สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ EGCO และมีสัญญาณขาย AOT, DTAC, SCB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 37 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ยางญี่ปุ่น (TOCOM rubber) เกิดสัญญาณขาย แม้ยางไทย (RSS3) ยังไม่เกิดสัญญาณขายแต่ก็ใกล้มากแล้ว หากวันถัดไปราคาลงอีกก็อาจเกิดสัญญาณขายได้
ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (Shanghai Composite Index) ของจีนเกิดสัญญาณขาย ปกติตลาดจีนจะหยุดทำการยาวเนื่องในช่วงวันชาติของจีนในตอนต้นเดือนตุลาคม ราว 7 วัน ซึ่งตลาดฟิวเจอร์สยางพาราของจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าตลาดโตคอมของญี่ปุ่นเสียอีกและเป็นตลาดผู้กำหนดทิศทางราคาฟิวเจอร์สยางพารา ดังนั้นในช่วงนี้อาจต้องสังเกตดูราคาฟิวเจอร์สยางพาราเอาไว้บ้างเนื่องจากราคายางพาราอาจมีการเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากการทิ้งทวนก่อนวันหยุดยาวก็เป็นได้ และช่วงที่ตลาดจีนหยุดราคายางพาราคงไม่ไปไหนไกลเนื่องจากต้องรอให้ตลาดจีนเปิดเสียก่อน
เทรดตามระบบอย่างไรให้ได้กำไร
วันก่อนเราดูเทคนิคการเทรดตามระบบอย่างไรให้ได้กำไรไปแล้ว 3 ข้อ วันนี้เรามาดูกันต่อ
ข้อ 4 เทรดเฉพาะด้านลองหรือว่าซื้อก่อนขายทีหลัง
เทรดเฉพาะด้านลองหรือว่าซื้อก่อนขายทีหลังก็เหมือนกับการเทรดหุ้นนั่นเอง ที่แนะนำเช่นนี้เพราะจากสถิติพบว่าการเทรดด้านลองมีโอกาสได้กำไรมากกว่าการเทรดด้านชอร์ต ดังนั้นการเทรดด้านลองจะปลอดภัยกว่าบ้าง แต่นั่นก็หมายความว่าต้องเทรดด้านลองในช่วงตลาดขาขึ้นเท่านั้น หากอยู่ในคลื่น A-B-C การเทรดด้านลองก็ขาดทุนเพราะมักเป็นสัญญาณหลอก แต่คำถามที่ตามมาก็คือว่าถ้าจะให้เทรดด้านลองในตลาดขาขึ้นแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรเป็นตลาดขาขึ้น คำตอบอยู่ในข้อถัดไป
ข้อ 5 ควรมีความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคพอสมควร
ในการเทรดหุ้นหรือฟิวเจอร์สตามระบบนั้นนักลงทุนควรมีความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคบ้าง การที่ไม่รู้อะไรเลยทางเทคนิคจะทำให้เราเลี่ยงสัญญาณหลอกไม่ได้ซึ่งทำให้โอกาสที่จะได้กำไรลดลงไป (หรืออาจถึงขาดทุนได้) ความรู้ที่ควรมีก็คือรู้เกี่ยวกับทฤษฎีคลื่นของอีเลียต สามารถนับคลื่นรูปแบบง่ายๆได้ รู้จักการใช้อินดิเคเตอร์ (indicator) เพื่อแยกแยะภาวะแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือว่าไร้ทิศทางได้ เป็นต้น ซึ่งความรู้ทางเทคนิคนั้นนักลงทุนแต่ละคนจะมีความถนัดและความสามารถไม่เท่ากัน เปรียบเหมือนนักเรียนที่เรียนในชั้นเดียวกัน ครูอาจารย์ชุดเดียวกัน แต่ผลการเรียนของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ก็เนื่องจากความแตกต่างระหว่างบุคคลและการฝึกฝนนั่นเอง ดังนั้นนักลงทุนที่เทรดตามระบบซึ่งศึกษาด้านเทคนิคด้วยแต่ความรู้ความเข้าใจอาจไม่เท่ากันและฝีมือในการหลบเลี่ยงสัญญาณหลอกอาจไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงอย่างไรศึกษาเอาไว้บ้างก็จะเป็นประโยชน์
ข้อ 6 เตรียมเงินลงทุนให้เพียงพอ
เรื่องจำเป็นอีกประการหนึ่งในการเทรดอย่างเป็นระบบ นั่นก็คือ การเตรียมเงินลงทุน ปกติหลักการเทรดอย่างเป็นระบบนั้นต้องเทรดด้วยเงินลงทุนที่เสมอต้นเสมอปลาย สมมติว่าจะลงทุน 100,000 บาทก็ต้องลงทุน 100,000 บาทในทุกรอบของสัญญาณซื้อขายที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะได้กำไรหรือถึงแม้จะขาดทุนจากสัญญาณหลอก เมื่อเกิดสัญญาณในครั้งถัดไปก็ต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าเดิมเสมอ
จากหลักการดังกล่าว นั่นหมายความว่านักลงทุนต้องเตรียมเงินต่างหากเอาไว้จำนวนหนึ่งเืพื่อสำรองสำหรับการขาดทุน เพราะหากคิดลงทุน 100,000 บาทและมีเงินเพียง 100,000 บาท หากเทรดแล้วขาดทุนในครั้งแรกๆ เงินลงทุนจะหดหายไป เมื่อถึงคราวได้กำไรยาวๆก็จะกลายเป็นได้มาไม่คุ้มกับที่ขาดทุนไป ข้อนี้มีความสำคัญ ลองมาดูตัวอย่างกันก่อนเพื่อความเข้าใจ
สมมติว่าเตรียมเงินเพื่อการเทรดหุ้นเอาไว้ 100,000 บาท และสมติว่าเจอสัญญาณหลอกขาดทุนครั้งละ 10% เป็นจำนวน 3 ครั้งติดกัน หลังจากนั้นจึงจะได้กำไรยาว 30% เป็นจำนวน 1 ครั้ง ลองมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เืพื่อให้คำนวณง่ายลุงแมวน้ำขอสมมติว่าไม่คิดค่าคอมมิชชัน
เงิน 100,000 บาท เทรดครั้งแรกขาดทุน 10% ดังนั้นจะเสียเงินไป 10,000 บาท เหลือเงินเอาไว้เทรดในครั้งต่อไป 90,000 บาท บาท
เงิน 90,000 บาท เทรดแล้วขาดทุนอีก 10% ดังนั้นเสียเงินไปอีก 9,000 บาท เหลือเงินเอาไว้เทรดในครั้งต่อไป 81,000 บาท
เงิน 81,000 บาท เทรดแล้วขาดทุนอีก 10% ดังนั้นเสียเงินไปอีก 8,100 บาท เหลือเงินเอาไว้เทรดในครั้งต่อไป 72,900 บาท
เงิน 72,900 บาท เืทรดแล้วได้กำไร 30% เท่ากับได้ทุนบวกกำไรมาเป็นเงิน 94,770 บาท
สรุปว่าขาดทุน 3 ครั้ง กำไร 1 ครั้ง รวมแล้วยังขาดทุนอยู่ 5,230 บาท (จากเงินตั้งต้น 100,000 บาท)
คราวนี้ลองมาดูกันใหม่ สมมติว่าเราเตรียมเงินเอาไว้จำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะขาดทุนแต่ก็เอาเงินสำรองนี้มาเติม ทำให้ในรอบถัดไปเงินที่เข้าเทรดยังเป็น 100,000 บาทเสมอ ผลจะเป็นดังนี้
เงินลงทุนครั้งละ 100,000 บาท ขาดทุน 3 ครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท รวมแล้วขาดทุน 30,000 บาท
เทรดครั้งต่อมา (ครั้งที่ 4) ก็ใช้เงิน 100,000 บาท ครั้งนี้ได้กำไร 30% เป็นเงิน 30,000 บาท
สรุปว่าขาดทุน 30,000 บาท กำไร 30,000 บาท รวมแล้วเท่าทุน
ดังนั้นจะเห็นว่าทุนที่สม่ำเสมอนั้นมีความสำคัญ เพราะหากขาดทุนแล้วเงินต้นที่เข้าเทรดลดลง ถึงคราวที่ได้กำไรจะได้กำไรน้อยเพราะทุนหดหายไป
ถ้าเช่นนั้นควรจัดเตรียมเงินลงทุนอย่างไรจึงจะเหมาะสม
(โปรดอ่านต่อในวันถัดไป)

No comments:
Post a Comment