Monday, August 16, 2010

11/08/2010 - 13/08/2010


11/08/2010


วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 862.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.21 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BAY ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 44 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายฟิวเจอร์สของดัชนีดาวโจนส์ (DJ)

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงหนัก ลดลงไไปประมาณ 2.5% เกิดเป็นรูปแบบ big black candle ในชาร์ตแท่งเทียน ดัชนีฟุตซี (FTSE 100) ของอังกฤษก็เกิดสัญญาณขาย เกือบทุกตลาดที่อยู่ในรายงานพร้อมใจกันลงเป็นตัวแดง ทำใหัดัชนี MSCI World Index ก็เกิดสัญญาณขาย ยกเว้นดัชนี SET กับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (Shanghai composite index) ของจีนที่เขียวอยู่ได้

ขณะนี้แม้ว่าดัชนีดาวโจนส์จะเป็นขาขึ้นอยู่ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นคลื่นย่อยอะไร ดังที่เคยคุยไปแล้วว่ารูปแบบคลื่นที่ดูง่ายที่สุดและพื้นฐานที่สุดคือ 1-2-3-4-5-A-B-C แต่การก่อตัวของคลื่นราคาในรูปแบบอื่นที่ซับซ้อนกว่านี้ก็ยังมี ซึ่งถ้าเป็นแบบซับซ้อนแล้วละก็นับได้ยาก ลุงแมวน้ำขอทบทวนความเห็นที่มีต่อดัชนีดาวโจนส์อันเป็นการบ่งชี้สภาพเศรษฐกิจของโลกด้วยดังนี้
  1. ขณะนี้เราน่าจะจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) ไปแล้วและขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่น C (สีน้ำเงิน)
  2. ความเป็นไปได้อื่นๆก็คือ ขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่น B แต่ดัชนีต้องผ่าน 11,205 จุดให้ได้เสียก่อนจึงจะยืนยันได้
  3. ความเป็นไปได้อื่นอีกทางหนึ่งก็คือ ขณะนี้เราอยู่ในคลื่นใหญ่รอบใหม่ คือคลื่นขาขึ้น 1-2-3-4-5 (สีน้ำเงิน) แต่ข้อนี้หาเกณฑ์อะไรมาบ่งชี้ได้ยาก นอกจากจะนับคลื่นย่อยได้ 5 ลูก (คลื่น B มีคลื่นย่อยเพียง 3 ลูก) แต่หากคลื่นย่อยนับได้ยากก็เ็ป็นอันว่าดูไม่ออก อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ดังนั้นเมื่ออ่านคลื่นได้ไม่ชัดก็ไม่ต้องไปมัวเสียเวลานับ ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายกำกับและเผื่อใจเอาไว้ก่อน อย่างเช่นตอนนี้ลุงแมวน้ำก็เผื่อใจเอาไว้ว่าโอกาสที่จะเป็นข้อ 3 ก็มี ดังนั้นจึงตัดสินใจปิดสัญญาซื้อและเปิดสัญญาขาย DJ ตามน้ำไปด้วย



12/08/2010

วันนี้ตลาด SET, TFEX, AFET ของไทยหยุดทำการ จึงปรับปรุงเฉพาะข้อมูลของต่างประเทศ

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายน้ำมันดิบ (CL) และมีสัญญาณซื้อทองคำ (GC) และเนื่องจากลุงแมวน้ำปรับมุมมองใหม่ ประเมินว่าน้ำมันยังอยู่ในคลื่นใหญ่ขาขึ้นอยู่ (แม้จะยังนับคลื่นไม่ถูกก็ตาม) ในครั้งนี้จึงปิดสัญญาซื้อ (cover long position) CL เท่านั้น ไม่เปิดสัญญาขาย ส่วนทองนั้นคาดว่าน่าจะจบคลื่น 5 ไปแล้ว ขณะนี้คงอยู่ในคลื่น A ลุงแมวน้ำจึงปิดสัญญาขาย (cover short position) แต่ไม่ได้เปิดสัญญาซื้อตามไป

สรุปแล้วขณะนี้ในพอร์ตจำลองของลุงแมวน้ำไม่ได้ถือสัญญา CL, GC อยู่เลย สถานภาพในรายงานจึงเป็น NOACT

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ ดัชนีคอสปี (KOSPI) ของเกาหลีใต้เกิดสัญญาณขาย



13/08/2010

วันนี้ตลาด SET, TFEX, AFET ของไทยหยุดทำการ จึงปรับปรุงเฉพาะข้อมูลของต่างประเทศ

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีไม่สัญญาณซื้อขาย

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ ดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนีเกิดสัญญาณขาย

Wednesday, August 11, 2010

10/08/2010 * CC, ยางพารา สินค้าเกษตร น้ำมันดิบ และค่าเงินดอลลาร์ สัมพันธ์กันเพียงใด

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 861.95 จุด ลดลง 13.23 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย HANA, TOP ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 45 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อข้าวไทย (WBR5) สัญญาณขายโกโก้ (CC)

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ทุกตลาดที่อยู่ในรายงานพร้อมใจกันลง เป็นตัวแดงทั้งหมด

ในช่วงที่ผ่านมาสินค้าเกษตรโกโก้ (CC) เกิดสัญญาณซื้อขายค่อนข้างถี่ แต่ละครั้งล้วนแต่เป็นสัญญาณหลอก (flase signal) ที่หลอกให้เสียเงินทั้งสิ้น วันนี้ลุงแมวน้ำจึงขอนำเอากราฟราคา CC มาให้ดูกันเนื่องจากกรณี CC เป็นกรณีที่น่าสนใจศึกษามาก



จากภาพ จะเห็นว่าจั้งแต่เดือนมีนาคม 2010 เป็นต้นมา ระบบของลุงแมวน้ำเกิดสัญญาณซื้อขายที่เป็นสัญญาณหลอกติดกันถึง 9 ครั้ง ส่วนระบบ PnT 1.10 ก็เกิดสัญญาณหลอกติดต่อกันถึง 7 ครั้ง เจอสัญญาณหลอก 3 ครั้งก็แย่แล้ว นี่โดนเข้าไป 7 ครั้ง 9 ครั้ง เมื่อดูจากกราฟจะเห็นว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาราคาโกโก้แกว่งตัวออกข้างในแบบไร้ทิศทางซึ่งมีกรอบการแกว่งตัวขึ้นลงค่อนข้างกว้าง เมื่อเกิดการออกข้างในลักษณะกรอบกว้างเช่นนี้ย่อมต้องเสียเงินมาก แบบนี้เป็นใครก็ต้องหมดตัวเนื่องจากระบบตามแนวโน้มใช้ไม่ได้กับตลาดในภาวะไร้ทิศทาง หากไร้ทิศทางและแกว่งตัวในกรอบแคบหรือแกว่งตัวเป็นสามเหลี่ยมชายธงก็เสียเงินในตอนต้นมากหน่อย และต่อมาเมื่อหลุดจากปลายธงก็จะกลับเข้าสู่แนวโน้มได้ แต่การแกว่งของ CC นี้แกว่งแบบเป็นจังหวะคลื่นซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรจะพ้นจากสภาวะไร้ทิศทางนี้ได้

เมื่อเราพบกับสินค้าเช่นนี้ ในตอนแรกคงไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดสัญญาณหลอกติดต่อกันกี่ครั้งเนื่องจากไม่มีใครรู้อนาคต กว่าจะรู้ตัวก็คืนกำไรแถมทุนไปโขแล้ว ดังนั้นแต่ละคนต้องมีจุดตัดสินใจว่าหากเกิดสัญญาณหลอกติดกันกี่ครั้งก็หยุดเทรดต้องมาทบทวนกลยุทธ์แล้ว สินค้ามีให้เลือกเทรดตั้งหลายอย่างไม่จำเป็นต้องมาทนกับตัวที่เราแพ้ทาง การศึกษารูปแบบทางเทคนิคเดิมๆของสินค้าตัวนั้นๆก็พอช่วยได้บ้าง

แต่เหรียญมีสองด้าน เมื่อมีเสียก็ต้องมีดีบ้าง รูปแบบของ CC เช่นนี้นักเก็งกำไรในตลาดไร้ทิศทางคงจะชอบเนื่องจากแกว่งเป็นคาบไปเรื่อยๆ หากจับจังหวะการแกว่งได้ก็ได้เงินใช้เป็นรอบๆเลยทีเดียว แต่ลุงแมวน้ำไม่แนะนำ เนื่องจากระบบที่ใช้เทรดต้องเป็นระบบที่ใช้กับตลาดไร้ทิศทาง ซึ่งเป็นคนละระบบกับระบบตามแนวโน้ม ผู้ที่มินิสัยถือยาวชอบเทรดตามแนวโน้มมักปรับตัวกับระบบไร้ทิศทางไม่ค่อยได้เนื่องจากต้องเทรดค่อนข้างไว อีกประการการจับคาบการแกว่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อดูกรณีศึกษา CC ไปแล้ว คราวนี้เรามาดูเรื่องที่ลุงแมวน้ำคุยค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานกันต่อ

จากการใช้การทดสอบทางสถิติแบบง่ายๆด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ หรือถ้าจะเรียกให้เต็มก็คือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson's correlation coefficient) เืพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล 2 ชุดว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งเมื่อวานเราได้คุยกันไปแล้วว่าราคายางพารากับราคาน้ำมันดิบสัมพันธ์กันบ้าง แต่ไม่แนบแน่น ตามกันบ้าง ไม่ตามกันบ้าง

วันนี้ลุงแมวน้ำมีผลทดสอบที่จะมานำเสนออีก จากการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์จากข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2007 จนถึงปัจจุบัน รวมแล้วเป็นข้อมูลมากกว่า 800 วันทำการ ได้ความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าดังนี้

  • ความสัมพันธ์ระหว่างยางพารากับสินค้าเกษตรอื่นๆ ลุงแมวน้ำพิจารณาจากดัชนีสินค้าเกษตรของดอยทช์แบงก์ (Deutsch Bank Agriculture USD Index) ซึ่งรวมสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง น้ำตาล โกโก้ ฝ้าย และกาแฟ ได้ค่า r = 0.4409 (ยังห่า่งจาก 1 อีกไกล แสดงว่ามีความสัมพันธ์ตามกันอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก)
  • ความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีสินค้าเกษตรของดอยทช์แบงก์และราคาน้ำมันดิบ r = 0.8784 (ค่าเข้าใกล้ 1 แสดงว่ามีความสัมพันธ์กันสูง ตีความได้ว่าเมื่อราคาน้ำมันดิบขึ้น ราคาสินค้าเกษตรในกลุ่มนี้ก็จะขึ้นตามไปด้วย)
  • ราคายางพารากับค่าเงินดอลลาร์ คำนวณจากราคายางพารากับดัชนีดอลลาร์ สรอ r = -0.4869 (ค่าอยู่ระหว่าง 0 กับ -1 แสดงว่ามีความสัมพันธ์แบบสวนทางกัน กล่าวคือ เมื่อดอลลาร์แข็ง ราคายางพาราจะตก แต่เนื่องจากค่านี้ยังห่างจาก -1 อีกไกล แสดงว่าบางครั้งยางพาราก็ราคาตก บางครั้งก็ราคาไม่ตก และเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่า ราคายางพาราก็ขึ้นบ้าง นิ่งๆบ้าง)
  • ดัชนีสินค้าเกษตรของดอยทช์แบงก์และเงินดอลลาร์ สรอ r = -0.7609 (ค่าใกล้ -1 หมายความว่าความสัมพันธ์แบบสวนทางนี้ค่อนข้างเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อเงินดอลลาร์อ่อน ราคาสินค้าเกษตรหลักจะสูงขึ้น และเมื่อเงินดอลาร์แข็งค่า ราคาสินค้าเกษตรหลักจะลดลง)

คราวนี้ลองมาดูภาพกัน

ยางพารากับสินค้าเกษตรอื่นๆ ลุงแมวน้ำพิจารณาจากดัชนีสินค้าเกษตรของดอยทช์แบงก์


ดัชนีสินค้าเกษตรของดอยทช์แบงก์และราคาน้ำมันดิบ


ราคายางพารากับดอลลาร์ สรอ


ดัชนีสินค้าเกษตรของดอยทช์แบงก์และดอลลาร์ สรอ


วิธีการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ก็อย่างเช่น คู่ใดที่มีความสัมพันธ์กันมากก็นำไปใช้พิจารณาเลือกลงทุนได้ เมื่อราคาน้ำมันดิบขึ้น กองทุนสินค้าเกษตรก็เป็นทางเลือกหนึ่งได้อีกทางหนึ่งในการลงทุน หรือหากราคาน้ำมันดิบร่วงก็อาจพิจารณาลดหรืองดการลงทุนในกองทุนสินค้าเกษตร

หรือคู่ใดมีความสัมพันธ์กันต่ำก็จะได้ทราบว่าสินค้าคู่นี้ราคาไม่ตามกันหรือไม่สวนกัน

สำหรับวันนี้ ลุงแมวน้ำมีคำถามที่ฝากเอาไปคิดเล่นสนุกๆ นั่นคือ

  • ราคาทองคำกับค่าเงินดอลลาร์สัมพันธ์กันเพียงใด
  • ราคาทองคำกับราคาน้ำมันสัมพันธ์กันเพียงใด
  • ดัชนี SET กับดัชนีดาวโจนส์สัมพันธ์กันเพียงใด
  • ราคาน้ำตาลตลาดโลกกับราคาหุ้นของโรงงาน้ำตาลในไทยสัมพันธ์กันเพียงใด

พรุ่งนี้มาดูคำตอบกัน