ระยะนี้เว็บบล็อกของลุงแมวน้ำกลับมาเต็มไปด้วยภาพกบแช่แข็งอีกแล้วหลังจากที่มีปัญหาแล้วกลับมาดูได้ตามปกติอยู่สองสามวัน ปัญหานี้เกิดกับผู้ที่ทำเว็บทั่วโลกที่อาศัยโฮสต์ฝากภาพฟรี imageshak.us และที่แย่ก็คืออาการสามวันดีสี่วันไข้นี้ทาง imageshak เล่นบทพระเตมีย์คือเฉยอย่างเดียว ไม่มีการชี้แจงใดๆทั้งสิ้นว่าเกิดอะไรขึ้นและเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงตัดสินใจย้ายโฮสต์ที่ฝากภาพโดยจะทยอยปรับปรุงภาพในบทความเก่าๆเพื่อให้ดูภาพได้ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงข้อมูลประจำวัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการอ่านบทความเก่าๆหากเจอภาพกบแช่แข็งก็ขอให้อดใจรอสักระยะหนึ่ง ลุงแมวน้ำกำลังทยอยแก้ไขปัญหาอยู่ คิดถึงงานที่ต้องทำแล้วก็เหนื่อยใจเหมือนกัน แต่มีปัญหาก็ต้องค่อยๆแก้กันไป หวังว่าคงไม่ว่ากันเรื่องความล่าช้า ลุงแมวน้ำมีแค่สองครีบ ทำอะไรช้าอยู่แล้ว
ส่วนตารางสรุปสัญญาณซื้อขายรายวันที่เป็นของอดีตนั้นจนใจเพราะลุงแมวน้ำทำมาเกือบสองปี รวมแล้วกว่า 500 ภาพ คงตามไปปรับปรุงไม่ไหว อีกประการตารางข้อมูลเหล่านี้เมื่อเลยเวลาไปแล้วก็ไม่ค่อยมีประโยชน์นัก ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงคิดว่าจะไม่ปรับปรุงตารางรายวันเก่า ปล่อยให้เป็นภาพกบแช่แข็งต่อไป
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 987.91 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BEC, TMB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 22 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายยางพารา ทั้งยางตลาด AFET ของไทย (RSS3) และยางตลาดโตคอมของญี่ปุ่น (TOCOM rubber)
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ปิดเขียวแม้จะรู้ว่าข่าวผู้นำของลิเบียกัดดาฟีเสียชีวิตเป็นข่าวลือ ดัชนีตลาดของประเทศกรีซเกิดสัญญาณขาย ดัชนีตลาดในกลุ่มนอร์ดิกหรือว่ายุโรปเหนือเกิดสัญญาณซื้อ
ในที่สุดยางพาราก็เกิดสัญญาณขายหลังจากที่ขึ้นอย่างดุเดือดมาเป็นเวลานานหลายเดือน ทั้งยางตลาด AFET และตลาดโตคอมจะมีรูปแบบกราฟคล้ายคลึงกัน ดังนี้
ลักษณะของคลื่นนับได้ค่อนข้างชัด ยิ่งเมื่อมองจากกราฟรายสัปดาห์ (weekly chart) จะยิ่งเห็นชัดว่าคลื่นย่อยครบ 5 ลูกแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะจบคลื่น 5 (สีน้ำตาล) แล้ว และขณะนี้กำลังเข้าสู่คลื่นขาลง a-b-c
นักวิเคราะห์และนักลงทุนหลายคนประเมินว่ายางแค่ปรับตัวลงและจะเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆและจะสูงต่อไป รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นๆก็มีแนวโน้มขึ้นต่อ ปกติยางพาราปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรอื่นๆ แต่สำหรับกรณีนี้ลุงแมวน้ำอยากเตือนให้ระวังเพราะรูปแบบทางเทคนิคของตัวยางพาราเองนั้นสำคัญกว่าปัจจัยประกอบของสินค้าอื่นๆ
ที่เตือนให้ระวังก็เนื่องจากว่ายางพาราเป็นสินค้าที่แกว่งตัวแรง รวมทั้งหากขณะนี้เราอยู่ในคลื่น a จริง นั่นหมายความว่ากว่าจะจบคลื่น c ราคายางพาราอาจลงไปถึงระดับ 100 บาท/กก. ได้ ตามระดับของ fibonacci ดังนั้นต้องเทรดด้วยความระมัดระวังอย่าฝืนตลาด
มาดูราคาน้ำมันดิบกันบ้าง
จากกราฟจะเห็นว่าขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่น 5 หรือไม่อย่างนั้นก็อยู่ในคลื่น B ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคลื่น 5 หรือ B ก็ยังน่าจะขึ้นต่อได้อีก
ความแตกต่างของคลื่น 5 กับคลื่น B ก็คือ หากเป็นคลื่น 5 ราคาน้ำมันจะไปเกินยอดคลื่นเดิมหรือว่าเกิน 145 ดอลลาร์/บาเรลล์ (ราคาโดยประมาณ) หากเป็นคลื่น B ราคาจะไปไม่ถึงยอดคลื่นเดิม อาจไปได้เพียง 104-122 ดอลลาร์/บาเรลล์) ซึ่งขณะนี้จะเป็น 5 หรือ B ยังตอบได้ไม่ชัด จึงยังไม่รู้ว่าจะขึ้นไปได้อีกมากน้อยเพียงใด ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท รักษาวินัยในการลงทุนโดยเคร่งครัด
มาดูกราฟของดัชนี SET กันอีกครั้งหนึ่ง SETI ขณะนี้เท่าที่ดูจากกราฟก็ยังเป็นคลื่น A อยู่ แม้จะรีบาวด์แรงแต่ความเห็นเชิงเทคนิคของลุงแมวน้ำก็ยังไม่เปลี่ยน
Monday, February 28, 2011
27/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (8)
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 985.91 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย RATCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 20 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ปิดเขียวเนื่องจากมีข่าวลือว่ากัดดาฟีผู้นำแห่งลิเบียเสียชีวิตแล้ว ซึ่งหมายความว่าสถานการณ์ความไม่สงบน่าจะยุติลงได้ เรียกได้ว่าลือกันไปทั้งโลก แต่ข่าวนี้ยังไม่มีการยืนยัน
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity index, DJUBS) กลับมาเกิดสัญญาณซื้ออีกครั้งหนึ่ง
ช่วงนี้โลกค่อนข้างวุ่นวาย ปัจจัยทางจิตวิทยานับวันจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการกระจายของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วมากและมีผลต่อชนหมู่มากในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดกระแสหรืออารมณ์ร่วมได้ค่อนข้างรุนแรง อารมณ์ในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน นอกจากเรื่องอารมณ์นักลงทุนแล้วกระแสเงินทุนยังมีจำนวนมหาศาลที่เคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย หลายคนพูดกันว่าทำให้ตลาดหุ่นทั่วโลกมีแนวโน้มแกว่งตัวแรงขึ้นด้วย แต่เรื่องนี้ลุงแมวน้ำยังไม่แน่ใจนัก หากมีเวลาอาจลองทำสถิติออกมาดูกัน
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (8)
บทความชุด มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 นี้ลุงแมวน้ำนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องบ้าง ไม่ต่อเนื่องบ้าง ผ่านมาได้ 7 ตอนแล้ว ที่ผ่านมาเป็นการมองในภาพรวมของตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างๆ ในตอนนี้และตอนต่อไปเราจะมาดูกันว่ามีตลาดหุ้นของประเทศใดที่น่าลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้นปัจจุบันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว นักลงทุนสามารถเทรดหุ้นต่างประเทศได้เอง หรือหากชอบความสะดวกสบายก็ลงทุนผ่านกองทุนรวมของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง หรือที่เรียกว่า foreign invesment fund (FIF) ก็ได้ ปัจจุบันนี้มีกองทุน FIF ของไทยอยู่หลายกองทุนทีเดียว สามารถหาข้อมูลข่าวสารได้จาก บลจ. ที่ออกกองทุนนั้นๆหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ และในอนาคตก็จะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก
ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนในมุมมองของลุงแมวน้ำ
ตลาดหุ้นที่น่าสนใจในความเห็นของลุงแมวน้ำมีดังนี้
กลุ่มที่ 1 น่าสนใจ ความเสี่ยงปานกลาง
เรามาดูตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าลงทุนในกลุ่มแรกกันก่อน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในแง่เทคนิค ไม่ใช่ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ความน่าสนใจที่ลุงแมวน้ำพิจารณาก็คือ
เราลองมาดูกันทีละประเทศ
ญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจติดหล่มมานานถึงกว่า 20 ปี ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะอยู่มากทีเดียว อีกทั้งยังเป็นสังคมสูงอายุซึ่งนับวันปัญหาจะพอกพูนมากยิ่งขึ้น คนแก่อายุยืน หนุ่มสาวมีอัตราเกิดลดลง หากมองในแง่เศรษฐกิจ สังคมผู้สูงอายุจะมีผลิตภาพลดลงเพราะคนในวัยพึ่งพิงสูงขึ้น คนหนุ่มสาวบางส่วนทำงานไม่ได้เนื่องจากต้องดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงทำได้ไม่ดี รวมทั้งเมื่อไม่นานมานี้สถาบันจัดอันดับเครดิต S&P ได้ลดอันดับเครดิตของประเทศญี่ปุ่นลง หากมองในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ลองมาดูภาพกราฟดัชนีนิกเกอิ (Nikkei, N225) ดังต่อไปนี้
ในทางเทคนิคมีสัญญาณกลับทิศในระดับคลื่นใหญ่ ทิศทางของดัชนีน่าจะเข้าสู่คลื่นขาขึ้นแล้ว อยากให้ลองนึกเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยหลังจากช่วงต้มยำกุ้ง ในช่วงปี พ.ศ. 2544 นักลงทุนรายย่อยแทบไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นไทยเนื่องจากคิดว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเพราะยังไม่เห็นสัญญาณดีอะไรเลย
ญี่ปุ่นก็เช่นกัน ตอนนี้เราอาจมองว่ายังไม่เห็นสัญญาณอะไร แต่เท่าที่ลุงแมวน้ำทราบ ราคาอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นดีขึ้นมาได้ราวสองปีแล้วเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไปกว้านซื้อของถูก รวมทั้งปัจจุบันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากประเทศญี่ปุ่นเป็นหุ้นตัวหนึ่งก็ลองมองไว้ว่าอาจเข้าข่ายหุ้น turn around หรือไม่
เท่าที่ทราบมา ปัจจุบันกองทุนรวมของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศโดยทั่วไปมักจัดส่วนผสมการลงทุนโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นด้วยคิดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังติดหล่ม หากลงทุนก็ฉุด NAV เปล่าๆ แต่ว่ามีอย่างน้อยหนึ่งกองทุนที่ลงทุนในตลาดญี่ปุ่นทั้งกอง และมีบางกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นบางส่วน ขอให้ลองติดตามต่อไป ลุงแมวน้ำคาดว่าต่อไปน่าจะมีกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นทั้งหมดหรือบางส่วนมาให้ลงทุนกันเพิ่มมากขึ้นอีก
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ภาพดัชนีออลออร์ดิแนรีส์ (All Ordinaries Index, AORD) ของตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
ภาพดัชนี NZX 50 (New Zealand Exchange 50 Index) ของตลาดหลักทรัพย์นิวซีแลนด์
ตลาดหุ้นออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์นั้นมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน นั่นคือ รูปทรงพื้นฐานชัดเจน นับง่าย ไม่ชันมาก อันแสดงถึงพัฒนาการของตลาดที่ค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งออสเตรเลียเองนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีระบบบริหารจัดการที่ดี จึงทำให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน ปัจจุบันน่าจะอยู่ในต้นคลื่น 5 และต้นคลื่นย่อย 3 (สีน้ำตาล) ต่อจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นตลาดหุ้นออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานเพราะอยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำตาล)
โปรดติดตามในวันต่อไป
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย RATCH ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 20 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
ด้านตลาดต่างประเทศ ตลาดส่วนใหญ่ปิดเขียวเนื่องจากมีข่าวลือว่ากัดดาฟีผู้นำแห่งลิเบียเสียชีวิตแล้ว ซึ่งหมายความว่าสถานการณ์ความไม่สงบน่าจะยุติลงได้ เรียกได้ว่าลือกันไปทั้งโลก แต่ข่าวนี้ยังไม่มีการยืนยัน
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity index, DJUBS) กลับมาเกิดสัญญาณซื้ออีกครั้งหนึ่ง
ช่วงนี้โลกค่อนข้างวุ่นวาย ปัจจัยทางจิตวิทยานับวันจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการกระจายของข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็วมากและมีผลต่อชนหมู่มากในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดกระแสหรืออารมณ์ร่วมได้ค่อนข้างรุนแรง อารมณ์ในตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน นอกจากเรื่องอารมณ์นักลงทุนแล้วกระแสเงินทุนยังมีจำนวนมหาศาลที่เคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย หลายคนพูดกันว่าทำให้ตลาดหุ่นทั่วโลกมีแนวโน้มแกว่งตัวแรงขึ้นด้วย แต่เรื่องนี้ลุงแมวน้ำยังไม่แน่ใจนัก หากมีเวลาอาจลองทำสถิติออกมาดูกัน
มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (8)
บทความชุด มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 นี้ลุงแมวน้ำนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องบ้าง ไม่ต่อเนื่องบ้าง ผ่านมาได้ 7 ตอนแล้ว ที่ผ่านมาเป็นการมองในภาพรวมของตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างๆ ในตอนนี้และตอนต่อไปเราจะมาดูกันว่ามีตลาดหุ้นของประเทศใดที่น่าลงทุนบ้าง ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้นปัจจุบันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว นักลงทุนสามารถเทรดหุ้นต่างประเทศได้เอง หรือหากชอบความสะดวกสบายก็ลงทุนผ่านกองทุนรวมของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง หรือที่เรียกว่า foreign invesment fund (FIF) ก็ได้ ปัจจุบันนี้มีกองทุน FIF ของไทยอยู่หลายกองทุนทีเดียว สามารถหาข้อมูลข่าวสารได้จาก บลจ. ที่ออกกองทุนนั้นๆหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ และในอนาคตก็จะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก
ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนในมุมมองของลุงแมวน้ำ
ตลาดหุ้นที่น่าสนใจในความเห็นของลุงแมวน้ำมีดังนี้
กลุ่มที่ 1 น่าสนใจ ความเสี่ยงปานกลาง
เรามาดูตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าลงทุนในกลุ่มแรกกันก่อน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในแง่เทคนิค ไม่ใช่ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ความน่าสนใจที่ลุงแมวน้ำพิจารณาก็คือ
- มีรูปแบบคลื่นพื้นฐาน (1-2-3-4-5-a-b-c) นับคลื่นได้ง่าย อันแสดงถึงความมั่นคงเชิงปัจจัยเทคนิคของตลาดนั้นๆ การอ่านคลื่นได้ชัดเจนทำให้ลดความเสีย่งในการลงทุนลงได้บ้าง
- ปัจจุบันกำลังอยู่ต้นคลื่น คำว่าต้นคลื่นนี้หมายถึงอยู่ในคลื่น 1-2 หรือ ต้นคลื่น 3
เราลองมาดูกันทีละประเทศ
ญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจติดหล่มมานานถึงกว่า 20 ปี ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะอยู่มากทีเดียว อีกทั้งยังเป็นสังคมสูงอายุซึ่งนับวันปัญหาจะพอกพูนมากยิ่งขึ้น คนแก่อายุยืน หนุ่มสาวมีอัตราเกิดลดลง หากมองในแง่เศรษฐกิจ สังคมผู้สูงอายุจะมีผลิตภาพลดลงเพราะคนในวัยพึ่งพิงสูงขึ้น คนหนุ่มสาวบางส่วนทำงานไม่ได้เนื่องจากต้องดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงทำได้ไม่ดี รวมทั้งเมื่อไม่นานมานี้สถาบันจัดอันดับเครดิต S&P ได้ลดอันดับเครดิตของประเทศญี่ปุ่นลง หากมองในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ลองมาดูภาพกราฟดัชนีนิกเกอิ (Nikkei, N225) ดังต่อไปนี้
ในทางเทคนิคมีสัญญาณกลับทิศในระดับคลื่นใหญ่ ทิศทางของดัชนีน่าจะเข้าสู่คลื่นขาขึ้นแล้ว อยากให้ลองนึกเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยหลังจากช่วงต้มยำกุ้ง ในช่วงปี พ.ศ. 2544 นักลงทุนรายย่อยแทบไม่มีใครกล้าซื้อหุ้นไทยเนื่องจากคิดว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเพราะยังไม่เห็นสัญญาณดีอะไรเลย
ญี่ปุ่นก็เช่นกัน ตอนนี้เราอาจมองว่ายังไม่เห็นสัญญาณอะไร แต่เท่าที่ลุงแมวน้ำทราบ ราคาอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นดีขึ้นมาได้ราวสองปีแล้วเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไปกว้านซื้อของถูก รวมทั้งปัจจุบันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากประเทศญี่ปุ่นเป็นหุ้นตัวหนึ่งก็ลองมองไว้ว่าอาจเข้าข่ายหุ้น turn around หรือไม่
เท่าที่ทราบมา ปัจจุบันกองทุนรวมของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศโดยทั่วไปมักจัดส่วนผสมการลงทุนโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นด้วยคิดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังติดหล่ม หากลงทุนก็ฉุด NAV เปล่าๆ แต่ว่ามีอย่างน้อยหนึ่งกองทุนที่ลงทุนในตลาดญี่ปุ่นทั้งกอง และมีบางกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นบางส่วน ขอให้ลองติดตามต่อไป ลุงแมวน้ำคาดว่าต่อไปน่าจะมีกองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นทั้งหมดหรือบางส่วนมาให้ลงทุนกันเพิ่มมากขึ้นอีก
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ภาพดัชนีออลออร์ดิแนรีส์ (All Ordinaries Index, AORD) ของตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
ภาพดัชนี NZX 50 (New Zealand Exchange 50 Index) ของตลาดหลักทรัพย์นิวซีแลนด์
ตลาดหุ้นออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์นั้นมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน นั่นคือ รูปทรงพื้นฐานชัดเจน นับง่าย ไม่ชันมาก อันแสดงถึงพัฒนาการของตลาดที่ค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งออสเตรเลียเองนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีระบบบริหารจัดการที่ดี จึงทำให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน ปัจจุบันน่าจะอยู่ในต้นคลื่น 5 และต้นคลื่นย่อย 3 (สีน้ำตาล) ต่อจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นตลาดหุ้นออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานเพราะอยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำตาล)
โปรดติดตามในวันต่อไป
Subscribe to:
Posts (Atom)