Monday, March 21, 2011

18/03/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (12)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1003.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.94 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย TMB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 30 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว อินเดียร่วงจากการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่วนจีนนั้นในตอนท้ายวันมีประกาศสั่งให้ธนาคารกันสำรองเพิ่มอีก คงต้องดูผลกระทบในวันถัดไป ด้านสหประชาชาติมีมติให้ใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงประเทศลิเบีย

ช่วงนี้เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ตลาดยางพาราราคาแกว่งยิ่งกว่าคลื่นในทะเล หลังจากที่ราคาดำดิ่งลงติดฟลอร์มาหลายวัน ก็กลับมารีบาวด์และราคาติดเพดานมา 3 วันติดกันแล้ว แต่เท่าที่ดูจากปริมาณซื้อขาย ผู้ที่เปิดสัญญาด้านชอร์ตเอาไว้คงพอปิดสัญญาและออกได้ คงไม่ต้องถูกขังติดต่อกันหลายวัน ราคาเพดานและพื้นของฟิวเจอร์ส์ยางพารา RSS3 ในขณะนี้อยู่ที่ 7 บาท คือขึ้นหรือลงได้สูงสุดไม่เกิน 7 บาทต่อวันซึ่งหมายความว่าลงทุนไป 1 สัญญาเงินอาจงอกหรือหดได้ถึงวันละ 35,000 บาท

ทางด้านราคาทองคำ (GC) ช่วงนี้ราคาแกว่งมากเช่นกัน ตั้งแต่เหตุการณ์ภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นราคาทองก็ร่วงลงมา ทั้งนี้ เนื่องจากเงินเยนแข็งค่าขึ้น (ปกติหากเงินเยนแข็งราคาทองคำจะลง) ประกอบกับนักลงทุนประเมินกันว่าในภาวการณ์เช่นนี้ประเทศญี่ปุ่นต้องการเงินมาฟื้นฟูประเทศ ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาที่จะมาถือทองแต่ต้องถือเงินสด รวมทั้งอาจมีการขายทองออกมาเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดอีกด้วย ดังนั้นราคาทองคำจึงร่วง แต่วันนี้เอง ราคาทองคำกลับพุ่งขึ้นอีก น่าจะเป็นเนื่องจากข่าวที่สหประชาชาติมีมติแทรกแซงลิเบียและเตรียมส่งกองกำลังเข้าไป

จะเห็นว่าการขึ้นลงของราคาหุ้นหรือสินค้าล้วนแต่เกี่ยวพันกับปัจจัยมากมาย ดังนั้นการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานจึงมีความยากอยู่ที่ว่านำเอาปัจจัยอะไรมาพิจารณาบ้าง และจะให้น้ำหนักปัจจัยไหนเท่าไร ผลกระทบต่อราคาเป็นเท่าไร บางปัจจัยก็มีน้ำหนักต่างกันในระยะเวลาที่ต่างกัน ยากที่ใครจะคำนวณได้อย่างถูกต้อง

การขึ้นลงของราคาเป็นผลจากอารมณ์ของนักลงทุนที่ตอบสนองต่อข่าวสารมากกว่าผลจากปัจจัยพื้นฐาน อารมณ์ของนักลงทุนก็มีหลากหลาย ดังนั้นภายใต้ภาวการณ์ที่อารมณ์ตลาดรุนแรงและไม่แน่นอนเช่นนี้ การเก็งกำไรระยะสั้นด้วยการกะเก็งอารมณ์ตลาดอาจพลาดพลั้งได้ง่าย หรือแม้แต่การเก็งกำไรระยะสั้นด้วยเครื่องมือทางเทคนิคระยะสั้นก็ยังทำได้ยาก



มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (12)


ในตอนที่แล้วลุงแมวน้ำคุยถึงตลาดหุ้นในกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง โดยกล่าวถึงกลุ่มละตินอเมริกาไปแล้ว วันนี้เรามาดูตลาดหุ้นในกลุ่มที่ 2 นี้กันต่อ


กลุ่มที่ 2 ตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง


ทวีปอเมริกา

แคนาดา

มาดูกราฟตลาดหุ้นของแคนาดากัน ดังภาพต่อไปนี้



แม้ว่าประเทศแคนาดาจะอยู่ในกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในคลื่น B เหมือนกับสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่เนื่องจากแคนาดามีทรัพยากรธรรมชาติมาก เศรษฐกิจจึงค่อนข้างมั่นคง ประกอบกับพัฒนาการของตลาดหุ้นค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวามาก ประกอบกับจากภาพข้างบนก็แยกแยะได้ยากว่ายอดคลื่นที่ผ่านมาเป็นคลื่น 3 หรือ 5 กันแน่ ดังนั้นจึงบอกได้ยากว่าปัจจุบันอยู่ในคลื่น 5 หรือคลื่น B กันแน่ หากเป็น 5 คลื่น 5 นี้ก็มีโอกาสไปได้อีกไกล หากเป็นคลื่น B ก็คงใกล้จบคลื่นแล้ว ลุงแมวน้ำมองค่อนไปทางปัจจุบันเป็นคลื่น 5 มากกว่า ดังนั้นจึงจัดให้อยู่ในกลุ่มน่าลงทุนแต่ความเสี่ยงสูงเนื่องจากเผื่อการนับคลื่นผิด


ยุโรปตะวันออก

ทางด้านยุโรปตะวันออก (ยุโรปนี้มีวิธีจัดแบ่งกลุ่มที่นิยมกันอยู่สองแบบ คือ แบบหนึ่งแบ่งเป็นยุโรปตะวันตก ยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก กับอีกแบบหนึ่งแบ่งเป็นยุโรปตะวันตกกับตะวันออก ลุงแมวน้ำใช้แบบหลัง) ในทางปัจจัยพื้นฐานถือว่าเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มแจ่มใสทีเดียว อาทิ โปแลนด์ สาธารณรัฐเชค ฮังการี ฯลฯ ซึ่งไม่ได้อยู่ในกลุ่มยูโรโซน สำหรับโปแลนด์ เชค และฮังการีนั้นในทางเทคนิคก็ถือว่ากราฟดัชนีตลาดหุ้นอยู่ใน คลื่น 5 แต่ไม่ใช่ต้นคลื่น โดยเฉพาะโปแลนด์เนื่องจากดัชนีอยู่ในระดับหลายหมื่นจุดแล้ว ถือว่าเดินทางมาไกลแล้ว ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน







ทวีปแอฟริกา

แอฟริกาใต้

เมื่อจบทวีปอเมริกาแล้วก็มาดูทางด้านทวีปแอฟริกากันบ้าง ประเทศที่เนื้อหอมเป็นที่หมายปองของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากมีความมั่งคั่งด้านทรัพยากรธรรมชาติและโอกาสในการลงทุน นั่นก็คือประเทศแอฟริกาใต้ ลองดูกราฟต่อไปนี้



จากภาพ เห็นได้ค่อนข้างชัดว่าตลาดหุ้นของแอฟริกาใต้อยู่ในคลื่น 5 แต่เนื่องจากไม่ใช่ต้นคลื่นแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าคลื่นนี้จะจบที่ใด จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มที่ 1


เอเชีย

จากทวีปแอฟริกาก็มาที่ทวีปเอเชีย ทวีปนี้มีหลายประเทศที่ลุงแมวน้ำจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 นี้

รัสเซีย

ดูกราฟตลาดหุ้นรัสเซีย



ตลาดหุ้นรัสเซียน่าจะอยู่ในคลื่น 5 เท่าที่ลุงแมวน้ำติดตามข่าวสารมา กองทุนหลายแห่งหลีกเลี่ยงการลงทุนในรัสเซียแม้จะดูว่าเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสทำกำไรได้ ทั้งนี้ ก็เนื่องจากปัญหาด้านธรรมาภิบาล หากตลาดไม่โปร่งใสอะไรก็เกิดขึ้นได้


อินเดีย

ตอนนี้อินเดียมีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเกินไป เงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงกำลังเป็นปัญหาหนักอกของรัฐบาลอินเดีย



ส่วนทางด้านตลาดหุ้นนั้น จากกราฟลุงแมวน้ำประเมินว่าน่าจะอยู่ในคลื่น 5 และไม่ใช่ต้นคลื่นแล้ว


อินโดนีเซีย

ดูกราฟตลาดหุ้นอินโดนีเซียดังต่อไปนี้



ลุงแมวน้ำประเมินว่าอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งดำเนินไปไกลมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะจบคลื่นช้าเร็วเพียงใด


ปากีสถาน


ตลาดหุ้นปากีสถานก็เป็นตลาดเกิดใหม่ที่เนื้อหอมอีกตลาดหนึ่ง ดูจากกราฟแล้วน่าจะอยู่ในคลื่น 5 หากเปรียบเทียบกับกราฟของอินเดียและอินโดนีเซียแล้วนับว่าเป็นคลื่น 5 ที่ไปไกลน้อยกว่าตลาดทั้งสอง ความเสี่ยงจึงดูน่าจะน้อยกว่า


ศรีลังกา



ตลาดหุ้นศรีลังกาเป็นตลาดที่ลุงแมวน้ำประเมินว่าน่าจะอยู่ในคลื่น 3 ไม่ใช่คลื่น 5 เหมือนตลาดอื่นๆที่ผ่านมา ทว่าแม้จะเป็นคลื่น 3 แต่ว่าก็ไปไกลมากแล้ว หากจบคลื่น 3 เมื่อไรก็เป็นคลื่น 4 ที่อาจลงลึกและแกว่งตัวกินเวลานานกว่าจะเข้าคลื่น 5 ดังนั้นด้วยความที่เป็นคลื่น 3 จึงน่าลงทุน แต่ด้วยความที่เป็นคลื่น 3 ที่ไปไกลแล้วจึงถือว่ามีความเสี่ยงสูง


อิสราเอล

ประเทศสุดท้ายในกลุ่มเอเชียและเป็นประเทศสุดท้ายในกลุ่ม 2 นี้ลุงแมวน้ำขอเสนอประเทศอิสราเอล



ประเทศอิสราเอลไม่ใช่เรื่องไกลตัว ขณะนี้บ้านเราก็มีกองทุนตราสารหนี้ประเทศอิสราเอลออกขาย ตลาดหุ้นของประเทศอิสราเอลอยู่ในคลื่น 5 เท่าที่ดูจากพัฒนาการของคลื่นถือว่าตลาดแห่งนี้มีพัฒนาการที่มั่นคง ไม่หวือหวาเกินไป แต่ก็มีความเสีย่งสูงเนื่องจากเป็นคลื่น 5 ที่ไม่ใช่ระยะต้นคลื่นแล้ว


สำหรับตลาดในกลุ่ม 2 ก็คงมีเพียงเท่านี้ ลุงแมวน้ำตั้งข้อสังเกตว่ากองทุนที่เป็นกองทุนลงทุนในตลาด BRIC หรือว่าลงทุนในตลาดบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีนนั้น มีเพียงตลาดจีนเท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มที่ 1 ส่วนอีกสามประเทศลุงแมวน้ำจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 ความเสี่ยงดูจะไม่เท่ากัน





Friday, March 18, 2011

17/03/2011 * Currencies, กัมมันตภาพรังสี กัมมันตรังสี กับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน




วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1002.35 จุด ลดลง 5.78 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย AOT, KBANK, MAKRO, SCB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 31 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของก๊าซธรรมชาติ (NG) เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวกระจัดกระจาย ทางฝั่งอเมริกากับยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ทางฝั่งแอฟริกากับเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เกิดสัญญาณขาย ดัชนีกลุ่มอาเซียน (ASEAN) ก็เกิดสัญญาณขาย

ตลาดหุ้นทั่วโลกเด้งขึ้นวันหนึ่ง เด้งลงวันหนึ่ง ผันผวนเอาการ ปัจจัยหลายๆอย่างผสมปนเปกันจนยุ่งไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา วิกฤตหนี้ของหลายประเทศในกลุ่มยุโรป ความไม่สงบในโลกอาหรับ และปัญหาวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ดังนั้นหากวิเคราะห์เชิงปัจจัยพื้นฐานคงปวดหัวเนื่องจากประเมินไม่ถูกว่าปัจจัยอะไรมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ทางสายปัจจัยทางเทคนิคเองก็คงปวดหัวไม่แพ้กันเพราะตลาดในช่วงนี้มีการแกว่งตัวแรง อีกทั้งยังไม่มีทิศทางชัดเจน หากไม่มีแนวโน้มหรืออยู่ในภาวะไร้ทิศทางพวกสายเทคนิคก็เหนื่อยเช่นกัน

ทางด้านค่าเงิน ลองดูภาพต่อไปนี้




จะเห็นว่าในระยะสั้นๆที่ผ่านมาเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นไปตามคาดเนื่องจากมีเงินไหลกลับเข้าประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่เงินดอลลาร์ออสเตรเลียกับดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าอย่างรวดเร็วเช่นกัน เงินบาทไทยกับดอลลาร์สิงคโปร์เปลี่ยนแปลงแข็งค่าไม่มากนัก ในขณะที่ทองคำอ่อนค่าลงไปบ้างแต่ไม่มากเช่นกัน แสดงให้เห็นภาพของการเคลื่อนย้ายทุนได้ค่อนข้างชัด


กัมมันตภาพรังสี กัมมันตรังสี กับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน


ช่วงนี้ไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือพิมพ์หรือดูข่าวช่องใดก็ล้วนหนีไม่พ้นข่าวสารที่เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น เริ่มแรกเป็นประเด็นแผ่นดินไหวและสึนามิเป็นหลัก แต่ว่าต่อมาเป็นระเด็นเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโรงไฟฟ้าพลังปรมาณูก็กลับกลายเป็นประเด็นร้อนแทน

เท่าที่ลุงแมวน้ำติดตามข่าวสารดู เรื่องโรงไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศัพท์เทคนิค ดังนั้นจะเห็นว่าการรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องรังสีนั้นใช้คำสับสนปนเปกกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกัมมันตรังสี สารกัมมันตรังสี สารกัมมันตภาพรังสี โรงไฟฟ้าระบิด แถมยังตามมาด้วยประเด็นร้อนระลอกหลัง นั่นคือ การเอายาทาแผลเบตาดีนทาที่ลำคอเพื่อป้องกันรังสี กับเรื่องราวอื่นๆอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ไดอิจิ (Fukushima Daichi) แห่งนี้

ลุงแมวน้ำนอกจากมีหัวทางคำนวณบ้างนิดหน่อยแล้ว ในยามว่างหลังจากการแสดงยังชอบอ่านพวกเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย ดังนั้นก็พอจะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ติดปลายครีบอยู่บ้าง เห็นว่าบางเรื่องเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากการใช้คำศัพท์ที่สับสน ประกอบกับเรื่องทางเทคนิคนั้นคนทั่วไปอาจยังขาดความเข้าใจ จึงทำให้วิตกกังวลไปโดยใช่เหตุ ดังนั้นวันนี้ลุงแมวน้ำจึงขอคุยเกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บ้างเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น

สารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสี เหมือนกันหรือแตกต่างกัน

ก่ออื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์ที่เกี่ยวกับรังสีกันก่อน ศัพท์ที่สำคัญที่ปรากฏในข่าวและมักทำให้ผู้อ่านเข้าใจคลาดเคลื่อนมีอยู่ 2 คำ นั่นคือ สารกัมมันตรังสี และกัมมันตภาพรังสี

เรามาดูคำว่าสารกัมมันตรังสีกันก่อน สารกัมมันตรังสีนั้นเป็นสสารหรือว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนและจับต้องได้ หากเปรียบเทียบก็คงเปรียบเทียบได้กับก้อนถ่าน (ถ่านหุงข้าว ไม่ใช่ถ่านไฟฉาย) ที่ลุกไหม้อยู่ ตัวก้อนถ่านที่ลุกไหม้นั้นเปรียบได้กับสารกัมมันตรังสี

ส่วนกัมมันตภาพรังสีนั้นเป็นพลังงานที่แผ่ออกมาจากตัวสารกัมมันตรังสี หากสารกัมมันตรังสีเปรียบได้กับถ่านที่ลุกไหม้ กัมมันตภาพรังสีก็เปรียบได้กับความร้อนที่แผ่ออกมาจากก้อนถ่านนั่นเอง

โดยปกติกัมมันตภาพรังสีซึ่งเป็นพลังงานนั้นเราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เปรียบเหมือนกับความร้อนจากก้อนถ่าน หากเอามือไปอังห่างๆเราจะรู้สึกถึงความร้อน แและหากเอามือไปอังใกล้ๆ ความร้อนอาจทำให้ผิวหนังไหม้ได้ แต่เมื่อเราถอนมือออกมา ความร้อนนั้นก็สลายคลายไปจากมือของเรา ไม่ได้ติดอยู่ที่มือเรา ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพลังงานความร้อนนั้นส่งผลต่อมือของเราได้ แต่พลังงานนั้นไม่ได้ตกค้างที่มือของเรา ฉันใดก็ฉันนั้น กัมมันตภาพรังสีที่เป็นพลังงานนั้นมีผลต่อเนื้อเยื่อแต่ไม่ได้ตกค้างในเนื้อเยื่อ ดังนั้นเราจึงเอามาทำประโยชน์ได้ เช่น อาหารฉายรังสี ผลไม้ฉายรังสี แหนมฉายรังสี ฯลฯ พวกนี้คือการเอาอาหารไปรับพลังงานกัมมันตภาพรังสีอันเป็นการถนอมอาหารให้มีอายุยาวนานขึ้น ซึ่งเมื่อฉายเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีพลังงานตกค้างแต่อย่างใด อาหารจะไม่มีกัมมันตภาพรังสีตกค้าง สามารถรับประทานได้อย่างวางใจ

ทีนี้มารู้จักกับสารกัมมันตภาพรังสีบ้าง ซึ่งลุงแมวน้ำเปรียบเหมือนกับก้อนถ่านที่ลุกแดง สารกัมมันตรังสีนี้คือสสาร มีตัวตน ไม่ใช่พลังงาน แต่ส่งพลังงานออกมาได้เรื่อยๆ ดัังนั้นหากเราเอาสารกัมมันตรังสีใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ก็เหมือนกับการเอาก้อนถ่านลุกแดงใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้นั่นเอง มันจะปล่อยความร้อนออกมาเผาไหม้ผิวเนื้อของเราไปเรื่อยๆโดยไม่ยอมหยุด จนกว่าตัวมันจะมอดไหม้หมดก้อนไปเองนั่นแหละพลังงานความร้อนจึงจะหมดไป หากถ่านก้อนนั้นต้องลุกไหม้หลายเดือนกว่าจะเผาไหม้หมดก็เท่ากับเราโดนความร้อนแผดเผาอยู่ที่หน้าอกอยู่นานนับเดือนนั่นเอง รวมทั้งหากสมมติว่าเราเอาถ่านลุกไหม้นี้ไปใส่ในผักผลไม้ มันก็จะให้ความร้อนอยู่ในผลไม้นั่นเอง เมื่อเรากินผลไม้ลงไป ถ่านนี้ก็จะไปลุกไหม้ต่ออยู่ในร่างกายของเรา เผาตับไตไส้พุงของเราต่อไป

เรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นสิ่งที่เรากลัวกันก็คือการที่สารกัมมันตรังสีซึ่งมีลักษณะเป็นฝุ่นเม็ดเล็กๆรั่วไหลออกมา ฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้มีบางส่วนที่มีอายุยาวนานนับสิบปี มันจะปล่อยพลังงานหรือกัมมันตภาพรังสีออกมาเรื่อยๆ ดังนั้นหากฝุ่นเหล่านี้กระจายอยู่ในบรรยากาศ มันจะตกลงไปในแหล่งน้ำ คนและสัตว์จะหายใจเข้าไป พืชจะดูดเข้าไป ดังนั้นชีวิตและสิ่งแวดล้อมจะปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตรังสี เมื่อเรากินอาหาร กินผัก ดื่มน้ำ หายใจ ก็จะได้รับฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้เข้าไปในร่าง ซึ่งเมื่อใดมีมันเข้าไปในร่างกายมันก็ทำหน้าที่เป็นสารก่อมะเร็งนี่เอง

ดังนั้นที่หลายๆประเทศเข้มงวดกับอาหารนำเข้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่นนั้นที่กลัวก็เพราะกลัวว่าฝุ่นกัมมันตรังสีจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารนั่นเอง


โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด

คำนี้ใช้ได้ไม่ผิด แต่คนทั่วไปอาจเข้าใจความหมายผิดไป การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นี้ไม่ได้หมายถึงว่าโรงไฟฟ้านี้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แล้วปลดปล่อยพลังงานอันมหาศาลออกมาเหมือนดังระเบิดนิวเคลียร์ที่กวาดทำลายทั้งชีวิตและสิ่งก่อสร้างไปจนหมดสิ้น แต่การระเบิดของโรงไฟฟ้าที่พูดถึงกันนี้เกิดจากสาเหตุอื่นๆที่ยังไม่ทราบชัด เช่น แต่เปรียบเทียบได้กับกาต้มน้ำที่ปิดฝาแน่น พอน้ำเดือดก็ดันจนฝาระเบิดกระด็นออกมา หรือเปรียบได้กับแก๊สหุงต้มที่รั่วแล้วติดไฟกลายเป็นเปลวเพลิงและมีแรงระเบิด จะเป็นทำนองนั้น ประเด็นที่กลัวกันก็คือแรงระเบิดจะพาเอาฝุ่นกัมมันตรังสีปลิวออกมาด้วย


เบตาดีนทาลำคอป้องกันพิษจากสารกัมมันตรังสี

เรื่องหลอกกันทางฟอร์เวิร์ดเมล์เรื่องนี้ทำได้เนียนมากเพราะมีเหตุผลเข้าเค้าทีเดียว

เรื่องนี้บอกเอาไว้ว่าหากได้รับฝุ่นกัมมันตรังสีจำพวกไอโอดีนกัมมันตรังสีเข้าไป มันจะไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ที่ในลำคอ หนทางที่จะทำให้ไอโอดีนกัมมันตรังสีไม่ไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ก็คือการชิงรับไอโอดีนปกติเข้าไปเสียก่อน ซึ่งในเบตาดีนนั้นมีสารประกอบไอโอดีนอยู่ ชื่อยาก็ลงท้ายด้วยอะไรดีนๆ ยิ่งฟังดูเข้าเค้า

เรื่องนี้ไม่จริง การทาเบตาดีนไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากจะทำให้คอเหลืองและทำให้คนอื่นรู้ว่าเราโดนหลอก


ฝนตก อากาศหนาวในช่วงสองสามวันมานี้เกิดจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศ

นี่ก็มีหลายคนที่เชื่อ แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีมูลความจริง การระเบิดที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ นั้นเปรียบเหมือนถังแก๊สระเบิดดังที่ได้กล่าวไปแล้ว รวมทั้งปรากฏการณ์แผ่นดินไหวในทะเลนอกชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านมาก็ไม่ได้ส่งผลต่อภูมิอากาศในช่วงนี้เลย หากภูเขาไฟระเบิดและพ่นเถ้าถ่านปริมาณมากออกมาปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ กรณีนั้นจึงมีผลกระทบต่อภูมิอากาศ อากาศที่หนาวเย็นละฝนที่ตกลงมาในช่วงสองสามวันมานี้เป็นความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ เกิดจากมวลอากาศที่มีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนพัดเข้ามา ส่วนที่ว่าเหตุใดในช่วงนี้ภูมิอากาศจึงแปรปรวนมาก อากาศอันหนาวเย็นนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ในยุโรป สหรัฐอเมริกา ก็ล้วนแต่มีอุณหภูมิลดลง ซึ่งสาเหตุของความแปรปรวนเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษากันต่อไป แต่ไม่ได้มาจากแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งญี่ปุ่นและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์