ลุงแมวน้ำเขียนบทความเรื่องแนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่น ตอนที่ 1 และ 2 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 ก็ประมาณครึ่งปีมาแล้ว ที่จริงยังไม่จบ แต่ลุงก็เขียนค้างเอาไว้ ไม่ได้เขียนต่อจนจบ จนมีคนมาทวงนี่แหละ ก็เลยมีแรงเขียนขึ้นมา ก็ต้องขออภัยด้วยที่เขียนแล้วค้างเอาไว้เสียนาน
ความเดิมในสองตอนแรกอยู่ที่นี่ครับ ไปตามลิงก์ได้เลย
แนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่น (1)
แนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่น (2)
โดยแนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่น ตอนที่ 1 อยู่ที่การสแกนหุ้น เป็นการดูหุ้นทั้งหมดอย่างคร่าวๆโดยการสังเกตความแรงของหุ้นแต่ละตัวเมื่อเทียบกับดัชนี SET หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือตัวใดแรงกว่าตลาดและตัวใดอ่อนกว่าตลาดนั่นเอง ตัวที่แรงกว่าตลาดถือว่าน่าสนใจเพราะว่ามีความสามารถในการทำกำไรดีกว่าตลาด ส่วนตัวที่อ่อนกว่าตลาดบ้างไม่มากนัก ก็อยู่ในข่ายที่น่าสนใจ เพราะว่าหุ้นอ่อนกว่าตลาดบ้างไม่ได้แปลว่าหุ้นแย่ แต่บางหุ้นก็อาจเป็นหุ้นที่เพิ่งวิ่งทีหลัง ก็ได้
แนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่นตอนที่ 2 อยู่ที่การตัดตัวเลือกด้วยกราฟ คือการนำหุ้นที่คัดได้จากขั้นที่ 1 นำมาพิจารณากราฟในเชิงเทคนิค แล้วเลือกเอาหุ้นตัวที่รูปแบบกราฟดูง่าย ไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่เริ่มเข้าคลื่น 3 หรือเริ่มเข้าคลื่น 5
สำหรับแนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่นขั้นตอนที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ลุงจะนำเสนอต่อไปเป็นการตัดตัวเลือกที่ได้มาจากขั้นที่ 2 ให้เหลือน้อยลงไปอีก ด้วยการใช้ปัจจัยพื้นฐานมาช่วย
แต่ก่อนที่ลุงแมวน้ำจะคุยถึงเรื่องการเฟ้นหาหุ้นเด่น หลายคนคงอาจสงสัยว่ามาหาหุ้นเด่นตอนนี้ไม่สายไปหรือไง ตลาดหุ้นไทยขึ้นไป 1600 กว่าจุดแล้ว ยังเข้าลงทุนได้หรือ ดังนั้นก่อนที่เราจะคุยเรื่องการเฟ้นหาหุ้นเด่นต่อ เรามาดูสถานการณ์ตลาดหุ้นกันก่อนว่าจะไปต่อได้หรือไม่ได้
เรามาดูกันที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ลุงแมวน้ำใช้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นอเมริกา ดังภาพต่อไปนี้
ตลาดหุ้นอเมริกาเพิ่งจะผ่านจุดสูงสุดตลอดกาลเดิม (คือยอดคลื่น 3) ที่ 14,300 จุดโดยประมาณ ไปได้ไม่นานมานี้เอง ตอนนี้ผ่านจะผ่าน 15,000 จุด ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ตอนนี้ในระดับคลื่นใหญ่ยังนับไม่ถูก ที่ลุงนับไว้ในภาพอย่าเพิ่งไปสนใจ แต่ดูในเบื้องต้น คลื่นในปัจจุบันน่าจะเป็นคลื่น 5 แบบคลื่นขยาย (extended wave) คือไม่ใช่คลื่น 5 ปกติแต่มีการยืดยาวออกไป คือหมายถึงตลาดขึ้นยาวนานเป็นพิเศษ ซึ่งคลื่นนี้ยังไม่น่าจบเร็วๆนี้
ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ลุงแมวน้ำคิดว่าตลาดหุ้นอเมริกายังไปต่อไปได้อีกไกลพอสมควร ก็เนื่องจากการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบหรือที่เรียกว่าการผ่อนคลายเชิงปริมาณ QE นั่นเอง ตอนนี้อยู่ในโครงการ QE3 ซึ่งลุงแมวน้ำมองว่าวัตถุประสงค์ของการอัดฉัดเงินด้วย QE นั้นทางเฟด (FED) ต้องการทำให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดทุนและอสังหาริมทรัพย์ เพราะเมื่ออัดฉีดเงินปริมาณมากก็จะเกิดเงินเฟ้อ เมื่อเงินเฟ้อเงินก็ด้อยค่าลง คนที่มีเงินเก็บก็ต้องการเอาเงินเก็บมาลงทุนเพื่อให้งอกเงย ส่วนใหญ่ก็คือการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์และหุ้นนั่นเอง
เมื่อราคาบ้านขึ้น ราคาหุ้นขึ้น เศรษฐกิจก็เดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่าวิธีการนี้คนรวยจะได้ประโยชน์มากกว่าคนจนก็ตาม แต่เฟดมองว่าก็น่าจะช่วยฉุดเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากหล่มได้ ตอนนี้ตลาดหุ้นและราคาบ้านในอเมริกายังฟื้นไม่เต็มที่ ลุงแมวน้ำคาดว่า QE3 จะส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดหุ้นได้อีกนานพอสมควร ควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของราคาบ้าน
ทีนี้มาดูทางยุโรปกันบาง เรามาดูที่ตลาดหุ้นเยอรมนีกัน โดยลุงแมวน้ำใช้ดัชนีแดกซ์ (DAX) เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นเยอรมนี
จากภาพ เดิมลุงแมวน้ำคิดว่าตลาดหุ้นเยอรมนีอยู่ในคลื่น B แต่ตอนนี้ต้องปรับมุมมองใหม่แล้วเพราะว่าดัชนีทำลายสถิติจุดสูงสุดตลอดกาล 8105.69 จุด ของตลาดหุ้นเยอมนีไปได้เช่นกัน ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงต้องปรับมุมมองใหม่เป็นว่าตอนนี้ตลาดหุ้นเยอรมนีอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งน่าจะเป็นคลื่นแบบคลื่นขยายที่ยืดยาวออกไปเป็นพิเศษ ประกอบกับทางยุโรปก็มีการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงคาดว่าตลาดหุ้นเยอรมนีรวมทั้งตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปยังขึ้นต่อไปได้อีกไกลพอควร
ทีนี้มาดูตลาดหุ้นไทยกันบ้าง ดูกราฟดัชนี SET ในภาพต่อไปนี้
จุดสูงสุดตลอดกาลของตลาดหุ้นไทยคือยอดคลื่น 3 ในปี 2537 ตอนนั้นดัชนีไปสูงสุดที่ 1763.78 จุด ในวันนี้ ผลจากการที่ตลาดหุ้นยุโรปและอเมริกาเดินหน้าต่อไปได้จะทำให้ตลาดหุ้นขึ้นตามกันทั่วโลก และทำให้ลุงแมวน้ำคิดว่าตลาดหุ้นไทยก็ยังไปต่อได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคาดว่าเราน่าจะอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งหมายความว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะผ่าน 1763.78 จุดไปได้ และควรจะไปไกลกว่านั้นอีก
ประกอบกับในช่วงนี้ ที่ดัชนีเซ็ตฝ่าด่าน 1600 จุดไปได้ ช่วงนี้ตลาดหุ้นขึ้นแต่ปริมาณซื้อขายน้อย ประมาณวันละ 4-5 หมื่นล้านบาท อีกทั้งต่างชาติยังขายสุทธิบ้างในบางวัน ลุงแมวน้ำว่าตลาดหุ้นไทยยังขึ้นต่อได้จนกว่าฝรั่งจะเข้ามาซื้อเยอะๆและปริมาณซื้อขายสูงๆแล้วนั่นแหละ อย่างน้อยก็อีกหลายเดือน ถึงตอนนั้นค่อยมาดูกันอีกทีว่าเมื่อไรตลาดจะวาย
สรุปว่าปี 2013 นี้ลุงว่าตลาดหุ้นไทยยังไปต่อได้ แต่หากพูดถึงความแรงยังไม่แน่ใจ เพราะว่าเมื่อปี 2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียรวมทั้งไทยมาแรง ปีนี้อาจเป็นปีที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปและอเมริกามาแรงก็ได้ แต่ถึงอย่างไรตลาดหุ้นไทยก็คงไม่ถึงกับขี้เหร่เพราะว่าอยู่ในคลื่น 5
นี่ก็เป็นมุมมองของลุงแมวน้ำต่อสถานการณ์ตลาดหุ้นในช่วงต่อไปข้างหน้า
ยังเหลืออีกตอนหนึ่งนะคร้าบ โปรดคอยติดตามอ่าน
Thursday, May 9, 2013
Tuesday, May 7, 2013
07/05/2013 * ตลาดหุ้นทำสถิติใหม่ สินค้าโภคภัณฑ์กำลังมา และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (29/04/2013 - 03/05/2013)
สัปดาห์สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ของการทำจุดสูงสุดใหม่จริงๆ ก่อนที่่ลุงแมวน้ำจะพูดเรื่องตลาดหุ้น เราไปดูตัวเลขทางเศรษฐกิจบางตัวไปพร้อมๆกัน
เริ่มด้วยทางฝั่งยุโรปก่อน สัปดาห์ที่แล้ว มีการประกาศดัชนีฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนี ประเดือนเมษายนออกมา ปรากฏว่าดัชนี PMI เมื่อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 49.0 จุด ส่วนเดือนเมษายนร่วงลงมาอยู่ที่ 48.1 จุด ลำพังแค่ดัชนีนี้มีค่าต่ำกว่า 50 จุดก็แย่แล้ว เพราะถือว่าเศรษฐกิจหดตัว นี่ตัวเลขยังลดอีกด้วย
อัตราการว่างงานในกลุ่มยูโรโซนก็พุ่งสูงขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 12% แต่เดือนมีนาคมอยู่ที่ 12.1% และหากไปดูในรายประเทศจะพบว่าแม้แต่ในเยอรมนีเองที่เป็นประเทศพี่ใหญ่ของกลุ่มยูโรโซนก็มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ส่วนประเทศกรีซตอนนี้อัตราว่างงานอยู่ที่ 27.2% โปรตุเกสมีอัตราว่างงาน 17.5% ซึ่งวัยแรงงานที่ตกงานกันมากอยู่กลุ่มที่มีอายุน้อย พูดง่ายๆคือพวกวัยรุ่น หนุ่มสาว ว่างงานค่อนข้างมาก ซึ่งจะเป็นปัญหาสังคมต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางธนาคารกลางของยุโรปหรือ ECB ก็ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงมา -0.25% เหลือ 0.50% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าเพียงแค่การลดอัตราดอกเบี้ยคงช่วงเยียวยาเศรษฐกิจไม่ไหวแล้วหากไม่มีมาตรการอื่นๆมาช่วย ดังนั้นลดลงมาอีกก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
แม้สภาพเศรษฐกิจจริงของยุโรปจะยังย่ำแย่อยู่ แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีกลับสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีผ่านจุดสูงสุดตลอดกาลเดิม 8,105.69 จุด ไปปิดที่ 8,112.08 จุดได้ ตอนนี้ตลาดหุ้นยเอรมนีไม่ใช่คลื่น B แล้ว น่าจะเป็นคลื่น 5 ซึ่งเป็นคลื่นแบบมีส่วนขยายออกมา (extended wave) คือไม่ใช่คลื่น 5 ปกติ ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นว่าบางครั้งเศรษฐกิจจริงเรื่องหนึ่ง ตลาดหุ้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ในกรณีนี้ก็เช่นกัน
มาดูทางด้านสหรัฐอเมริกา ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เด่นที่สุดที่ฉุดให้ตลาดหุ้น สรอ พุ่งขึ้นมาก็คืออัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือเพียง 7.5% จากเดือนก่อน 7.6% ซึ่งอัตราการว่างงานนี้ต่ำสุดในรอบ 4 ปี แม้ว่าในขณะเดียวกันมีการประกาศตัวเลขดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ประจำเดือนเมษายนของสหรัฐอเมริกาออกมา ว่าหล่นลงมาอยู่ที่ 50.7 (เดือนมีนาคมอยู่ที่ 51.3 จุด) แต่ถึงกระนั้นตลาดหุ้นเลือกตอบสนองตัวเลขอัตราการว่างงานมากกว่า ดังนั้นดัชนี S&P 500 จึงฝ่าด่าน 1600 ขึ้นมาได้ เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ก็เช่นกัน ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องและใกล้แตะ 15,000 จุดแล้ว
มาดูทางด้านจีน แม้ว่าดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน ประจำเดือนเมษายน จะลดลงเหลือ 54.5 จุด (เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 55.6) อันบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ตลาดหุ้นจีนในสุปดาห์ที่แล้วก็ปรับตัวขึ้นได้ +1.86% ทั้งนี้เพราะการคาดการณ์กันว่าทางการจีนต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
สรุปแล้วในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในทุกภูมิภาค ขึ้นกันเกือบทุกตลาด ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษกิจที่ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ตลาดหุ้นอยู่ได้ด้วยความหวังมากกว่าความจริง เมื่อคาดว่าต่อไปจะดีขึ้น ตลาดก็ขึ้นต่อไปได้
สำหรับตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยประตัวลง -0.25% ยังไม่สามารถฝ่าด่าน 1,600 จุดไปได้ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้วเงินบาทอ่อนค่าอย่างฮวบฮาบถึง -0.75% ในขณะที่เงินตราสกุลเอเชียและยุโรปส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากฝ่ายการเมืองกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างหนักเพื่อให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ทำให้มีการเก็งกำไรเงินบาทในทางอ่อนค่า และขณะเดียวกัน มีเงินไหลเข้าไปในตลาดพันธบัตรเนื่องจากซื้อเพื่อดักหน้าการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะมีการซื้อตราสารหนี้อายุสั้นกับอายุยาว 1-3 ปีกันมาก
นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังสังเกตว่าสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ กับสินค้าเกษตร กำลังเริ่มมีสัญญาณกลับทิศ เป็นไปได้ว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะถึงเวลาเทรดกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ประเด็นนี้ยังไม่ชัดนักเพราะว่าสัญญาณเพิ่งก่อตัว ให้ติดตามดูกันต่อไป
ที่ยกเว้นก็คือทองคำ ทองคำดูยาก ทางกองทุน SPDR ยังทยอยขายทองคำออกมา แต่ทองคำรูปพรรณที่เยาวราชกลับเกลี้ยงตลาด ลุงแมวน้ำว่ามีผลิตภัณฑ์อย่างอื่นตั้งเยอะแยะ ทำไมมามัวรอแต่ทองคำ ไปเทรดอย่างอื่นก่อนก็ได้ ^__^
ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์ สรอ เป็นแนวโน้มขาลง ใกล้เกิดสัญญาณขายแล้ว ส่วนเงินยูโรกับเงินเยนเกิดสัญญาณซื้ออยู่ ดังนั้นคาดว่าในช่วงต่อไปยูโรกับเยนจะแข็งค่าขึ้น ส่วนเงินบาทน่าจะอ่อนค่าต่อไป
ิเอาละคร้าบ คราวนี้มาดูกราฟรายตัวกัน ลุงแมวน้ำอธบายตามภาพไปเลยก็แล้วกัน
เริ่มด้วยทางฝั่งยุโรปก่อน สัปดาห์ที่แล้ว มีการประกาศดัชนีฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเยอรมนี ประเดือนเมษายนออกมา ปรากฏว่าดัชนี PMI เมื่อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 49.0 จุด ส่วนเดือนเมษายนร่วงลงมาอยู่ที่ 48.1 จุด ลำพังแค่ดัชนีนี้มีค่าต่ำกว่า 50 จุดก็แย่แล้ว เพราะถือว่าเศรษฐกิจหดตัว นี่ตัวเลขยังลดอีกด้วย
อัตราการว่างงานในกลุ่มยูโรโซนก็พุ่งสูงขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 12% แต่เดือนมีนาคมอยู่ที่ 12.1% และหากไปดูในรายประเทศจะพบว่าแม้แต่ในเยอรมนีเองที่เป็นประเทศพี่ใหญ่ของกลุ่มยูโรโซนก็มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ส่วนประเทศกรีซตอนนี้อัตราว่างงานอยู่ที่ 27.2% โปรตุเกสมีอัตราว่างงาน 17.5% ซึ่งวัยแรงงานที่ตกงานกันมากอยู่กลุ่มที่มีอายุน้อย พูดง่ายๆคือพวกวัยรุ่น หนุ่มสาว ว่างงานค่อนข้างมาก ซึ่งจะเป็นปัญหาสังคมต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางธนาคารกลางของยุโรปหรือ ECB ก็ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงมา -0.25% เหลือ 0.50% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่าเพียงแค่การลดอัตราดอกเบี้ยคงช่วงเยียวยาเศรษฐกิจไม่ไหวแล้วหากไม่มีมาตรการอื่นๆมาช่วย ดังนั้นลดลงมาอีกก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
แม้สภาพเศรษฐกิจจริงของยุโรปจะยังย่ำแย่อยู่ แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีกลับสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีผ่านจุดสูงสุดตลอดกาลเดิม 8,105.69 จุด ไปปิดที่ 8,112.08 จุดได้ ตอนนี้ตลาดหุ้นยเอรมนีไม่ใช่คลื่น B แล้ว น่าจะเป็นคลื่น 5 ซึ่งเป็นคลื่นแบบมีส่วนขยายออกมา (extended wave) คือไม่ใช่คลื่น 5 ปกติ ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นว่าบางครั้งเศรษฐกิจจริงเรื่องหนึ่ง ตลาดหุ้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ในกรณีนี้ก็เช่นกัน
มาดูทางด้านสหรัฐอเมริกา ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เด่นที่สุดที่ฉุดให้ตลาดหุ้น สรอ พุ่งขึ้นมาก็คืออัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือเพียง 7.5% จากเดือนก่อน 7.6% ซึ่งอัตราการว่างงานนี้ต่ำสุดในรอบ 4 ปี แม้ว่าในขณะเดียวกันมีการประกาศตัวเลขดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ประจำเดือนเมษายนของสหรัฐอเมริกาออกมา ว่าหล่นลงมาอยู่ที่ 50.7 (เดือนมีนาคมอยู่ที่ 51.3 จุด) แต่ถึงกระนั้นตลาดหุ้นเลือกตอบสนองตัวเลขอัตราการว่างงานมากกว่า ดังนั้นดัชนี S&P 500 จึงฝ่าด่าน 1600 ขึ้นมาได้ เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ก็เช่นกัน ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องและใกล้แตะ 15,000 จุดแล้ว
มาดูทางด้านจีน แม้ว่าดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน ประจำเดือนเมษายน จะลดลงเหลือ 54.5 จุด (เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 55.6) อันบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ตลาดหุ้นจีนในสุปดาห์ที่แล้วก็ปรับตัวขึ้นได้ +1.86% ทั้งนี้เพราะการคาดการณ์กันว่าทางการจีนต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
สรุปแล้วในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในทุกภูมิภาค ขึ้นกันเกือบทุกตลาด ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษกิจที่ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ตลาดหุ้นอยู่ได้ด้วยความหวังมากกว่าความจริง เมื่อคาดว่าต่อไปจะดีขึ้น ตลาดก็ขึ้นต่อไปได้
สำหรับตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยประตัวลง -0.25% ยังไม่สามารถฝ่าด่าน 1,600 จุดไปได้ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้วเงินบาทอ่อนค่าอย่างฮวบฮาบถึง -0.75% ในขณะที่เงินตราสกุลเอเชียและยุโรปส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากฝ่ายการเมืองกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างหนักเพื่อให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ทำให้มีการเก็งกำไรเงินบาทในทางอ่อนค่า และขณะเดียวกัน มีเงินไหลเข้าไปในตลาดพันธบัตรเนื่องจากซื้อเพื่อดักหน้าการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะมีการซื้อตราสารหนี้อายุสั้นกับอายุยาว 1-3 ปีกันมาก
นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังสังเกตว่าสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ กับสินค้าเกษตร กำลังเริ่มมีสัญญาณกลับทิศ เป็นไปได้ว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะถึงเวลาเทรดกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ประเด็นนี้ยังไม่ชัดนักเพราะว่าสัญญาณเพิ่งก่อตัว ให้ติดตามดูกันต่อไป
ที่ยกเว้นก็คือทองคำ ทองคำดูยาก ทางกองทุน SPDR ยังทยอยขายทองคำออกมา แต่ทองคำรูปพรรณที่เยาวราชกลับเกลี้ยงตลาด ลุงแมวน้ำว่ามีผลิตภัณฑ์อย่างอื่นตั้งเยอะแยะ ทำไมมามัวรอแต่ทองคำ ไปเทรดอย่างอื่นก่อนก็ได้ ^__^
ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์ สรอ เป็นแนวโน้มขาลง ใกล้เกิดสัญญาณขายแล้ว ส่วนเงินยูโรกับเงินเยนเกิดสัญญาณซื้ออยู่ ดังนั้นคาดว่าในช่วงต่อไปยูโรกับเยนจะแข็งค่าขึ้น ส่วนเงินบาทน่าจะอ่อนค่าต่อไป
ิเอาละคร้าบ คราวนี้มาดูกราฟรายตัวกัน ลุงแมวน้ำอธบายตามภาพไปเลยก็แล้วกัน
ดัชนี DAX ของเยอรมนีทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ตอนนี้ต้องปรับมุมมองอย่างเป็นทางการแล้วว่าตลาดหุ้นเยอรมนีอยูในคลื่นใหญ่ 5 (ไม่ใช่คลื่น B) คลื่นใหญ่ 5 นี้คาดว่ายังไปต่อได้อีก |
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ส่อเค้าว่ากำลังกลับทิศ อาจจะกำลังเข้าสู่คลื่น 3 ย่อย คลื่นใหญ่ยังนับไม่ชัด ลุงเลยนับแต่คลื่นย่อยดูไปก่อน แต่ก็เป็นคลื่นระดับที่พอเทรดได้หากเข้าสู่คลื่น 3 จริง ดูไปอีกหน่อยก็รู้ |
เมื่อน้ำมันกำลังมา สินค้าเกษตรก็ดูเหมือนกำลังกลับทิศเป็นขาขึ้นด้วย สัญญาณยังน้อยอยู่แต่ว่าก็มีโอกาสกลับทิศได้ รอดูไปอีกหน่อย |
ยางพาราก็อาจกำลังกลับทิศเช่นกัน สินค้าโภคภัณฑ์พวกนี้มักตามกันทั้งกลุ่ม |
ทองคำดูยาก อาจไม่ขึ้นตามกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์แต่จะลง เมื่อดูยาก เลี่ยงไปดูตัวอื่นก็น่าจะดีกว่า |
ตลาดหุ้นไทย กำลังฝ่าด่าน 1600 จุด ซึ่งลุงแมวน้ำคาดว่าน่าจะผ่านไปได้ในเร็ววันนี้ เพราะขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก ยกเว้นจะมีเหตุการณ์พิเศษ |
ตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ กำลังอ่อนค่า เพราะเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ แต่ยังไม่เกิดสัญญาณขาย จวนแล้วละ |
เงินเยนตอนนี้กำลังป่วนเอเชีย รวมทั้งป่วนค่าเงินบาทด้วย เงินเยนกำลังก่อรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง อีกไม่นานก็จะรู้ว่าจะขึ้นแรงหรือจะลงแรง แต่ลุงแมวน้ำคาดว่าน่าจะเป็นแนวโน้มแข็งค่ามากกว่า |
เงินบาท ตอนนี้กำลังเป็นแนวโน้มอ่อนค่า และเกิดสัญญาณซื้้อแล้ว (แปลว่าอ่อนค่า) น่าจะอ่อนค่าต่อไปได้อีก |
Subscribe to:
Posts (Atom)