Thursday, June 24, 2010

23/06/2010 * SET, DX

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 806.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด ดัชนี SET หลุดพ้นจากภาวะไร้ทิศทางแล้ว ตอนนี้ทิศทางเป็นขาขึ้น

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 47 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

เมื่อสองวันก่อนตลาดเอเซียขึ้นแรงมากอันเป็นผลมาจากการที่จีนประกาศยืดหยุ่นค่าเงินหยวน ยอมให้เงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นได้ อันเป็นประเด็นที่สหรัฐอเมริกาเรียกร้องจากจีนมาตลอด ทำให้ดัชนีหุ้นในตลาดเอเชียขึ้นแรง ขณะเดียวกันดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกาเองกลับไม่ค่อยตอบสนองต่อข่าวนี้ แต่มาในวันนี้ ตลาดเอเชียเองก็ไม่ขึ้นต่อแล้ว กลับกลายเป็นการแกว่งในช่วงแคบเพื่อรอทิศทางที่ชัดเจน

ลุงแมวน้ำอยากชี้ให้เห็นว่าการขึ้นแรงของตลาดนี้เป็นตัวอย่างอันดีของผลทางจิตวิทยา ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานต่างๆจะเปลี่ยนหรือไม่ รวมทั้งจะเปลี่ยนอย่างไร ผลกระทบต่อเศรษฐกิจนานาประเทศจะเป็นอย่างไร ลุงแมวน้ำเชื่อว่ายังไม่มีใครทราบได้อย่างถ่องแท้ เพราะว่าข่าวก็คือข่าว อีกประการก็คือ จีนจะมีขั้นตอนและมาตรการอย่างไรกับเงินหยวนก็ไม่ัชัดแจ้ง การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานให้ถูกต้องหรือแม้แต่ใกล้เคียงจึงเป็นไปไม่ได้เลย พอมาถึงวันนี้ ข่าวล่าสุดกลับกลายเป็นทำนองว่าจีนโปรยยาหอมไปอย่างนั้นเอง ดังนั้นการเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐานจึงเป็นเรื่องยาก เพราะการขึ้นลงของหุ้นไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานแต่อยู่กับอารมณ์ตลาดหรือปัจจัยทางจิตวิทยาด้วย

ส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นรับรู้ปัจจัยทางพื้นฐานและจิตวิทยาเอาไว้แล้วทั้งหมด เพราะปัจจัยทั้งพื้นฐานและจิตวิทยาจะสะท้อนออกมาในราคาหุ้นและดัชนี แต่ข้อจำกัดก็คือเราจะรู้หลังเกิดเหตุการณ์ไปแล้ว นั่นคือ เมื่อราคาปรากฏออกมาแล้วเราจึงเอามาตีความ ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับการเทรดตามน้ำ หรือเทรดตามแนวโน้ม ไม่ใช่การเทรดแบบพยากรณ์ล่วงหน้า

ข้อจำกัดของการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกประการหนึ่งก็คือต้องอาศัยการตีความ นั่นคือ ต้องเอารูปแบบของราคามาตีความ ซึ่งการตีความนั้นเป็นเรื่องจิตวิสัย (subjective) คือเป็นเรื่องนานาจิตตัง ต่างคนก็ต่างคีความได้ไม่เหมือนกัน ลองมาดูตัวอย่างกันดังรูปต่อไปนี้



ภาพนี้ลุงแมวน้ำวิเคราะห์เอาไว้เมื่อ 04/06/2010 ลุงแมวน้ำบอกว่าดัชนี SET กำลังเกิดรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง ซึ่งรูปแบบผืนธงสี่เหลี่ยม และรูปแบบผืนธงสามเหลี่ยมนั้นมีหลายลักษณะ บางลักษณะเป็นรูปแบบแนวโน้มต่อเนื่อง (trend continuation pattern) หมายถึงว่าถ้าราคาขึ้นก็จะขึ้นต่อไป หรือถ้าลงก็จะลงต่อไป และบางลักษณะก็จะเป็นรูปแบบการกลับทิศแนวโน้ม (trend reversal pattern) อันหมายถึงการกลับทิศจากแนวดน้มขาลงเป็นขาขึ้น หรือจากขาขึ้นเป็นขาลง ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาจึงจะจำแนกแยกแยะได้

ลุงแมวน้ำกล่าวไว้ว่าเมื่อราคาดำเนินไปจนสุดชายธงก็จะทะลุปลายชายธงออกไป จะขึ้นหรือจะลงก็จะได้รู้กัน หมายถึงว่าจะขึ้นต่อหรือว่าจะกลับทิศก็จะได้รู้กัน

มาในวันนี้ ลองดูภาพของดัชนี SET ต่อไปนี้



ดัชนี SET ทะลุชายธงขึ้นมา อันน่าจะตีความได้ว่าเป็น continuation pattern หรือว่าแนวโน้มขาขึ้นดำเนินต่อไป แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เราชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เนื่องจากดัชนีไม่มีแรงเสียแล้ว

คราวนี้เราลองลากเส้น SEC (standard error channel) ช่วย ได้ตามเส้นสีน้ำเงิน เราจะพบว่าขณะนี้ดัชนีทะลุกรอบบนไปแล้ว อันแสดงว่าเป็น coninuation pattern หรือแนวโน้มขึ้นต่อไป

คราวนี้ลองดูใหม่ หากเราลากเส้น SEC ตามเส้นสีน้ำตาล คราวนี้ดัชนีมาติดกรอบบนพอดี ถ้ามองแบบนี้ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าไม่ผ่านกรอบบน (สีน้ำตาล) ดัชนีย่อมร่วงลงมา อาจเป็นรูปแบบ reversal pattern อันหมายถึงการกลับทิศแนวโน้มก็ได้

ถ้าเช่นนั้นอะไรถูก อะไรผิด ควรเชื่ออะไร ควรเทรดตามสัญญาณอะไรดี

และนี่เองคือสิ่งที่ลุงแมวน้ำอยากจะชี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างในวันนี้ นั่นคือ มุมมองจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็เป็นเรื่องของจิตวิสัย ต่างคนอาจมองได้ไม่เหมือนกัน ประสบการณ์และความชำนาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นความถูกต้องแม่นยำที่แต่ละคนวิเคราะห์ได้ก็จะไม่เหมือนกัน ดังตัวอย่างที่ลุงแมวน้ำยกมาให้ดูวันนี้เรื่องดัชนี SET คนที่มองว่า SET น่าจะขึ้นต่อก็จะพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนเพื่อให้มองว่า SET จะขึ้นต่อ ส่วนคนที่มองลงก้จะหารูปแบบทางเทคนิคมาสนับสนุนความคิดของตนเช่นกัน ไปๆมาๆก็กลายเป็นอคติ ผลการวิเคราะห์ก็อาจเบี่ยงเบนคลาดเคลื่อนเพราะอคติได้

ถ้าเช่นนั้นจะเทรดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างไรจึงจะปราศจากอคติ

คำตอบก็คือยากที่จะปราศจากอคติ

นี่เองคือเรื่องที่ลุงแมวน้ำพยายามชี้ให้เห็นอยู่เสมอ นั่นคือ ในเมื่อปัจจัยพื้นฐานก็ดี การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ดี ล้วนแต่อาศัยจิตวิสัย คือขึ้นกับมุมมองของใคร ดังนั้นเราควรมีอะไรที่เป็นเกณฑ์ที่เป็นวัตถุวิสัย (objective) หรือว่ามีเกณฑ์ตายตัว ไม่ขึ้นกับอารมณ์หรือมุมมองของใคร ใครใช้ก็ได้ผลเหมือนกัน ถ้าเรามีเกณฑ์แบบนี้บ้าง การเทรดของเราก็จะง่ายขึ้น รวมทั้งตัดปัจจัยด้านอคติของตัวผู้วิคราะห์ออกไปด้วย

คำตอบอยู่ที่สัญญาณซื้อขายนั่นเอง

สัญญาณซื้อขายเกิดจากการคำนวณ ไร้อคติจากใจของผู้ใช้ เพราะผลเป็นอย่างไรก็คืออย่างนั้น ลุงแมวน้ำชี้ให้เห็นความสำคัญของสัญญาณซื้อขายอยู่เสมอ สัญญาณนี้ไม่ใช่ continuation pattern หรือว่า reversal pattern แต่สัญญาณจะตามแนวโน้มไปเรื่อยๆ ผู้ที่เดินตามแนวเทคนิคไม่ควรใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วนๆแต่ควรนำสัญญาณซื้อขายมาใช้่ด้วย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและช่วยยับยั้งความเสียหายจากการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดได้ ดังนั้นหลักที่ลุงแมวน้ำใช้ในการเทรดโดยอาศัยปัจจัยทางเทคนิคก็คือ
  1. ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายเป็นหลัก
  2. ใช้การนับคลื่นช่วย
  3. การพิจารณาการกลับทิศแนวโน้มให้พิจารณาจากสัญญาณหลายๆประการประกอบกัน สัญญาณหลายประการสอดคล้องกัน น้ำหนักยิ่งมาก อย่าสรุปจากเพียงสัญญาณเพียงหนึ่งหรือสองอย่าง

คราวนี้มาดูดัชนีดอลลาร์ สรอ กันบ้าง ในระยะนี้ปัจจัยที่สำคัญและส่งผลถึงราคาหุ้นและราคาสินค้าเกษตรก็คือเรื่องของค่าเงิน ค่าเงินดอลลาร์จะมีผลถึงราคาทองคำ น้ำมันดิบ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตรต่างๆ เรามาดูกันว่าแนวโน้มเงินดอลลาร์จะเป็นอย่างไรโดยพิจารณาจากดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index) ดังภาพต่อไปนี้



จากการนับคลื่น ดัชนีดอลลาร์ สรอ น่าจะยังไม่จบคลื่น 3 (สีน้ำตาล) เงินดอลลาร์น่าจะแข้งค่าต่อไปได้อีก ส่วนผลกระทบกับราคาทองคำ น้ำมันดิบ และราคาหุ้นจะเป็นอย่างไรนั้นยากจะคาดเดาได้ คงต้องตามดูกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง


No comments: