Sunday, August 11, 2013

11/08/2013 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เที่ยวงานสีสันพรรณไม้



บรรยากาศในงานสีสันพรรณไม้ ครั้งที่ 7 ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ปี 10-13 สิงหาคม 2556 ภาพนี้ถ่ายตอนที่งานยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ


หลายวันก่อนลุงแมวน้ำอ่านเจอข่าวประชาสัมพันธ์งานสีสรรพรรณไม้ ครั้งที่ 7 ประจำปี 2556 ที่จัดขึ้นที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อันเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่ติดกับสวนรถไฟและสวนจตุจักรนั่นเอง งานนี้จัดขึ้นในวันที่ 10-13 สิงหาคม 2556 อ่านแล้วก็น่าสนใจดี ลุงก็วางแผนเอาไว้ว่าวันเสาร์จะไปวิ่งที่สวนรถไฟดีกว่า จากนั้นเดินไปชมงานที่สวนสมเด็จฯที่อยู่ติดกัน จะได้ชมงานสีสันพรรณไม้ไปด้วยเลย

แต่แล้วลุงแมวน้ำก็เกิดลืมขึ้นมา หมู่นี้ความจำแย่เต็มที ขนาดกินใบแปะก้วยไปยอะแล้วนะเนี่ย ^_^ เช้าวันเสาร์ลุงก็ฝ่าฝนปรอยไปวิ่งที่สวนลุม จากนั้นค่อยนึกขึ้นมาได้หลังจากที่วิ่งเสร็จแล้ว

จะว่าไปเดินทางก็ไม่ยาก ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วเดินต่ออีกสักช่วงหนึ่ง ด้วยความอยากดู ลุงแมวน้ำก็เลยตัดสินใจแวะไปชมเสียหน่อย

การเดินจากสถานีรถไฟฟ้าจตุจักรไปที่สวนสมเด็จฯ ตอนเช้ากับตอน 11 โมงนี่คนละเรื่องเลยเชียว ลุงเดินจนลิ้นห้อย เพราะอากาศอบอ้าวมาก ต้องแวะซื้อไอติมกินในระหว่างทางด้วย ^_^ ถนนที่เดินคือถนนข้างตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งก็แน่นมาก เพราะมีชาวต่างชาติมาเที่ยวตลาดนัดเป็นจำนวนมาก

ก่อนอื่น ขออธิบายสักหน่อย เรื่องชื่องาน สีสรรพรรณไม้ หลายคนอาจงง ว่าตกลงสะกดว่า สีสัน หรือว่า สีสรร กันแน่

ลุงแมวน้ำขออธิบายว่า คำว่า สีสัน นั้นเป็นศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า hue ส่วนคำที่สะกดอย่างอื่น เช่น สีสรร หรือ สีสรรค์ ราชบัณฑิตยสถานยังไม่ได้บัญญัติไว้

ในกรณีที่เราพูดถึงสีและต้องการใช้สร้อยคำ (หลักภาษาไทยเรียกว่าอุทานเสริมบท อย่างเช่น เสื้อแสง พูดจา ฯลฯ คำหลังคืออุทานเสริมบท) เราก็เรียก สีสัน สะกดว่า สีสัน ความหมายก็คือสีนั่นเองแต่มีสร้อยมาเสริมท้ายให้สวยๆ

ทีนี้ภาษาไม่ตายตัว ภาษาย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย หากเราต้องการเน้นในเชิงอื่น เราก็สร้างศัพท์ใหม่ๆกันขึ้นมาได้ อย่างเช่น รักโลก ไง เดี๋ยวนี้ไม่ได้เขียนว่า รักโลก แต่เขียนว่า รักษ์โลก เพราะเราเน้นว่าอนุรักษ์โลกเอาไว้ รักษาโลกเอาไว้ เราจึงไม่ได้ใช้ว่า รักโลก

เช่นเดียวกัน สีสรร หากจะเขียนเช่นนี้ก็ย่อมได้ แต่ความหมายต่างออกไปจาก สีสัน เพราะ สรร แปลว่า เลือก ดังนั้นผู้ที่ใช้คำว่า สีสรร อาจจงใจเล่นคำ เพราะกำลังบอกว่า มีการเลือกเฟ้นสีมาใช้ หรืออาจเขียนว่า สีสรรค์ ก็ย่อมได้ แต่ความหมายก็เปลี่ยนไปอีก เพราะผู้เขียนกำลังเล่นคำ อาจหมายถึงว่าเป็นสีที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ จึงเลือกใช้คำว่า สีสรรค์

ดังนั้นชื่องาน สีสรรพรรณไม้ ถามว่าสะกดผิดไหม ก็ตอบว่าอาจไม่ผิด เพราะต้องดูเจตนาในการเลือกใช้คำ แต่ถ้าถามว่าคำนี้มีในพจนานุกรมไหม ก็ตอบว่าไม่มี

เอาละ พูดเรื่องชื่องานเสียยาวเชียว วันหยุดนี่ ลุงแมวน้ำก็คุยไปเรื่อยเปื่อย ^_^

เรามาชมงานกันดีกว่า ลุงแมวน้ำจะเล่าด้วยภาพ ภาพมาก่อน คำบรรยายตามหลังนะคร้าบ






นี่เป็นโปสเตอร์ของงาน ก็มีการบรรยายว่ามีไฮไลต์อะไรบ้าง โน่น นี่ นั่น ตามที่ระบุในภาพ พร้อมแผนที่การเดินทางไปชมงาน อ่านแล้วอยากไปดูขึ้นมาเชียว





ลุงแมวน้ำก็จัดแจงขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปเชียว ไปโผล่ที่สถานีจตุจักร แล้วเดินเข้าไปในถนนกำแพงเพชร 4 อันเป็นถนนที่คั่นกลางระหว่างตลาดนัดจตุจักรกับสวนจตุจักร เห็นไหมว่าคนแน่นมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติตรึมเลย

และในภาพ ใต้ผ้าใบขอให้พระคุ้มครองนั่นน่ะ มีแผงขายน้ำมะพร้าวอ่อนอยู่ คนมุงแน่นมาก เพราะคนขายเวลาเอามีดเฉาะมะพร้าวจะร้อง โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย เสียงดังไปด้วย ราวกับเจ็บแทนมะพร้าว เรียกลูกค้าได้ดีเหมือนกัน






เดินไปเรื่อยๆ จนลิ้นห้อย หากเดินไม่ถูกก็ถามทางคนแถวนั้นก็ได้ ถามหาพิพิธภัณฑ์เด็กจะง่ายกว่า ประตูทางเข้าสวนด้านที่เป็นทางเข้างานก็อยู่ข้างพิพิธภัณฑ์เด็กนั่นเอง





เข้าประตูมา หลังประตูก็จะพบกับโซนประกวดบอนไซก่อนเป็นอย่างแรกเลย นี่เป็นบอนไซที่ได้รับรางวัล





เดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบสวนหย่อมที่จัดเป็นสวนไม้ดอก ดอกไม้กำลังบานสะพรั่งเชียว





สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้จัดภูมิทัศน์ได้สวยงาม แม้แต่ห้องสุขาก็ยังก่อสร้างให้ดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ เข้าสุขานี้แล้วมีความสุขคร้าบ เพราะแวดล้อมด้วยแมกไม้ ^_^







ใกล้ๆทางเข้างานนั้นเอง เป็นส่วนนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมอุทยาน กรมป่าไม้ กรมหม่อนไหม กรมการข้าว ข้างในเป็นนิทรรศการทั้งโปสเตอร์และของจริง เช่น สมุนไพรหายาก พรรณไม้หอม บ้านจากไม้ไผ่ พันธุ์ข้าวอนุรักษ์ ยอดหวายอบแห้ง (อันนี้เป็นของกิน) การเลี้ยงไหมและผ้าไหม ฯลฯ พร้อมกับมีแจกกล้าไม้ต่างๆอีกด้วย





เมื่อออกจากโซนนิทรรศการ ก็จะเป็นทางเดินของสวนพฤกษศาสตร์ ทางเดินนี้ยาวมากเพราะว่าสามารถเดินวนได้รอบสวน ก็เดินไปเรื่อยๆ ชมสวนและชมบูธต่างๆที่มาออกร้าน พร้อมกับการจัดประกวดพรรณไม้ต่างๆ

มีร้านต่างๆมาออกบูธกันเยอะเลย เห็นในภาพแล้วอย่าตกใจว่าทำไมมีร้านน้อยจัง คือทางเดินยาวมากน่ะ บางช่วงก็มีร้านน้อย บางช่วงก็มีร้านแน่นขนัด




นี่เป็นบริเวณที่จัดประกวดกล้วยไม้ ตอนที่ลุงแมวน้ำไปนั้นงานยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงยังกั้นเชือกอยู่ ไม่ให้เดินเข้าไปชมด้านใน แต่สามารถยืนชมและถ่ายรูปได้จากบนทางเดิน ตรงที่คนมุงกันนั้นเป็นกล้วยไม้ที่ได้รางวัลในการประกวด





มีประกวดไม้ใบ




มีประกวดโป๊ยเซียน





นอกจากบริเวณประกวดพรรณไม้แล้ว ก็ยังมีโซนร้านค้า ร้านค้าก็มีทั้งร้านขายต้นไม้และอุปกรณ์ต่างๆ กับร้านขายอาหารและครื่องดื่ม พวกต้นไม้ทั่วๆไปก็มี ต้นไม้แปลกๆก็มี ที่เห็นในภาพนี้คือผลฟักข้าว ฟักข้าวนี้เป็นต้นไม้ที่หายาก สองปีนี้กำลังดัง เพราะค้นพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ แต่มีร้านค้าที่มีออกบูธในงานนี้บูธหนึ่ง ที่ขายผลและต้นฟักข้าว โอ้อวดสรรพคุณว่าป้องกันและรักษามะเร็งได้ทุกชนิด อันนี้ไม่จริงนะคร้าบ โฆษณาเกินเลยไปมาก ลุงว่าเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคแล้วนะ โดยข้อเท็จจริงคือถือเป็นสมุนไพร แต่งานวิจัยเกี่ยวกับฟักข้าวยังไม่มาก โดยเฉพาะฤทธิ์ต้านมะเร็งนั้นยังต้องวิจัยกันอีกมากเชียว ตอนนี้ถือได้เพียงเป็นผลไม้บำรุงสุขภาพ ไม่ใช่ผลไม้วิเศษ






นี่เป็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง (nepehthes, monkey cup) เป็นพืชกินแมลงชนิดหนึ่ง สีสันที่สวยงามและน้ำหวานภายในถ้วยจะล่อแมลงให้เข้าไปข้างใน จากนั้นฝาก็จะปิดลง แล้วแมลงก็จะไม่ได้ออกมาอีกเลย ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงนี้คนนิยมเลี้ยงกันเยอะพอควร รวมตัวกันเป็นชมรมเลยทีเดียว เป็นต้นไม้มีราคา ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงนี้รูปทรงและสีสันของถ้วยจะมีหลากหลาย ถ้วยทรงสูงก็มี ป้อมๆก็มี ฯลฯ





นี่เป็นต้นไผ่ยักษ์ ลำมีขนาดใหญ่มาก ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไรเหมือนกัน ทางญี่ปุ่นมีการนำไผ่ลำขนาดใหญ่มาทำเฟอร์นิเจอร์ ภาษาไทยก็เรียกว่าไผ่ยักษ์เหมือนกัน ลุงแมวน้ำไม่แน่ใจว่าเป็นไผ่นี้หรือเปล่า





ลำไยสีขาว เปลือกสีสวยเชียว ลุงแมวน้ำไม่ได้ลองชิมเหมือนกันว่าอร่อยไหม เสียดาย น่าจะลองชิมดูสักหน่อย





อ้อยดำ นี่ก็โฆษณาเกินจริงอีกแล้ว





มะเขือการ์ตูน (nipple fruit, titty fruit, cow's udder fruit) ชื่อไทยน่ารักมาก หน้าตาก็ตลกดี มะเขือนี้เป็นมะเขือประดับ คนยังไม่ค่อยรู้จักกันนัก บางทีเรียกมะเขือนมแพะ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง มีการนำมาใช้ประดับในงานใหญ่ครั้งแรกก็คืองานพืชสวนโลก ปี 2550







สารพัดกล้วย กล้วยไทยมีหลายชนิดมาก เป็นร้อยชนิดเลย ส่วนใหญ่เป็นกล้วยพันธุ์พื้นเมืองหรือกล้วยพื้นบ้านที่ปลูกกันในสมัยก่อน กล้วยที่เป็นพันธุ์เศรษฐกิจมีอยู่เพียงไม่กี่พันธุ์ แต่ก็มีผู้สนใจอนุรักษ์กล้วยพื้นเมืองเอาไว้ และเป็นธุรกิจที่ทำขึ้นด้วย เพราะหน่อกล้วยพื้นเมืองต่างๆขายดีอยู่เหมือนกัน

กล้วยพื้นเมืองต่างๆก็เช่น กล้วยตานี (บรื๋ออออ ^_^) กล้วยเทพนม กล้วยนาก กล้วยหิน กล้วยพม่าแหกคุก ฯลฯ กล้วยยักษ์ กล้วยแคระ ก็มี อย่างเช่นในภาพเป็นกล้วยน้ำว้ายักษ์ ขนาดใหญ่จริงๆ





และที่จะขาดไม่ได้ก็คือร้านค้าขายของกิน อันประกอบด้วยอาหาร ขนม และเครื่องดื่มต่างๆ มีมากมายหลายร้านทีเดียว





ข้าวเกรียบว่าวแบบโบราณก็มีขาย เห็นแล้วน่ากินเหมือนกัน การกินก็ยากเย็นไม่น้อย เพราะซื้อแล้วต้องกินทันที ถือเดินไปแค่ไม่ไกลก็แตกหมดแล้ว เก็บไว้นานก็นิ่ม ไม่อร่อยอีก แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของสมัยโบราณ ^_^





ท้ายสุดและสุดท้าย ว่ากันในเดือนสิงหาคมของทุกปี สระบัวที่สวนสมเด็จฯนี้จะมีดอกบัวบานสะพรั่ง สวยงาม ลุงก็เดินไปดู สวนบัวนี่ต้องเดินเลยงานนิทรรศการไปอีกพอสมควร พอไปถึงก็ไม่เห็นว่ามีอะไรพิเศษ สระบัวมีดอกบัวเพียงไม่กี่ดอก แต่ก็ไม่เป็นไร ไหนๆก็มาดูนิทรรศการอยู่แล้ว

ใครว่างก็แวะไปเที่ยวงานสีสรรพรรณม้กันได้นะคร้าบ ได้วิ่งออกกำลัง ชมสวนสวย และดูนิทรรศการและร้านค้าต่างๆ ไปทีเดียวได้หลายอย่างเลย ^_^


No comments: