“ไม่เอา บอกว่าแพงแล้ว”
“ก็ฉันชอบนี่”
“เอ๊ะ ก็บอกว่าแพงแล้วยังจะซื้อทำไม จะซื้อชาตินี้แล้วขายชาติหน้าหรือไง”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันว่าไม่แพง”
“โอ๊ย ทำไมดื้อยังงี้”
ในตอนเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ลุงแมวน้ำกำลังเดินเข้าไปในสวนเพื่องีบสักครู่ ก็ได้ยินเสียงเถียงกันวุ่นวาย เมื่อลุงแมวน้ำเดินไปถึงศาลาในสวน ก็เห็นสมาชิกคณะละครสัตว์มากหน้าหลายตากำลังจับกลุ่มกันอยู่ และเจ้าของเสียงที่กำลังเถียงกันหน้าดำหน้าแดงคือลิงจ๋อกับแม่ยีราฟนั่นเอง
“โอ๊ะ มีอะไรกันเนี่ย เสียงเอะอะดังไปถึงนอกสวน” ลุงแมวน้ำทักทาย
“พ่อจ๋อกับแม่ยีราฟเขาทะเลาะกันจ้ะลุง เถียงกันเรื่องซื้อหุ้น” ฮิปโปสาวร่างใหญ่ตอบ ก็แน่ล่ะ ฮิปโปก็ต้องร่างใหญ่อยู่แล้ว
“แล้วพวกเรามาฟังเขาเถียงกันเรื่องซื้อหุ้นทำไมละเนี่ย” ลุงแมวน้ำถามอย่างงงๆ
“ก็อยากรู้ว่ามันดีหรือไม่ดี ถ้าดีก็ได้จะได้ซื้อบ้างไงครับ” ม้าลายตอบ
“หา นี่พวกเราจะซื้อหุ้นกันเรอะ” ลุงแมวน้ำอึ้งไป เมื่อเห็นเหล่าสมาชิกคณะละครสัตว์สนใจหุ้นโดยพร้อมเพียงกัน เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ใช่แล้วลุง นายจ๋อจัดการให้พวกเราเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกันเรียบร้อยแล้ว” สิงโตพูด “ทุกวันนี้ดอกเบี้ยเงินฝากไม่พอยาไส้เลย ลุงก็รู้นี่” สิงโตพูดบ้าง “เห็นนายจ๋อซื้อขายหุ้นกำไรงาม พวกเราก็อยากลงทุนบ้าง”
“ลุงแมวน้ำมาก็ดีแล้ว ช่วยฉันหน่อยจ้ะลุง ฉันอยากซื้อหุ้นตัวหนึ่งแต่นายจ๋อห้ามไม่ให้ซื้อ” ยีราฟสาวพูดกับลุงแมวน้ำด้วยสีหน้ากลุ้มใจ
“ก็ผมหวังดีนะลุง หุ้นที่แม่ยีราฟอยากซื้อน่ะค่าอัตราส่วนพีอีตั้งร้อยกว่าเท่า แพงจะตาย ซื้อเข้าไปได้ยังไง ขืนซื้อคงได้อยู่ดอยยาวหลายปี” ลิงจ๋อรีบเถียง
“ฉันว่ามันไม่แพงเพราะธุรกิจเขาดี สินค้ามีแต่ขึ้นราคา แถมบางช่วงยังหาซื้อยากอีกต่างหาก เมื่อหน้าฝนที่ผ่านมาราคาขึ้นเป็นเท่าตัวเลย ฉันหาซื้อกินแทบไม่ได้” ยีราฟเถียงบ้าง “ฉันซื้อลงทุนเพื่อความมั่นคงทางอาหาร”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ใช้ภาษาวิชาการเสียด้วย ความมั่นคงทางอาหาร” ลิงหัวเราะ “โอ๊ย ขำ”
“มันหุ้นอะไรกันน่ะ ถึงได้ต้องเถียงกันขนาดนี้” ลุงแมวน้ำชักสงสัย
“หุ้นไร่ถั่วฟักยาวจ้ะลุง” ยีราฟตอบ “ทีนายจ๋อซื้อหุ้นสวนกล้วยบ้างล่ะ ไม่เห็นพูดเลยว่าซื้อแพง”
“ก็พีอีของหุ้นสวนกล้วยต่ำกว่านี้ตั้งเยอะ” ลิงโต้อีก “ลุงมาก็ดีแล้ว ช่วยบอกแม่ยีราฟหน่อยว่าหุ้นที่พีอีร้อยกว่าเท่านี่มันแพงไหม มันยังน่าซื้ออยู่ไหม”
“ว่าอีกแล้ว” ยีราฟสาวทำหน้ายู่ยี่ พร้อมกับเบะปากเตรียมจะร้องไห้
“เดี๋ยวก่อน” ลุงแมวน้ำรีบห้ามวิวาทะ พร้อมกับเอาครีบอุดหู “แม่ยีราฟไม่ต้องร้องไห้ ฟังลุงก่อน”
เมื่อเห็นลิงกับยีราฟหยุดเถียงกันแล้ว ลุงแมวน้ำจึงพูดต่อ “เรื่องหุ้นถูก หุ้นแพง น่ะ เราเอาไว้ก่อนดีกว่า ที่แม่ยีราฟกับนายจ๋อพูดต่างก็มีเหตุผลทั้งคู่ แต่เป็นเหตุผลจากมุมมองที่มองจากคนละด้าน ดังนั้นเถียงกันไม่จบหรอก ลุงคิดว่าก่อนที่เราจะประเมินได้ว่าหุ้นนี้ถูกหรือแพง เราควรเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจและเศรษฐกิจเสียก่อน ถ้าสนใจค่ำนี้แวะไปที่โขดหินของลุง แล้วเรามาคุยกัน ตอนนี้ลุงขอเวลาเตรียมข้อมูลนิดหน่อยก่อน”
“ยังงั้นก็ได้ครับลุง งั้นค่ำๆคุยกันใหม่” ลิงตอบ
และแล้ว วิวาทะย่อยๆก็สงบลงชั่วคราว...
ค่ำวันนั้นเอง ที่โขดหินแสนสุขของลุงแมวน้ำ สิงโต ฮิปโป ยีราฟ ลิง กระตายน้อย และลุงแมวน้ำ เหล่าสมาชิกคณะละครสัตว์ก็มานั่งล้อมวงคุยกันข้างโขดหิน เสียงคุยจ้อแจ้กจอแจอย่างครึกครึ้น
“ว่าไงจ๊ะลุงแมว มีหุ้นเด็ดๆอะไรจะบอกพวกเรา ฉันจะได้ไปซื้อบ้าง” ฮิปโปสาวถาม
“นี่ลุงไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้หุ้นเด็ด ลุงบอกว่าจะคุยให้ฟังเรื่องธรรมชาติของเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อเป็นแนวคิดในการลงทุนต่างหาก” ลุงแมวน้ำตอบ
“อ้าว งั้นเหรอจ๊ะ บอกชื่อหุ้นมาเลยไม่ได้เหรอ ไม่ต้องบอกใบ้หรอกลุง” ฮิปโปพูดอีก “เอาแบบพรุ่งนี้ขึ้นเลยนะ”
ลุงแมวน้ำเหลือบมองดูลิงจ๋อ ลิงยกหางของตนเองขึ้นปิดตา
“ผมไม่เกี่ยวนะลุง ไม่ได้ยุยงแม่ฮิปโปเลย รายนี้เขามีใจรักพวกหุ้นเด็ดเอง ส่วนผมเดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวการลงทุนมาเป็นการลงทุนในหุ้นดีๆและหวังผลระยะยาวแล้ว” ลิงพูด
“ที่ลุงจะคุยให้ฟังนี่ก็เพื่อให้พวกเราลงทุนอย่างมีความรู้ความเข้าใจน่ะ ถ้าเลือกหุ้นได้ดีก็คือเท่ากับถือหุ้นเด็ดเช่นกัน แต่เป็นการถือและหวังผลในระยะยาวหน่อย โพยหุ้นเด็ดราวกับสั่งได้อย่างที่แม่ฮิปโปถามน่ะลุงไม่มีหรอก” ลุงแมวน้ำพูด
“อ้าว เหรอ” ฮิปโปผิดหวัง “ไม่มีก็ไม่เป็นไรจ้ะลุง ยังไงฉันก็นั่งฟังด้วย นั่งคุยกันเป็นกลุ่มสนุกดี ไม่เหงา”
“ลุงแมวน้ำเริ่มเลยเถอะฮะ” กระต่ายน้อยเร่ง “คืนนี้ผมต้องรีบกลับเข้าหมวก”
“ได้ๆ ยังงั้นเรามาเริ่มคุยกันเลยก็แล้วกัน” ลุงแมวน้ำพูด
เมื่อเห็นบรรดาสมาชิกพร้อมแล้ว ลุงแมวน้ำก็หยิบภาพประกอบออกมาปึกหนึ่ง เลือกมาภาพหนึ่ง คลี่ให้ทุกตัวได้เห็น พร้อมกับเริ่มการพูดคุย
“เรามาดูภาพนี้กันก่อน ดูซิ นี่ภาพอะไร” ลุงแมวน้ำถาม
ลิงจ๋อเอียงคอดูภาพ จากนั้นยกหางเกาหัว แล้วถาม
“ลุงหยิบภาพมาผิดหรือเปล่า นี่ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับหุ้นเลย” ลุงพูด เห็นมีแต่รูปเด็ก รูปผู้ใหญ่ และรูปคนแก่”
“ไม่ผิดหรอก ลุงขอเริ่มการคุยของเราด้วยภาพนี้ก่อน” ลุงแมวน้ำพูด “พวกเราลองดูให้ดีๆ ภาพนี้เป็นกราฟที่แสดงการเจริญเติบโตของมนุษย์ ที่จริงก็หมายความรวมถึงสัตว์ต่างๆด้วยนั่นแหละ”
“แล้วดูยังไงฮะลุง” กระต่ายน้อยถามบ้าง
“แกนตั้งแทนการเติบโต ส่วนแกนนอนแทนอายุ” ลุงแมวน้ำพูด “สำหรับแกนตั้งนั้น อาจจะคิดง่ายๆว่าแสดงส่วนสูงของมนุษย์ก็ได้
“ดูตามลุงไปนะ ตอนเด็กๆร่างกายยังไม่สูงใช่ไหม พอโตขึ้น การเติบโตหรือว่าส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวัยผู้ใหญ่ร่างกายก็โตเต็มที่ ไม่โตกว่านี้อีกแล้ว ส่วนสูงก็หยุดแค่นี้
“หลังจากที่โตเต็มที่แล้ว พออายุมากขึ้นอีก คราวนี้นอกจากไม่โตแล้วยังเสื่อมถอย นั่นคือ ร่างกายเรื่อมเสื่อมลง ส่วนสูงก็ลดลง หลังค้อม หลังโกง
“เมื่อเสื่อมมากๆเข้า ในที่สุดก็ถึงกาลสิ้นสุดอายุขัย นั่นคือฉากสุดท้ายของมนุษย์และสัตว์” ลุงแมวน้ำอธิบาย
“ที่ลุงอธิบายมา ฉันพอจะดูภาพนี้เข้าใจแล้วจ้ะลุง” ยีราฟพูดบ้าง “แต่ก็สงสัยว่าเกี่ยวกับหุ้นไร่ถั่วฝักยาวของฉันตรงไหน”
“ใจเย็นๆสิ ค่อยๆฟังลุงอธิบายก่อน” ลุงแมวน้ำพูด “ทีนี้ลุงถามพวกเราว่ายังจำรถเข็นขายกาแฟของแม่เล็กที่ประตูทางเข้าโรงละครสัตว์กันได้ไหม”
“จำได้ครับลุง แต่ว่าร้านแม่เล็กเลิกกิจการไปนานแล้วนี่” ม้าลายพูดบ้าง
“นั่นแหละ ลุงอยากให้ย้อนคิดเรื่องรถเข็นขายกาแฟแม่เล็กดูสักหน่อย จำได้ไหม ตอนที่มาขายใหม่ๆ แต่ละวันขายได้น้อยมาก หลังจากนั้นก็เริ่มมีลูกค้าติดใจในฝีมือชงกาแฟ และขายได้มากขึ้นและมากขึ้น จนในที่สุดขายดีจนชงกาแฟไม่ทัน และจากนั้นต่อมามีร้านกาแฟหรูมาเปิดแข่ง ยอดขายของร้านแม่เล็กก็ลดลง ลดลง จนขายแทบไม่ได้ในที่สุด จากนั้นจึงได้เลิกกิจการไป” ลุงแมวน้ำพูดทบทวนอดีตของร้านขายกาแฟแม่เล็ก
“ใช่แล้วลุง ร้านแม่เล็กเป็นอย่างที่ลุงว่า” สิงโตพูดบ้าง
ลุงแมวน้ำหยิบกระดาษอีกแผ่นหนึ่งออกมากาง แล้วพูดต่อ
“เอาละ เราลองมาดูภาพนี้กัน หากเราให้แกนตั้งเป็นยอดขายกาแฟ ส่วนแกนนอนเป็นเวลา กราฟแสดงยอดขายกาแฟของร้านแม่เล็กก็คงเป็นทำนองนี้ใช่ไหม” ลุงแมวน้ำพูด “ตอนต้นขายได้น้อย เมื่อเวลาผ่านไปก็ขายได้มากขึ้น จนถึงจุดอิ่มตัว จากนั้นก็โดนแย่งตลาดไปจนยอดขายลดลง และเลิกกิจการไปในที่สุด”
“ใช่จ้ะลุง น่าจะเป็นทำนองนี้ เอ๊ะ ดูคล้ายๆกับภาพการเติบโตของมนุษย์ภาพที่แล้วเลย” ลิงจ๋อตั้งข้อสังเกต
“ใช่แล้ว ในภาพชีวิตมนุษย์นั้นเราอธิบายวงจรชีวิตมนุษย์และลัตว์ต่างๆเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชรา และหมดอายุขัย ส่วนในภาพนี้เป็นภาพของกิจการร้านกาแฟ ซึ่งมันก็เป็นทำนองเดียวกัน นั่นคือ เริ่มต้นธุรกิจ (start up) รุ่งเรือง (growth) เต็มที่ (maturity) เสื่อมถอย (decline) และเลิกกิจการ (obsolete)” ลุงแมวน้ำพูด
“อือม์” ลิงจ๋อครางพลางยกหางเกาหัวอย่างใช้ความคิด
“เอาละ ทีนี้ลุงถามอีกคำถามหนึ่ง พวกเรายังจำวิกฤตต้มยำกุ้งกันได้ไหม” ลุงแมวน้ำถาม
“ผมเกิดไม่ทันฮะลุง” กระต่ายน้อยกระดิกหูยาว พร้อมกับส่ายก้นน่าเอ็นดู
บรรดาสมาชิกส่วนใหญ่ผ่านเหตุการณ์ต้มยำกุ้งมา คงมีแต่กระต่ายน้อยเพียงตัวเดียวที่เกิดไม่ทัน
“กระต่ายน้อยเกิดไม่ทันก็ไม่เป็นไร” ลุงแมวน้ำพูด แต่สำหรับพวกเราที่ผ่านเหตุการณ์มา คงจำกันได้ว่าในยุคก่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยค่อยๆโตมาเรื่อยๆ ถ้าลุงจะย้อนไปไกลหน่อยก็ต้องบอกว่าในช่วงปี พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2525 เศรษฐกิจของไทยค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆ พอมาช่วงปี 2526-2530 เศรษฐกิจไทยค่อยโตด้วยอัตราเร่งที่มากขึ้น พอปี 2530 เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทยก็เติบโตแบบก้าวกระโดด พวกเราบางตัวอาจยังจำยุคน้าชาติมาดนักซิ่งได้ ยุคนั่นเศรษฐกิจการค้าบูมสุดๆ จนมาบูมเต็มที่เอาในปี 2537 และหลังจากนั้นปี 2540 หม้อต้มยำกุ้งก็แตกดังโพละ พวกเรานั่งเอาหางปัดยุงกันอยู่หลายปีเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ผู้คนก็ไม่มาชมละครสัตว์ และหลังจากนั้น ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นๆมา อะไรๆก็ค่อยๆดีขึ้น”
“จำได้ ยุคน้าชาตินี่พวกเรากินอิ่มหนำสำราญ พอมาถึงต้มยำกุ้งอาหารการกินของพวกเราก็เริ่มแย่ลงและแย่ลง ในที่สุดก็อดอยาก” สิงโตพูด
“หลังจากพ้นต้มยำกุ้ง พวกเราอิ่มหมีพีมันกันอยู่หลายปี พอถึงปี 2550 ก็เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ อาหารการกินของพวกเราก็เริ่มแย่ลงอีก” ม้าลายเสริมขึ้นบ้าง
ลุงแมวน้ำหยิบกระดาษอีกแผ่นออกมากาง และพูดว่า
“ใช่แล้ว อาหารการกินของพวกเราในยุคต่างๆสามารถสะท้อนภาพเศรษฐกิจได้ ทีนี้ลองดูนี่สิ นี่คือแผนภาพที่แสดงวงจรทางเศรษฐกิจที่มีทั้งรุ่งเรือง คงตัว ตกต่ำ และกลับฟื้น จากนั้นก็รุ่งเรืองอีก หมุนเวียนไปเช่นนี้”
“สามภาพนี้มันรูปเดียวกันนี่ฮะลุงแมวน้ำ” กระต่ายน้อยทักท้วง “แค่ลุงเปลี่ยนเหตุการณ์เท่านั้นเอง”
“จริงด้วย นี่มันภาพเดียวกัน” ลิงพูดบ้าง
“ช่างสังเกตดีมาก ทั้งสามภาพนี้เป็นกราฟทรงเดียวกัน นั่นคือ เป็นทรงระฆังคว่ำ” ลุงแมวน้ำชมเชย “และนี่แหละคือเรื่องที่ลุงแมวน้ำกำลังจะบอก
“วัฏจักรของชีวิตนั้นหากจะแบ่งเป็นวัยต่างๆ ก็พอจะแบ่งได้เป็นวัยเด็กอันเป็นวัยตั้งต้น จากนั้นก็เป็นวัยรุ่นอันเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มาสู่วัยผู้ใหญ่ที่ร่างกายโตเต็มวัยแล้ว และหลังจากนั้นก็เข้าสู่วัยชราอันเป็นวัยเสื่อม และหมดอายุขัย
“ส่วนในทางธุรกิจนั้น วัฏจักรของธุรกิจก็เช่นกัน คือช่วงแรกเป็นช่วงเริ่มต้นกิจการ ยอดขายก็ก๊อกๆแก๊กๆ ต่อมาก็เข้าสู่ยุครุ่งเรือง จากนั้นก็เป็นยุคที่กิจการโตเต็มที่แล้วและคงตัว ต่อมาก็เข้าสู่ยุคที่กิจการเสื่อมถอย และเลิกกิจการไปในที่สุด
“ส่วนในทางเศรษฐกิจนั้นเล่าก็เช่นกัน มียุคตั้งต้น (recovery) ยุครุ่งเรือง (expansion) ยุคที่รุ่งเรืองสุดขีด (boom) จากนั้นเศรษฐกิจก็เสื่อมถอย (recession) และมาจบที่ยุคตกต่ำ (depression)
“ทั้งวงจรชีวิต วงจรธุรกิจ และวงจรเศรษฐกิจ ต่างก็อธิบายได้ด้วยหลักเดียวกัน นั่นคือ หลักของอนิจจัง นั่นคือความไม่เที่ยง ไม่มีอะไรที่อยู่ค้ำฟ้า ชีวิตดำเนินไปเป็นวัฎจักร มีเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ แก่ชรา และตาย ธุรกิจและเศรษฐกิจก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ดำเนินไปเป็นวัฎจักร เปรียบได้กับการเกิด โต แก่ และตาย เช่นกัน ที่ลุงใช้ภาพเดียวกันเป็นความจงใจ เพราะทั้งสามเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ของความไม่เที่ยงนั่นเอง”
“สาธุ นี่เรากำลังเรียนธรรมะหรือคุยเรื่องหุ้นกันแน่เนี่ย” ลิงจ๋อแซว
“ธรรมะก็คือธรรมชาติไง ลุงกำลังบอกว่าเหล่านี้คือกฎของธรรมชาตินั่นเอง” ลุงแมวน้ำพูด “กราฟทรงระฆังคว่ำนี้คือสัจธรรม คือกฎธรรมชาติ ทรงระฆังคว่ำนี้เป็นความลับของธรรมชาติที่สำคัญพอๆกับเลขฟิโบนาชชีทีเดียว เพราะระฆังคว่ำนี้แสดงถึงความไม่เที่ยง แสดงถึงวัฏจักร และแสดงถึงจังหวะ”
“ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ” บรรดาสมาชิกยกหางแกว่งไกวแสดงความงุนงงกัน ยกเว้นกระต่ายน้อยที่หางสั้น จึงส่ายทั้งก้นเลย
“เอ้า ดูรูปนี้ ดูแล้วจะถึงบางอ้อ” ลุงแมวน้ำพูดพลางปยิบรูปใบสุดท้ายออกมากางให้ดูกัน
“อ๋อ ยังงี้นี่เอง” ลิงอุทาน “โธ่ แล้วลุงก็ไม่พูดตั้งแต่แรก วกไปวนมาจนงง”
“ยังไงกันจ๊ะนายจ๋อ” ฮิปโปถาม “เธอเข้าใจแล้วหรือ”
“นี่คือคลื่นอีเลียต (Elliott wave) ไง ผู้ที่ศึกษาการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคจะต้องรู้จักคลื่นนี้ เพราะนี่คือพฤติกรรมการขึ้นลงของราคาหุ้น” ลิงพูด จากนั้นหันมาถามลุงแมวน้ำ “ลุงจะบอกว่าวัฏจักรชีวิต วัฏจักรธุรกิจ วัฏจักรเศรษฐกิจ และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น คือเรื่องเดียวกันทั้งหมดใช่ไหมครับ”
“ก็ทำนองนั้นแหละ” ลุงแมวน้ำตอบ “นี่คือความไม่เที่ยง มีขึ้นและลง อันเป็นกฎของธรรมชาติ ทั้งหมดนี้อยู่ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือทรงระฆังคว่ำ และถ้าหากเรารู้ว่าเราอยู่ที่ส่วนไหนของวัฏจักร เราย่อมคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้”
“เหมือนกับที่เรารู้ว่าเราอยู่ในคลื่นอีเลียตลูกใด เราก็รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร ชิมิ ชิมิ” ลิงจ๋อพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“โดยทฤษฎีก็น่าจะเป็นอย่างนั้น” ลุงแมวน้ำตอบ “ทรงระฆังคว่ำนี้มีความสำคัญ และเป็นพื้นฐานของความเข้าใจในอีกหลายๆเรื่อง นั่นคือ ความเข้าใจในปัจจัยมหภาคหรือปัจจัยทางเศรษฐกิจ ความเข้าใจในตัวกิจการของหุ้นนั้น และความเข้าใจในพฤติกรรมราคาหุ้นนั้น การลงทุนในหุ้นประเภทต่างๆ เช่น growth stock, cash cow stock, cyclical stock และ turnaround stock ล้วนแต่อาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัฎจักร
“ที่ลุงคุยมาในวันนี้ พวกเราอาจมองว่าไม่ออกว่าจะเกี่ยวโยงกับเรื่องหุ้นได้อย่างไร แต่นี่รูปทรงพื้นฐาน แม้แต่คลื่นอีเลียตก็ยังอิงกับรูปทรงนี้ ซึ่งเมื่อเราคุยกันต่อไป ลุงก็จะอ้างอิงถึงรูปทรงนี้อีก ตอนนี้ยังงงๆก็ไม่เป็นไร ฟังไปเรื่อยๆก็จะค่อยๆเข้าใจ”
No comments:
Post a Comment