Monday, February 21, 2011

17/02/2011 - 18/02/2011

17/02/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 995.57 จุด เพิ่มขึ้น 13.50 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BLA, CPN, IRPC, PS, PTTCH, TPIPL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 17 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

กองทุนรวมอีทีเอฟ TDEX, TFTSE เกิดสัญญาณซื้อ เป็นสัญญาณซื้อในภาวะไร้ทิศทาง (sideway trend) ในขณะที่ SET, SET50, S50 แนวโน้มด้านขาลง (down trend) มีกำลังมากกว่าด้านขาขึ้น สัญญาณซื้อนี้อาจเป้นสัญญาณหลอก

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย กลุ่มตลาดพัฒนาแล้วกับตลาดเกิดใหม่ต่างก็มีทั้งที่ปิดเขียวและปิดแดง ไม่เห็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจน

ช่วงนี้น้ำทันปาล์มมีราคาแพงมาก นอกจากแพงแล้วยังขาดตลาด ส่งผลให้น้ำมันพืชอื่นทุกขนิดขึ้นราคาตามไปด้วย ผู้ที่ชอบบริโภคอาหารทอดควรระวังเนื่องจากผู้ค้าของทอดมีแนวโน้มที่จะใช้น้ำมันทอดซ้ำแล้วซ้ำอีกนานขึ้นกว่าเดิม การใช้น้ำมันพืชทอดซำแล้วซ้ำอีกทำให้โมเลกุลของกรดไขมันในน้ำมันพืชแตกตัวกลายเป็นสารก่อมะเร็ง และยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันมีพ่อค้าหัวใสออกตระเวณซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วและนำกลับมากรองและฟอกสี ทำให้ได้น้ำมันที่เหลือง ใส เหมือนน้ำมันพืชที่ยังไม่เคยใช้ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นน้ำมันพืชมือสอง ซึ่งแม้จะดูเหลืองใสแต่ก็อุดมไปด้วยสารก่อมะเร็งไม่แพ้น้ำมันที่ทอดแล้วซึ่งขุ่นและดำ

ในการบริโภคอาหารทอด ผู้บริโภคไม่มีทางรได้เลยว่าน้ำมันที่ทอดนั้นใช้มามากน้อยเพียงใด มีสารก่อมะเร็งมากน้อยเพียงใด ดังนั้นทางที่ดีควรละการบริโภคของทอดลงในระยะที่น้ำมันปาล์มมีราคาแพง บริโภคอาหารนึ่ง ต้ม จะปลอดภัยกว่า






18/02/2011

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยหยุดทำการ

วันนี้น้ำมันดิบ (CL) เกิดสัญญาณซื้อ ลุงแมวน้ำมองจึงเปิดสัญญาณซื้อไป ดูพอร์ตจำลองแล้วหนักใจกับยอดขาดทุนสะสมของน้ำมันดิบ นี่เป็นพอร์ตจำลองลุงแมวน้ำจึงทนเทรดไปเรื่อยๆ หากเป็นพอร์ตจริงคงเปลี่ยนไปเทรดตัวอื่นนานแล้ว ไม่รอให้ขาดทุนหนักขนาดนี้




Thursday, February 17, 2011

16/02/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 982.07 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.4% ในขณะที่ฟิวเจอร์ส S50 ปรับตัวเพิ่มถึง 2.6%

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BBL, DTAC, GLOW, SCB, TISCO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 11 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส ข้าวไทย (BWR5) เกิดสัญญาณขาย


ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว ไม่ว่าจะเป็นโลกฝั่งตะวันตกหรือตะวันออก คงมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ปรับตัวลดลง เช่น คูเวต เกาหลีใต้ เวียดนาม ฯลฯ

แม้ว่าวันนี้ตลาดจะขึ้นแรงทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักไปในทางแนวโน้มขาขึ้นมากขึ้น แต่หากพิจารณาจากดัชนีต่างๆแล้วจะเห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของตลาดขาขึ้นนั้นอยู่ในกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้วมากกว่า ลองพิจารณาจากตารางข้อมูลประจำวันที่ด้านล่างจะพบข้อเท็จจริงดังนี้

ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปล้วนแต่เป็นสัญญาณซื้อ อีกทั้งเป็นสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นนานพอสมควรแล้วด้วย สหรัฐอเมริกาเกิดสัญญาณซื้อมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ปกติหากป็นสัญญาณซื้อยาวนานขนาดนี้มักเป็นคลื่น 3 ย่อย ส่วนทางด้านสหภาพยุโรปเกิดสัญญาณซื้อมาแล้วประมาณ 1 เดือน

ตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย เป็นสัญญาณขายเกือบทั้งหมด ยกเว้นญี่ปุ่นกับจีน (จีนเกิดสัญญาณซื้อมาได้ 6 วัน ยังไม่แน่ว่าอาจเป็นสัญญาณหลอกก็ได้)

เมื่อดูตารางในหมวด Business Sectos จะเห็นว่าดัชนีในหมดธุรกิจต่างๆเป็นสัญญาณซื้อเกือบทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มพลังงาน ดัชนีนี้ให้น้ำหนักไปทางตลาดที่พัฒนาแล้วเนื่องจากตลาดที่พัฒนาแล้วมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง

เมื่อพิจารณาค่า LIBOR-OIS spread กับค่า TED spread ซึ่งบ่งชี้ความตึงตัวของเงินดอลลาร์ สรอ จะเห็นว่ากราฟของค่าทั้งสองนี้เริ่มปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่าความต้องการเงินดอลลาร์เริ่มมีมากขึ้น ต้องตามดูต่อไป หากสองค่านี้ปรับตัวสูงขึ้นไปอีกก็น่าจะมีการทยอยขายเงินลงทุนในรูปสกุลเงินต่างๆเพื่อแปลงเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ


ดัชนี SET ของไทยแม้จะปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับทิศ ดังนั้นลุงแมวน้ำยังมีมุมมองเป็นแนวโน้มขาลงอยู่เช่นเดิม



มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (6)

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องมุมมองด้านเศรษฐกิจและการลงทุนกันต่อ จากที่วันก่อนลุงแมวน้ำนำกราฟของตลาดหุ้นหลายประเทศในเอเชียมาให้ดูกันและเห็นว่าในภาพใหญ่แล้วตลาดส่วนใหญ่ทางฝั่งเอเชียยังอยู่ในคลื่น คลื่น 5 (หรือบางประเทศยังอาจเป็นคลื่น 4 อยู่) ยกเว้นญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ กับฮ่องกงที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเป็นคลื่น 5 หรือคลื่น B กันแน่

วันนี้เรามาดูประเทศอื่นๆในเอเชียกันต่อ ดังภาพต่อไปนี้




ในภาพลุงแมวน้ำยังคงกราฟของดัชนีดาวโจนส์ (สหรัฐอเมริกา) กับเซนเซกซ์ (อินเดีย) เอาไว้เป็นดัชนีเปรียบเทียบ จากภาพจะเห็นว่าตลาดมาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ เกาหลีใต้ และแม้แต่ออสเตรเลียก็น่าจะอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งยังไม่จบคลื่น ยกเว้นไต้หวันที่กราฟของดัชนีมีรูปทรงไม่ค่อยปกติ ทำให้นับไม่ถูก จะเห็นว่าตลาดในฝั่งเอเชียหลายๆประเทศนั้นน่าลงทุนมากทีเดียวเนื่องจากยังอยู่ในคลื่นขาขึ้นอีกทั้งดัชนีตลาดยังไม่สูง บางประเทศก็อยู่หลักร้้อยจุด บางประเทศก็หลักพันจุดต้นๆ ดัชนีของเวียดนามก็ประมาณ 500 จุด และในปีนี้ลาวก็เปิดตลาดหุ้นไปแล้ว อีกไม่นานตลาดหุ้นกัมพูชาก็จะเปิดดำเนินการเช่นกัน

จากฝั่งเอเชียเราข้ามไปดูฝั่งทวีปอเมริกากันต่อ ลองดูภาพต่อไปนี้



เมื่อเห็นภาพแล้วหลายคนอาจแปลกใจ ดัชนีระดับหมื่นจุดสองหมื่นจุดเราก็ว่าสูงมากแล้ว มาดูดัชนีโบเวสปา (Bovespa) ของบราซิลที่เป็นระดับ 75,000 จุดแล้วดัชนีประเทศอื่นๆกลายเป็นขนมไปเลย

ในทวีปอเมริกานี้แบ่งตลาดออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มพัฒนาแล้วคือตลาดสหรัฐอเมริกากับแคนาดา ซึ่ง สหรัฐอเมริกานั้นลุงแมวน้ำตั้งสมมติฐานเอาไว้ว่าน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น B ส่วนตลาดแคนาดานั้นพิจารณาจากดัชนี S&P/TSX Composite Index (TSX นั้นย่อมาจาก Toronto Stock Exchange) ซึ่งลุงแมวน้ำประเมินว่ากำลังอยู่ในคลื่น B เช่นกัน

ส่วนตลาดอีกกลุ่มในทวีปอเมริกาล้วนแต่เป็นตลาดเกิดใหม่หรือว่าตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนา เช่นเม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา ชิลี ปรู ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เคยเป็นประเทศอาณานิคมมาก่อน ดัชนีเหล่านี้ส่วนใหญ่น่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5

สำหรับดัชนีประเทศบราซิลนั้นดูน่ากลัวทีเดียว เห็นกราฟสวย ทรงสูง น่าจะทำกำไรได้งดงามจากตลาดหุ้นเช่นนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วกราฟเช่นนี้สะท้อนถึงการเก็งกำไรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ควบคู่ไปกับการพัฒนาและการลงทุนอย่างดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นทุนข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนและตักตวงผลกำไรจากทรัพยากรในประเทศนั้นๆและนำกลับเข้าประเทศของตน ส่วนผลเสียของการพัฒนาก็ตกแก่คนในชาติ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงลิบลิ่ว ข้าวของแพงจนไม่มีกำลังซื้อ และสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรม ฯลฯ ลุงแมวน้ำไม่อยากให้เราดีใจและชมชอบทำกำไรกับตลาดที่กราฟชันแบบนี้เพราะมันเป็นตลาดที่โหดร้าย เมื่อขึ้นแรงก็ต้องลงแรง อยากให้ทำกำไรอย่างสบายใจกับตลาดที่ดัชนีค่อยๆขึ้นไปดีกว่า ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอกเอาไว้ว่าแม้เราจะอยู่ในโลกของทุนนิยมก็ตาม แต่เราก็สามารถเลือกที่จะเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจเมตตาและเอื้ออาทรผู้อื่นได้

ลุงแมวน้ำยังเหลือภาพใหญ่อีกสองกลุ่ม นั่นคือ แอฟริกากับตะวันออกกลาง จากนั้นเราจะมาดูประเทศที่น่าลงทุนในความคิดของลุงแมวน้ำเป็นรายประเทศกัน ปัจจุบันกองทุนของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศมีหลายกองทุนทีเดียว และในอนาคตจะยิ่งมากกว่านี้ ดังนั้นมุมมองต่อตลาดประเทศต่างๆจึงมีส่วนช่วยให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนต่างประเทศดังกล่าว