วันนี้ SET ปิดที่ 577.75 จุด เพิ่มขึ้น 15.20 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำไม่มีซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 19 ตัวเท่ากับเมื่อวาน
หุ้นที่ใกล้เกิดสัญญาณขาย ได้แก่ BEC, CPALL, EGCO ส่วนหุ้นที่ใกล้เกิดสัญญาณซื้อได้แก่ MAKRO, MBK, TPC
สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีการซื้อขาย พอร์ตจำลองขาดทุนจากทองคำมากขึ้นเพราะเมื่อวานราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ยางไทย RSS แม้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคจะบ่งบอกว่าอยู่ในสภาวะไร้ทิศทาง (sideway) แต่เมื่อดูจากกราฟราคายางจะเห็นว่าก้นของกราฟ (trough)ยกสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือที่เรียกว่าเป็น rising trough ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้นอย่างหนึ่ง เป็นไปได้ว่าแนวโน้มของราคายางอาจเข้าสู่คลื่น 3 แล้ว ต้องติดตามกันต่อไปอีกสักระยะเพื่อความแน่ใจ
วันนี้เรามาคุยกันต่อจากเมื่อวาน คุยกันวันละนิดละหน่อย จะได้ไม่เบื่อมาก
จากตารางแสดงการลงทุนและผลตอบแทนในหุ้นที่ดูกันไปเมื่อวาน (โปรดย้อนไปดูวันที่ 13/07/2009 ประกอบ) จากการลงทุนสิบสองปีกว่า ได้กำไรเมื่อคิดเป็นร้อยละแล้วบางตัวก็ได้ไม่มาก บางตัวก็ขาดทุน เหตุที่ลุงแมวน้ำเอาข้อมูลถึงสิบกว่าปีมาทดสอบให้ดูกันก็เพื่อให้เห็นว่าระบบที่ดีนั้นต้องทำงานได้ดีในระยะยาวด้วย เพราะการที่เข้าลงทุนเพียงหนึ่งหรือสองปีแล้วได้กำไรหรือขาดทุนอาจไม่สามารถสรุปอะไรเกี่ยวกับความสามารถของระบบได้ เพราะอาจเป็นเพียงแค่เข้าไม่ถูกจังหวะ แต่หากดูกันในระยะยาวสิบกว่าปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก หากยังได้กำไรอยู่จึงจะถือได้ว่าระบบนั้นมีความสามารถเพียงพอที่เราจะใช้งาน
จากข้อมูลในตารางของเมื่อวาน จะเห็นว่าระบบที่ลุงแมวน้ำเอามาทดสอบให้ดูทั้งสองระบบนั้นใช้งานได้ดี เพราะแม้จะมีขาดทุนบ้างในหุ้นบางตัว แต่ส่วนใหญ่ก็ได้กำไร
ทีนี้เราลองมาดูกันว่าเราจะปรับปรุงการลงทุนโดยใช้ระบบตามแนวโน้มที่ว่า แต่ว่าให้มีผลกำไรมากขึ้นได้อย่างไรบ้าง วีธีการหนึ่งที่เกริ่นไว้แล้วก็คือการใช้การนับลูกคลื่นเข้าช่วย
การจะนับลูกคลื่นได้นั้น นักลงทุนจำเป็นต้องรู้เกียวกับทฤษฎีคลื่นของอีเลียต (Elliott wave theory) เสียก่อน ซึ่งคงไม่นำมาพูดละเีอียดในที่นี้ แต่จะพูดเพียงในหลักการคร่าวๆเท่านั้น
ในทฤษฎีคลื่นของอีเลียตนั้นระบุว่าคลื่นของราคาจะประกอบด้วยขาหน้าและขาหลังของคลื่น ขาหน้าประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย เรียกว่าคลื่น 1-2-3-4-5 ส่วนขาหลังของลูกคลื่นนั้นประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย นั่นคือ A-B-C ดังภาพนี้
เนื่องจากการลงทุนในหุ้นนั้นกำไรมาจากการที่เราซื้อมาถูกและขายออกไปแพง เรียกว่าซื้อถูกขายแพง ดังนั้นการลงทุนต้องเลือกลงทุนในจังหวะที่เป็นขาหน้าของคลื่นเท่านั้น ถ้าไปลงทุนในขาหลังของลูกคลื่นจะขาดทุน จากภาพข้างบนเราคงพอเข้าใจแล้วว่าเหตุใดบางปีลงทุนแล้วจึงขาดทุนทั้งปีแม้จะมีระบบการลงทุนก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะว่าเข้าไปลงทุนในจังหวะที่เป็นขาหลังของคลื่นหรือเป็นคลื่น A-B-C นั่นเอง การซื้อขายหุ้นในขาลงแม้ระบบจะดีอย่างไรก็ต้องขาดทุนเพราะเหมือนกับไปฝืนธรรมชาติของตลาด
แต่อย่างไรก็ดี ในขาหน้าของคลื่นนั้นก็ไม่ใช่จะลงทุนได้ทุกคลื่นย่อย คลื่น 1 มักเข้าไม่ทันเพราะยังไม่ทันรู้ตัว ส่วนคลื่น 2 และ 4 ก็เป็นคลื่นขาลงในขาหน้า ซึ่งเป็นช่วงคืนกำไร ปกติก็ควรเลี่ยง ดังนั้นจึงมักเข้าซื้อกันในคลื่น 3 และ 5 เท่านั้น
หากนักลงทุนนับคลื่นได้และรู้จักเลือกลงทุนเฉพาะสัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นในคลื่น 3 และ 5 เท่านั้นก็จะลดการคืนกำไรไปได้มาก การลดการคืนกำไรก็เท่ากับทำให้เราได้กำไรเพิ่มนั่นเอง หลักการนี้สามารถนำไปใช้กับการลงทุนในหุ้นหรือแม้แต่กับกองทุนที่อิงดัชนีต่างๆอีกด้วย แต่หากจะลงทุนกับกองทุนอาจต้องปรับกลยุทธ์ให้เป็นการถือยาวตลอดคลื่น 3-4-5 แล้วไปขายเอาเมื่อจบคลื่น 5 ทั้งนี้เพราะธรรมชาติของกองทุนไม่เหมาะกับการซื้อขายที่รวดเร็ว เหมาะกับการถือนานๆมากกว่า
(ยังมีต่อ พรุ่งนี้จะคุยกันและเปรียบเทียบการลงทุนในฟิวเจอร์ส)
Wednesday, July 15, 2009
Tuesday, July 14, 2009
13/07/2009 * Stocks
วันนี้ SET ปิดที่ 562.55 จุด ลดลง 3.48 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำขาย BBL, KBANK, TCAP ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 19 ตัว
ยางญี่ปุ่น JP@IR วันนี้เกิดสัญญาณขายหลังจากที่เพิ่งเกิดสัญญาณซื้อได้เพียงไม่กี่วัน ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง เช่นเดียวกับยางของไทย RSS3
ทองคำกับน้ำมันเริ่มกลับมามีเทรนด์อีกครั้ง โดยขณะนี้ทิศทางของราคาอยู่ในขาลงทั้งคู่
มาคุยเรื่องการลงทุนในหุ้นกันต่อจากเมื่อวาน ลองดูภาพต่อไปนี้
จากภาพข้างบน เป็นการลงทุนในหุ้นตั้งแต่ปลายปี 1996 จนถึงกลางปี 2009 รวมเวลา 12 ปี ลงทุนให้หุ้นต่างๆ 12 ตัว ตั้งแต่ลำดับที่ 1-12 (ลำดับที่ 13-15 ยังไม่ต้องพิจารณา)
ราคาตั้งต้นที่ใช้นั้นเป้นราคาที่ปรับค่าแล้ว เพราะว่าบางหุ้นบางตัวมีการแตกพาร์ ส่วนกำไร/ขาดทุนสุทธิ ที่คิดเป็นร้อยละนั้น คิดจากกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับราคาตั้งต้น เทียบเป็นร้อยละออกมา
ผลการเทรดทางด้านซ้ายมือเป็นการเทรดตามระบบสัญญาณซื้อขายของลุงแมวน้ำ ส่วนด้านขวามือนั้นเป็นของระบบ PNT 1.10 ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี
เงื่อนไขในการเทรดก็คือทุกครั้งที่มีสัญญาณซื้อให้ซื้อ 1 หุ้น ทุกครั้งที่มีสัญญาณขายให้ขาย ผลจากการเทรดสิบกว่าปี ลองมาดูกันว่าได้กำไรในหุ้นกันไปเท่าไร
ใครที่เล่น ADVANC ขาดทุนหนัก ถ้าเล่น KBANK ก็ขาดทุนนิดหน่อย ถ้าเล่น BBL ก็ได้กำไรหน่อยหนึ่ง รวมแล้วในกลุ่มธนาคารได้กำไรไม่มากเมื่อเทียบกับระยะเวลาลงทุนถึงสิบกว่าปี กลุ่มที่ได้กำไรดีกว่าเป็นกลุ่มพลังงาน เรือ และอสังหาริมทรัพย์กับวัสดุก่อสร้าง
ส่วลำดับที่ 13-15 เป็นการซื้อขายดัชนี โดยคิดเสียว่าดัชนี SET50 ดัชนีกลุ่มพลังงาน และดัชนีกลุ่มธนาคารเป็นเสมือนหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่จะพัฒนาไปเทรดฟิวเจอร์สต่อไปนั่นเอง
แนวทางการปรับปรุงการใช้ระบบที่มีอยู่เพื่อให้มีผลกำไรที่ดีพอสมควร คือ
1. เลือกหุ้นที่เหมาะกับระบบ ระบบการเทรดตามแนวโน้มไม่ชอบหุ้นที่แว่งขึ้นลงแรง รวมทั้งไม่ชอบหุ้นที่มีภาวะไร้ทิศทางนานๆ เพราะจะทำให้คืนกำไรไปมาก
2. เลือกระบบให้เหมาะสม ระบบที่เทรดน้อยครั้งมักจะทำกำไรได้ดีกว่าระบบที่เทรดมากครั้ง เพราะการเทรดมากครั้งทำให้เสียค่าคอมมิชชันไปมาก อีกทั้งมีโอกาสคืนกำไรไปกับสัญญาณหลอกมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เสียจังหวะในการเทรดอีกด้วย เปรียบการเต้นรำที่มักสะดุดเท้าตนเองบ่อยๆ
3. ใช้การนับลูกคลื่นเข้าช่วย และซื้อขายเฉพาะคลื่นขาขึ้น คือ คลื่น 3 และ 5 เท่านั้น คลื่นอื่นให้หยุดเทรด
4. เปลี่ยนจากการลงทุนในหุ้นไปเป็นการลงทุนในฟิวเจอร์ส เพราะการเทรดฟิวเจอร์สนั้นทำได้ทั้งสองขา คือขาขึ้นกับขาลง กล่าวคือ ซื้อถูกแล้วไปขายแพง (คือด้านลอง ใช้กับแนวโน้มขาขึ้นขาขึ้น) และขายแพงไปก่อนแล้วมาซื้อถูกกลับคืนที่หลัง (คือด้านชอร์ต ใช้กับแนวโน้มขาลง)
(ยังมีต่อ)
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำขาย BBL, KBANK, TCAP ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 19 ตัว
ยางญี่ปุ่น JP@IR วันนี้เกิดสัญญาณขายหลังจากที่เพิ่งเกิดสัญญาณซื้อได้เพียงไม่กี่วัน ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง เช่นเดียวกับยางของไทย RSS3
ทองคำกับน้ำมันเริ่มกลับมามีเทรนด์อีกครั้ง โดยขณะนี้ทิศทางของราคาอยู่ในขาลงทั้งคู่
มาคุยเรื่องการลงทุนในหุ้นกันต่อจากเมื่อวาน ลองดูภาพต่อไปนี้
จากภาพข้างบน เป็นการลงทุนในหุ้นตั้งแต่ปลายปี 1996 จนถึงกลางปี 2009 รวมเวลา 12 ปี ลงทุนให้หุ้นต่างๆ 12 ตัว ตั้งแต่ลำดับที่ 1-12 (ลำดับที่ 13-15 ยังไม่ต้องพิจารณา)
ราคาตั้งต้นที่ใช้นั้นเป้นราคาที่ปรับค่าแล้ว เพราะว่าบางหุ้นบางตัวมีการแตกพาร์ ส่วนกำไร/ขาดทุนสุทธิ ที่คิดเป็นร้อยละนั้น คิดจากกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับราคาตั้งต้น เทียบเป็นร้อยละออกมา
ผลการเทรดทางด้านซ้ายมือเป็นการเทรดตามระบบสัญญาณซื้อขายของลุงแมวน้ำ ส่วนด้านขวามือนั้นเป็นของระบบ PNT 1.10 ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี
เงื่อนไขในการเทรดก็คือทุกครั้งที่มีสัญญาณซื้อให้ซื้อ 1 หุ้น ทุกครั้งที่มีสัญญาณขายให้ขาย ผลจากการเทรดสิบกว่าปี ลองมาดูกันว่าได้กำไรในหุ้นกันไปเท่าไร
ใครที่เล่น ADVANC ขาดทุนหนัก ถ้าเล่น KBANK ก็ขาดทุนนิดหน่อย ถ้าเล่น BBL ก็ได้กำไรหน่อยหนึ่ง รวมแล้วในกลุ่มธนาคารได้กำไรไม่มากเมื่อเทียบกับระยะเวลาลงทุนถึงสิบกว่าปี กลุ่มที่ได้กำไรดีกว่าเป็นกลุ่มพลังงาน เรือ และอสังหาริมทรัพย์กับวัสดุก่อสร้าง
ส่วลำดับที่ 13-15 เป็นการซื้อขายดัชนี โดยคิดเสียว่าดัชนี SET50 ดัชนีกลุ่มพลังงาน และดัชนีกลุ่มธนาคารเป็นเสมือนหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่จะพัฒนาไปเทรดฟิวเจอร์สต่อไปนั่นเอง
แนวทางการปรับปรุงการใช้ระบบที่มีอยู่เพื่อให้มีผลกำไรที่ดีพอสมควร คือ
1. เลือกหุ้นที่เหมาะกับระบบ ระบบการเทรดตามแนวโน้มไม่ชอบหุ้นที่แว่งขึ้นลงแรง รวมทั้งไม่ชอบหุ้นที่มีภาวะไร้ทิศทางนานๆ เพราะจะทำให้คืนกำไรไปมาก
2. เลือกระบบให้เหมาะสม ระบบที่เทรดน้อยครั้งมักจะทำกำไรได้ดีกว่าระบบที่เทรดมากครั้ง เพราะการเทรดมากครั้งทำให้เสียค่าคอมมิชชันไปมาก อีกทั้งมีโอกาสคืนกำไรไปกับสัญญาณหลอกมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เสียจังหวะในการเทรดอีกด้วย เปรียบการเต้นรำที่มักสะดุดเท้าตนเองบ่อยๆ
3. ใช้การนับลูกคลื่นเข้าช่วย และซื้อขายเฉพาะคลื่นขาขึ้น คือ คลื่น 3 และ 5 เท่านั้น คลื่นอื่นให้หยุดเทรด
4. เปลี่ยนจากการลงทุนในหุ้นไปเป็นการลงทุนในฟิวเจอร์ส เพราะการเทรดฟิวเจอร์สนั้นทำได้ทั้งสองขา คือขาขึ้นกับขาลง กล่าวคือ ซื้อถูกแล้วไปขายแพง (คือด้านลอง ใช้กับแนวโน้มขาขึ้นขาขึ้น) และขายแพงไปก่อนแล้วมาซื้อถูกกลับคืนที่หลัง (คือด้านชอร์ต ใช้กับแนวโน้มขาลง)
(ยังมีต่อ)
Subscribe to:
Posts (Atom)