถึง 190 บาท”

“ลากเส้นนิดหน่อยก็รู้ได้เนี่ยนะ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือลุง” ลิงท้วง “ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย”

“นายจ๋ออาจดูว่ามันไม่น่าเชื่อถือ แต่เท่าที่ลุงใช้มาก็มีส่วนช่วยในการประเมินราคาเป้าหมายได้ อันที่จริงค่าฟิโบนาชชีนั้นถือได้ว่าเป็นกฎธรรมชาติอย่างหนึ่ง เพราะเป็นค่าอัตราส่วนที่มีอยู่ในธรรมชาติ นักเทคนิคที่ใช้วิธีนี้ก็เพราะคิดว่าราคาหุ้นก็หนีกฎธรรมชาติไปไม่พ้นนั่นเอง” ลุงแมวน้ำพูด “แต่ถ้านายจ๋อคิดว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เรามาดูวิธีอื่นกัน”

ลุงแมวน้ำล้วงเอากระดาษออกมาจากหูกระต่ายอีกแผ่นหนึ่ง กางออกให้ลิงชิมแปนซีดู



“ลองประเมินด้วยค่าอัตราส่วนพีอีหรือพีอีเรโช (P/E ratio อาจเขียนเป็น PER ก็ได้) ก็ได้” ลุงแมวน้ำพูด “ดูในภาพนะ ราคาแท่งสุดท้ายคือราคาหุ้นลูกโป่งสวรรค์ ณ สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตอนนั้นค่า PER อยู่ที่ 8.68 เท่า ค่าอัตราส่วนพีอีนี้ปกติมักคำนวณจากค่ากำไรต่อหุ้น (earning per share, EPS) รายไตรมาสย้อนหลังไปสี่ไตรมาสล่าสุด แต่ข้อมูลรายไตรมาสย้อนหลังไปหลายปีหาได้ยาก ลุงแมวน้ำจึงใช้ค่ากำไรต่อหุ้นรายปีของปีล่าสุดมาคำนวณแทน สมมติว่าค่า PER ของราคาหุ้นในปี 2011 ก็ใช้ค่า EPS ของปี 2010 เป็นฐานในการคำนวณ เป็นต้น ซึ่งก็พอใช้กันได้”

ลิงชิมแปนซีจ้องดูในภาพ ลุงแมวน้ำจึงอธิบายต่อ

“เห็นไหมว่าในอดีตนั้นตอนที่ตลาดเป็นขาลง ค่าอัตราส่วนพีอีของหุ้นลูกโป่งสวรรค์นี้แปรเปลี่ยนไปต่างๆนาๆ ที่ต่ำที่สุดคือตอนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ อัตราส่วนพีอีลงไปต่ำถึง 3.85 เท่า” ลุงแมวน้ำพูด

“ทำไมถึงได้ต่ำขนาดนั้นล่ะลุง” ลิงถาม หน้ายิ่งเสียหนักเข้าไปใหญ่

“ก็เพราะว่าเรื่องราคาหุ้นไม่ใช่เรื่องของปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอารมณ์ของนักลงทุนด้วย ซึ่งปัจจัยทางจิตวิทยานี้ก็สำคัญ หากนักลงทุนอยู่ในภาวะที่หวาดกลัว หุ้นราคาถูกแค่ไหนก็อาจไม่สนใจ เพราะคิดว่าต่อไปยังมีถูกกว่านี้ให้เห็นอีก ดังนั้นเราจึงเห็นหุ้นดีราคาถูก แล้วก็ยังมีราคาที่ถูกกว่าได้อีก” ลุงแมวน้ำตอบ

เมื่อเห็นนายลิงจ๋อกังวลมาก ลุงแมวน้ำจึงปลอบใจ

“เอาล่ะ นายจ๋อยังไม่ต้องตกใจ ค่าอัตราส่วนพีอีต่ำขนาดนั้นอาจจะมองว่าต่ำเกินไป ลองดูค่าที่ต่ำแบบพอประมาณก็ได้ ไม่ต้องถึงกับต่ำมากขนาด 3.85 เท่า ลองดูค่าพีอีในช่วงตลาดขาลงที่จุดอื่นในกราฟสิ เห็นไหม ที่ 5 เท่ากว่าๆก็มี ที่ 7 เท่ากว่าๆก็มี นั่นแสดงว่าในยามที่ตลาดตกต่ำ อัตราส่วนพีอีพีอีในระดับ 5 หรือ 6 หรือ 7 เท่าก็อาจมีให้เห็นได้”

ลิงมองดูในกราฟแล้วพยักหน้าตาม ลุงแมวน้ำจึงพูดต่อไป

“ทีนี้ลองคำนวณย้อนกลับดูสิ เอาค่า EPS ปี 2010 เป็นฐานในการคำนวณ แล้วลองดูว่าหากใช้ค่า EPS ดังกล่าว เมื่อค่า P/E ratio เป็น 5 เท่า หรือเป็น 6 เท่า หรือเป็น 7 เท่า ฯลฯ เราก็คำนวณย้อนกลับเป็นราคาหุ้นเป้าหมายของปีนี้ได้ ค่า EPS หรือ earnings per share ปี 2010 คือ 29.66 บาท/หุ้น”

“ฮื่อๆ ต่อเลยลุง” ลิงพูด

“ลุงคำนวณมาให้ดูแบบสำเร็จรูปแล้ว สมมติกันตั้งแต่ PER เป็น 4.0 เท่า ไล่ขึ้นไป แล้วได้ราคาเป้าหมายต่างๆ แล้วนายจ๋อเห็นหรือเปล่าว่าที่อัตราส่วนพีอี 6.5 เท่าคือราคา 190 บาท กับที่อัตราส่วนพีอี 8.0 เท่าคือราคา 234 บาท เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาที่ประเมินด้วยวิธีฟิโบนาชชีที่ 78.6% และ 61.8% ตามลำดับ”

“ฮื่อ จริงด้วย” ลิงจ๋อพยักหน้า

“เห็นไหมว่าการประเมินราคาเป้าหมายจากสถิติค่า PER ในอดีต กับการประเมินด้วยเทคนิคฟิโบนาชชี ให้ผลสอดคล้องกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากมองราคาเป้าหมายด้วยวิธี PER หุ้นตัวนี้ยามขาลง PER น่าจะลงไปได้ถึง 6.5 เท่า ไม่ใช่เพียงแค่ 8 เท่า ดังนั้นราคาหุ้นลูกโป่งสวรรค์อาจลงไปถึง 190 บาทได้ ไม่ใช่เพียงแค่ 234 บาท ” ลุงแมวน้ำพูด “และนี่เป็นเพียงราคาประเมินในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายพอควร หากเป็นกรณีที่เลวร้ายมาก ราคาอาจจะลงลึกกว่านี้อีกก็ได้ ดูราคาหุ้นที่ระดับฟิโบนาชชี 100% กับที่ราคา PER 5.0 เท่าสิ สอดคล้องกันเลย”

“ฮึ แล้วยังมีที่ร้ายกว่านี้อีกไหม” ลิงทำเสียงประชด

“แล้วนายจ๋อคิดว่าวิกฤติเศรษฐกิจของโลกในครั้งนี้จะร้ายแรงและมีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยรุนแรงกว่าเมื่อครั้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ไหมล่ะ” ลุงแมวน้ำถามกลับ

(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป)




1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ ลุงแมวน้ำอธิบายในแบบที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องอ่านหลายรอบเลยครับ