Tuesday, June 23, 2015

โรค MERS กับหุ้น






ลุงแมวน้ำไม่ได้อัปเดตเว็บบล็อกมาสักพักหนึ่งแล้ว ที่จริงลุงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก ยังอัปเดตในเฟซบุ๊กเป็นประจำ แต่ไม่ได้อัปเดตในเว็บบล็อก คือบางทีการอัปเดตสถานการณ์เล็กน้อยๆ ลุงก็อัปเดตแค่ใน FB ไม่ได้เอามาใส่ไว้ในบล็อก

ช่วงนี้ตลาดก็ขึ้นๆลงๆอยู่แถวนี้ ไปไหนไม่ไกล ลุงแมวน้ำมองว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ดังนั้นตลาดหุ้นในช่วงต้นไตรมาส 3 อาจซึมลงก่อน  ที่เห็นขึ้นแรงในช่วงสองสามวันมานี้ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องโรคเมอร์ส (MERS) และอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการทำราคาปิดปลายไตรมาสให้ดูดีขึ้นมาหน่อย หรือที่เรียกว่า window dressing นั่นเอง

มาคุยกันเรื่องโรคเมอร์สกันหน่อย ตอนนี้กำลังดัง พวกเราส่วนใหญ่คงอ่านและฟังข่าวเกี่ยวกับโรคนี้กันจนอาจจะเบื่อแล้วก็ได้ แต่ที่ลุงแมวน้ำจะคุยในวันนี้เป็นมุมที่เกี่ยวกับหุ้น ลองมาดูกัน

เท้าความกันเล็กน้อย โรคเมอร์ส (MERS) หรือบางทีก็เรียก เมอร์ส-คอฟ (MERS-CoV) นั้น ที่จริงเป็นชื่อย่อ ชื่อเต็มก็คือ Middle East Respiratory Syndrome-Corona Virus หมายถึงโรคทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาที่มีต้นกำเนิดมาจากตะวันออกกลาง ชื่อยาวเฟื้อยนี้เรียกย่อๆก็คือ เมอร์ส หรือ เมอร์ส-คอฟ นั่นเอง

โรคนี้เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มีต้นตอการระบาดมาจากประเทศแถบตะวันออกกลางในราวปี 2555 โดยสาเหตุของโรคนั้นมาจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เรียกว่าไวรัสโคโรนา (CoronaVirus บางคนก็เรียกว่าโคโรนาไวรัส บางคนก็เรียกไวรัสโคโรนา ก็เข้าใจได้ทั้งคู่) ซึ่งโคโรนาไวรัสนี้เองที่เป็นสาเหตุของโรคระบาดซาร์ส (SARS-CoV) ที่อาละวาดในเอเชียในปลายปี 2002 (2545) ต่อเนื่องถึงปี 2003

ยังจำได้ว่าในช่วงนั้นประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ตลาดหุ้นไทยไหลตั้งแต่ดัชนี 1700 จุด เกิดเรื่องโน่น นี่ นั่น มีเรื่องราวไม่ดีไม่หยุดหย่อน จนมาเหลือ 200 กว่าจุดในปี 2002 พอดัชนีเริ่มโงหัวฟื้นตัวมาได้ราว 300 กว่าจุดก็เจอเรื่องโรคซาร์สระบาดในกวางตุ้งของจีน จากนั้นลามไปฮ่องกง พอไปฮ่องกงแล้วก็ไปโลด ข้ามไปมาเก๊า ไต้หวัน สิงคโปร์ กระจายไปทั่ว ฯลฯ

ตอนที่ซาร์สระบาดนั้นมีผลกระทบกับการท่องเที่ยวมาก เพราะโรคนี้เป็นโรคทางเดินหายใจที่แพร่ได้ง่ายทางการไอจาม การดำเนินของโรคมีความรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะมีอาการนำคล้ายเป็นหวัด แต่ต่อมาปอดจะอักเสบอย่างรวดเร็วจนระบบการหายใจล้มเหลว ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักเกิดจากปอดอักเสบรุนแรงจนปอดพัง ไม่มียารักษาโรคไวรัสโดยตรงด้วย ทำได้แค่รักษาตามอาการ

ตอนนั้นการท่องเที่ยวของฮ่องกงนี่สลบไปในทันที ไม่ใช่แค่ฮ่องกง แต่การท่องเที่ยวในย่านเอเชียนี้สลบไปหมด รวมทั้งไทย ตลาดหุ้นไทยกำลัง 300 จุดปลายๆก็ตกลงมา 30-40 สุด ซึ่งก็ถือว่าเยอะสำหรับตอนนั้น

มาในครั้งนี้ก็เช่นกัน โรคเมอร์สที่เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัสเช่นเดียวกับซาร์ส (แต่คนละสายพันธุ์กัน) ตั้งต้นมาจากตะวันออกกลาง แล้วจู่ๆก็มาโผล่ที่เกาหลีใต้ และมาโผล่ที่ไทย ตลาดหุ้นไทยจึงร่วงระนาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่มีข่าวพบผู้ป่วยโรคเมอร์สในประเทศไทย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะประสบการณ์เก่าๆจากเมื่อครั้งเกิดการระบาดของโรคซาร์สเมื่อสิบกว่าปีก่อนยังหลอนอยู่ ก็เลยกลัวกัน

ที่จริงเราเอาสถานการณ์โรคเมอร์สไปเทียบกับสถานการณ์ตอนเกิดโรคซาร์สคงเทียบกันได้ยาก เพราะเวลาผ่านไปนานแล้ว ปัจจุบันเรามีการสาธารณสุขที่ดีขึ้นกว่ายุคนั้นมาก โดยเพราะการรับมือเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจทำนองนี้ เพราะได้ประสบการณ์มาจากการรับมือกับไข้หวัดนก

ไข้หวัดนกเกิดจากไวรัสคนละชนิดกับเมอร์ส (ไข้หวัดนกเกิดจาก Influenza virus) แต่การระบาด อาการป่วย คล้ายคลึงกัน คือทำให้ปอดอักเสบเฉียบพลันและมักเสียชีวิตเนื่องจากปอดพังเช่นกัน อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง ไทยมีประสบการณ์ในการรับมือกับไข้หวัดนกมาอย่างโชกโชน ดังนั้นลุงแมวน้ำคิดว่าเราสามารถควบคุมโรคได้ เท่าที่ติดตามข่าวก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และถ้าควบคุมโรคได้ การท่องเที่ยวก็ยังไม่มีอะไรน่าห่วง

แม้ไทยจะเพิ่งพบผู้ป่วยรายแรก แต่ตลาดหุ้นก็ตอบสนองในทางลบทันที หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยงลงกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าหุ้นการท่า AOT หุ้นสายการบิน (AAV) หุ้นโรงแรม (MINT, CENTEL) ฯลฯ  ผลกระทบหากจะมีก็คงเป็นแค่ปัจจัยทางจิตวิทยาในช่วงสั้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ลุงแมวน้ำตั้งข้อสังเกตว่า AAV กับ MINT นั้นรูปแบบทางเทคนิคเป็นขาลงอยู่แล้ว ดังนั้นหากยังลงต่อก็อาจมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า





มีเกร็ดเล็กน้อยอีกหน่อย โรคเมอร์สนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ยังไม่มียารักษา แต่ขณะเดียวกัน หุ้น APCO ก็ออกข่าวว่าจะรีบวางตลาดผลิตภัณฑใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้มีโอกาสหายจากโรคนี้เพิ่มขึ้น นักลงทุนก็สงสัยกันว่าจะเป็นไปได้จริงหรือ



นี่ว่ากันในเชิงทฤษฎี เรื่อฆ่าไวรัสนั้นไม่ได้หรอก แต่ว่าการที่ไวรัสทำให้เกิดอาการปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรงนั้นเกิดจากการที่ไวรัสกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารที่เรียกว่าไซโตไคน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สารนี้แหละเมื่อร่างกายสร้างขึ้นมากมาย (เรียกว่า cytokine storm) ที่ปอดก็ทำให้ปอดอักเสบรุนแรงจนถึงขั้นปอดพังได้

ทีนี้สารบางชนิด อย่างเช่น เคอร์คิวมินอยด์ในขมิ้นชัน ฯลฯ สามารถยับยั้งการสร้างไซโตไคน์ได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเกี่ยวกับผู้ป่วยซาร์ส เมอร์ส หรือไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ ที่มีอาการปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรง ก็มาด้วยทฤษฎีนี้แหละ คือยับยั้งไซโตไคน์เพื่อลดความรุนแรงของอาการปอดอักเสบ แต่ลุงก็ยังไม่เคยอ่านพบรายงานการวิจัยที่มีการพิสูจน์ทางคลินิกว่าได้ผลอย่างไร นี่เป็นเพียงแค่แนวคิดเชิงทฤษฎี

วันนี้เล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แต่ก็เกี่ยวกับหุ้นหลายตัว อยากให้ลงทุนด้วยความเข้าใจคร้าบ

No comments: