Tuesday, December 16, 2014

สงครามราคาน้ำมันดิบและกลยุทธ์การลงทุน (2)


สัดส่วนของรายได้จากน้ำมันดิบในโครงสร้างรายได้ของประเทศผู้ส่งออกพลังงานทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก




หลังจากที่ดูดน้ำปั่นจนชื่นใจ ลุงแมวน้ำจึงล้วงเอากระดาษออกมาอีกปึกหนึ่งออกมาจากหูกระต่าย จากนั้นพูดต่อ

“เอาละ สดชื่นขึ้นแล้ว เรามาคุยกันต่อ ลุงมีเหตุผลหลายประการทีเดียวที่คิดว่าราคาน้ำมันดิบจะไม่คงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำนัก จริงอยู่ ตอนที่ตกใจราคาอาจดิ่งลงไปลึก แต่นั่นจะเกิดเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ต่อมาเมื่อหายตกใจแล้วราคาน้ำมันดิบจะขยับขึ้นมาทรงตัวในระดับที่พอสมควร เรามาฟังเหตุผลกัน



เหตุผลสี่ประการที่ราคาน้ำมันดิบ 2015 น่าจะเกินกว่า 60 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล


ข้อแรก เทคโนโลยีการผลิตน้ำมันและแก๊สจากชั้นหินดินดานหรือที่เรียกว่าเชลออยล์ (shale oil) เชลแก๊ส (shale gas) รวมทั้งพลังงานทางเลือกอื่นๆนั้นฆ่าไม่ตายหรอก ที่ทำได้เพียงชะลอการลงทุนให้เนิ่นช้าออกไปเท่านั้น

ข้อสอง เราลองมาดูภาพนี้กัน


ต้นทุนการผลิตพลังงานจากแหล่งผลิตต่างๆ


“ภาพนี้เป็นภาพที่เผยแพร่ส่งต่อให้ดูกันมากในช่วงนี้ นั่นคือ โครงสร้างต้นทุนการผลิตพลังงานต่างๆ ซึ่งจะเห็นว่าต้นทุนการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มตะวันออกกลางซึ่งก็คือกลุ่มโอเปกนั้นอยู่ในช่วง 10-40 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล หรือเฉลี่ยแล้วประมาณ 27 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ก็เลยเป็นที่มาที่โอเปกพูดทำนองว่าขายราคาแถวๆ 40 ดอลลาร์ สรอ/บาเรลก็ยังพอมีกำไร นักลงทุนก็ตกใจกันว่าราคาน้ำมันดิบอาจดิ่งลงไปอีกแถวๆ 40 ดอลลาร์เหมือนเมื่อปี 2008 รวมทั้งเทคโนโลยีอื่นๆต้องตายแน่ๆ แต่เราลองมาดูภาพนี้กันก่อน


ราคาน้ำมันเฉลี่ยที่จะทำให้กลุ่มประเทศโอเปกทำงบประมาณแบบสมดุลได้ สังเกตว่าซาอุดิอารเบียต้องการราคาน้ำมันถึง 104 ดอลลาร์ สรอ/บาเรลเพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศอย่างเพียงพอ


ดัชนีตลาดหุ้นของซาอุดิอารเบีย คูเวต และสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาที่เกิดสงครามตัดราคาน้ำมันดิบ เป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศทั้งสามเริ่มเสียหายแล้ว หากยังคงตัดราคากันอย่างหนักเศรษฐกิจภายในย่อมขาดเสถียรภาพ


กราฟ TADAWUL อันเป็นกราฟดัชนีตลาดหุ้นของซาอุดิอารเบีย ดัชนีตลาดหุ้นนี่แหละเป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจระดับบนได้อย่างดี ลุงแมวน้ำพล็อตดัชนีร่วมกับราคาน้ำมันดิบ จะเห็นว่าระดับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่สอดคล้องกับช่วงตลาดหุ้นขาขึ้นนั้นอยู่ในกรอบราคา $80-110 usd โดยในช่วงครึ่งปีหลังของ 2014 นี้นับตั้งแต่ราคา WTI ต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ตลาดหุ้นซาอุก็ร่วงลงไปแล้วกว่า -30%

แปลความได้ว่าระดับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทำให้เศรษฐกิจของซาอุเจริญเติบโตได้น่าจะอยู่แถวๆ 80-110 ดอลลาร์ สรอ/บาเรลนี้ นี่เป็นการดูในเชิงกราฟอย่างง่ายๆ แต่ได้ผลดี ไม่ต้องไปคำนวณอะไรมากมาย เพราะเราดูแนวโน้ม ไม่ได้ดูตัวเลขละเอียด ดังนั้นที่โอเปก และโดยเฉพาะซาอุ บอกว่าราคาแถว 40-50 ดอลลาร์ สรอ/บาเรลยังอยู่ได้ชิลๆ คิดว่าไม่น่าจะชิล น่าจะก้นร้อนนั่งไม่ติดเก้าอี้มากกว่า แต่นี่คือสงครามราคาและสงครามจิตวิทยาก็อาจต้องบลัฟกันไว้ก่อน


“เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าประเทศในกลุ่มโอเปกนั้นมีหลายประเทศที่รายได้ส่วนใหญ่ของประเทศคือการขายน้ำมันดิบ เช่น อิรัก คูเวต ซาอุดิอารเบีย แอลจีเรีย ฯลฯ คุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศเหล่านี้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบ และจากภาพที่ลุงนำมาให้ดูนี้คือราคาน้ำมันดิบที่ทำให้ประเทศต่างๆมีรายได้เพียงพอที่จะมาทำงบประมาณของประเทศ ลองดูอย่างประเทศซาอุสิ ราคาน้ำมันที่ทำให้ซาอุมีรายได้เข้าประเทศอย่างเพียงพอนั้นอยู่ที่ 106 ดอลลาร์ หมายความว่าซาอุต้องขายน้ำมันดิบในราคาประมาณ 106 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล จึงจะมีรายได้เพียงพอที่จะไปทำงบประมาณของประเทศ ส่วนประเทศลิเบีย แอลจีเรีย อิหร่าน ไนจีเรีย เหล่านี้ยิ่งต้องการราคาน้ำมันดิบที่สูงกว่านี้ ดังนั้น หากขายราคาน้ำมันดิบต่ำกว่านี้มากเท่าไรก็หมายความว่าต้องปรับลดงบประมาณอย่างมากมาย ซึ่งจะทำให้ประชาชนในประเทศเหล่านี้ไม่สามารถดำรงคุณภาพชีวิตเช่นเดิมได้ คุณภาพชีวิตต้องแย่ลงมากๆ

ต้นทุนการผลิตน้ำมันดิบของแต่ละประเทศก็เรื่องหนึ่ง แต่รายได้เข้าประเทศที่ต้องการนั้นสำคัญกว่า ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ประเทศในกลุ่มโอเปกจะตัดราคากันในระยะยาว เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการตายประชดป่าช้า

ข้อสาม ตอนนี้เศรษฐกิจโลกค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นความต้องการใช้พลังงานจึงไม่สูงมาก แต่อีกไม่กี่ปีเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวมากขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเพิ่มมากขึ้นอีก ทำให้ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นได้อีกตามกลไกอุปสงค์อุปทาน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ราคาน้ำมันดิบจะต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานมาก

ข้อสี่ ตอนนี้ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมากในภาวะราคาน้ำมันดิบตกต่ำ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการลงทุนของโลกจะหวนกลับเข้ามาในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) อีกวาระหนึ่งหลังจากที่ถูกทิ้งไปหลายปี ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งหากปี 2015 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวของกลุ่มคอมมอดิตีจริงละก็ ราคาน้ำมันดิบก็จะมีแรงเก็งกำไรขาขึ้นเข้ามาด้วยเช่นกัน เพราะน้ำมันดิบเป็นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างหนึ่ง

“ดังนั้นหากให้ลุงฉายภาพอนาคตข้างหน้า หรือที่เรียกว่าสร้างซีนาริโอขึ้นมา ลุงก็คงฉายภาพให้เห็นว่าในปี 2015 สงครามตัดราคาน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกจะทำให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำแต่ไม่ต่ำมากนัก การตัดราคาเกิดจากการต้องการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและต้องการสภาพคล่องเข้าประเทศเป็นหลัก แต่ว่าราคาเฉลี่ยน่าจะเกิน 60 ดอลลาร์/บาเรล 

“ราคาน้ำมันดิบที่ถูกลงชั่วคราวจะทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจดีขึ้น โดยเฉพาะจีน เพราะจะทำให้จีนใช้นโยบายระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพะวงกับภาะเงินเฟ้อ และเมื่อจีนฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆจะดีขึ้น ประกอบกับอเมริกาฟื้นตัว ดังนั้นคาดว่าปี 2015 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างจริงจัง นำโดยจีน ส่วนยุโรปก็จะค่อยๆดีขึ้น

“เดิมทีลุงแมวน้ำคาดว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับค่อนข้างต่ำสัก 3 ปี แต่จากแนวโน้มเบื้องต้นของราคาสินค้าเกษตร ทำให้ลุงปรับมุมมองใหม่ ลุงคาดการณ์ใหม่ว่าราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำในระยะเวลาประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น  ระยะเวลาเท่านี้คงไม่ทำให้บริษัทพลังงานขนาดใหญ่เจ๊ง รวมทั้งรัสเซียก็คงไม่เจ๊ง แค่ลำบากหน่อย ส่วนบริษัทพลังงานเล็กๆที่สายป่านสั้นอาจมีเจ๊งบ้าง แต่ผลกระทบคงไม่ใหญ่โต”



กลยุทธ์การลงทุน 2015 มุมมองในภาพใหญ่


“ฟังแล้วโลกสวยจัง” ลิงหัวเราะออกมาได้ “แต่ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น”

“โลกสวยไม่สวยไม่รู้ ลุงก็มองของลุงแบบแมวน้ำๆอย่างนี้แหละ แน่นอน ต่างจิตต่างใจ ต่างความคิด ผู้ฟังก็ต้องพิจารณาเหตุผล” ลุงแมวน้ำพูด

“ถ้าอย่างนั้นลุงมองกลยุทธ์การลงทุนในปี 2015 อย่างไรบ้างละจ๊ะ” ยีราฟถามบ้าง “ฉํนจะทำยังไงกับหุ้นโทรศัพท์ดี”

“กลยุทธ์การลงทุนก็คือ ตอนนี้หลีกเลี่ยงหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำซึ่งก็คือหุ้นผู้สำรวจ ขุดเจาะ และผลิตพลังงานและพลังงานทางเลือกเอาไว้ก่อน รวมทั้งหลีกเลี่ยงหุ้นปิโตรเคมีต้นน้ำ และโรงกลั่น เอาไว้ก่อน เนื่องจากฝุ่นยังตลบอยู่ ใครจะขาดทุนสต็อกน้ำมัน ใครจะมีรายได้ลดลงเท่าไร ตอนนี้ยังประเมินไม่ได้เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังไม่นิ่ง ดังนั้นควรรอดูไปก่อน ราวๆต้นปี 2015 ก็น่าจะนิ่งแล้วและถึงตอนนั้นก็คงพิจารณาเข้าลงทุนได้

“ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานปลายน้ำและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปลายน้ำ ได้แก่ธุรกิจซื้อมาขายไป คือรับสินค้ามาขาย กลุ่มนี้ในปี 2015 น่าจะได้ประโยชน์ เพราะสินค้าราคาถูกย่อมขายดีขึ้น

“หุ้นของธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของพลังงานต้นน้ำ คือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซ่อมบำรุงต่างๆคงมีรายได้ในปี 2015 น่าจะลด ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนและค่อยพิจารณาเข้าลงทุนในภายหลัง

“หุ้นในกลุ่มพลังงานทางเลือกที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่แพงแล้ว คือมีพีอีสูงถึงสูงมาก ซื้ออนาคตไปแล้วหลายปีล่วงหน้า ต้องระมัดระวัง เนื่องจากภาครัฐกำลังปรับโครงสร้างราคาและการส่งเสิรมพลังงานทดแทน ยกตัวอย่างเช่นการส่งเสริมพลังงานทดแทน เดิมส่งเสริมด้วยระบบให้ค่าแอดเดอร์ (adder) คือให้เงินอุดหนุนจำนวนหนึ่งเพิ่มจากราคาขายเข้าไป แต่ระบบนี้ไม่ได้ใช้แล้ว ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นระบบราคาเหมาจ่าย (FIT, feed-in tariff) ยกตัวอย่างเช่นโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มก็รับซื้อไฟฟ้าในราคา 5.6 บาทแน่นอนตลอดอายุสัญญา 25 ปี เป็นต้น สรุปว่ากำไรจะลดลงจากเมื่อก่อนมาก ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยต้องตระหนักถึงข้อเท็จจริงเรื่อง FIT ให้ถ่องแท้ก่อนเข้าลงทุน

“ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานต่ำมีเยอะ หากมองในระดับประเทศ ประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานล้วนแต่ได้รับอานิสงส์ทั้งสิ้น เช่น จีน ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้งไทย

“และหากพิจารณาหุ้นกลุ่มต่างๆในตลาดหุ้นไทย ยกเว้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบเชิงลบแล้ว การที่น้ำมันราคาถูกลงเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการผลิตและบริการต่างๆ ภาครัฐจะมีพื้นที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หาก กนง จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยสักหนึ่งสลึงในเร็วๆนี้ก็ย่อมเป็นไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเฟ้อหรือเงินไหลออก ก็มองหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อสังหาฯ ขนส่งทางเรือ รองลงมาคือธนาคาร สื่อสาร

“ตอนนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยไหลลงเนื่องจากหุ้นในกลุ่มพลังงานมีน้ำหนักถ่วงดัชนีค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงพาให้ตลาดโดยรวมตกใจและมีแรงขายในหุ้นเกือบทุกกลุ่ม แต่ในอีกแง่หนึ่งนี่คือโอกาสสำหรับการลงทุนเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงมา



จับตาสินค้าโภคภัณฑ์ 2015



ราคาถั่วเหลืองตลาดโลกกำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้น


ราคาข้าวโพดตลาดโลกกำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้น

“นอกจากนี้จับตาราคาสินค้าเกษตรเอาไว้ หากสินค้าเกษตรมาแปลว่าปี 2015 กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์มา ตลาดหุ้นในภาพรวมอาจแผ่วลงไปบ้าง เพราะเงินอาจไหลไปเข้าตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังเลือกลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวได้

“หากสินค้าเกษตรราคาดี ราคาข้าวกับยางพาราจะดีขึ้นด้วยกลไกตลาดเอง และกำลังซื้อในประเทศจะดีขึ้น หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคจะฟื้นตัวได้

“ราคาทองคำน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ส่วนราคาทองคำจะวิ่งในปี 2015 หรือไม่ยังดูยาก ต้องติดตามกันอีกระยะหนึ่ง แต่อย่างน้อยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และนี่ก็เป็นภาพใหญ่และกลยุทธ์หลักในปี 2015 ส่วนรายละเอียดเราค่อยๆมาคุยกันต่อไป”

“ฟังแล้วค่อยมีกำลังใจหน่อย” ยีราฟถอนหายใจ “นายจ๋อทำให้ฉันเสียขวัญไปหมด”

“การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่ายนักกหรอก แม่ยีราฟต้องค่อยๆศึกษาแนวทางการลงทุนที่มีความสุข เรื่องนี้สำคัญกว่าการลงทุนให้มีกำไรมากมายเสียอีก เพราะการเสียสุขภาพจิตน่ะมันไม่คุ้มหรอก ได้เงินเยอะแล้วต้องเป็นทุกข์ สู้ได้เงินพอประมาณแล้วมีความสุข มันจะดีกว่าไหม แม่ยีราฟก็ค่อยๆศึกษาไป มีอะไรก็มาคุยกัน”


No comments: